ตอนที่ 267 อยากกอด อยากปลอบโดยไม่มีสาเหตุ / ตอนที่ 268 หญิงสาวเพียบพร้อมแสนดีเป็นของคนอื่น

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 267 อยากกอด อยากปลอบโดยไม่มีสาเหตุ 

 

 

ใบหน้าของหญิงสาวขึ้นสีแดงจัด น้ำตาคลอเบ้า ชวนให้รู้สึกอยากรังแก  

 

 

เขาควรจะกลับได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเขาเองก็ไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองจะลงมือทำอะไรต่อ “คุณนอนเถอะ ผมกลับล่ะ”  

 

 

น้ำเสียงทุ้มต่ำ แหบพร่ามีเสน่ห์ 

 

 

อวี๋กานกาน “…” 

 

 

เอ๋ จู่ๆ ก็พูดง่ายขึ้นมา อวี๋กานกานนึกว่าฟังจือหันจะใช้แผนแสร้งทำเป็นถอยแล้วอยู่ต่ออีกหน่อย ผลปรากฏว่าเขาไม่รีรอเดินออกไปทันที  

 

 

“คุณไม่ต้องตามมา ด้านนอกหนาว” เขาปิดประตูและเดินจากไปทันทีที่พูดจบ ลมหนาวด้านนอกพัดเป่าความร้อนรุ่มในร่างกาย ทำให้ร่างกายและจิตใจสงบนิ่งลง 

 

 

แสงไฟรถยนต์สว่างวาบ หลังจากที่ผู้ช่วยของฟังจือหันมาส่งเขาแล้วก็รออยู่ในรถตลอด เมื่อเห็นฟังจือหันเดินออกมา เขาลงจากรถมาเปิดประตูรอทันที 

 

 

อวี๋กานกานยืนมองอยู่ข้างหน้าต่างผ่านบานกระจก แผ่นหลังของฟังจือหันสูงตระหง่านอยู่ท่ามกลางหิมะยามราตรี เย็นเยียบและเงียบเหงา ราวกับว่าโลกทั้งใบเหลือเขาแค่เพียงคนเดียว ไม่รู้ว่าทำไมในใจของอวี๋กานกานถึงได้รู้สึกเจ็บปวดและทุกข์ใจเล็กน้อย พลันอยากกอดเขาจากด้านหลังขึ้นมา  

 

 

เมื่อเห็นว่าฟังจือหันขึ้นรถไปแล้ว อวี๋กานกานลูบใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตัวเอง ทำไมถึงมีความคิดแบบนี้เนี่ย สมองเธอต้องลัดวงจรแน่ๆ เมื่อครู่ฟังจือหันจงใจหยอกเย้าเธอ แสร้งทำเป็นซึมเศร้าอมทุกข์เพื่อหลอกแต๊ะอั๋ง 

 

 

เชอะ 

 

 

ผู้ชายนิสัยไม่ดี 

 

 

รถยนต์เคลื่อนผ่านความมืดมิดยามราตรี ใบหน้าของฟังจือหันเรียบนิ่งราวกับผิวน้ำ เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างเงียบๆ  

 

 

เมื่อถึงคอนโดเขาไม่ได้ให้ผู้ช่วยขับเข้าไปจอดในลานจอดรถ แต่กลับให้จอดหน้าทางเข้า ใต้คอนโดมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ใบหน้าสะสวยตากลมหนาวจนกลายเป็นสีซีด สั่นเทาเล็กน้อย 

 

 

ฟังจือหันเปิดประตูลงจากรถ ใบหน้าเย็นชาแข็งกร้าว  

 

 

หญิงสาวฉีกยิ้มทันที ทว่าในดวงตากลับมีน้ำตาคลออยู่ ตะโกนเรียกด้วยความตื้นเต้น “พี่” 

 

 

เธอเดินสองก้าวก่อนจะออกแรงวิ่งมาทางฟังจือหัน  

 

 

มองดูด้วยสายตาอาจจะวิ่งมาชนโดน ฟังจือหันจึงถอยหลังหนึ่งก้าว รักษาระยะห่างระหว่างพวกเขา ความเย็นช้ากีดกันของเขา ทำให้หญิงสาวรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ 

 

 

หญิงสาวดึงมือทั้งสองที่หมายจะสวมกอดฟังจือหันกลับ ร่างกายสั่นไหว “พี่ ฉัน…” 

 

 

มือของฟังจือหันเสียบอยู่ในกระเป๋ากางเกง สายตาเย็นชาจ้องเขม็งไปที่หญิงสาวอย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบหนาวเหน็บยิ่งกว่าเหมันต์ฤดู 

 

 

