บทที่ 137: โชคชะตาไม่ได้เข้าข้างฉัน

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 137: โชคชะตาไม่ได้เข้าข้างฉัน

“ฝ่าบาท พวกเขาคือคนรับใช้ของนายหญิงชาร์ล็อตจากตระกูลโซโรฟยา พวกเขาไม่รู้ถึงตัวตนของท่าน ดังนั้นโปรดอภัยพวกเขาหากพวกเขาแสดงการเสียมารยาท”

“อย่างนั้นรึ”

ในห้องรับรองของคฤหาสน์ของตระกูลแอสคาร์ด ตามบทบาทที่พวกเขาตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ นอร่าที่กำลังทำท่าทางให้ดูเหมือนประหลาดใจ ได้รีบซ่อนสายจูงในมือไปข้างหลังเพื่อให้พ้นจากสายตาของแขกผู้มาเยือน ซึ่งแอนนาเองก็ก้าวขึ้นไปข้างหน้าอย่างเป็นธรรมชาติเพื่อปกปิดนอร่า

แม้ว่าการประสานงานของพวกเขาจะไม่ยอดเยี่ยม แต่มันก็ค่อนข้างน่าทึ่งสำหรับปฏิกิริยาตอบสนองโดยกะทันหันของทั้งสอง อย่างไรก็ตามการกระทำของพวกเขากลับช่วยยืนยันความสงสัยของเกรซมากขึ้นเท่านั้น

“ใช่ ข้าเคยได้ยินเรื่องการหมั้นของเขาแล้ว พวกเจ้าสามารถดำเนินการต่อตามปกติไปได้เลย”

เกรซมองด้วยสายตาอันงุนงง ขณะที่นอร่าเดินมุ่งหน้าไปยังห้องนอนของโรเอลพร้อมกับสายจูง ทำให้การประเมินของเธอเกี่ยวกับโรเอล แอสคาร์ดก็ตกลงสู่ก้นบึ้งทันที

“นี่เป็นหนึ่งในความสามารถของเอสเซนด์วิง มันช่วยให้ฝ่าบาทนอร่าสามารถฉายภาพจำลองตัวเองผ่านเอสเซนด์วิงเพื่อไปหานายน้อยได้ พวกเขาทั้งสองเข้ากันได้ดีตั้งแต่พบกันครั้งแรก และมักจะแลกเปลี่ยนจดหมายกันทุกสัปดาห์ค่ะ”

หลังจากนอร่าออกไปแล้ว แอนนาก็ฝืนยิ้มออกมา พยายามอย่างเต็มที่เพื่อบรรเทาความอึดอัดในบรรยากาศ ซึ่งคนรับใช้คนอื่น ๆ ในคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดเองก็ทำตามแอนนาอย่างชาญฉลาดและพยายามหัวเราะออกมา

น่าเสียดายที่มันไม่สามารถเปลี่ยนความคิดในใจของเกรซได้อีกต่อไปแล้ว

เกรซคิดว่าการเคลื่อนไหวล่าสุดของตระกูลแอสคาร์ดบ่งบอกถึงความสนใจที่จะมีส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแวดวงการเมืองในจักรวรรดิเซนต์เมซิท ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ที่มากขึ้น ทว่าจากสิ่งที่เธอได้เห็นมาจนถึงตอนนี้ สถานการณ์น่าจะตรงกันข้าม

ราชวงศ์กำลังวางแผนที่จะควบคุมตระกูลแอสคาร์ดโดยจัดการกับผู้สืบทอดของพวกเขาอย่างโรเอล แอสคาร์ด! นั่นเป็นเหตุผลที่ราชวงศ์พยายามจะปกป้องเขาสุดความสามารถ!

