ทางตะวันตกของแดนกลางนภา มีสิ่งปลูกสร้างใหญ่โตโอฬาร มันมีนามว่าราชวังดุสิต

ห้าหลังตั้งตระหง่าน เสาหินอ่อนเก้าต้นค้ำยัน เป็นราชวังจักรพรรดิที่เป็นสัญลักษณ์แห่งเก้าจักรพรรดิผู้สูงสุด

ราชวังดุสิตเป็นวังของเต้าเต๋อเทียนจุน[1]หนึ่งในตรีวิสุทธิ์[2] มันไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของสรวงสวรรค์ แต่กลับรับหน้าที่ปรุงยาให้แก่สรวงสวรรค์ เทพเทวดาส่วนใหญ่ของสรวงสวรรค์ต้องการโอสถ มักจะมาไหว้วานราชวังดุสิต

ผู้ที่ทำหน้าที่ปรุงยาเซียนคือผู้รู้แจ้งหยินสี่ ลูกศิษย์ใหญ่ของมหาเทพเต้าเต๋อเทียนจุน

วิชาปรุงยาของเขาเรียกได้ว่าไม่เป็นสองรองใครในสรวงสวรรค์ ไม่เพียงแต่คุณภาพดีเท่านั้น แต่ยังมีประสิทธิภาพสูงอีกด้วย

อันหลินขี่ก้อนหินเหาะเหินหลางอากาศ ในมือถือแผนที่นำทาง เจ้าอัปลักษณ์กำลังนั่งอยู่บนไหล่ของเขาอย่างว่าง่าย

ไม่นาน เขาก็เห็นพระราชวังสูงเด่นเป็นสง่าหลังนั้น

“โอ้โฮ เป็นราชวังที่ใหญ่อะไรขนาดนี้” เขามองดูจนลิ้นจุกปาก

ดูจากสายตาแล้ววังน่าจะสูงอย่างน้อยหลายร้อยเมตร แค่มองก็เหมือนมีภูเขาลูกใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าเขา

เบื้องหน้าของราชวังดุสิต มีธารน้ำไหลประดับด้วยดอกไม้ที่ร่วงโรย ดอกบัวสีขาวเบ่งบานเต็มพื้นที่

สายลมโชยมา เจือกลิ่นสมุนไพรจางๆ เมื่อได้ดอมดมแล้วรู้สึกผ่อนคลาย

อันหลินเหาะลงมาหยุดตรงหน้าราชวังดุสิต ที่นั่นมีขุนพลสวรรค์สวมเกราะสองนายเฝ้าอยู่

“หยุดนะ แจ้งสถานะของเจ้ามา”

หนึ่งในนั้นพูดขึ้น

ฝีเท้าของอันหลินหยุดลง ชะงักไปเล็กน้อย

แจ้งสถานะเหรอ เขามีสถานะอะไร นักเรียนเหรอ

เมื่อคิดๆ ดูแล้ว เขาก็หยิบบัตรนักเรียนของสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียนออกมา มันเป็นแผ่นไม้แผ่นหนึ่ง

หลังขุนพลสวรรค์เห็นแผ่นไม้แผ่นนี้ ก็หลีกทางให้เขา

อันหลินเก็บแผ่นไม้ เข้าออกรั้วสำนักไม่จำเป็นต้องใช้บัตรนักเรียนเลย ไม่คิดว่าจะได้ใช้ที่นี่

เมื่อผ่านประตูใหญ่ของราชวังดุสิต สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือนักพรตที่กำลังสาละวนอยู่กับการจัดยาอยู่

ทอดมองไป ทั้งหลังเต็มไปด้วยตู้ยา ถี่ยิบจนนับไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าที่นี่มีของล้ำค่ามากมายเท่าใดกันแน่

“สวัสดีสหาย ไม่ทราบว่าเจ้ามาสั่งปรุงยาหรือ” นักพรตน้อยหน้าตาหล่อเหลามายืนอยู่ข้างอันหลินแล้วเอ่ยถาม