ในใจของหญิงสาวเกิดความกลัวขึ้นเล็กน้อย ไม่กล้าเข้าใจพี่ชายต่างมารดาคนนี้ 

 

 

ความสัมพันธ์ของพวกเขาช่างห่างเหิน 

 

 

เธอกล่าวทั้งเสียงสั่นๆ “คุณปู่ป่วย พี่เองก็ต้องไม่สบายใจแน่ ฉันเองก็ไม่สบายใจ” พลันร้องไห้โฮออกมา ราวกับว่าความน้อยใจและความทุกข์ที่อัดอั้นอยู่ในอกได้เจอกับช่องทางระบายออก 

 

 

“ปู่คิดถึงพี่ ฮื่อๆ…” 

 

 

ฟังจือหันยืนนิ่งๆ ไม่ได้เดินเข้าไปปลอบ ทำเพียงแค่กล่าวเสียงเย็น “กลับไปเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะไปหาปู่” 

 

 

หญิงสาวตกตะลึง ตอนแรกเหมือนยังไม่รู้ตัว ชะงักไปครู่หนึ่งถึงได้เข้าใจ เธอพยักหน้าด้วยความดีใจอย่างบ้าคลั่ง “ฉันจะกลับ กลับเดี๋ยวนี้ กลับ” 

 

 

เธอเช็ดคราบน้ำตาจากนั้นวิ่งออกไปได้ครึ่งหนึ่ง ก่อนจะวิ่งกลับมาราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอพูดกับฟังจือหัน “พี่ ฉันเองก็คิดถึงพี่” 

 

 

ก่อนจะวิ่งออกไปอีกครั้ง 

 

 

ฟังจือหันหันศีรษะช้าๆ มองแผ่นหลังของหญิงสาว ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสั่งผู้ช่วยที่นั่งอยู่ในรถ “คุณไปส่งเธอที”  

 

 

ผู้ช่วยพยักหน้า ขับรถตามหญิงสาวไป 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 268 หญิงสาวเพียบพร้อมแสนดีเป็นของคนอื่น 

 

 

อวี๋กานกานตื่นเช้ามาพบว่าวันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส ดวงอาทิตย์ลอยเอื่อยเฉื่อย หิมะค่อยๆ ละลายลงอย่างช้าๆ  

 

 

หลินจยาอวี่นั้งอยู่ตรงโต๊ะรับประทานอาหาร เมื่อเห็นอวี๋กานกานกำลังเดินออกมา พลันลุกขึ้นไปตักโจ๊กให้อวี๋กานกานมาถ้วยหนึ่ง  

 

 

อวี๋กานกานยิ้มพร้อมกับกล่าวทักทาย “อรุณสวัสดิ์” 

 

 

“อรุณสวัสดิ์ เมื่อคืนหลับสบายดีไหม” 

 

 

“ก็ดีนะ” ความจริงคือหลับไม่ค่อยสนิทสักเท่าไร   

 

 

หลังจากที่ฟังจือหันกลับไปแล้ว เธอนอนอยู่นานกว่าจะหลับลงได้ ทั้งหมอนทั้งผ้าห่มล้วนเป็นกลิ่นของเขา เธอถูกบุกรุกและก่อกวนทำให้ฝันแปลกประหลาดมากมาย ฉากจูบท่ามกลางหิมะระหว่างเธอกับฟังจือหันบ้างล่ะ ทะลุมิติไปอดีตพบกับจอมยุทธอันดับหนึ่งของบู๊ลิ้มฟังจือหันบ้างล่ะ หรือไม่ก็ทะลุอนาคตไปเจอมนุษย์ต่างดาวฟังจือหัน ไม่ใช่เรื่องข้ามเวลามาพบรัก[1] ก็เรื่องยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว[2] แถมตอนสุดท้ายพี่เจียงในความฝัน เธอยังจิตนาการเป็นหน้าฟังจือหัน กอดเขาร้องห่มร้องไห้ “ไม่เอาหนูไม่อยากจากพี่ไป ไม่เอาหนูไม่ไป…” 

 

 

ดูท่าเธอคงต้องกินยาระงับประสาทสักสองเม็ดแล้ว 

 

 

หลินจยาอวี๋เหลือบสายตาขึ้นมามองอวี๋กานกาน แววตาแฝงรอยยิ้ม “วัสดุกันเสียงบ้านฉันค่อนข้างมีคุณภาพ เธอไม่ต้องระแวงไปหรอก” 

 

 

อวี๋กานกานมองหลินจยาอวี่ด้วยสายตาตกตะลึง เธอนิ่งค้างไปครู่หนึ่งกว่าจะเข้าใจความหมายของหลินจยาอวี่ พลันเหนียมอาย “ไม่ใช่แบบที่เธอคิดนะ พวกเราไม่ได้ทำอะไรกันเลย” 

 

 

“ทำก็ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็ไม่ได้ยิน” 

 

 

“ไม่ได้ทำอะไร…แน่นอน” 

 

 

อวี๋กานกานเอ่ยเสียงแผ่ว ใบหน้าแดงเป็นลูกเชอร์รี่ 

 

 

เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว! 

