เมื่อครู่นี้ที่เซียวจื่อเซวียนเข้ามาในห้องครัว ก็เห็นพี่สะใภ้ใหญ่นั่งห่อเหี่ยวอยู่ตรงนั้น หยาดน้ำตาพรั่งพรูออกมาไหลอาบข้างแก้มราวกับสายน้ำท่วมทะลักก็มิปาน ที่สำคัญคือประกายสิ้นหวังและอ้างว้างในดวงตาพี่สะใภ้ใหญ่ ปราศจากสีสัน ไม่มีชีวิตชีวาแม้แต่น้อย
เซียวจื่อเซวียนกลัว!
เขากุมมือเซี่ยยวี่หลัวไว้แน่น มือของนางเย็นเยียบ ไม่มีความอุ่นสักนิด เซียวจื่อเซวียนกุมมือของนางไว้ในฝ่ามือแน่น พยายามใช้ความอบอุ่นของตัวเองเพิ่มความอบอุ่นให้มือของเซี่ยยวี่หลัว รวมถึงหัวใจที่เศร้าโศกเสียใจจนเย็นเยียบนั่นด้วย
พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเป็นอะไรไป?
กวั่นซื่อหลับไปครู่หนึ่ง ก็ตื่นขึ้นมา เมื่อนางตื่น กลุ่มคนข้างนอกก็กินเสร็จแล้วเช่นกัน แต่ละคนดื่มจนเมา ดื่มอย่างสุขใจ เซียวหย่งถึงกับตบอกตัวเองพร้อมเรียกเซี่ยยวี่หลัวว่าน้องสาว บอกว่าต่อไปหากมีเรื่องอะไรให้ไปหาเขาได้
เซี่ยยวี่หลัวมอบซองแดงให้คนละหนึ่งซอง ส่งพวกเขาออกไปด้วยความเคารพ
นี่เป็นธรรมเนียมในการสร้างบ้าน เงินในซองไม่ได้สำคัญว่าจะมากน้อย ที่สำคัญคือทำเป็นพิธี เพื่อความโชคดีและสิริมงคล
พวกเซียวหย่งเซียววั่งล้วนได้รับค่าแรงแล้ว เมื่อเห็นซองแดงอีก ต่างก็ดีใจเสียยิ่งกว่ากระไร ไม่สำคัญว่าเงินในนั้นจะมากน้อยเพียงใด ที่สำคัญคือเจ้าของบ้านให้เกียรติพวกเขา จากการปลูกเรือนครั้งนี้ ชื่อเสียงของเซี่ยยวี่หลัวในหมู่บ้านสกุลเซียวก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
ปลูกเรือนเสร็จแล้ว เลี้ยงอาหารช่างสร้างบ้าน จัดเลี้ยงบรรดาแขกเหรื่อเสร็จ ความคึกคักก็สิ้นสุด
เรื่องหลังจากนั้นคือการเก็บกวาดตัวบ้าน เห็นเซียวจิ้งยี่บอกว่า อีกสองวันจะมีคนนำโต๊ะหนังสือและชั้นวางตำรามาส่ง เซี่ยยวี่หลัวจึงไปในตัวเมือง เพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น
ผ้าปูเตียงและผ้านวมในห้องของเซียวยวี่ล้วนใช้ไม่ได้แล้ว
ถึงแม้ว่าใกล้จะเข้าฤดูร้อน ผ้านวมหนาคงไม่ได้ใช้ แต่อย่างน้อยก็ต้องซื้อผืนบางมาหนึ่งผืน ฤดูร้อนตอนกลางคืนอากาศเย็น ห่มด้วยผ้านวมผืนบางจะได้ไม่เป็นหวัดง่าย ยังมีปลอกผ้านวมอีก ยุคนี้ผ้าปูเตียงส่วนใหญ่ไม่มีปลอกแบบเข้าชุดให้ เซี่ยยวี่หลัวคิดจะไปซื้อผ้าสักสองผืน กลับมาทำเอง ทำแบบเข้าชุดกัน
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว วันรุ่งขึ้นเซี่ยยวี่หลัวจึงเข้าไปในตัวเมือง นอกจากนั้น ก็นำซีโหยวจี้เล่มสองที่ตัวเองเขียนเสร็จแล้วไปด้วย
เซี่ยยวี่หลัวพาเด็กสองคนไปที่ฮวาหม่านยีก่อน ไหว้วานให้ฮวาเหนียงช่วยดูแลเด็กสองคน นางเข้าไปในห้องข้างๆ เพื่อเปลี่ยนเป็นชุดบุรุษ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องหนังสือซานเว่ย