ยิ่งเกรซคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นเท่านั้น

แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่สาวใช้ได้รับประสบการณ์โดยตรงเกี่ยวกับอิทธิพลอันท่วมท้นของผู้สืบทอดบัลลังก์แห่งจักรวรรดิเซนต์เมซิท แววตาของเธอที่ดึงสายจูงออกมานั้นทำให้บรรยากาศโดนรอบเปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขามและก้าวร้าว ไม่มีใครสามารถที่จะเอาชนะเด็กสาวคนนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีความสัมพันธ์ที่ผิดจารีตกับน้องสาวบุญธรรมของตน

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็ถึงช่วงเวลาบ่ายแก่ ๆ แล้ว

ขณะที่เกรซและคนอื่น ๆ กำลังจะจากไปพวกเขาก็บังเอิญเจอเข้ากับเด็กชายผมสีดำตาสีทองในห้องโถง

ปฏิเสธไม่ได้ว่ารูปลักษณ์ของโรเอลนั้นดูโดดเด่นแม้แต่กับเกรซ เด็กหนุ่มก็ทำให้เธอประทับใจในตัวเขาได้อย่างลึกซึ้ง แต่หลังจากผ่านทุกอย่างที่ได้เห็นมา เธอก็มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเด็กคนนี้เป็นเพียงแค่คนไม่ได้ความ สาวใช้เห็นอะไรมามากเสียจนไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนใจเธอได้อีกแล้ว

หลังจากใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงในการเก็บรายละเอียดเพิ่มเติม เกรซก็บอกลาแอนนา

“คุณเกรซคงจะเหนื่อยมากสินะคะ ที่ต้องเดินทางไป ๆ มา ๆ”

“คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอก มันเป็นหน้าที่ของดิฉันที่จะต้องดูแลเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ล่วงหน้าค่ะ”

อาจจะเป็นเพียงแค่จินตนาการของเธอ แต่เกรซคิดว่าแอนนาดูโล่งใจเล็กน้อยที่ได้ส่งเธอออกไปจากคฤหาสน์ ระหว่างที่สาวใช้กำลังเดินออกจากคฤหาสน์ไปพร้อมกับคณะของตระกูลโซโรฟยาคนอื่น ๆ เธอก็ได้เดินผ่านสาวใช้สองสามคนที่กำลังยุ่งอยู่กับการตากผ้าปูเตียงให้แห้ง

“ผ้าปูที่นอนวันนี้ทำความสะอาดยากกว่าปกติมากเลย”

“มีเลือดติดอยู่ด้วย นายน้อยรุนแรงกับนายหญิงเกินไปแล้ว”

“ชู่ว เบา ๆ สิ มีคนกำลังมาที่นี่! อย่าพูดเรื่องไร้สาระน่า”

การพูดคุยระหว่างสาวใช้เผยให้เห็นข่าวอันน่าตกใจ แต่เกรซก็มึนงงเกินกว่าจะโต้ตอบได้อีก เธอนึกถึงการเดินผิดธรรมชาติของเด็กสาวผมเงินที่เดินออกมาจากห้องของโรเอลพลางส่ายหัว

เมื่อรวบรวมผลการสังเกตการณ์ทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้ว เกรซก็ตัดสินใจได้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็จะไม่มีทางยอมให้ชาร์ล็อตต้องแต่งงานกับตระกูลแอสคาร์ดโดยเด็ดขาด!

คืนถัดมาในขบวนรถม้าสายธารแห่งอัญมณี

ชาร์ล็อตนั่งลงบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารชั้นดีที่ถูกปรุงอย่างประณีตโดยพ่อครัวระดับแนวหน้าของทวีปเซีย ทว่ามือของเธอกลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย โดยข้างหลังของเด็กสาวนั้น มีเกรซที่เพิ่งกลับมาถึงเมื่อครึ่งวันก่อน กำลังยืนอยู่พร้อมสีหน้าอันขมขื่น

ภายใต้บรรยากาศอันเคร่งขรึมนี้ พวกเธอ​ทั้งสองได้แต่ถอนหายใจอย่างหมดคำพูดในใจ

เกรซจำได้ดีว่าทันทีที่เธอมาถึง ชาร์ล็อตก็รีบออกจากรถม้าด้วยสีหน้ากังวลใจที่หาได้ยาก เพื่อต้อนรับเธอ น่าเสียดายที่สาวใช้กลับไม่ได้มีข่าวที่นายหญิงอยากจะได้ยินสักเท่าไหร่