อันหลินได้ยินก็พยักหน้าทันใด “ใช่ ข้าอยากให้ช่วยปรุงยาเซียนให้หน่อย”

“ยาเซียนหรือ” นักพรตน้อยแสดงอาการตกใจ “เช่นนั้นคงต้องให้ท่านหยินสี่ลงมือปรุงเองแล้ว เชิญตามข้ามา”

อันหลินตามนักพรตน้อยมาถึงแท่นไม้แห่งหนึ่ง

จู่ๆ แท่นไม้ก็เริ่มเคลื่อนขึ้นสูงมายังชั้นสูง เมื่อกวาดตามองยังคงเต็มไปด้วยตู้ยาเช่นเดิม

แท่นไม้เคลื่อนตัวขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ชั้นสาม ชั้นสี่…ล้วนมีแต่ตู้ยา ทำเอาเขามองจนตาลายแล้ว

อันหลินคิดว่าราชวังดุสิตเป็นคลังสมบัติขนาดใหญ่ดีๆ นี่เอง แต่ละชั้นเต็มไปด้วยวัตถุล้ำค่ามากเหลือคณานับ จำนวนทั้งหมดของยาเหล่านี้รวมกันจะน่ากลัวปานขนาดไหนกัน!

แผ่นไม้หยุดอยู่ที่ชั้นสิบเก้า อันหลินตามนักพรตน้อยมาถึงห้องปรุงยาทางทิศตะวันออก

“ท่านหยินสี่ มีลูกค้าต้องการปรุงยาเซียน” นักพรตน้อยคำนับอย่างนอบน้อม

“อืม ให้เขารอสักเดี๋ยว ข้าขอปรุงยาเม็ดนี้เสร็จก่อน” เสียงยานคางดังขึ้น

อันหลินมองเข้าไปในห้องปรุงยา เห็นคนร่างอ้วนคิ้วเข้มตาโตคนหนึ่ง มือหนึ่งถือแอปเปิล อีกข้างกำลังวาดกลางอากาศ

ตรงหน้าเขา มีไฟสีม่วงลอยขึ้นมา สมุนไพรนับไม่ถ้วนกำลังผสมผสานและสกัดกลางอากาศ

คุณพระ ควบคุมการปรุงยาด้วยมือข้างเดียวได้ด้วยเหรอ

อันหลินมองดูด้วยความตกใจ เขาเคยเรียนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการปรุงยาในสำนัก ทราบว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการปรุงยาคือ ต้องมีสมาธิ จะวอกแวกไม่ได้

แต่คนตรงหน้ากลับปรุงยาพร้อมกับแทะแอปเปิลไปด้วย แถมยังไม่ใช้เตาปรุงยาเลยด้วยซ้ำ สบายเกินไปหรือเปล่า

“เอ๊ะ เจ้าเป็นคนที่จะปรุงยาหรือ”

หยินสี่แทะแอปเปิลพลางเหลือบมองอันหลิน มือข้างหนึ่งยังคงวาดไปวาดมากลางอากาศไม่หยุด

อันหลินตกใจ “พี่ชาย ท่านปรุงยาไม่ต้องมองหรือ”

ให้ตายสิ จับปลาสองมือไม่พอ…

ตอนนี้สมุนไพรกลางอากาศกลายเป็นอะไรก็ไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำ!

ยาที่ปรุงออกมากินแล้วจะตายหรือเปล่า

“อ้อ ไม่มีปัญหา ข้าเก่งกาจยิ่งนัก”

ราวกับรู้ว่าอันหลินกำลังกังวลอะไร หยินสี่จึงเอ่ยปากปลอบใจ

“หลอมรวม!” มือใหญ่ของหยินสี่คว้าอากาศ สมุนไพรที่ถูกไฟสีม่วงแผดเผากลางอากาศ จู่ๆ ก็หมุนไปรอบๆ ลำแสงสว่างไสวสาดส่อง ระหว่างนี้ยังมีเสียงวิหคร้องดังกังวานไปทั่วบริเวณ

ฟิ้ว!