ห้องหนังสือซานเว่ยที่เดิมทีแทบไม่มีคนมาเยือน บัดนี้กลับมีผู้คนเดินเข้าออกขวักไขว่
ช่วงแรกหลิ่วสวินเหมี่ยวตีพิมพ์ออกมาเพียงสองร้อยเล่ม ขอเพียงมีคนมาห้องหนังสือซานเว่ย หลิ่วสวินเหมี่ยวก็จะแนะนำซีโหยวจี้ สองวันแรกยังต้องแนะนำ หลังจากผ่านไปสองวัน ก็เริ่มควบคุมสถานการณ์ไม่ค่อยได้เสียแล้ว
หนึ่งคนบอกต่อสิบ สิบคนบอกต่อร้อย หนังสือสองร้อยเล่มที่เพิ่งตีพิมพ์ออกมาใช้เวลาแค่สามวันก็ขายจนหมดเกลี้ยง สองร้อยเล่มชุดที่สองที่มาถึง ก็ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามก็ขายหมดแล้ว
หลังจากนั้นจึงรีบพิมพ์เพิ่ม ตีพิมพ์ออกมาหนึ่งพันเล่มก็ยังไม่พอขาย ไม่ใช่แค่เพียงในเมืองโยวหลันเท่านั้นที่ไม่พอ แม้แต่ในมณฑลกว่างชางก็ไม่อาจควบคุมความโด่งดังของซีโหยวจี้ได้
ในอำเภอกว่างชางมีร้านหนังสือเหยียนหรูยวี่ ไม่เพียงแต่ขายตำรา ทั้งยังแกะสลักและพิมพ์หนังสือ หลิ่วสวินเหมี่ยวไปพิมพ์ที่ร้านหนังสือเหยียนหรูยวี่
ซีโหยวจี้ที่ตีพิมพ์ออกมาก็วางขายที่ร้านนั้นจำนวนหนึ่งด้วย ผู้คนในอำเภอกว่างชางมีจำนวนมากกว่าในเมืองโยวหลันเสียอีก สุดท้ายแล้ว หนังสือที่พิมพ์ออกมา แม้แต่ในอำเภอกว่างชางก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการส่งไปขายที่เมืองโยวหลัน
เถ้าแก่ร้านหนังสือเหยียนหรูยวี่ก็มีสายตาเฉียบแหลม หลังจากอ่านหนังสือที่หลิ่วสวินเหมี่ยวนำมาก็มั่นใจเต็มเปี่ยมว่าหนังสือเล่มนี้ต้องได้รับความนิยมแน่ จึงออกเงินจ้างลูกจ้างชั่วคราวมาเพิ่มเจ็ดถึงแปดคนทันที แกะสลักไม้พิมพ์เพิ่มอีกห้าชิ้น ทำงานล่วงเวลาทั้งคืน เหนื่อยจนแทบทนไม่ไหว ทว่า เมื่อเห็นเงินที่ไหลมาเทมาอย่างไม่ขาดสาย ต่อให้เหนื่อยยากลำบากเพียงใดก็คุ้มค่าแล้ว
หลิ่วสวินเหมี่ยวก็เหนื่อยจนแทบหมดสิ้นเรี่ยวแรงเช่นกัน ทว่า ทั้งรู้สึกเหนื่อยและรู้สึกตื่นเต้น บัดนี้ในร้านมีผู้คนคับคั่ง ทุกคนล้วนมาเพื่อซื้อซีโหยวจี้และถามถึงเล่มต่อไป
หลิ่วสวินเหมี่ยวตอบกลับด้วยประโยคเดิมๆ “หลังวันที่ยี่สิบของเดือนนี้หนังสือเล่มต่อไปก็จะวางจำหน่าย หากต้องการ ถึงเวลาค่อยมาซื้อ! ”
คุณชายหลัวยวี่บอกไว้ ว่าซีโหยวจี้มีทั้งหมดสามเล่ม สามารถเขียนหมดได้ภายในสองเดือน ก็หมายความว่า เดือนนี้เขาจะส่งเล่มสองมา นับรวมเวลาในการแกะสลักและพิมพ์ออกมา ห้าวันก็เพียงพอแล้ว
เมื่อได้รับคำตอบ คนเหล่านั้นจึงออกไป พอได้ยินว่าต้องรออีกครึ่งเดือนกว่า ก็มีคนจำนวนไม่น้อยทอดถอนใจ อยากอ่านซีโหยวจี้ตั้งแต่ต้นจนจบในคราเดียว
หนังสือขายออกไปหมดแล้ว คนที่ซื้อเล่มแรกไม่ทัน พอได้ยินว่าต้องรออีกหลายวัน ก็ได้แต่กลับไปอย่างไม่พอใจนัก
ผ่านไปครู่ใหญ่ ห้องหนังสือที่ครึกครื้นจึงกลับสู่ความเงียบสงบดังเดิม
