เล่มที่ 5 บทที่ 147 พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านนอนกับพี่ใหญ่เถอะ

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซียวจิ้งยี่พยักหน้าด้วยความชื่นชม แม่หนูนี่โตขึ้นแล้ว รู้จักรักและเห็นใจสามีของตัวเอง

กวั่นซื่อ “ห้องเดิมเล็กเกินไปจริงๆ ทั้งต้องอยู่อาศัย ทั้งต้องอ่านตำรา อึดอัดเกินไป แต่เจ้าสร้างสองห้อง ห้องหนึ่งเป็นห้องหนังสือ อีกห้องใช้ทำอะไรงั้นหรือ? “

เซี่ยยวี่หลัวพูดโพล่งออกมา “ข้าทำห้องด้านในและด้านนอกสองห้อง ด้านนอกเอาไว้ให้เขาพักผ่อน ด้านในใช้อ่านตำราเจ้าค่ะ”

“แล้วห้องเดิมของเซียวยวี่เล่า? “

“ข้าคิดจะให้จื่อเซวียนเจ้าค่ะ ห้องเดิมของจื่อเซวียนก็ใช้เป็นโถงกินอาหารและรับแขก”

“แล้วจื่อเมิ่งเล่า? ”

“จื่อเมิ่งนอนกับข้าเจ้าค่ะ! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวตอบโดยไม่คิดด้วยซ้ำ

กวั่นซื่อได้ฟังดังนั้นจึงกล่าว “มีที่ไหนกันให้น้องสามีนอนห้องเดียวกับพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ อย่างนี้ไม่ถูก! ”

เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส “จริงด้วยเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าไม่นอนกับท่านแล้ว ข้านอนคนเดียว ท่านนอนกับพี่ใหญ่เถอะเจ้าค่ะ”

เซียวจื่อเซวียนกล่าว “จริงด้วยขอรับ พี่สะใภ้ใหญ่ หากท่านไม่วางใจจื่อเมิ่ง ข้าก็จะนอนในห้องของจื่อเมิ่ง รอให้นางนอนคนเดียวได้แล้ว ข้าค่อยกลับไปนอน”

ที่นี่มีทั้งเซียวจิ้งยี่ กวั่นซื่อ สองพี่น้องจื่อเซวียนจื่อเมิ่ง และพวกเซียวหย่งเซียววั่ง ทุกคนต่างหันมองมาทางนี้

ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่มองมา ให้นางนอนห้องเดียวกับเซียวยวี่ จะดีงั้นหรือ?

เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกอายจนแทบอยากหารูมุดหนีไปเสีย

เรื่องที่บ้านเซียวยวี่จะปลูกเรือนหลังใหม่ ผู้คนทั้งหมู่บ้านต่างรู้กันแล้ว

มีคนจำนวนไม่น้อยที่มาแสดงความยินดีกับเซี่ยยวี่หลัวที่ปลูกเรือนใหม่ด้วยความจริงใจ

เซี่ยยวี่หลัวกำลังทำอาหารอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงคึกคักด้านนอก เมื่อวิ่งออกมาดู ก็เห็นชาวบ้านจำนวนไม่น้อยมาแสดงความยินดีกล่าวคำมงคล ในมือยังนำข้าวของมาด้วย บ้านนี้ให้ไข่ไก่สองฟอง บ้านนั้นให้ข้าวสารครึ่งจิน ยังมีปลาอีก วางจนเต็มโต๊ะ

“เซียวยวี่ปลูกเรือนใหม่ถือเป็นเรื่องมงคล นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ครอบครัวสกุลเซียวควรมีเรื่องน่ายินดีเสียที เพื่อลบล้างเรื่องร้ายๆ ! ” มีคนกล่าว

“จริงด้วย เวลานี้ภรรยาเซียวยวี่ไม่เลวเลย ข้าคิดว่านางตั้งใจอยากใช้ชีวิตให้ดีด้วยใจจริง”

“รอให้เซียวยวี่กลับมา เห็นบ้านตัวเองปลูกเรือนหลังใหม่ น้องชายน้องสาวก็ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ต้องรู้สึกดีใจแน่! ”

เซียวจิ้งยี่ยังไม่ได้กลับไป ลูบหนวดเครามองดูผู้คนทั้งหมู่บ้านกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ภายในใจก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก “เวลานี้เซียวยวี่ไม่อยู่บ้าน เหลือเพียงภรรยาของเขาและเด็กเล็กสองคน ทุกคนล้วนเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น ในอดีตบิดามารดาเซียวยวี่ก็เคยทำความดีให้หมู่บ้านของเราไม่น้อย พวกเรามีอะไรที่ช่วยได้ก็ช่วยกัน”