 

 

– 

 

 

ก่อนกลับสมาคมอวี๋กานกานแวะไปหาคุณอาของรุ่นพี่จังซ่า หลายวันมานี้คุณอาเริ่มมีสติตอบรับได้มากขึ้น อวี๋การการปรับเทียบยาและสอบถามเรื่องราวตอนรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลป๋อจือ 

 

 

คุณอาของจังซ่าเล่าว่าตอนนั้นแพทย์วินิจฉัยว่าเขาป่วยหนัก มีแนวโน้มเป็นมะเร็งจึงจ่ายยาต้านมะเร็งตัวหนึ่งมาให้ คุณอาหยิบประวัติการรักษาและใบเสร็จรวมใส่ซองเอกสารส่งให้อวี๋กานกาน 

 

 

อวี๋กานกานหยิบเอกสารออกมาเตรียมเทียบกับเอกสารที่ฟังจือหันสืบมาได้ 

 

 

ตกเย็นเธอโทรศัพท์หาฟังจือหัน ทว่าโทรอย่างไรก็โทรไม่ติด  

 

 

วันถัดมาหลังงานสัมมนาสิ้นสุดลง ประธานสวีสั่งให้ตอนบ่ายเธอและซย่าเฉิงโจวไปรายงานตัวที่ห้องทดลองของบริษัทยาไป๋ฟัง 

 

 

เธอนัดกับฟังจือหันไว้แล้วว่าบ่ายนี้จะย้ายที่อยู่ไปบ้านเขา ต้องโทรศัพท์ไปเปลี่ยนเวลา  

 

 

จะยังโทรไม่ติดอยู่อีกไหมนะ อวี๋กานกานกำลังจะลองโทรออก ฟังจือหันกลับโทรเข้ามาอย่างพอดิบพอดี เขารออยู่ที่ด้านนอกสมาคม   

 

 

ตอนที่อวี๋กานกานลากกระเป๋าเดินทางออกมา บังเอิญเจอกับซย่าเฉิงโจวพอดี ทันทีที่เห็นกระเป๋าเดินทาง ซย่าเฉิงโจวชะงักไปเล็กน้อย “คุณจะย้ายไปไหนเหรอ” 

 

 

อวี๋กานกานครุ่นคิด ตัดสินใจพูดโกหกออกไปอีกครั้ง “ฉันจะย้ายไปอยู่กับสามีน่ะ” 

 

 

ซย่าเฉิงโจวฝืนคลี่ยิ้ม “แล้วรายงานตัวตอนบ่ายล่ะ” 

 

 

อวี๋กานกานตอบ “ฉันไปเองได้ ไว้เจอกันที่บริษัทยาไป๋ฟังนะคะ” 

 

 

ซย่าเฉิงโจวพยักหน้า 

 

 

แม้ว่าจะไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่ในใจทั้งคู่ต่างเข้าใจดีว่าบรรยากาศระหว่างพวกเขาค่อนข้างอึดอัด 

 

 

เสียงฝีเท้าลอยเข้าโสตประสาท อวี๋กานกานหันไปเห็นฟังจือหันเดินออกมาจากมุมทางเดิน ชายหนุ่มรูปร่างสูตระหง่าน ใบหน้าหล่อเหล่า อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของผู้สูงศักดิ์หยิ่งทะนง ดวงตาคมกริบปรายมองซยาเฉิงโจวแวบหนึ่ง ฟังจือหันยื่นมือมาหยิบกระเป๋าเดินทางของอวี๋กานกานไปถือ จากนั้นโอบเธอแล้วเดินจากไปทันทีโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ 

 

 

ซย่าเฉิงโจวมองแผ่นหลังของพวกเขา มุมปากยกยิ้มขมขืน  

 

 

ชีวิตนี้สิ่งที่น่าเวทนาที่สุดไม่มีอะไรเกินกว่าการได้พบเจอหญิงสาวผู้เพียบพร้อมแสนดี แต่กลับอยู่ในภายใต้เงื่อนไขที่ไม่อาจจะสานต่อความสัมพันธ์ได้  

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] ภาพยนตร์ปี 2001

 

 

[2] ซีรีย์เกาหลีชื่อดัง