บทที่ 155 ทำให้คนโมโหแทบตาย

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

เซียวอี้ไม่ได้เชื้อเชิญให้เซียวเยี่ยนนั่งลง เซียวเยี่ยนฟังหลินชิงเวยพูดจาแล้ว ดูเหมือนนางไม่ยินยอมจากไปตอนนี้เป็นแน่ จึงแหวกชายอาภรณ์แล้วนั่งลงอย่างจนปัญญา ทำให้เซียวอี้ไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่าเดิม

“มา มาลองกินปลาต้มพริกจานนี้ ยังมีไก่สับราดพริกหมาล่า ปูรสหมาล่า ล้วนอร่อยอย่างที่สุดทั้งสิ้น พวกเรามากินให้อิ่มหนำ จะได้ไม่เป็นการผิดต่อความปรารถนาดีของเซี่ยนอ๋อง”

เซียวอี้พูดอย่างเห็นขันว่า “เวยเวย ข้าเตรียมสิ่งเหล่านี้เพื่อเจ้าเท่านั้น แต่ไม่ได้เตรียมให้กับเซ่อเจิ้งอ๋อง”

เซียวเยี่ยนได้ยินแล้วขยับตะเกียบอย่างไม่ช้าไม่เร็ว เขาขมวดคิ้วพูดว่า “เซี่ยนอ๋องต้องให้เกียรติด้วยการเรียกขานนางว่า เจาอี๋”

หลินชิงเวย “ถูกต้องแล้ว ข้าแต่งให้ฝ่าบาทแล้ว เซี่ยนอ๋องก็คือเสด็จอาสามของข้านี่นา”

เซียวอี้เห็นคนทั้งสองมีท่าทีคนหนึ่งร้องคนหนึ่งรับ ความไม่พึงพอใจเขียนไว้บนหน้าชัดเจนยิ่งนัก

หลินชิงเวยไม่ได้ผิดต่อความปรารถนาดีของเซียวอี้จริงๆ นางกินอาหารเสฉวนทั้งโต๊ะอย่างคุ้มค่า ริมฝีปากถูกความเผ็ดร้อนลวกเสียจนแดงก่ำ ก่อนที่จะจากไปยังไม่ลืมที่จะขอพบพ่อครัว นางพูดกับพ่อครัวว่า “อาหารที่พ่อครัวทำให้ข้ากินในวันนี้ถูกใจข้ายิ่งนัก อาหารอันโอชะของชวนจงสมคำร่ำลือจริงๆ คราวหน้าหากมีวาสนาได้ไปชวนจง จะต้องไปกินอาหารที่หอซีหวาแน่นอน พ่อครัวทำอาหารได้เยี่ยมยอด ท่านอ๋องมีรางวัลใหญ่ ประเดี๋ยวอย่างลืมไปรับรางวัลเล่า”

เซียวอี้ “…” กินแล้วก็ช่างเถิด เขายังต้องต้อนรับเซ่อเจิ้งอ๋องอย่างมิเต็มใจก็แล้วไป สตรีผู้นี้ยังช่วยคนนอกมาขอเงินรางวัลจากเขาอีก!

เซียวอี้ที่ผ่านการฝึกฝนมาทั้งชีวิตในยามนี้ยังอดที่จะหน้าดำทะมึนไม่ได้

หลินชิงเวยเช็ดปากพูดกับเซียวอี้อย่างพอใจว่า “วันนี้ขอบคุณการต้อนรับจากเซี่ยนอ๋อง ใช่แล้ว ค่ารักษาไปรับที่ใดกัน?”

เซียวอี้กัดฟันแน่น “พ่อบ้าน พาหลินเจาอี๋ไปรับเงินที่ห้องบัญชี!”

หลินชิงเวยยิ้มจนตาหยี “ขอบคุณท่านอ๋อง ท่านอ๋องเกรงใจเช่นนี้ ครั้งหน้าหากท่านอ๋องเจ็บป่วยอันใด และค่ารักษาเป็นเงินมูลค่าสูงเช่นนี้ จดจำไว้ว่าต้องเชิญข้ามารักษาเป็นคนแรก”

เซียวอี้เกือบจะกระอักเลือดออกมาอยู่แล้ว “หากเชิญเจ้ามารักษาอีกหลายครั้ง คาดว่าข้าคงต้องสิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว”

