นอกห้องหัตถการ โจวข้วงเซิงและชายคงแก่เรียนนั่งอยู่นั่งอยู่ด้วยกัน คุยกันบ้างประปราย
หัวหน้าคนงานร่างอ้วนเตี้ยเดินไปเดินมา ไม่นานก็นำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไข่หมักและผักดองเข้ามาให้ พูดว่า “เหล่าโจว เดี๋ยวผมไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้คุณ คุณกินของพวกนี้รองท้องไปก่อนนะ!”
พูดจบ ไม่นานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ถูกยกเข้ามาวางบนเก้าอี้ ใส่แฮม ไข่หมักชาและผักดองลงไปด้านบน
โจวข้วงเซิงยิ้ม “หัวหน้า คุณพาคนอื่นไปทำงานต่อเถอะครับ พวกเราไม่เป็นไร”
ชายร่างตี้ยพยักหน้า “พวกคุณรักษาไปก่อนนะ เดี๋ยวผมพาพวกเขาไปกินข้าว”
พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไปทันที!
ดีที่เหล่าโจวบาดเจ็บบริเวณมือซ้าย ส่วนมือขวายังใช้ทำอะไรได้บ้าง พอพยาบาลพันผ้าพันแผลให้แล้วเลือดก็ไม่ไหลอีก
“เขาเป็นหัวหน้างานของพวกคุณหรือ? มีความรับผิดชอบมากเลยนะครับ!” ชายสวมแว่นร่างผอมเห็นหัวหน้างานร่างอ้วนเตี้ยวิ่งไปวิ่งมาก็อดถามไม่ได้
โจวข้วงเซิงยิ้ม “ใช่ครับ เสี่ยวจ้าวเป็นคนดีมาก จะไปเหนือไปใต้ก็พาพวกเราไปหมด หลายปีมานี้รบกวนเสี่ยวจ้าวไม่น้อย! ปีใหม่ปีที่แล้ว เพื่อเงินเดือนของพวกเรา เขาถึงกับไปรอหน้าบ้านเถ้าแก่หนึ่งอาทิตย์เต็มๆ เที่ยงคืนกว่าถึงจะได้เงินกลับมา”
“ติดตามหัวหน้าแบบนี้ คุณมีความซื่อสัตย์มากเลยนะครับ!”
ชายคนนั้นได้ยินก็อดชะงักไปไม่ได้ พยักหน้าพูดว่า “เขาไม่เลวจริงๆ!”
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน ด้านนอกแผนกฉุกเฉินก็เกิดวุ่นวายขึ้นมา ท่ามกลางผู้คนที่เบียดเสียด เด็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามาจากด้านนอกด้วยใบหน้าร้อนรน
“ใครคือหมอเฉินชาง!?”
หญิงวัยกลางคนสวมชุดเดรสถามด้วยใบหน้ากังวล เสี่ยวหลินเห็นก็ขะงักไป เดี๋ยวนี้คนไข้นิยมพาญาติมาด้วยกันหรือไง?
คนกลุ่มนี้มีประมาณห้าหกคน แต่ละคนสวมเสื้อผ้าชั้นดี เมื่อเทียบกับคนงานกลุ่มที่แล้ว แตกต่างกันอย่างชัดเจน!
เสี่ยวหลินรีบพูดว่า “สวัสดีค่ะ ตอนนี้หมอเฉินกำลังเย็บแผลให้ผู้ป่วยอยู่ ไม่ทราบว่าเป็นอะไรมาคะ?”
หญิงวัยกลางคนคนนั้นรีบเดินเข้ามา “วันนี้ลูกชายฉันบาดเจ็บที่ข้อมือเพราะไม่ทันระวังตัว พวกเราไปโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลมาแล้ว แต่หมอถานจงหลินออกไปทำงานข้างนอก ให้ฉันมาหาหมอเฉินชางของแผนกฉุกเฉินแห่งโรงพยาบาลอันดับสองแทน!”
“ไม่ทราบว่าต้องรอหมอเฉินอีกนานแค่ไหนหรือคะ?”
เสี่ยวหลินส่ายหน้า “อาจต้องรออีกสักพักเลยค่ะ ก่อนหน้านี้มีผู้ป่วยคนหนึ่ง บาดเจ็บสาหัสมาก พวกคุณไปนั่งพักผ่อนรอก่อนเถอะค่ะ!”
หญิงวัยกลางคนได้ยินดังนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนไป “นั่น…ให้ฉันไปพูดกับหมอเฉินเถอะค่ะ หมอเฉินอยู่ที่ไหนคะ?”
เสี่ยวหลินได้ยินคำพูดนี้ก็อดกันขำในใจไม่ได้ นี่ก็เป็นวีไอพีอีกคนแล้วหรือ?
