บทที่ 151 คงฉิน

ไหปีศาจ

บทที่ 151 คงฉิน

คงฉินมองไปที่ลั่วอู๋ด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่คิดว่า เจ้าของร้านลั่วจะรู้ถึงตัวตนของข้าได้?”

“ตั้งแต่ตอนที่เจ้าบอกให้ร่วมมือกัน ข้าก็สงสัยแล้ว” “การร่วมมือกันควรจะถูกเสนอขึ้นมาจากฝ่ายที่อ่อนแอกว่า ถ้าหากว่าเจ้าแข็งแกร่งมากพอ การขอความร่วมมือนั้นไม่จำเป็นเลย แต่มันจะดีกว่ามาก ถ้าหากเราร่วมมือกัน” ลั่วอู๋กล่าว

“แน่นอน ว่าไม่ใช่แค่เรื่องนั้น”

“เพราะแหวนสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ลายกระดูกที่นิ้วมือของท่านด้วย”

“และท่านเป็นคนใจกว้างพอที่จะตอบเงื่อนไขของข้าได้ ซึ่งมันน่าสงสัยมากใช่ไหมล่ะ”

“เท่าที่ข้ารู้มา ลูหยางพิงนั้นเป็นคนที่เอาแต่ใจ มันจึงไม่มีเหตุผลที่เขาจะมอบอำนาจสูงสุดเช่นนี้ให้เจ้า เขาเป็นคนที่ไม่มีความลังเลใด ๆ แต่เจ้ากลับถามข้าให้ทำตามข้อเสนอพร้อมแนะนำ ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีบุคคลเช่นนี้อยู่ในพรรคหวงชาเลย”

คงฉินยักไหล่ “ช่างผิดพลาดอย่างมหันต์ มันเหมือนกับว่าข้าไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้เอาซะเลย”

“แน่นอน หัวหน้านั้นแสดงได้แย่มากขอรับ” ชายคนหนึ่งกระซิบ

จากนั้นทุกคนก็หัวเราะออกมา

คงฉินมองไปที่ลั่วอู๋แล้วพูดขึ้น “มันเป็นเพราะเจ้าของร้านลั่วรู้ว่าเป็นข้า เจ้าเลยพูดดีกับข้าเช่นนี้ใช่ไหม?”

“ส่วนหนึ่งมันก็ใช่ แต่แน่นอนว่า มันก็ไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริง” ลั่วอู๋กล่าว

“งั้นหรือ?” คงฉินถามด้วยความสงสัย “อะไรที่ทำให้เจ้าร่วมมือกับข้าแทนลูหยางพิงกันล่ะ?”

ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดว่า “ครั้งหนึ่งเขาเคยส่งคนเข้ามาสังหารฆ่า ข้าเลยสาบานว่าจะฆ่าเขาให้จงได้”

คงฉินยิ้มออกมาอีกครั้ง

คำสาบานนั้นมีค่าเพียงน้อยนิด

เขาเคยเจอคนที่ทรยศเขาจำนวนมาก หลังจากให้คำสาบานกับเขาแล้ว

“ยังไงการร่วมมือกันก็น่าจะเป็นสุขกว่า” คงฉินยกชาขึ้นมาจิบ

ลั่วอู๋ยังคงถามต่อไปว่า “คงฉินท่านน่าจะเป็นคนที่น่าจะกำลังยุ่งมาก ท่านมีเวลาเข้ามาหาข้าเพื่อเล่นสนุกด้วยอย่างงั้นหรือ?”

“ข้ามาเพื่อตรวจให้แน่ใจว่าเจ้าเป็นพันธมิตรกับข้าจริง ๆ” คงฉินกล่าว “โล่คริสตัลนั้นมันดีมาก อย่างน้อยมันก็ทำให้ข้ามั่นใจมากขึ้นอีก 10%”

ลั่วอู๋รู้ว่าอีกฝ่ายพูดถึงอัตราส่วนที่จะชนะ

แน่นอนว่ามันหมายถึงการเอาชนะกลุ่มของลูหยางพิงและกลายเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริงของพรรคหวงชา

“ข้าจะแน่ใจได้มากแค่ไหน?” ลั่วอู๋ถาม

เขายกมือขึ้นมาและชู 3 นิ้ว

ลั่วอู๋รู้สึกผิดหวัง “ตอนนี้เจ้ามั่นใจได้เพียงแค่ 30% เท่านั้นเองเหรอ”