ยาสีขาวแวววาวเม็ดหนึ่งลอยมาอยู่ในมือของหยินสี่

ใบหน้าของหยินสี่เปี่ยมด้วยความพึงพอใจ “เถาฮัว ส่งยาวิหคน้ำค้างขั้นแปดเม็ดนี้ไปให้ท่านเทพเอ้อร์หลาง[3]แห่งสรวงสวรรค์ด้วย”

นักพรตหญิงใบหน้าสะสวยคนหนึ่งเดินเข้ามา ใส่เม็ดยาลงในขวดยาแล้วจากไปอย่างยินดีปรีดา

อันหลินตกใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าเขาสามารถปรุงยาเซียนขั้นแปดได้อย่างผ่อนคลายเช่นนี้ นี่มันพรสวรรค์ชัดๆ!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความกังวลในใจของเขาก็ลดลงมาบ้างแล้ว

เมื่อเห็นหยินสี่ปรุงยาในมือเรียบร้อยแล้ว อันหลินพูดอย่างนอบน้อมว่า “ท่านหยินสี่ ข้าน้อยอันหลิน อยากไหว้วานให้ท่านช่วยปรุงยาเซียนขั้นเก้าธาตุไม้ให้ข้าหน่อย ไม่ทราบว่าราคาเท่าใดหรือ”

หยินสี่ได้ฟังก็หาวหวอดๆ แล้วพูดว่า “ยาเซียนขั้นเก้าธาตุไม้มีหลากหลายชนิดนัก ราคาก็แตกต่างกัน เจ้าต้องการชนิดใด ช่วยแจ้งชื่อกับข้าที”

“เอ่อ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นชนิดใด ขอตัวที่ถูกที่สุดก็แล้วกัน!” อันหลินลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบ

“หา ตัวที่ถูกที่สุดหรือ” หยินสี่กะพริบตาปริบๆ แล้วพูดว่า “เจ้าเอายาเซียนไปให้หมูกินหรือ ไม่คำนึงถึงลักษณะพิเศษด้วยซ้ำ เลือกจากราคาที่ถูกที่สุด นี่มันความคิดอะไรกัน”

อันหลินได้ฟังมุมปากก็กระตุก ฉันนี่แหละหมูที่คุณว่าน่ะ!

‘พฤกษธาตุอมตะขั้นหนึ่ง บรรลุเงื่อนไข กินยาอายุวัฒนะธาตุไม้ห้าเม็ดติดต่อกัน’

ขอแค่เป็นยาเซียนก็พอ เขาต้องซื้อที่ถูกที่สุดอยู่แล้ว!

อันหลินตัดสินใจแล้ว จึงพูดออกมาว่า “ท่านหยินสี่ ท่านลองบอกราคาของยาเซียนธาตุไม้ที่ถูกที่สุดมาก่อนเถอะ!”

หยินสี่ทำหน้าเอือมระอา “ยาแก่นแท้แห่งสรรพสิ่ง เม็ดละแปดหมื่นหินวิญญาณ เมื่อกินแล้วช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกาย บำรุงลมปราณ ขยายความจุของทะเลแห่งปราณในจุดตันเถียนได้เล็กน้อย เจ้าเอาไหม”

แค่เม็ดละแปดหมื่นหินวิญญาณ มันถูกกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก

อันหลินพยักหน้ายิ้มๆ “ได้ ข้าเอา ขอให้ข้าห้าเม็ด!”

หยินสี่ถลึงตา “เจ้าเอายานี่ไปเยอะแยะทำไม การกินยาชนิดนี้ซ้ำๆ สรรพคุณจะลดลงเป็นอย่างมาก!”