หลิ่วสวินเหมี่ยวนั่งอยู่ตรงที่นั่งด้วยความเหนื่อยจนแทบหมดแรง
ได้ยินเสียงกระดิ่งหน้าประตูดังขึ้น เขาก็กล่าวโดยไม่ลืมตาด้วยซ้ำ “ซีโหยวจี้เล่มแรกขายหมดแล้ว หากจะซื้อเล่มสอง หลังวันที่ยี่สิบของเดือนนี้ค่อยมา”
เสียงฝีเท้าหยุดลง คนที่มาไม่ได้กล่าวอะไร
หลิ่วสวินเหมี่ยวลืมตาขึ้น กำลังคิดจะกล่าวอีกรอบ ก็เห็นคนที่ตัวเองเฝ้ารอคอยอยากพบ หลิ่วสวินเหมี่ยวลุกขึ้นทันที “ท่านมาเสียที! ”
เซี่ยยวี่หลัวมาแล้ว
นางแย้มรอยยิ้ม “เมื่อครู่ข้าดูอยู่ข้างนอกครู่หนึ่ง กิจการไม่เลวเลย! ”
“แค่ไม่เลวเสียที่ไหน” บัดนี้เมื่อหลิ่วสวินเหมี่ยวเห็นเซี่ยยวี่หลัว ก็รู้สึกราวกับได้เห็นเทพแห่งโชคลาภก็มิปาน “ดีมากเลยต่างหาก นี่เพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งเดือนกว่า ก็ขายออกไปห้าพันถึงหกพันเล่มแล้ว ขอเพียงพิมพ์ออกมาได้ หนังสือนี่ก็จะถูกซื้อไปจนเกลี้ยงทันที”
เซี่ยยวี่หลัวส่งต้นฉบับมาในช่วงกลางเดือนค่อนท้ายของเดือนสี่ ขณะนี้เดือนห้าวันที่หกหรือเจ็ดแล้ว ผ่านไปเกือบครึ่งเดือน
เกือบครึ่งเดือนก็ขายหนังสือเล่มนี้ได้มากถึงเพียงนี้ เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย “ขายออกไปเยอะขนาดนี้เชียว? ”
นางไม่คาดคิดเลย ว่าจะขายได้มากถึงเพียงนี้!
เดิมทีนางคิดว่าขายได้สักหนึ่งพันเล่มก็ถือว่าไม่เลวแล้ว อย่างไรเสียคนในยุคโบราณที่รู้หนังสือก็มีไม่มากนัก
“หนังสือเล่มนี้ข้านำไปพิมพ์ที่อำเภอกว่างชาง ทางเขาเองก็วางขายจำนวนหนึ่งเหมือนกัน ขายทั้งสองที่ ทางนั้นได้รับความนิยมจนไม่เหลือมาขายทางนี้เลย! ”
เซี่ยยวี่หลัวพลิกเปิดดูหนังสือฉบับพิมพ์ที่หลิ่วสวินเหมี่ยวเก็บไว้เองหนึ่งเล่ม รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านไม่ได้ให้คนช่วยคัด? แต่แกะสลักและพิมพ์ออกมางั้นหรือ? ”
เช่นนั้นตัวอักษรที่แกะสลักและพิมพ์ออกมา ก็คือแบบอักษรจานฮวา
หลิ่วสวินเหมี่ยวส่ายหน้า “เปล่า ตัวหนังสือของสหายท่านดูดีถึงเพียงนั้น ข้าจึงยอมเสียเงินเพิ่มเพื่อให้ร้านหนังสือแกะสลักและพิมพ์ออกมา เช่นนี้ นิทานยังเป็นนิทานเดิม แม้แต่ตัวอักษรก็ยังเป็นรูปแบบเดิม”
ถึงเวลา หนังสือจะโด่งดังไปทั่วต้าเยว่ และแม้แต่ตัวหนังสือรูปแบบจานฮวาก็จะโด่งดังไปทั่วต้าเยว่
เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้กล่าวอะไร
หลิ่วสวินเหมี่ยวใช้มือทั้งคู่ถือต้นฉบับที่เซี่ยยวี่หลัวเขียน ยื่นส่งให้นาง “คุณชายโปรดเก็บไว้ อย่าลืมคืนให้สหายของท่าน กำชับเขา ว่าต้นฉบับนี้ คาดว่าในภายภาคหน้าจะกลายเป็นสมบัติล้ำค่า จะเลื่องชื่อไปชั่วกาล! ”
เลื่องชื่อชั่วกาล?
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มด้วยอาการเก้อเขิน อย่าดีกว่า เอากลับไปนางคงนำไปเผาต่างฟืน