หยกหนึ่งชิ้นที่แสนธรรมดาแต่กลับเสนอเงินจำนวนมากเช่นนี้

สมองของกู้ชูหน่วนพังไปแล้วหรือ ทำไมยังไม่รีบตอบรับอีก ยังจะยืนนับเอามือนับเลขอยู่อีกทำไมกัน?

ตอนที่พระพันปีพูดถึงเงินสี่สิบล้านตำลึงออกมา ใจของพระองค์ก็สั่งสะท้าน

เงินจำนวนสี่สิบล้านตำลึงนี้ แทบจะขุดออกมาจากตระกูลของพระองค์ทั้งหมดแล้ว

ตอนที่ทุกคนคิดว่ากู้ชูหน่วนจะตอบรับพระพันปีนั้น กู้ชูหน่วนกลับพูดอะไรบางอย่างออกมาที่ทำให้ทุกคนแทบอยากทำร้ายนาง

“เงินแค่สี่สิบล้านตำลึง หม่อมฉันยังไม่อยากแลกสักเท่าไร หากได้สักห้าสิบล้านตำลึง ไม่แน่หม่อมฉันอาจจะยอมแลกก็ได้เพคะ”

ปัดโธ่

เห็นได้ชัดว่ากู้ชูหน่วนกำลังถือโอกาสซ้ำเติม

เงินจำนวนห้าสิบล้านตำลึง ทำไมนางไม่ไปปล้นเอาล่ะ?

ต่อให้ไปออกปล้นชิงก็ไม่สามารถปล้นมาได้ห้าสิบล้านตำลึงหรอกน่า

พระพันปีแทบกระอักเลือดออกมา

ซั่งกวนฉู่กลับหัวเราะออกมาและดวงตาที่อบอุ่นเหล่านั้นสะท้อนดวงตาที่สดใสของกู้ชูหน่วน ดูเหมือนว่าเขาจะทายถูกว่ากู้ชูหน่วนจะยังคงทำให้พระพันปีตกหลุมพรางไปเรื่อยๆ ดังนั้นเขาจึงนั่งดูเหตุการณ์นี้ต่อไปเงียบๆ

“กู้ชูหน่วน เจ้าอย่ามากเกินไปนะ” องค์หญิงตังตังกัดฟันแยกเขี้ยวออกมา แทบอดไม่ได้ที่จะฉีกขย้ำนางให้เละ

กู้ชูหน่วนทำสีหน้าไร้เดียงสา “หม่อมฉันมากเกินไปตรงไหนหรือเพคะ? พวกท่านต่างหากที่ต้องการแลกหยกจันทร์เสี้ยวกับหม่อมฉัน ไม่ใช่ว่าหม่อมฉันรบเร้าพวกท่านให้แลกกับหม่อมฉันนะเพคะ หากพวกท่านไม่ต้องการแลก เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร เพราะถึงอย่างไรเสียหม่อมฉันก็ไม่อยากแลก”

“ห้าสิบล้านตำลึง” เสียงของพระพันปีสั่นสะท้าน ไม่รู้ว่าเพราะความโกรธหรือเพราะเจ็บปวด

ทุกคนต่างพูดไม่ออก

กู้ชูหน่วนช่างมีความสามารถอย่างมากที่สามารถบีบบังคับให้พระพันปียอมจ่ายเงินห้าสิบล้านตำลึงเพื่อซื้อหยกที่แสนธรรมดานี้กับนาง

หัวหน้าสำนักศึกษาจ้องมองกู้ชูหน่วนด้วยความสนอกสนใจและยืนมองอยู่เงียบๆ อีกฝั่งหนึ่งโดยไม่พูดอะไร

อาจารย์สวี อาจารย์หรงและทุกคนต่างก็อึ้งจนพูดไม่ออก

เซี่ยวอวี่เซวียนรู้สึกมึนงงเล็กน้อย

มีการต่อรองราคากันแบบนี้ด้วยหรือ?

เขามีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ แทบเทียบไม่ได้เลยกับแม้เพียงนิ้วมือนิ้วเดียวของแม่สาวอัปลักษณ์คนนี้

“ห้าสิบล้านตำลึงควรพอได้แล้วเถอะ” ซั่งกวนฉู่พูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะในทันใด

กู้ชูหน่วนกลอกตาขาวใส่ซั่งกวนฉู่

เจ้าคนนี้ พูดราวกับว่านางโหดเหี้ยมอำมหิตมากขนาดนั้น

พระพันปีระงับความโกรธของพระองค์และยังคงพยายามรักษารอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ “คุณหนูสาม เจ้าจะยอมตกลงหรือไม่หากจ่ายเงินจำนวนห้าสิบล้านตำลึงนี้เพื่อแลกกับหยกหนึ่งชิ้นของเจ้า?”

ทุกคนต่างคิดว่ากู้ชูหน่วนจะต้องไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอนและต่างรู้สึกอิจฉากู้ชูหน่วนที่จะได้รับเงินมหาศาลนี้

แม้แต่พระพันปีเองก็คิดว่ากู้ชูหน่วนจะต้องตอบตกลงอย่างแน่นอน

แต่กู้ชูหน่วนกลับชี้ไปที่นอกประตู “ปรมาจารย์หมากรุกกลับมาแล้ว”

“หมอ รีบเข้ามาๆ อาจารย์ของข้ากำลังปวดหัว”

ภายนอกประตู ปรมาจารย์หมากรุกแทบจะลากหมอจำนวนหนึ่งเข้ามา

เมื่อเข้ามาได้ไม่ทันไร ปรมาจารย์หมากรุกก็ถูกกู้ชูหน่วนดึงตัวไป

“ศิษย์น้อง ข้าไม่รู้สึกปวดหัวแล้ว นับว่าเจ้าช่างเชื่อฟังอย่างมาก เอ่อ พวกเจ้าสามารถกลับไปได้แล้ว”

ปรมาจารย์หมากรุกตกใจ “ไม่ปวดแล้วหรือ? ท่านอาจารย์ ศิษย์คิดว่าเพื่อความปลอดภัยแล้วท่านควรจะได้รับการตรวจดูอาการสักหน่อยจะดีเสียกว่า”

ทุกคนยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ

ชายชราคนหนึ่งที่มีอายุเกินหกสิบปี อีกทั้งมีความสามารถและศีลธรรมสูงส่งแต่กลับเรียกเด็กสาวกระวานคนหนึ่งว่าเป็นท่านอาจารย์ ช่างฟังดูแปลกพิลึกชอบกล

กู้ชูหน่วนไล่หมอเหล่านั้นออกไปทันที จากนั้นชี้ไปที่เวี่ยวอวี่เซวียน “ท่านผู้เฒ่า ท่านต้องการจะเรียนหมากรุกใช่หรือไม่?”

ดวงตาของปรมาจารย์หมากรุกสว่างลุกวาวขึ้น “ต้องการสิ”

“เช่นนั้นแล้วท่านเชื่อหรือไม่ว่าเซี่ยวอวี่เซวียนเพียงคนเดียวก็สามารถฆ่าท่านได้?”

“ฆ่า?”

“ก็คือเอาชนะ”

ปรมาจารย์หมากรุกส่ายหน้าด้วยความรังเกียจในสายตาของเขา

เซี่ยวอวี่เซวียนรู้สึกโกรธ “ท่านผู้เฒ่า ท่านดูถูกข้าอย่างนั้นหรือ?”

กู้ชูหน่วนมองไปที่พระพันปีด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “พระพันปีเพคะ พระองค์เชื่อหรือไม่ว่าเซี่ยวอวี่เซวียนจะสามารถเอาชนะปรมาจารย์หมากรุกได้เพียงระยะเวลาธูปหนึ่งดอกท่านั้น?”

“ความสามารถของปรมาจารย์หมากรุกเป็นที่รู้จักไปทั่ว และฝีมือด้านการเดินหมากของเขาก็เป็นเอกลักษณ์โดยเด่นเฉพาะตัว ส่วนเซี่ยวอวี่เซวียนนั้นยังเด็กเกินไป เกรงว่าคงยากที่จะเอาชนะได้”

พระพันปีไม่เข้าใจว่าสิ่งที่กู้ชูหน่วนกำลังพูดถึงเหล่านี้นั้นจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับหยกจันทร์เสี้ยว