“หมอเฉินกำลังรักษาอยู่ที่ห้องหัตถการ พวกคุณรอเขาออกมาเถอะค่ะ อย่าเข้าไปรบกวนการรักษาของหมอเฉินเลย”
“พี่ครับ รอเถอะ” ชายสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็คคนหนึ่งพูดอย่างสงบ
หญิงวัยกลางคนทอดถอนใจ รีบเดินไปข้างเด็กชายคนหนึ่ง “รุ่ยเอ๋อร์ ไม่เป็นไรใช่ไหม? เจ็บหรือเปล่า?”
เด็กชายอายุประมาณสิบสอง สวมชุดสไตลล์ฮิพฮอพ ย้อมผมสีม่วง หน้าตาสื่อความว่า คุณสนใจผมด้วยเหรอ?
เมื่อได้ยินคำพูดนั้นของหญิงวัยกลางคน เด็กชายคนนั้นก็แค่นเสียงออกมา แต่ไม่ได้พูดอะไร
ผ่านไปครู่หนึ่ง…เมื่อเห็นว่าประตูยังไม่เปิดออกมา หญิงวัยกลางคนก็ยิ่งร้อนใจ เธอเดินไปเดินมา เดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ปากก็พึมพำไม่หยุดว่า “ทำไมยังไม่ออกมาอีก!”
เด็กชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “แม่เป็นคนเปิดโรงพยาบาลนี้หรือไง? ถึงจะให้คนอื่นออกมาตามใจ ที่นี่เป็นโรงพยาบาลนะครับ ไม่ใช่บริษัทของแม่ที่แม่ว่ายังไงก็ต้องว่าตามนั้น”
หญิงวัยกลางคนหันมาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง คิดจะด่าคนแต่เห็นสายตาของลูกชายก็ต้องกัดฟันกลืนคำพูดลงไป
เธอคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รีบหยิบโทรศัพท์เดินไปในมุมหนึ่ง “ฮัลโหล? คุณจ้าว ใช่! ฉันคือภรรยาของหลิวเป้ย อืม ตอนนี้พวกเราอยู่ที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองแล้ว ลูกของฉันเกิดอุบัติเหตุ แต่มีคนรอคิวเยอะเลยค่ะ คุณรู้จักใครบ้างหรือเปล่าคะ?”
“อ้อ! ถ้างั้นก็รบกวนคุณแล้ว ได้ค่ะ!”
ตอนนี้เอง ประตูห้องหัตถการเปิดออก เฉินชางพูดกับหยางจื้อฟู่ว่า “ระยะนี้ยังไม่ต้องแอดมิทก็ได้ครับ กลับไปแล้วก็พักผ่อนให้ดี ทำตามคำสั่งแพทย์ กินยาแล้วพักผ่อนนะครับ”
พูดจบเฉินชางก็พูดกับโจวข้วงเซิง “คุณเข้ามาเลย!”
ตอนนี้เอง หญิงวัยกลางคนเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งไปหาเฉินชางโดยไม่สนใจเลยว่าตัวเองกำลังใส่ส้นสูงอยู่!
“เดี๋ยวก่อน รอเดี๋ยว! หมอเฉินชางสินะคะ ฉันเป็นเพื่อนของถานจงหลิน หมอในโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑล ฉันอยากพูดอะไรกับคุณหน่อยค่ะ”
เฉินชางพยักหน้า “ทำไมครับ คุณพูดมาเถอะ แต่…รีบหน่อยนะครับ ผมมีคนไข้ต้องรักษา เสียเวลามากไม่ได้”
หญิงวัยกลางคนได้ยินดังนั้นพลันมีสีหน้ายินดี รีบพูดไปว่า “มาๆๆ รุ่ยเอ๋อร์ ตามมานี่”
เด็กชายคนนั้นส่ายหน้า “ผมไม่ไป ผมจะต่อแถว โรงพยาบาลก็มีกฎของโรงพยาบาล ผมต้องต่อแถว แม่จะเข้าก็เข้าไปเถอะ ผมไม่ไปด้วยหรอก!”
เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ก็ทำเอาเธอโกรธจนชี้นิ้วชี้ใส่เด็กชาย!
“ลูกไม่กลัวพลาดโอกาสรักษาที่ดีที่สุดไปหรือไง ถ้ามือพิการขึ้นมาจะทำยังไง? ถึงตอนนั้นก็กลายเป็นคนพิการเลยนะ?”