“ท่านวางใจได้ หัวหน้าหมู่บ้าน! ” ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยต่างกล่าวพร้อมกัน

“พรุ่งนี้ข้าจะไปตัดไม้ดีๆ มาทำคานบ้านให้”

เซียวจิ้งยวี่ยิ้มพร้อมเอ่ยถามเซี่ยยวี่หลัว “ภรรยาเซียวยวี่ นอกจากปลูกเรือน บ้านเจ้าจะทำเครื่องเรือนอะไรหรือไม่? ”

ย่อมต้องทำเครื่องเรือนอยู่แล้ว

โต๊ะหนังสือและชั้นวางตำรา!

เมื่อได้ยินว่าล้วนเป็นเครื่องเรือนที่เตรียมไว้ให้เซียวยวี่ เซียวจิ้งยี่ก็ให้ความสำคัญกับเซี่ยยวี่หลัวมากยิ่งขึ้น

“เจ้าวางใจได้ ข้าจะไปหาช่างไม้ดีๆ ให้เจ้า บนเขาด้านหลังมีไม้อยู่แล้ว ถึงเวลาเจ้าให้ค่าแรงและค่าอุปกรณ์เล็กน้อยก็พอแล้ว! ” เซียวจิ้งยี่กล่าว

เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้าไม่หยุด ยิ้มด้วยความใสซื่อ “ขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านเจ้าค่ะ ขอบคุณทุกคนมากเจ้าค่ะ”

ยามนางแย้มรอยยิ้ม แววตาใสบริสุทธิ์ คิ้วงามโก่งโค้ง ดวงตาคล้ายกับมีธารดารานับพันนับหมื่น ท่าทางสูงส่งสง่างาม ยังคงเป็นคนเดิม ยังคงเป็นใบหน้าเดิม

แต่ใบหน้านี้ในอดีต ท่าทางในอดีต เป็นความเย็นชาและหยิ่งยโสที่ดูเหินห่าง อยู่ห่างจากนางหนึ่งเมตร ก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายถูกนางแช่แข็งอย่างไรอย่างนั้น

ถึงแม้เวลานี้ยังคงเป็นคนเดิม ยังมีท่าทางดังเดิม แต่คนผู้นี้ เหมือนจะมีกลิ่นอายที่ไม่เหมือนเดิมแผ่กระจายออกจากด้านใน

ยังคงสูงส่งและสง่างาม ทำให้ผู้อื่นไม่กล้าดูหมิ่น แต่กลับมีความรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมแผ่กระจายออกมาอย่างไร้รูปร่าง เหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิในเดือนสาม จับต้องไม่ได้ แต่ทุกคนก็ล้วนโปรดปราน

เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้ เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

นับว่าสวรรค์ช่วยเหลือ ฟ้าโปร่งติดต่อกันห้าถึงหกวัน ด้วยการนำของเซียวหย่งและทุกคน เรือนหลังคากระเบื้องสองห้อง ใช้เวลาห้าวันก็ปลูกเสร็จแล้ว

บ้านเรือนในยุคสมัยนี้ไม่เหมือนกับในยุคปัจจุบัน ในยุคปัจจุบันตอนส่งมอบบ้านยังเป็นบ้านอย่างหยาบ ต้องปรับปรุงซ่อมแซมก่อนถึงจะเข้าไปอยู่อาศัยได้ บ้านเรือนในยุคสมัยนี้ ขอเพียงวางคานเอก ก็หมายความว่า ย้ายข้าวของที่จำเป็นเข้าไป ก็สามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้แล้ว

เพราะการวางคานเอกเป็นเรื่องมงคล ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยต่างมาร่วมแสดงความยินดี และนำสิ่งของมาด้วย ของไม่ล้ำค่ามากนักแต่กลับเปี่ยมล้นด้วยความจริงใจ

เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้มอย่างมีมารยาทตลอด มอบลูกกวาดให้เด็กๆ ที่ชาวบ้านพามาด้วยคนละสองเม็ด

ราคาลูกกวาดสองเม็ดไม่น้อยกว่ามูลค่าสิ่งของที่พวกเขานำมาแล้ว นอกจากนั้น ยังเป็นขนมที่เด็กๆ ชอบด้วย