เมื่อเกรซได้พบกับชาร์ล็อตที่ทั้งกังวลและหวาดกลัว แต่ก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง ทำให้สาวใช้รู้สึกเจ็บปวดราวกับมีมีดแทงทะลุหัวใจของตน เธอรู้ว่านายหญิงตัวน้อยคนนี้ต้องเดินออกจากอาณาเขตอันปลอดภัย เพื่อลองเชื่อมั่นในการหมั้นหมายครั้งนี้ ทว่าความเป็นจริงนั้นช่างโหดร้าย

ความเงียบเกิดขึ้นอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เกรซจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดออกมา เปิดเผยทุกสิ่งที่ตนเองได้ประสบที่คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด รวมถึงการพบกับโรเอล แอสคาร์ด อลิเซีย และนอร่า

นี่คือผลรวมของเหตุการณ์ทั้งหมด

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ศีรษะของชาร์ล็อตก็ก้มต่ำลงโดยที่เธอแทบจะไม่พูดอะไรอีกเลย บรรยากาศในห้องนั้นหนักอึ้งมากจนหายใจลำบาก สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างห้องต่างก็มีสีหน้าที่ไม่สบายใจ แม้แต่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 3 อย่างเกรซก็ยังพบว่ามันยากที่จะทนต่อแรงกดดันนี้

เกรซไม่เคยเห็นด้านนี้ของชาร์ล็อตมาก่อน เธอเคยเห็นเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ผู้เปราะบางและกลั้นน้ำตาอย่างดื้อรั้น เช่นเดียวกับนักธุรกิจอัจฉริยะที่มีเสน่ห์ดึงดูด คว้าโอกาสทางธุรกิจอย่างเด็ดขาด แต่สาวใช้ไม่เคยสีหน้าที่ดูพ่ายแพ้ขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ความยากลำบากที่เด็กสาวต้องเผชิญในดินแดนแห่งความโกลาหลก็แค่ทำให้เธอนอนไม่หลับบ้างเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอสูญเสียความอยากอาหารไปโดยสิ้นเชิง

“นายหญิง…”

เกรซรู้สึกว่าเธอต้องพูดอะไรบางอย่างกับชาร์ล็อต แต่สาวใช้ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปอย่างไร อีกฝ่ายเพียงแต่ส่ายหัวตอบอย่างเงียบ ๆ แสดงให้เห็นว่าเธอต้องการความสงบสำหรับตัวเอง

มีหลายครั้งที่ชาร์ล็อต โซโรฟยา รู้สึกว่าตนเองเป็นคนที่ถูกโชคชะตาทอดทิ้ง

‘ผู้ที่เปี่ยมไปด้วยพร ทั้งความมีสง่าราศี โชคลาภ และพรสวรรค์’ คนทั้งโลกต่างก็อิจฉาในสิ่งที่เธอมี แต่ทั้งหมดที่เด็กสาวรู้สึกมีเพียงแค่น้ำหนักของมันที่คอยบดขยี้จิตวิญญาณของเธอ โชคลาภของตระกูลโซโรฟยานั้นแลกมาด้วยราคา พ่อของเธอยุ่งเกินกว่าที่จะสามารถใช้เวลากินข้าวร่วมกันได้ และแม่ของชาร์ล็อตก็มักจะดูหมิ่นเธอ

