บทที่ 153 สถานการณ์พิเศษ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เวลาสองทุ่มกว่า เฉินชางรับคนไข้เข้ามาเจ็ดแปดคน ส่วนใหญ่พันแผลรักษาอาการบาดเจ็บภายนอกมาแล้ว

งานอายุรกรรมของแผนกฉุกเฉินส่วนใหญ่คือการออกยาแก้ปวดหัวแก้ไข้ ส่วนงานศัลยกรรมของแผนกฉุกเฉินที่พบบ่อยก็คือการพันแผลรักษาบาดแผลภายนอก

เนื่องจากเป็นบาดแผลภายนอก ทุกคนจึงค่อนข้างร้อนใจ ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อยเพราะทุกคนคิดว่าบาดแผลของตนเองหนักกว่าคนอื่น

แต่วันนี้ค่อนข้างดี ดูเหมือนผู้ป่วยไม่กระสับกระส่ายร้อนใจ ยังคงนั่งรออยู่ตรงจุดพักผ่อนอย่างสงบ

เวลาประมาณสองทุ่มครึ่ง ชายสองคนวิ่งเข้ามาอย่างกระวนกระวาย พวกเขามีฝุ่นเต็มหน้าจนดูสกปรกทรุดโทรม ร่างกายเต็มไปด้วยดินและทราย

หยางจื้อฟู่และโจวข้วงเซิงเป็นพนักงานที่มาสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินที่เมืองอันหยาง ทั้งสองคนไม่ใช่คนพื้นที่ วันนี้ในขณะทำงาน รถเครนของพวกเขาขัดข้องทำให้สายพานหลุดร่วง หยางจื้อฟู่เห็นสถานการณ์ไม่ดีจึงดึงโจวข้วงเซิงหลบไปอย่างแรง ทั้งสองไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่อะไร แต่ก็ถูกแผ่นเหล็กบาดหลังมือ!

ดีที่รางรถไฟอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลอันดับสอง เพื่อนร่วงงานเจ็ดแปดคนจึงพาพวกเขามาส่งอย่างใจกว้าง คนมากมายขนาดนี้เข้ามาในแผนกฉุกเฉินพร้อมกัน ทุกคนเห็นก็รู้สึกสนอกสนใจ

คนงานก่อสร้างเหล่านี้ต่างมีผมเผ้าหน้าตากระเซอะกระเซิง ชุดก่อสร้างลายพรางบนตัวเต็มไปด้วยฝุ่น รองเท้าหนังสีเขียวเหมือนรองเท้าทหารมีโคลนติดอยู่ข้างใต้เป็นชั้นๆ เนื่องจากพื้นที่ก่อสร้างเป็นพื้นที่ดินโคลน

เมื่อทุกคนมาถึงประตูแผนกฉุกเฉิน มองเข้าไปเห็นด้านในสะอาดสะอ้านไปหมด จึงหยุดเท้าไปทันที!

หยางจื้อฟู่และโจวข้วงเซิงหารือกัน จากนั้นจึงถอดรองเท้าแล้วเดินเท้าเปล่าเข้าไปด้านใน!

คนงานก่อสร้างคนอื่นๆ เห็นดังนั้นก็เอาอย่าง รีบถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไปด้วย

“คุณหมอครับ…”

วันนี้เสี่ยวหลินเป็นเวรกลางคืน เธอเห็นทั้งสองเดินเข้ามา บนแขนมีเสื้อผ้าพันไว้เป็นชั้นหนา แต่เลือดยังคงไหลซึมออกมา คนหนึ่งบาดเจ็บที่แขนซ้าย อีกคนแขนขวา!

เสี่ยวหลินสีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน รีบทำตามขั้นตอนทันที

เธอให้เพื่อนร่วมงานไปเรียกพนักงานมาช่วยลงทะเบียน ส่วนตนก็พาทั้งสองเข้าไปด้านใน

ตอนนี้เฉินชางเพิ่งเย็บแผลให้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเสร็จ เธอเผลอหั่นนิ้วตัวเองตอนทำอาหาร ด้านหลังเธอมีชายร่างผอมสวมแว่นกรอบทองยืนอยู่ ดูท่าทางคงแก่เรียน คิ้วเป็นเส้นเหมือนพวกบัณฑิต

เขามองเฉินชางพูดยิ้มๆ ว่า “ผมไม่ระวังถูกปากกาทิ่มเท้า เดินไม่สะดวกเลยครับ”

เฉินชางกำลังจะพูดบางอบ่าง จู่ๆ เสี่ยวหลินก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา “หมอเสี่ยวเฉิน มีคนไข้สองคน เลือดออกมาก ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บหนัก!”