เด็กชายหัวเราะ “ตอนนี้ผมจะต่างอะไรกับคนพิการล่ะครับ แม่ไม่ได้สั่งสอนผมให้ดีไม่ใช่เหรอ? เห็นหรือเปล่า? ผมถูกคนแบบนี้สั่งสอนจนคนอื่นเขาต้องสั่งสอนผมแทนแม่แล้ว บางทีผมก็คิดว่าผมควรจะขอบคุณคนอื่นด้วยซ้ำ”
ชายสวมเสื้อเชิ้ตที่อยู่ข้างๆ เห็นดังนั้นก็พูดว่า “เอาละ เสี่ยวรุ่ย พวกเราอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลย เข้าไปตรวจดูก่อนเถอะ จากนั้นค่อยคุยกันเรื่องนี้ ยังไงการรักษาก็สำคัญกว่า”
ขณะที่พูดชายคนนั้นก็ถลึงตาใส่ผู้หญิง แล้วดึงเด็กชายเดินไปข้างหน้า
หญิงวัยกลางคนก็เดินตามไป “หมอคะ คุณช่วยดูให้ลูกชายฉันก่อนเถอะค่ะ เด็กยังเล็ก จะเสียเวลาไม่ได้!”
เฉินชางพูดว่า “คุณเข้าไปก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมดูให้”
ผู้หญิงคนนั้นรีบพาลูกชายเข้าไป เฉินชางดึงของที่ติดอยู่บนแผลออกไป ดูแผลครู่หนึ่ง เป็นแผลเละๆ มีเศษแก้วอยู่ด้วย ดูเหมือนเส้นเอ็นจะขาดไปครึ่งหนึ่ง เส้นเลือดเสียหายบางส่วน ไม่ร้ายแรง
เมื่อเฉินชางตรวจเสร็จพูดว่า “ไม่ร้ายแรงครับ คุณพาเด็กไปพักตรงประตูก่อน ก่อนหน้านี้ยังมีผู้ป่วยอยู่คนหนึ่ง เทียบกันแล้วอาการเขาร้ายแรงกว่ามาก”
เด็กชายได้ยินดังนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป หญิงวัยกลางคนรีบดึงเขาไว้ “หมอคะ! ขอร้องละค่ะ คุณรักษาให้ลูกฉันก่อนไม่ได้เหรอคะ?”
พูดจบก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพาย หยิบกระเป๋าตังค์ออกมา แล้วนำเงินทั้งหมดยัดใส่มือเฉินชาง มีประมาณหนึ่งหมื่นหยวนได้ “หมอคะ ขอร้องละค่ะ เด็กยังเล็ก อนาคตอีกไกล”
เฉินชางเห็นดังนั้นก็รีบปฏิเสธ “คุณผู้หญิงครับ อย่าทำแบบนี้เลย ที่นี่คือโรงพยาบาล พวกคุณออกไปรอก่อนเถอะ โรงพยาบาลก็มีกฎของโรงพยาบาลนะครับ”
พูดจบเฉินชางก็เดินออกมา “โจวข้วงเซิง เชิญเข้ามาเลยครับ”
ความจริงเฉินชางไม่ค่อยชอบคนที่คิดว่ามีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้โดยไม่สนใจกฎเกณฑ์อยู่แล้ว รวมกับที่อาการของโจวข้วงเซิงสาหัสกว่าจึงปฏิเสธไปทันที
หญิงวัยกลางคนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที พูดกับเฉินชางว่า “หมอเฉิน ฉันกับถานจงหลินเป็นเพื่อนกัน ใช่แล้ว ฉันเป็นประธานคณะกรรมการของบริษัทยารุ่ยเต๋อ ร่วมงานกับโรงพยาบาลของพวกคุณด้วยนะคะ คุณดูให้หน่อยว่าสะดวกหรือเปล่า”
เฉินชางส่ายหน้า “พวกคุณไปรอด้านนอกก่อนนะครับ อาการของเด็กไม่ร้ายแรง เสียเวลานิดหน่อยก็ไม่ส่งผลอะไร”
เด็กชายคนนั้นยิ้มเย็นชา “เห็นหรือเปล่าครับ? เงินของคุณไม่มีประโยชน์”
หญิงวัยกลางคนหน้าเปลี่ยนสี หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไป “ฮัลโหล? หัวหน้าซ่ง ฉันเซี่ยงอิ๋ง เป็นภรรยาของหลิวเป้ยนะคะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลของพวกคุณค่ะ ใช่แล้ว ลูกฉันเกิดอุบัติเหตุมาที่แผนกฉุกเฉิน รบกวนหน่อยได้ไหมคะ? ใช่ค่ะ เฉินชาง หมอเฉิน!”
หญิงวัยกลางคนส่งโทรศัพท์ให้เฉินชาง “หมอเฉิน หัวหน้าฝ่ายกิจการแพทย์ หัวหน้าซ่งต้องการพูดสายกับคุณค่ะ”
เฉินชางส่ายหน้า “ขอโทษครับ ผมไม่สะดวกรับโทรศัพท์!”
“โจวข้วงเซิง รีบเข้ามา อาการของคุณไม่ดีนะครับ เร็วเข้า!”
เฉินชางรีบเร่งรัด