ที่โต๊ะอาหารมีเพียงชาร์ล็อตและคนรับใช้เสมอ

แน่นอนว่าในฐานะสมาชิกของสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาอันมั่งคั่ง เด็กสาวไม่เคยขาดสิ่งใดมาก่อน เธอสามารถซื้อเสื้อผ้าที่พลเรือนธรรมดาไม่สามารถซื้อได้ แม้ว่าพวกเขาจะเก็บออมเงินมาตลอดชีวิตก็ตาม ที่อยู่อาศัยของเธอไม่มีวันซีดจาง เหนือเสียยิ่งกว่าพระราชวังของอาณาจักรอื่น ๆ อาหารของเธอถูกปรุงอย่างพิถีพิถันโดยพ่อครัวระดับแนวหน้าของทวีปเซียอยู่เสมอ องครักษ์ที่คอยดูแลความปลอดภัยของเธอเองก็เทียบได้กับราชองครักษ์ของอาณาจักรมหาอำนาจ

คนรอบข้างมักจะบอกว่าชาร์ล็อตได้รับพร ซึ่งเธอก็บอกตัวเองแบบนั้นเช่นกัน พยายามพอใจกับสิ่งที่ตนมี คิดแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ จนอายุ 6 ขวบ

ในช่วงเทศกาลเก็บเกี่ยว ชาร์ล็อตนั่งรถม้าอันสวยงามแล่นผ่านเมือง แต่แล้วทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นว่ามีเด็กคนหนึ่งกำลังถูกผลักไสไปมาท่ามกลางฝูงชน

เด็กคนนี้มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอในตอนนั้น เขาร้องขอความช่วยเหลือออกมาเสียงดัง ดึงความสนใจจากพ่อแม่ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนรีบวิ่งไปหาเด็กคนนั้น โดยคนพ่อคอยผลักฝูงชนออกไป ในขณะที่คนแม่อุ้มเด็กคนนั้นขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว

เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่

คนพ่อออกมาขอโทษอย่างสุดซึ้ง ต่อผู้คนที่เขาผลักไสไปก่อนหน้านี้ ในขณะเดียวกันคนแม่ก็ตีลงโทษเด็กที่พลัดหลงไปไกลจากพวกเขา อย่างไรก็ตามบางทีอาจเป็นเพราะเขากำลังกลัวที่จะพลัดหลงกับพ่อแม่ เด็กจึงยังร้องโวยวายเสียงดังต่อไป

ผู้เป็นพ่อถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่จะหยิบเหรียญทองแดงสองสามเหรียญ ซื้อลูกอมมาจากข้างถนนให้กับเด็กคนนั้น เมื่อได้รับลูกอมแล้วเขาก็หยุดร้องไห้และยิ้มออกมาในที่สุด หลังจากนั้นทั้งสามก็จับมือกันเดินหายตัวไปในฝูงชน

นั่นเป็นครั้งแรกที่ชาร์ล็อตซึ่งแทบจะไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับโลกภายนอกเลย ได้เห็นการปฏิสัมพันธ์ของครอบครัวอื่น ๆ มันอาจจะเป็นเหตุการณ์ธรรมดาที่แม้แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องก็คงจำไม่ได้ แต่มันกลับสั่นคลอนความเชื่อที่ชาร์ล็อตตัวน้อยยึดมั่นมาตลอด

ครอบครัวนั้นเป็นเพียงพลเรือนธรรมดา เสื้อผ้าของพวกเขาขาดรุ่งริ่ง และพวกเขาก็ไม่ได้มีเงิน จนต้องลังเลที่จะเอาเงินไปซื้อลูกอมข้างทาง กระนั้นพวกเขากลับมีความสุขได้ยังไง?

ชาร์ล็อตไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนั้น และเธอก็ไม่ได้ถามใครด้วย เด็กสาวเพียงแต่จ้องมองอย่างเงียบ ๆ ไปที่ร้านขนมที่คนพ่อซื้อลูกอมให้แก่เด็ก หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่งเธอเพิกเฉยต่อการคัดค้านของคนรับใช้รอบข้าง วิ่งลงจากรถเพื่อไปซื้อมันให้กับตัวเอง

ราคามันถูกมากเสียจนคนขายไม่สามารถหาเงินทอนให้ชาร์ล็อตได้ แม้ว่าเธอจะแบ่งเหรียญทองในมือออกเป็นสองส่วนแล้วก็ตาม

