ตอนที่ 269 ไปอยู่กับสามีไม่ต้องตื่นเต้น / ตอนที่ 270 ไม่สะดวก ไม่ขยับ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 269 ไปอยู่กับสามีไม่ต้องตื่นเต้น

 

 

อวี๋กานกานนั่งอยู่ในรถ มีอาการกินปูนร้อนท้องเล็กน้อย เมื่อกี้นี้ฟังจือหันมาตั้งแต่เมื่อไร ได้ยินประโยคนั้นที่เธอพูดกับซย่าเฉิงโจวว่า ‘ฉันจะย้ายไปอยู่บ้านสามี’ หรือเปล่า

 

 

อวี๋กานกานแอบชำเลืองไปมองฟังจือหัน แต่กลับพบว่าเขาจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว เธอชะงักไปเล็กน้อย แววตาลอกแลกประหนึ่งหัวขโมย

 

 

เมื่อเห็นท่าทางของเธอ ดวงตาล้ำลึกฟังจือหันหรี่ลง ถามด้วยความสงสัย “คุณตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น”

 

 

อวี๋กานกานมีสีหน้าตื่นตกใจ ย้อนถาม “ฉันตื่นเต้นเหรอ ฉันเปล่าตื่นเต้น” จากนั้นกระแอมออกมาเบาๆ พลันอาศัยจังหวะนี้เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “อ้อ ทำไมเมื่อคืนฉันโทรหานายไม่ติดเลย”

 

 

“โทรศัพท์แบตหมด”

 

 

“ฉันได้เอกสารทั้งหมดของโรงพยาบาลป๋อจือจากคุณอาของรุ่นพี่จังซ่าแล้ว ไว้ช่วงค่ำพวกเราลองมาเปรียบเทียบกันดู”

 

 

 ฟังจือหันส่งเสียงตอนรับในลำคอ จากนั้นสั่งอวี๋กานกานให้คาดเข็มขัด

 

 

หัวข้อสนทนานี้เหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี เมื่อเห็นว่ารถยนต์เริ่มเคลื่อนตัวออก อวี๋กานกานเหมือนเป็นจิ้งจอกที่แอบขโมยอาหาร ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอกลับไม่รู้เลยว่าการกระทำทั้งหมดตกอยู่ภายใต้สายตาของฟังจือหัน

 

 

เพียงครู่เดียว ฟังจือหันยกยิ้มบางขึ้น “จริงๆ ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องตื่นเต้น แค่ย้ายไปอยู่กับสามีเอง”

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

แหงะ! ที่แท้ก็ได้ยิน น่าขายหน้าเป็นบ้า

 

 

เดินทีอวี๋กานกานตั้งใจไว้ว่าจะไปเก็บกระเป๋าสัมภาระก่อน จากนั้นค่อยไปรายงานตัวที่บริษัทยาไป๋ฟัง ฟังจือหันกลับบอกว่าอีกเดี๋ยวจำเป็นต้องให้เธอช่วยตรวจอาการคนป่วยคนหนึ่งหน่อย

 

 

“ใครเหรอ เขาไม่ได้ไปหาหมอเหรอ”

 

 

“คนสูงวัยคนหนึ่งน่ะ มีอาการไม่อยากอาหารหลังผ่าตัด”

 

 

ถ้ามีอาการเช่นนั้นก็เหมาะสมที่จะใช้ยาจีนรักษา อวี๋กานกานพยักหน้า “ได้ ไม่มีปัญหา งั้นนายไปส่งฉันรายงานตัวที่บริษัทไป๋ฟังก่อน”

 

 

ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาตรวจดูอาการนานเท่าไร หากติดพันขึ้นมาจะทำให้ไปรายงานตัวสาย

 

 

“หืม” ฟังจือหันหันหน้ามามองเธอ แปลกใจว่าทำไมต้องไปที่บริษัทยาไป๋ฟัง

 

 

 “งานสัมมนาครั้งนี้มีการเปิดหัวข้อวิจัยหัวข้อหนึ่งเกี่ยวกับสูตรยาผสม[1]รักษาอาการข้างเคียงจากโรคโปลิโอ ห้องวิจัยอยู่ตึกหลักชั้นบนสุดของบริษัทยาไป๋ฟัง ฉันต้องไปรายงานตัวก่อน หลังจากนี้ถ้าฉันมีเวลาว่างก็ต้องไปหมกอยู่ในห้องวิจัย”

 

 

อีกอย่างห้องวิจัยนี้มีสาขาย่อยที่ไป๋หยางด้วย หัวหน้าศูนย์วิจัยคือซย่าเฉิงโจว ในอนาคตถ้าเธอกลับไป๋หยางก็ยังสามารถทำการวิจัยต่อได้

 

 