สุดท้ายเซียวอี้ได้แต่มองเซียวเยี่ยนพาหลินชิงเวยจากไปอย่างคับแค้นใจ เซียวอี้มองเงาร่างด้านหลังของหลินชิงเวยและพูดอีกว่า “หากเวยเวยคิดถึงอาหารเสฉวนของที่นี่เมื่อใด ข้ายินดีต้อนรับเจ้าตลอดเวลา”

หลังจากออกมาจากจวนเซี่ยนอ๋อง เซียวเยี่ยนไม่พูดจาแม้แต่ประโยคเดียว เขาเอาแต่เดินไปข้างหน้าแต่ยังคงคำนึงถึงหลินชิงเวยด้วยการผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงและก้าวเล็กลง

หลินชิงเวยทำราวกับกำลังเดินเล่น ทางหนึ่งลูบพุงกลมดิกของตนอีกทางหนึ่งเดินไปช้าๆ นางพูดขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “ท่านอา ที่จริงฝ่าบาทไม่ทราบว่าท่านออกมารับข้ากระมัง?”

นางไม่พูดถึงยังดีหน่อย ทันทีที่เอ่ยถึง…เซียวเยี่ยนกลับรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาเล็กน้อย เขาพูดว่า “หากข้าไม่มา เจ้าคิดจะพำนักที่จวนเซี่ยนอ๋องจริงๆ หรือไร?”

หลินชิงเวยไม่ได้ตอบคำถามของเขา เขาหันกลับมาเห็นหลินชิงเวยยังยืนอยู่ที่เดิม ในมือกำลังนับเงินค่ารักษาที่ได้รับมาจากจวนเซี่ยนอ๋อง นางเพิ่งจะเริ่มนับ หลินชิงเวยนับไปพร้อมกับพูดไปด้วยว่า “มีให้กิน มีเงินให้หาอีก ทำไมจะไม่เล่า?” นับแล้วนางยื่นให้เซียวเยี่ยนครึ่งหนึ่ง “มา ข้าเป็นคนรักษาคำพูด นี่คือครึ่งหนึ่งของท่าน”

เซียวเยี่ยนก้มลงมอง จากนั้นรับมาทั้งสีหน้าเย็นชา เขายัดเงินถุงนั้นเข้าในอกเสื้อ

หลินชิงเวยพูดขึ้นอีกว่า “ท่านอา เงินท่านก็รับไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำหน้าตาบูดบึ้งเช่นนี้กระมัง อีกทั้งข้ารู้ว่าท่านต้องมานี่นา ต่อให้อาหารในจวนเซี่ยนอ๋องจะอร่อยกว่านี้ เขาจะมีเงินมากกว่านี้ ข้าก็มิอาจค้างคืนอยู่นอกวังถูกหรือไม่? เมื่อสักครู่หยอกล้อท่านเท่านั้น”

หลินชิงเวยเดินตามมาจนทันเซียวเยี่ยน สีหน้าของเซียวเยี่ยนผ่อนคลายลงมาไม่น้อยโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

เซียวเยี่ยนพูดขึ้นเรียบๆ “เจ้าขยันหาเงินเช่นนี้ เพื่ออันใดกัน”

หลินชิงเวยไม่คิดเช่นนั้น “อย่างไรคนบนท้องถนนก็ไม่ได้รู้จักพวกเรา ท่านก็จับมือข้าสักครู่เถิด ที่จริงท่านก็อยากจับมือข้าใช่หรือไม่?”

ที่จริงเป็นเรื่องไม่ง่ายดายนักที่จะได้วันหยุดหลายวัน หลินชิงเวยอยู่นอกวังเพียงแค่หนึ่งวันก็ถูกหิ้วตัวกลับวังเสียแล้ว ระยะนี้นางเงื่องหงอยลงมากด้วยมีสาเหตุมาจากความเหน็ดเหนื่อย ใบหน้ากลมที่มีเนื้อหนังกลับแปรเปลี่ยนเป็นคางแหลมจนเห็นได้ชัด หลินชิงเวยใช้เวลาไปกับการนอนหลับไปสองวันจึงนับได้ว่าคืนความกระปรี้กระเปร่ากลับมาจากช่วงที่แล้วได้บ้าง

หลินชิงเวยให้ขันทีไปลากรถเข็นมาคันหนึ่ง แล้วช่วยกันนำน้ำหมักสมุนไพรไหนั้นย้ายไปบนรถเข็น อีกสักครู่เตรียมจะลากไปยังตำหนักซวี่หยาง หลินชิงเวยคิดจะแวะไปดูซินหรูสักหน่อยก่อนที่จะไปตำหนักซวี่หยาง