“ความสำเร็จทั้ง 30% เป็นเรื่องที่ดี ถ้าจัดการลูหยางพิงได้อย่างง่ายดาย ข้าก็จะเข้าไปแทนที่เขา” คงฉินหัวเราะเบา ๆ “โล่คริสตัลที่เจ้าส่งมาให้สามารถป้องกันในการต่อสู้ของผู้ใช้พลังวิญญาณได้ มันทำให้เราได้เปรียบอย่างมาก แต่เราก็ไม่มีประสิทธิภาพการต่อสู้สูงเท่ากับอีกฝ่าย”

“เลวร้ายแค่ไหน?” ลั่วอู๋ถาม

คงฉินกล่าว “มีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงเพียงแค่ 12 คนเท่านั้นที่ภักดีต่อข้า แต่ว่ากันว่ามีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงอย่างน้อย 20 คน ที่ภักดีกับลูหยางพิง”

ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว

ระดับความแข็งแกร่งมันต่างกันเกินไป

“ไม่กี่วันก่อนชิงชู ได้แอบเข้าไปในศาลาไป่หยู่ เขาพาได้ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง 2 คนที่เชี่ยวชาญการลอบสังหารมาด้วย แต่พวกนั้นตายหมดแล้ว” ลั่วอู๋กล่าว

คงฉินประหลาดใจ

เขาไม่รู้ว่าเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับศาลาไป่หยู่

“เยี่ยมเลย เราน่าจะมีโอกาสชนะมากขึ้นนะ” คงฉินกล่าว

ลั่วอู๋กล่าวต่อไปว่า “ก็ในศาลาไป่หยู่แห่งนี้ ข้ามีหลิวหูอยู่ทั้งคนแล้วนี่นา”

“แน่นอน ข้ารับรู้ได้เลยว่าความแข็งแกร่งของหลิวหูนั้นอยู่ในระดับสูงสุด และสามารถต่อกรกับผู้ใช้พลังวิญญาณอีกฝั่งได้สบาย ๆ” คงฉินกล่าว

ลั่วอู๋พูดว่า “ถ้าไม่ผิดพลาดอะไร เรายังมีอีก 2 คนในศาลาไป่หยู่ ที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง”

“งั้นหรือ?” คงฉินประหลาดใจ “ตามที่เจ้ากล่าวมา ทางเราก็จะมีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงถึง 15 คน มันจะเพิ่มโอกาสในการชนะไปอีก 10%”

ขณะนั้น นกพิราบสัตว์วิญญาณระดับเงินได้บินเข้ามา

มันเป็นสัตว์วิญญาณที่มีความอดทนเป็นเลิศชนิดหนึ่ง

หลายคนใช้มันขนส่งจดหมายเพื่อส่งข้อความติดต่อกัน

คงฉินจับนกพิราบ และดึงโน้ตที่ซ่อนอยู่ใต้เท้าของมันออกมา จากนั้นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล “นี่มันแย่มาก”

“เกิดอะไรขึ้น?” ลั่วอู๋ถาม

“ลูหยางพิงได้ก้าวข้ามมิติวิญญาณที่เป็นอยู่ได้สำเร็จแล้ว” คงฉินพูดด้วยเสียงเบา ๆ

การก้าวข้ามมิติของผู้ใช้พลังวิญญาณ ทุกย่างก้าวนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก

แต่ระดับความแข็งแกร่งนั้นก็จะยิ่งห่างชั้นกันมากขึ้นไปอีก

ลูหยางพิงและคงฉิน ทั้งสองมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับทองคำ มิติที่ 5 เมื่อพวกเขาต่อสู้กัน ผลมักจะออกมาเป็นเสมอ ทั้งสองจึงไม่สามารถทำอะไรซึ่งกันและกันได้

แต่ว่าตอนนี้ลูหยางพิงได้ก้าวข้ามเขาไปแล้ว

นั่นหมายความว่า คงฉินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลูหยางพิงอีกต่อไปแล้ว

ถ้าพวกเขาไม่สามารถฆ่าลูหยางพิงได้ ความพยายามที่ทำมาทั้งหมดก็จะไม่มีประโยชน์ ลูหยางพิงสามารถทวงคืนทุกสิ่งที่ตนเองนั้นสมควรได้รับได้อย่างสบาย ๆ

ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาไม่ได้รับข่าวสารจากลูหยางพิงเลย

กลับกลายเป็นว่า ตราบใดที่เขาก้าวข้ามมิติวิญญาณไปได้ ฝ่ายของคงฉินก็ไม่ใช่มรสุมของฝ่ายเขาอีกต่อไป และก็ไม่มีใครในหวงชาสามารถต่อกรกับเขาได้

“ไอ้เวรเอ๊ย!” ใบหน้าของคงฉินหม่นหมอง ในที่สุดเขาก็กัดฟันและพูดออกมา “ในเมื่อเขาได้ก้าวข้ามมิติวิญญาณนั้นไปแล้ว ที่ทำมาทั้งหมดก็ไม่มีความมั่นคงใด ๆ อีกต่อไป”