อันหลินพูดตามตรง “ข้าชอบ”

หยินสี่รู้สึกแน่นหน้าอก ไม่อยากพูดอะไรอีก

ได้ เจ้าโง่แต่กระเป๋าหนัก ข้าสู้เจ้าไม่ได้

หยินสี่ไม่อยากพัวพันกับหัวข้อนี้อีก จึงตะโกนเรียกนักพรตน้อยให้แจ้งคนจัดยาด้านล่างเตรียมวัตถุดิบสำหรับปรุงยา

ขณะนั้นเอง จู่ๆ เจ้าอัปลักษณ์ก็กระโดดลงไปยืนบนเตาปรุงยาสีทอง

หยินสี่สังเกตเห็นเจ้าลิงน้อยน่ารักน่าชังตัวนี้ตั้งนานแล้ว ยามนี้จึงอดถามอย่างฉงนใจไม่ได้ว่า “เจ้าจะทำอะไร”

เจ้าอัปลักษณ์เกาหัวแล้วตอบว่า “ได้ยินว่าท่านซุนหงอคงผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้า ถูกไฟวิเศษเผาในเตาปรุงยาทั้งหมดสี่สิบเก้าวัน จนฝึกวิชาตาไฟทองคำได้สำเร็จ…”

มุมปากของหยินสี่กระตุก ความทรงจำเลวร้ายบางอย่างถูกคำพูดของเจ้าอัปลักษณ์ขุดคุ้ยขึ้นมา จึงพูดเสียงเกรี้ยวว่า “เจ้าอยากลองหรือ”

เจ้าอัปลักษณ์ส่ายหน้าเป็นพัลวัน “ไม่…ไม่ใช่ขอรับ ข้าแค่อยากถ่ายรูปเป็นที่ระลึก”

หยินสี่ชะงัก “อะไรนะ”

แต่ทว่า เมื่อเจ้าอัปลักษณ์ใช้ดวงตาดุจโคมไฟจ้องอันหลิน อันหลินก็หยิบมือถือพลังงานแสงอาทิตย์ออกมาอย่างให้ความร่วมมือ

“มาๆ เจ้าอัปลักษณ์ เจ้ายืนบนเตา สองมือชูนิ้วทำเป็นรูปกรรไกร ใช่ แบบนี้แหละ!”

อันหลินกดชัตเตอร์ดังแชะๆ อย่างหน้าชื่นตาบาน

“ถ่ายเสร็จแล้ว กลับร่างเดิมแล้วถ่ายอีกสักสองสามรูป!” เขาพูดยิ้มๆ

เจ้าอัปลักษณ์เริ่มแปลงร่างทันที กลายเป็นราชาวานรอัปลักษณ์สมชื่อ!

“มาๆ ยิ้มหน่อย!”

เจ้าอัปลักษณ์ฉีกยิ้มน่าเกลียด

หยินสี่ “…”

ฉากนี้มันอะไรกัน

คู่หูเสียสติคู่นี้มาขอให้ปรุงยา หรือมาทัศนศึกษาที่นี่กันแน่!

จากนั้น เจ้าอัปลักษณ์ก็มือรูปกรรไกรทั้งสองข้างไว้บนหัว ทำท่าทางน่ารักราวกับเป็นหูกระต่าย…

ฉากที่ขัดหูขัดตาแบบนี้ ทำให้หยินสี่หน้ามืด เกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากชกหน้าคนขึ้นมาในใจ

เจ้าอัปลักษณ์จึงถ่ายรูปกับเตาปรุงยาที่ไอดอลของมันเคยฝึกจนได้วิชาตาไฟทองคำด้วยประการฉะนี้ เรียบร้อย!

………………………

[1] เต้าเต๋อเทียนจุน หรือ ไท่ซ่างเหล่าจวิน เป็นผู้เขียนตำราเต้าเต๋อจิง

[2] ตรีวิสุทธิ์ คือ สามมหาเทพตามความเชื่อของลัทธิเต๋า

[3] เอ้อร์หลาง เทพพิทักษ์แห่งลัทธิเต๋า คนไทยรู้จักกันในนามเทพสามตา