เมื่อพูดจบ เสี่ยวหลินก็เพิ่งเห็นชายที่กำลังจะได้รักษา จึงพูดเสริมอีกประโยคหนึ่ง “อาการ…สาหัสมากค่ะ!”

ขณะนั้นคนทั้งสองก็ถูกส่งเข้ามาด้านใน

หยางจื้อฟู่และโจวข้วงเซิงกดแขนของตนเอง บนหน้ามีรอยยิ้มเจื่อนๆ ทั้งสองมองไปยังห้องตรวจที่ดูสะอาดสะอ้าน รู้สึกเหมือนตัวเองไม่เข้าพวก ทั้งอับอายและกระสับกระส่าย

ตอนนี้เองชายคนนั้นจึงลุกขึ้น มอบที่นั่งให้ทั้งสองด้วยตนเอง “พวกคุณนั่งลงก่อนครับ ให้หมอตรวจก่อน ไม่ต้องเครียดครับ ไม่เป็นอะไร”

เฉินชางยังไม่ทันได้พูดอะไร ชายคนนั้นก็ตบไหล่หยางจื้อฟู่คล้ายแสดงให้เห็นว่าเขาไม่สนใจฝุ่นดินบนร่างกายอีกฝ่าย

หยางจื้อฟู่ยิ้มกระอักกระอ่วน หัวเราะออกมาเล็กน้อยแล้วพูดด้วยสำเนียงทางเหนือ “ขอบคุณ ขอบคุณพี่ชาย”

เฉินชางปลดเสื้อที่หยางจื้อฟู่ใช้พันแผลเอาไว้ออกไป ทำให้แผลถูกกระทบจนหยางจื้อฟู่ต้องสูดปากด้วยความเจ็บปวด

ตอนนี้เอง เฉินชางพลันต้องสูดหายใจเย็นยะเยือก

แผลลึกจนเห็นกระดูกบนหลังมือได้ชัดเจน เส้นเอ็นสองเส้นขาดรุนแรง เส้นเลือดเสียหายชัดเจน ต้องรีบผ่าตัดเย็บแผลทันที!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็หันไปพูดกับชายร่างผอม “คุณน้าครับ คนไข้สองคนนี้อาการสาหัส สถานการณ์เร่งด่วน ต้องจัดการแผลที่มือทันที คุณรอหน่อยได้ไหมครับ?”

ชายคนนั้นเห็นแผลของทั้งสองก็รีบพูดไปว่า “ไม่เป็นไรครับ คุณเย็บให้พวกเขาก่อนเถอะ แผลผม เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้วก็แค่หนังถลอก”

เดิมทีหยางจื้อฟู่และโจวข้วงเซิงคิดว่าพวกตนแซงคิวคนอื่นมาจึงรู้สึกไม่ดี เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนี้จึงรีบกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณครับ! ขอบคุณพี่ชาย”

คนงานก่อสร้างที่ตามมาด้วยอีกหลายคนสัมผัสได้ว่าการมาถึงของพวกเขาส่งผลกระทบต่อคนอื่น พวกเขาจึงโค้งตัวให้คนไข้ที่ต่อแถวอยู่ด้านนอกแล้วพูดว่า “ขอโทษด้วยครับ เพื่อนของผมบาดเจ็บหนักจริงๆ ขอบคุณทุกคนครับ! รบกวนทุกคนแล้ว…”

มีชายเจ็ดแปดคนมาก้มหัวให้ ทุกคนก็รู้สึกเขินๆ เหมือนกัน

แต่เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าของพวกเขาที่ใช้พันรอบแขนเต็มไปด้วยเลือด ดูท่าทางคงอนาถมาก

ตอนนี้ไม่มีใครอยากทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ รวมกับที่คนเหล่านี้ร่างกายเต็มไปด้วยฝุ่นดิน ผมเผ้ายุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิง ทำให้ทุกคนเกิดความคิดเห็นอกเห็นใจ ออกมาทำงานก่อสร้างนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ หากช่วยได้ก็ช่วยไปเถอะ!