ฟังจือหันปรายตามามองเธอแวบหนึ่ง สายตาลึกซึ้ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

 

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถยนต์มาถึงตึกทำการหลักของบริษัทยาไป๋ฟัง

 

 

“ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานไหม นายจะรอในรถหรือว่าจะกลับไปก่อน” พูดไปพูดมา จู่ๆ ก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ฉันเกือบลืมไป นายเป็นตัวแทนจากบริษัทยาไป๋ฟังนี่ นายก็ต้องทำงานอยู่ที่บริษัทนี้อยู่แล้ว งั้นพวกเราเข้าไปพร้อมกันเลยเป็นไง”

 

 

ฟังจือหันยื่นมือมาลูบศีรษะของเธอ ทั้งคู่วนรอบลานจอดรถหนึ่งรอบกว่าจะเจอที่ว่างช่องหนึ่ง

 

 

ฟังจือหันขับรถเข้าไปจอด ทันทีที่ดับเครื่องยนต์ พลันได้ยินเสียงเบรกอย่างรุนแรงจากทางด้านหลัง เป็นรถเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่ง

 

 

คนในรถปลดกระจกลง เผยให้เห็นใบหน้าเย่อหยิ่งจองหอง ทั้งยังตะโกนใส่อวี๋กานกานและฟังจือหันที่เพิ่งลงจากรถ “ใครให้พวกแกจอดตรงนี้ ที่ตรงนี้มีไว้ให้เฉพาะฉันเท่านั้น รีบย้ายรถออกไปเดี๋ยวนี้”     

 

 

อวี๋กานกานมองเข้าไปในรถเห็นผู้ชายสวมเสื้อคลุมลายสก๊อต หวีผมทรงเรียบแปล้ “ที่ตรงนี้ไม่ได้มีสัญลักษณ์บอกว่าเป็นที่จอดรถเฉพาะบุคคลสักหน่อย”

 

 

ผู้ชายในรถก้าวลงมา กิริยาท่าทางโอหัง ตวาดใส่อวี๋กานกาน “ลูกกะตาเธอเป็นอะไร เห็นรถฉันไหม รถฉันเนี่ยแหละสัญลักษณ์”

 

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] ยาผสม หมายถึง มีตัวยาสองตัวขึ้นไปผสมอยู่ในหนึ่งเม็ด อาจเป็นยาจีนผสมยาแผนปัจจุบัน หรือยาจีนผสมยาจีน ยาแผนปัจจุบันผสมยาแผนปัจจุบันล้วนได้หมดทั้งสิ้น

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 270 ไม่สะดวก ไม่ขยับ

 

 

อวี๋กานกานมองหน้าชายคนนั้นด้วยความเอือมระอา ไม่เข้าใจในการกระทำ เธอหันไปมองฟังจือหัน เขาไม่แม้แต่ปรายตามองชายคนนั้น ทำเพียงแค่มองหน้าเธอแล้วกล่าว “ไปเถอะ ผมพาคุณเข้าไปเอง”

 

 

“เข้าประตูหลังเหรอ ลดขั้นตอนได้เยอะ”

 

 

“ใช่”

 

 

“มิน่าทุกคนถึงได้ชอบเข้าประตูหลัง[1] เพราะว่าลดขั้นตอนได้เยอะนี่เอง”

 

 

ทั้งสองเมินชายคนนั้นอย่างสิ้นเชิง เขากระทืบเท้าฟึดฟัด เตะรถของฟังจือหันอย่างแรง ทว่าท่อนขากลับกระแทกโดนท้ายรถจนต้องส่งเสียงร้องโอดครวญ

 

 

สัญญาณกันขโมยร้องดังติ๊ดๆๆ

 

 

อวี๋กานกานหันไปมองตามสัญชาตญาณ ราวกับเห็นสิงโตตัวหนึ่งที่กำลังถูกยั่วโมโห แยกเคี้ยวใส่เธอ “พวกแกหูหนวกหรือยังไง”

 

 

โอหังอวดดี กำเริบเสิบสาน

 

 

เสียงดังโวยวายดึงให้ยามของลานจอดรถต้องตามเข้ามาดู เมื่อยามเห็นชายหนุ่มที่กำลังโมโหพร้อมกับรถที่จอดอยู่ด้านนอก เขารีบวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าลนลาน “คุณชายจง ผมจะรีบจัดหาที่จอดรถให้เดี๋ยวนี้เลยครับ”

 

 

คุณชายจงหรือจงไห่ถังผู้นี้ เป็นถึงน้องชายของภรรยาประธานบริษัท เขาไม่บังอาจล่วงเกิน

 

 

ความโกรธอัดอั้นอยู่ในใจของจงไห่ถัง เขาหันไปโวยวายเสียงดังใส่ยาม “ฉันไม่ต้องการที่ว่างที่อื่น วันนี้ฉันจะเอาที่ตรงนี้!”