ลูกอมน้ำตาลนี้ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าน้ำตาลดิบที่ผ่านกระบวนการแปรรูป มันเทียบไม่ได้กับขนมอบชั้นดีที่เธอมีด้วยซ้ำ รูปร่างของมันมีสีดำดูไม่น่าดึงดูด อีกทั้งยังมีรสขมเล็กน้อย

แม้จะหวาน แต่รสชาติของมันกลับต่างกัน เมื่อถูกกินโดยคนที่แตกต่างกัน

ครอบครัวที่สมบูรณ์และมีความสุข ชาร์ล็อตเริ่มฝันที่จะมีของแบบนั้น

ครั้งหนึ่งระหว่างการเดินทางไปยัง จักรวรรดิออสทีน ชาร์ล็อตได้แอบเข้าไปเยี่ยมแม่ของเธอด้วยหัวใจอันสั่นเทา เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความคาดหวัง ทว่าแม่ของเธอกลับมองมาที่ชาร์ล็อตด้วยสายตาอันเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม นั่นเป็นครั้งแรกที่ความฝันของเธอได้พังทลายลง

และในวันนี้ ความฝันของชาร์ล็อตก็พังทลายลงเป็นครั้งที่สอง

ท้ายที่สุดโชคชะตาก็ไม่เข้าข้างเธอ

“นายหญิง ทุกสิ่งที่ดิฉันรายงานขึ้นอยู่กับมุมมองส่วนตัวของดิฉัน ดังนั้นมันยังเร็วเกินไปที่จะสรุป บางทีมันอาจเป็นแค่ความเข้าใจผิด…”

เกรซต้องการปลอบโยนชาร์ล็อต คำพูดของเธอจึงค่อย ๆ นุ่มนวลขึ้น และเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ เมื่อได้ยินเช่นนั้นชาร์ล็อตก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“มันเป็นสัญญาหมั้นเพื่อผลประโยชน์ของตระกูลขุนนาง ข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องอะไรจากโรเอล แอสคาร์ด เช่นเดียวกันกับที่เขาไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากข้า บางทีข้าคงไร้เดียงสาเกินไปที่เผลอคิดว่าจะฝากความหวังไว้กับคนแปลกหน้า”

ชาร์ล็อตพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้

การหวังว่าการแต่งงานทางการเมืองระหว่างตระกูลขุนนางจะจบลงด้วยความสุขนั้น ไม่ต่างอะไรไปจากการหวังให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น แม้ว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นในโลกนี้ แต่ใครบอกว่ามันจะเกิดขึ้นกับเธอล่ะ?

“นายหญิง ท่านคิดจะเช่นไร หากผลการสังเกตการณ์ของดิฉันถูกต้อง”

“ข้าจะขอยกเลิกการหมั้น”

“แต่โอกาสที่ตระกูลแอสคาร์ดจะตกลงคือ…”

ความคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันทำให้เกรซทำหน้าบึ้งด้วยความทุกข์ การเพิกถอนการหมั้นสามารถทำได้โดยได้รับความเห็นชอบจากทั้งสองฝ่ายเท่านั้น ตระกูลขุนนางสติดีที่ไหนจะสามารถต้านทานผลประโยชน์มหาศาลที่มาพร้อมกับสายใยแห่งการแต่งงานกับตระกูลโซโรฟยาได้กัน?

“ท้ายที่สุดการแต่งงานทางการเมืองนั้นมุ่งเน้นไปที่ผลประโยชน์ หากพูดถึงการเสนอผลประโยชน์แล้วล่ะก็ นั่นไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับข้าเลย”

ชาร์ล็อตตอบเกรซที่กำลังกังวลด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

“ถ้าเขาไม่ต้องการที่จะถอนหมั้น ข้าก็แค่ต้องเพิ่มเดิมพันจนกว่าเขาจะยอมจำนน”