ลั่วอู๋ประหลาดใจ “ต้องรีบแล้ว”

“มันจะแย่แน่ ถ้าเจ้าไม่รีบในตอนนี้” คงฉินเร่งเร้า “รีบไปกันได้แล้ว สงครามใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว”

“เดี๋ยวก่อน พรรคพวกของข้าคนหนึ่งยังไม่ได้กลับมาเลย” ลั่วอู๋พูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“ข้ารอไม่ไหวแล้ว เจ้าก็รอไม่ไหวใช่ไหม น้องชายตามข้ามา ” ตามคำสั่งของคงฉิน พี่น้องทั้งหกคนที่อยู่ข้างหลังเขา เดินออกไปจากศาลาไป่หยู่อย่างรวดเร็ว

ลมหายใจของทั้งหกคนนั้นตอนนี้ชัดเจนแล้ว กลายเป็นว่าพวกเขาทั้งหมดนั้นเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง

ลั่วอู๋มั่นใจได้ว่าพวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อเฝ้าดูเขา พวกเขานั้นมีแผนที่วางเอาไว้แล้ว

ท้องฟ้าเริ่มมืด

ดูเหมือนว่าฝนกำลังใกล้จะตก

ในระยะทางที่ไกลนั้น มีเงาขนาดใหญ่ที่เป็นของสัตว์วิญญาณกระดูกสีขาวปรากฏขึ้นอย่างช้า ๆ ผู้คนทั้งหมดบนท้องถนนกระจัดกระจายกันออกไปด้วยความตื่นตระหนก และพลังแรงดันวิญญาณอันน่ากลัวก็ถูกแผ่ออกมา

สถานที่เกิดการต่อสู้นั้น เกิดขึ้นที่บ้านของเจ้าของเมืองแห่งความพินาศ

ว่ากันว่า เจ้าเมืองของเมืองแห่งความพินาศนั้นเป็นฝ่ายของลูหยางพิง

เงาขนาดใหญ่ที่เป็นของกระดูกสีขาวนั้นคือ สัตว์วิญญาณที่ทรงพลังที่สุดของคงฉิน หยิงหลิงกระดูกขาว สัตว์วิญญาณระดับเพชร

ว่ากันว่า มันเป็นสัตว์วิญญาณที่มีรูปร่างแปลกประหลาด

มันเกิดจากซากกระดูกที่หลงเหลือของสัตว์วิญญาณที่ตายไปแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในมิติไหนและมีลักษณะของโครงกระดูกอย่างไร

ทว่าหยิงหลิงกระดูกขาว นั้นเกิดจากการรวมกันของกระดูกของมนุษย์ผู้ใช้พลังวิญญาณที่ทรงพลัง หลังจากถือกำเนิดแล้ว หยิงหลิงกระดูกขาว นั้นมีคุณสมบัติอยู่ในระดับเพชร

มีข้อเสียของสัตว์วิญญาณชนิดนี้ ความแข็งแกร่งนั้นขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งเจ้าของโครงกระดูกนั้นตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ และมันไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการปรับแต่งใด ๆ ได้

คงฉินโชคดีเขาได้พบกับหยิงหลิงกระดูกขาวที่อยู่ในระดับเพชร และเขาก็ได้ทำให้มันกลายเป็นสัตว์วิญญาณตัวที่สามของเขา

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเปลี่ยนชื่อเมืองที่เขาดูแลเป็นเมืองคูกู

“ตูม!”

แท่งกระดูกได้พุ่งเข้าสู่พื้นและพลังอันน่ากลัวได้ถูกปลดปล่อยออกมา

บ้านของเจ้าเมืองของเมืองแห่งความพินาศถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง

ผู้ใช้พลังวิญญาณที่อยู่ในนั้นล้มลงสู่พื้นดิน

ลั่วอู๋รู้ถึงแผนการของคงฉิน ว่าการจะเป็นผู้นำนั้นจะต้องการฆ่าคนของอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด เพื่อลดความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายลง อย่างไรก็ตาม หลังจากเหตุการณ์นี้ ผู้ใช้พลังวิญญาณของฝ่ายลูหยางพิงก็รีบรวมตัวกันอย่างรวดเร็วและคงจะไม่ให้คงฉินได้มีโอกาสได้สวนกลับอีก

ตอนนี้คงฉินและพรรคพวกของเขาดูจะเสียเปรียบ

ดังนั้น พวกเขาจึงต้องการพลังของศาลาไป่หยู่