 

 

ยามหันไปพูดกับฟังจือหันด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม “ขอโทษนะครับ สะดวกขยับรถไหมครับ เดี๋ยวผมจะหาที่ว่างอีกที่ให้”

 

 

อวี๋กานกานครุ่นคิด ชำเลืองมองฟังจือหัน เขาไม่เหมือนกับเธอที่กำลังลังเลว่ายอมถอยสักก้าวดีกว่าไหม ฟังจือหันปฏิเสธอย่างเย็นชา “ไม่สะดวก”

 

 

พูดทิ้งท้ายด้วยคำสามพยางค์นี้จบ ฟังจือหันก้าวเดินไปด้านหน้าทันที อวี๋กานกานรีบเดินตามไป

 

 

คุณชายจงโกรธจนแทบจะดิ้นเร่าๆ ตวาดเสียงดังด้วยสีหน้าบึ้งตึง “พูดดีๆ ไม่รู้จักฟัง ต้องเป็นปรปักษ์กับฉันให้ได้ มารดาแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร”

 

 

แล้วนายเป็นใครล่ะ อวี๋กานกานหันหลังมองด้วยความสงสัย เห็นคุณชายจงถลึงตาใส่ประหนึ่งยมทูตจากนรกจะจับคนกิน ท่าทางหยิ่งทะนงเหมือนตัวเองเป็นเป็นไพ่นกกระจอกสองห้าแปด[2] “พวกแกกล้าลองดีกับฉัน แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”

 

 

อวี๋กานกานเขยิบเข้าใกล้ฟังจือหันเล็กน้อย กระซิบ “เหมือนว่าหมอนั่นจะไม่ใช่ลูกตาสีตาสา ยังไงนายก็ทำงานอยู่ที่นี่ ไปทำเขาโมโหจะเป็นเรื่องไหมเนี่ย พวกเราไปจอดที่อื่นดีกว่า”

 

 

ฟังจือหันจ้องมองสีหน้าและท่าทางที่เป็นห่วงเขาของอวี๋กานกาน พลันยื่นมือออกไปโอบไหล่อวี๋กานกาน “เป็นห่วงว่าผมจะตกงานเหรอ”

 

 

“ฉันไม่ได้เป็นห่วง” อวี๋กานกานพูดพลางผลักเขาออก “มือไม้นายอย่าปลาหมึกได้ไหม คนอื่นมาเห็นเข้ามันดูไม่ดี ปล่อย”

 

 

จงไห่ถังที่โดนเมินแล้วเมินเล่า สีหน้าอึมครึมไม่ต่างกับน้ำหมึก

 

 

ยามที่ยืนอยู่ข้างๆ จ้องมองด้วยใจหวาดหวั่น “คุณชายจง หน้าด้านมีที่จอดวีไอพีว่างอยู่ที่หนึ่ง เดี๋ยวผมไปจัดแจงให้ดีไหมครับ”

 

 

จงไห่ถังชี้หน้าตำหนิยาม “ตอนนี้เป็นเวลางาน ทำไมแกปล่อยคนเข้าตึกสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ ยังไม่รีบไปไล่พวกมันออกมาอีก”

 

 

สีหน้าของยามเต็มไปด้วยความหนักใจ เขาเป็นแค่ยามคนหนึ่ง มีหน้าที่รักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย เข้าได้หรือเข้าไม่ได้ นั่นเป็นหน้าที่ของพนักงานต้อนรับส่วนหน้า

 

 

เมื่อเห็นว่ายามยังไม่ยอมตามไป จงไห่ถังถลึงตาใส่ “ดูท่าฉันคงสั่งอะไรไม่ได้ คงต้องให้พี่เขยฉันมาสั่งแกถึงยอมทำตาม”

 

 

คนโง่ก็ยังฟังออกว่านี่เป็นประโยคข่มขู่ รอให้ประธานเรียกเขา นั่นคือโดนไล่ออก ยามรีบฉีกยิ้มพร้อมกล่าว “อย่านะครับ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เองคุณชาย ไม่เห็นจำเป็นต้องรบกวนประธานเจียงเลย ผมจะไปเดี๋ยวนี้ ไปเดี๋ยวนี้เลยครับ…”

 

 

ยามไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบวิ่งตามฟังจือหันกับอวี๋กานกานไป หมายจะขวางไม่ให้พวกเขาเข้าไปในตึก

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] เข้าประตูหลัง มีอีกความหมายหนึ่งว่าติดสินบน

 

 

[2] ไพ่นกกระจอกสองห้าแปด ไพ่สอง ห้าและแปดเป็นไพ่สำคัญในการคว้าชนะของการเล่นไพ่นกกระจอก