ไหนเลยคิดว่ายังเดินไปไม่ถึงประตูห้องของวินหรูก็พบนางกำนัลวิ่งหกล้มหกลุกออกมา หลินชิงเวยถามขึ้นว่า “เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”

สีหน้ายินดีบนใบหน้านางกำนัลชัดเจนยิ่งนัก หลินชิงเวยผ่อนคลายลงเล็กน้อยไม่จำเป็นต้องถามนางอีกแต่ผลักประตูเดินเข้าไปด้านใน

กลิ่นยาภายในห้องค่อนข้างฉุนสักหน่อย หลินชิงเวยเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นซินหรูที่นอนอยู่บนเตียงเสมอกำลังลุกขึ้นมานั่ง สีหน้าของนางยังคงซีดขาวอยู่บ้าง คนทั้งคนดูผ่ายผอมกว่าช่วงก่อนมากมายนัก นางกำลังประคองถ้วยใบหนึ่งอยู่ในมือ ในถ้วยนั้นมียาและอาหารเหลวผสมอยู่ด้วยกัน นางกำลังฝืนใจดื่มลงไป

ดื่มไปสองคำ ซินหรูเงยหน้าขึ้นมองหลินชิงเวยที่ยืนอยู่หน้าประตูจึงยิ้มให้นางอย่างอ่อนแรงและพูดยิ้มๆ ว่า “พี่สาว ไฉนยานี้จึงขมเช่นนี้เจ้าคะ”

หลินชิงเวยพลันรู้สึกว่านางและซินหรูนับได้ว่าอดทนอดกลั้นจนความลำบากยากเข็ญได้ผ่านพ้นไปแล้ว กระทั่งแสงตะวันอันอบอุ่นด้านนอก เสียงนกและแมลงที่ร้องไม่หยุดตั้งแต่เช้าตรู่ล้วนเป็นสิ่งที่น่าเอ็นดูไปเสียสิ้น

หลินชิงเวยนั่งลงริมเตียงของซินหรูแล้วจับชีพจรของนาง พร้อมกับลูบศีรษะของนาง “สภาพทั่วไปของร่างกายไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เส้นประสาท สมอง และอวัยวะภายในอาจะได้รับความเสียหายเล็กน้อย ทว่าไม่ต้องกังวลค่อยๆ บำรุงกลับไปเป็นพอ ตื่นขึ้นมาแล้วก็ดีแล้ว” นางโอบซินหรูเข้ามาในอ้อมกอดของตนและลูบศีรษะของนางอย่างอ่อนโยน

“พี่สาว ท่านกำลังจะไปรักษาขาให้ฝ่าบาทหรือเจ้าคะ? พวกเขาลากรถเข็นมาแล้วหรือไม่?” ซินหรูถาม

หลินชิงเวยตะลึงงัน “ลากมาแล้ว ยาสมุนไพรที่หมักดองได้ที่นั้นถูกมัดขึ้นไปบนรถเข็นแล้ว เจ้าเพิ่งจะตื่นขึ้นมาร่างกายยังอ่อนแอมาก ต้องพักผ่อนอยู่ในห้อง รอพี่สาวเสร็จงานค่อยกลับมาเยี่ยมเจ้าดีหรือไม่?”

ซินหรูพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

หลินชิงเวยออกจากห้องของซินหรู ขันทีสี่คนกำลังรอนางอยู่ เมื่อเห็นนางออกมาแล้วจึงพร้อมใจกันลากรถเข็นไปยังตำหนักซวี่หยาง

ซินหรูเพิ่งจะตื่นขึ้นมา นางไม่มีทางรู้ได้ว่าวันนี้ตนจะไปรักษาขาให้เซียวจิ่น หลินชิงเวยเพิ่งจะสั่งการให้ขันทีไปลากรถเข็นมาที่ห้องโอสถแล้วจึงมาเยี่ยมนาง ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่นางจะรู้ว่าตนกำลังจะใช้รถเข็นในวันนี้

มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว…ก็คือความทรงจำของซินหรูถอยกลับไปหยุดอยู่ในวันที่จ้าวเฟยเสียชีวิต วันนั้นนางและซินหรูกำลังทำเรื่องอย่างเดียวกัน นั่นหมายความว่า ซินหรูได้ลืมเลือนเรื่องราวน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นในวังหลวงหมดสิ้น