เสี่ยวหลินเห็นคนงานเจ็ดแปดคนนี้ก้มหัวขอโทษก็รู้สึกแสบจมูก

ตอนนี้เอง ชายอ้วนเตี้ยคนหนึ่งวิ่งเข้ามาทางประตูตะวันตกของแผนกฉุกเฉิน “ผมมาแล้ว ผมมาแล้ว! พี่หยางกับเหล่าโจวเป็นไงบ้าง?”

คนงานเจ็ดแปดคนนี้เห็นชายอ้วนเตี้ยก็พูดไปว่า “หัวหน้า อยู่นี่ครับ”

ชายอ้วนเตี้ยได้ยินเสียงก็รีบวิ่งเข้ามา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “เป็นยังไงบ้าง? ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

เฉินชางเห็นว่ามีคนมากมายขนาดนี้จึงพูดว่า “ทุกคนออกไปรอข้างนอกเถอะครับ ใช่แล้วเสี่ยวหลิน คุณไปดำเนินตามขั้นตอนด้วยนะครับ ช่วยออกคำสั่งแพทย์เรื่องผ่าตัดเย็บเส้นเอ็นให้พวกเขาคนละหนึ่งใบ แล้วก็ พวกคุณจะค้างชำระไว้ก่อนหรือว่า…”

หัวหน้าคนงานร่างอ้วนเตี้ยรีบพูดว่า “ไม่ต้องค้างชำระ ผมเอาเงินมาแล้ว!”

เขามาสายเช่นนี้ก็เพราะไปเอาเงิน!

“หมอครับ คุณต้องรักษาให้ดีนะครับ รบกวนคุณด้วย เดี๋ยวผมไปจ่ายเงินก่อน!”

เสี่ยวหลินพาทุกคนออกไป ส่วนเฉินชางก็พาหยางจื้อฟู่ไปรักษาก่อน

ตอนนี้เอง ชายร่างอ้วนเตี้ยเดินไปที่ห้องรักษา เห็นเฉินชางกำลังเตรียมเย็บแผลให้หยางจื้อฟู่ก็หยิบเงินหลายร้อยหยวนออกมายัดใส่เฉินชางอย่างระมัดระวัง “หมอครับ! รบกวนคุณแล้ว ช่วยด้วยนะครับ พวกเขาจะเป็นอะไรไม่ได้ หากเป็นอะไรไปเพราะมาทำงานกับผม ผมคงไม่มีหน้ากลับไปแล้ว”

เฉินชางได้ยินดังนั้นก็รีบส่ายหน้า รีบดันเงินกลับไป พูดอย่างจริงจังว่า “คุณวางใจเถอะครับ ผมจะรักษาให้ดีแน่นอน เงินพวกนี้คุณเอากลับไปเถอะ เอาไปใช้รักษาแผลให้พวกเขาดีๆ อีกอย่าง…ในครึ่งเดือนนี้พวกเขาทำงานไม่ได้นะครับ คุณ…”

เฉินชางกำชับเขาออกไป ชายร่างเตี้ยจึงพยักหน้ารัว ดูท่าทางการยัดเงินโดยไม่ใส่ซองแดงคงเป็นวิธีที่ไม่ดีจริงๆ

หากรับจะทำให้เกิดเรื่องยุ่งยาก!

ชายอ้วนเตี้ยถอนหายใจออกมา

เส้นเอ็นบนหลังมือสองเส้นอยู่ในสภาพเละเทะ นี่เป็นเป็นเส้นเอ็นที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ขาดไปเช่นนี้ หากไม่รักษาให้ดี ภายหน้าจะส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันแน่นอน ที่สำคัญที่สุดก็คือเนื้อเยื่อรอบๆ หากภายหน้าเกิดพังผืดขึ้นมาคงวุ่นวายหนัก เฉินชางจำเป็นต้องตั้งใจ!

การรักษาเริ่มขึ้นแล้ว โจวข้วงเซิงนั่งอยู่ที่นั่นไม่ส่งเสียงสักคำ วันนี้หากไม่ใช่เพราะเหล่าหยาง ตนคงตายไปแล้ว!

เมื่อเขาคิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกเสียใจ!

โชคดีที่เฉินชางมีทักษะการเย็บเส้นเอ็นระดับปรมาจารย์ ยิ่งมีระดับสูง การเย็บก็ยิ่งรวดเร็ว เพราะยังมีชายที่บาดเจ็บสาหัสอีกคนรออยู่