เด็กๆ ชื่นชอบ ผู้ใหญ่ก็ชื่นชอบ

ผู้ใหญ่รวมตัวพูดคุย เด็กๆ ก็รวมตัววิ่งเล่นด้วยความซุกซน

เพราะมาดูเรือนหลังใหม่ ทุกคนก็ได้เห็นสวนหลังบ้านที่เซี่ยยวี่หลัวจัดไว้ด้วย เมื่อเห็นพืชผักและดอกไม้สีสันสดใสที่ปลูกอย่างเป็นระเบียบ ทุกคนต่างกล่าวชื่นชม ว่าเซี่ยยวี่หลัวเป็นคนรู้จักใช้ชีวิตให้ดี

เมื่อจะวางคานเอก เหล่าชาวบ้านที่มาร่วมแสดงความยินดีก็จะกินอาหารที่นี่หนึ่งมื้อ กวั่นซื่อพาสหายที่ดีของนางมา ยืมใช้ห้องครัวบ้านเซี่ยยวี่หลัวทำอาหารเลี้ยงต้อนรับหนึ่งมื้อ มาหนึ่งกลุ่มก็กินหนึ่งกลุ่ม นอกจากอาหารประเภทเนื้อ ผักสดจำนวนไม่น้อยล้วนแต่เป็นของที่ชาวบ้านนำมาเอง

เมื่อถึงฤกษ์งามยามดี เสียงประทัดดังขึ้น ก็เริ่มวางคานเอกแล้ว

ความจริงตัวคานถูกวางไว้บนนั้นนานแล้ว เพียงแค่เรียกเช่นนี้เพื่อเป็นสิริมงคลเท่านั้น ขอเพียงเปิดผ้าแดงที่คลุมไว้ด้านบน ก็เป็นการป่าวประกาศกับทุกคน ว่าปลูกเรือนเสร็จสิ้นแล้ว

การวางคานเอกเป็นหน้าที่ของบุรุษในบ้าน เซียวยวี่ไม่อยู่บ้าน เซี่ยยวี่หลัวจึงดันเซียวจื่อเซวียนให้เดินขึ้นหน้า

เซียวจื่อเซวียนกลับไม่เห็นด้วย “พี่สะใภ้ใหญ่ เรือนหลังนี้ท่านเป็นคนปลูก ท่านควรจะไปนะขอรับ! ”

เซี่ยยวี่หลัว “เจ้าเคยเห็นสตรีที่ไหนวางคานเอกบ้างเล่า? ”

เซียวจื่อเซวียนไม่พอใจนัก “บ้านอื่นไม่มี แต่บ้านเรามีขอรับ หากท่านไม่ไป ข้าก็ไม่ไปขอรับ! ”

เซี่ยยวี่หลัว “เจ้านี่นะ…” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ่อนใจ

เซียวจิ้งยี่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน ยิ้มพร้อมกล่าว “ไม่มีกฎว่าสตรีห้ามวางคานเอก ภรรยาเซียวยวี่ เมื่อเซียวยวี่ไม่อยู่บ้าน ถ้าอย่างไรเจ้าก็เป็นตัวแทนเซียวยวี่ ไปวางคานเอกกับจื่อเซวียนแล้วกัน! ”

หัวหน้าหมู่บ้านเปิดปากพูดแล้ว เซียวจื่อเซวียนรีบเดินขึ้นหน้าด้วยความยินดี จับมือเซี่ยยวี่หลัวเดินเข้าไปภายในบ้าน

เซี่ยยวี่หลัวส่ายหน้าพร้อมเผยรอยยิ้มขม ได้แต่ตามเซียวจื่อเซวียนไป

นางเองก็ใช่จะยึดมั่นในกฎของสังคมศักดินาเสียทีเดียว ต้องรู้ว่าในยุคปัจจุบัน สตรีมีความสามารถสูง เรื่องที่บุรุษทำได้ พวกนางที่เป็นสตรีก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ตอนนี้เพียงแค่อยากปฏิบัติตามธรรมเนียมของยุคสมัยนี้เท่านั้น อย่างไรเสียเรื่องบางอย่าง สตรีก็ทำไม่ได้ ด้วยเกรงว่าจะผิดประเพณี

ทว่า เซียวจิ้งยี่เอ่ยปากพูดแล้ว เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่บ่ายเบี่ยง ตามเซียวจื่อเซวียนเข้าไปวางคานเอก