เซี่ยวอวี่เซวียนกล่าวเสียงสั่นระริก “แม่สาวอัปลักษณ์ ถ้ามีแต่ข้ากับปรมาจารย์หมากรุกอยู่ในห้องสองคน เจ้าจะช่วยข้าโกงยังไง?”

“ข้าเข้าไปไม่ได้ จะช่วยท่านโกงได้เยี่ยงใด? เล่นเองสิ”

เซี่ยวอวี่เซวียนเกือบเป็นลมหัวฟาดพื้นตาย

เขาคิดว่าแม่สาวอัปลักษณ์จะมีแผนสำรองรับมือ จะแอบชี้แนะเขา ทว่านึกไม่ถึงว่าจะให้เขาลงสนามด้วยตัวเอง

เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย เล่นบ้าบออะไรกัน

“พระพันปีเพคะ เซี่ยวอวี่เซวียนไม่รู้กฎการเล่นหมากรุก ให้ข้าสอนเขาในเวลาหนึ่งจอกน้ำชาจะได้ไหมเพคะ?”

“ได้”

พระพันปีตอบทันทีทันใด

แค่เวลาน้ำชาหนึ่งจอก พระนางไม่เชื่อว่ากู้ชูหน่วนจะสอนคนที่ไม่รู้วิธีการเล่นหมากรุกให้กลายเป็นปรมาจารย์ได้

ไม่มีใครรู้ว่ากู้ชูหน่วนคุยอะไรกับเซี่ยวอวี่เซวียนในระยะที่ไกลโพ้นออกไป เห็นเพียงเซี่ยวอวี่เซวียนทำหน้าดำคล้ำเครียดเมื่อครั้นกลับมา

หลิ่วเย่ว์ถามอย่างร้อนรน “พี่ใหญ่เป็นหรือยัง?”

เซี่ยวอวี่เซวียนเกาหัว “ซับซ้อนเกินไป ฟังไม่เข้าใจ”

ทุกคนหัวเราะเสียงดังกังวาน

อาจารย์สอนในสำนักศึกษาเนิ่นนาน เซี่ยวอวี่เซวียนยังฟังไม่เข้าใจเลย นับประสาอะไรกับกู้ชูหน่วนที่สอนแค่ชั่วประเดี๋ยวเดียว มีหรือจะชนะปรมาจารย์หมากรุกได้

ได้ยินประโยคนี้ พระพันปีกับองค์หญิงตังตังก็วางพระทัย

ทว่าพระพันปียังคงถามหัวหน้าสำนักการศึกษาอย่างถ่อมตน “หัวหน้าสำนักศึกษาคิดว่าข้าจะชนะหรือแพ้”

“หากรู้ผลศิลปะการวางหมากรุกก็ไม่สนุกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น เสียเวลากับใช้สมองคาดเดาผลลัพธ์ของการแข่งหมากรุกเล่น ๆ เช่นนี้ ช่างไม่คุ้มเสียเลยพ่ะย่ะค่ะ พระพันปีโปรดรอคอยกันเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

ความหมายที่แฝงในถ้วยคำของหัวหน้าสำนึกศึกษาคือ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม

หัวหน้าสำนักศึกษาเป็นราชครูแห่งรัฐเยี่ย ทั้งยังควบตำแหน่งหัวหน้าสำนักศึกษาวังหลวงอีกด้วย แม้นจะเป็นพระพันปีก็ย่อมต้องให้เกียรติแด่เขา ยิ่งไปกว่า หากมองผิวเผิน การแข่งขันครั้งนี้เป็นเพียงการพนันกันเล่น ๆ เท่านั้น ดังนั้น หากหัวหน้าจะปฏิเสธก็ถูกหลักการ พระพันปีจึงไม่ได้รับสั่งอันใดอีก

การพนันเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ ตอนนี้

เซี่ยวอวี่เซียนกับปรมาจารย์หมากรุกนั่งอยู่ในห้องโอ่อ่าแห่งหนึ่ง ซึ่งมีข้ารับใช้คนสนิทของพระพันปียืนมองการแข่งขันอยู่หน้าประตู แล้วกล่าวรายงานทุกฝีก้าว

ภายในห้องโถงหลัก มีหมากสีดำกับขาวขนาดใหญ่วางตามผลการรายงานของข้ารับใช้พระพันปี เพื่อให้ผู้คนเชยชม

ผู้คนในห้องโถงหลักจึงพากันมองอย่างระทึกขวัญ

การพนันครั้งใหญ่ด้วยเงินห้าสิบล้านตำลึง คาดว่าชีวิตนี้คงได้เห็นแค่ครั้งนี้แล้ว

พวกเขาอยากเห็นเซี่ยวอวี่เซียวพ่ายแพ้อย่างอเนจอนาถ

ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าปรมาจารย์หมากรุกกลับเป็นฝ่ายรับ

ทุกครั้งที่เซี่ยวอวี่เซียนวางหมาก จะทำให้ปรมาจารย์เจอทางตัน ทว่ากลับไม่กำจัดหมากของเขาทันที ประหนึ่งแมวหยอกเย้าหนูเล่นอย่างไรอย่างนั้น

ทุกคนงงเป็นไก่ตาแตก

“เกิดอันใดขึ้น? ไม่ใช่ว่าเซี่ยวอวี่เซียนเล่นหมากรุกไม่เป็นหรอกหรือ? เหตุใดจึงเก่งกาจปานนี้?หรือเขาจะเหมือนคุณหนูสามกู้ ที่แกล้งเป็นสุกรแล้วมากลืนกินพยัคฆ์”

“เป็นไปไม่ได้กระมัง พวกเราอยู่กับเซี่ยวอวี่เซียนมานานเพียงนี้ หรือเจ้ายังไม่รู้ว่าเขาเล่นหมากรุกไม่เป็นจริง ๆ ”

“โอ้สวรรค์ ไม่ใช่ว่าคุณหนูสามกู้จะใช้เวลาเพียงหนึ่งจอกชา สอนเขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญหรอกนะ?”

“ลำพังเวลาหนึ่งจอกน้ำชา คาดว่าเซี่ยวอวี่เซียนคงไม่รู้วิธีการเล่นด้วยซ้ำ จึงไม่ต้องพูดถึงเรื่องเอาชนะปรมาจารย์หมากรุกเลย”

สีหน้าองค์หญิงตังตังย่ำแย่ถึงขีดสุด เดินวนไปเวียนมาด้วยความร้อนรุ่มกลุ้มใจ แทบอยากจะผลักประตูเข้าไปดูเหตุการณ์ในห้องให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย

สีหน้าพระพันปีก็ไม่ได้ดีกว่าเลย เนื่องจากด้วยความตื่นเต้นและตึงเครียด ฝ่ามือจึงมีเหงื่อซึมออกมา

หากแพ้ ไม่เพียงแต่เอาหยกจันทร์เสี้ยวคืนไม่ได้ ยังต้องเสียเงินห้าสิบล้านตำลึงอีกด้วย

นั่นมันเงินห้าสิบล้านตำลึงเชียวนะ ถึงจะยกสมบัติพัสถานของพระนางออกมาจนหมดก็อาจจะไม่ถึงยอดห้าสิบล้านตำลึงก็เป็นได้

อาจารย์สวีมองไปยังอาจารย์หรงด้วยแววตาตกตะลึงพรึงเพริด “เซี่ยวอวี่เซียนไปเก่งมาตอนไหน? หลายวันก่อนตอนเรียนวิชาหมากรุก เขายังไม่เป็นอะไรเลย”

อาจารย์หรงก็มีคำตอบเต็มท้องเช่นกัน