ตอนที่ 142 ศัตรูบุกโจมตี? ศัตรูบุกโจมตี!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

สมาชิกทุกคนของทีมหลิงหลานต่างทดลองล่าสัตว์คนเดียวภายใต้การจัดการของหลิงหลาน ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ หลิงหลานรู้สึกว่าคนอื่นๆ ปรับตัวเข้ากับการล่าสัตว์ได้แล้ว ต่างฝ่ายต่างประสานความร่วมมือได้อย่างรู้ใจกันมาก ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจไม่ตามติดอีก

สาเหตุที่หลิงหลานออกปฏิบัติการกับพวกเขาหนึ่งอาทิตย์นั้น เหตุผลหลักคือเพื่อปกป้องพวกเขา กลัวว่าจะเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ไม่ใช่ว่าหลิงหลานไม่อยากไปล่าสัตว์อสูรที่มีระดับสูงกว่านี้คนเดียว แต่เสี่ยวซื่อบอกเธอว่า รอบๆ บริเวณมีกองหุ่นรบที่ทางค่ายส่งมาคุ้มครองพวกเขาอยู่ มีทั้งบนฟ้าและพื้นดิน อย่างไรก็ตาม ยิ่งเวลาผ่านไป จำนวนหุ่นรบก็ค่อยๆ ลดลง

หลิงหลานได้แต่รออยู่ในค่ายพักชั่วคราวด้วยความเสียใจ แต่เธอมีมิติการเรียนรู้อยู่เลยไม่ได้กังวลว่าจะเสียเวลาไปเปล่าๆ อย่างไรก็ตาม การกระทำของหลิงหลานกลับทำให้บรรดาผู้ควบคุมหุ่นรบที่คุ้มครองพวกเขาอยู่บนฟ้าไม่พอใจเอามากๆ

ยกตัวอย่างเช่น วันนี้หลิงหลานส่งพวกฉีหลงที่หน้าประตูฐานที่มั่นชั่วคราวแล้วก็เดินโซเซกลับมานอนในที่พักคนเดียว ภาพเฉื่อยชาไม่แสวงหาความก้าวหน้านี้ทำให้ผู้ควบคุมหุ่นรบที่รับผิดชอบความปลอดภัยของเขตนี้โมโหขึ้นมาทันที

“ให้ตายสิ ไอ้เด็กนี่แม่งเฮงซวยจริงๆ ไม่ออกไปล่าอีกแล้ว” ผู้ควบคุมหุ่นรบที่รับผิดชอบเขตนี้พูดกับเพื่อนร่วมทีมของเขาด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว

ในเวลานี้ผู้ควบคุมหุ่นรบไม่ได้ติดตามคุ้มครองหนึ่งทีมต่อหนึ่งคนอีกแล้ว หากแต่คุ้มครองตามขอบเขตการติดตามของเรดาร์ ขอเพียงทีมล่าสัตว์ใดๆ เข้าไปในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของเขา ก็ให้เขารับหน้าที่ปกป้องคุ้มครอง

ขอบเขตความรับผิดชอบของผู้ควบคุมหุ่นรบคนนี้ครอบคลุมฐานที่มั่นชั่วคราวพอดี ดังนั้นทุกครั้งที่เห็นหลิงหลานเอาแต่ใช้ชีวิตไร้ค่าจมอยู่กับความฝันไปวันๆ ในฐานที่มั่นคนเดียว เขาก็ไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง คิดว่าหลิงหลานทรยศต่อความคาดหวังของพวกเขา

“แต้มเครดิตของอีกฝ่ายยังใช้ไม่หมดเหรอ?” เพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งเก็บข้อมูลของทีมล่าสัตว์ในเขตความรับผิดชอบไปพลาง เอ่ยถามลวกๆ ไปพลาง มีเด็กมากมายที่ไม่มีความกล้าไปล่าสัตว์หากยังไม่ถึงช่วงเวลาสุดท้าย

“ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็คงไม่โมโหแล้ว รอให้เขาเผชิญหน้ากับทางตันก็พอ แต่ว่าไอ้เด็กสมควรตายนี่ใช้แต้มเครดิตไม่หมดหรอก คนของทีมพวกเขารับผิดชอบเลี้ยงเขาโดยไม่มีคำบ่นเลยสักนิดเดียว” ทันใดนั้นเสียงของผู้ควบคุมหุ่นรบที่ไม่พอใจหลิงหลานก็เปลี่ยนเป็นกลัดกลุ้มขึ้นมา “ต่อให้ทุกครั้งพวกเขากลับมาพร้อมกับบาดแผลเต็มตัว พวกเขาก็ยิ้มพลางส่งเหยื่อให้กับไอ้เด็กนั่น ให้เขาแลกเป็นแต้มเครดิตแล้วก็อยู่ในฐานที่มั่นต่อ”

เขาทั้งอิจฉาทั้งเจ็บปวดใจอยู่บ้าง เพื่อเพื่อนร่วมทีมที่ไม่คิดจะไปหาความก้าวหน้าแบบนี้ พวกเขาทำแบบนี้คุ้มแล้วเหรอ?

“เหอะ! ดูท่าไอ้หนูนี่จะมีความสัมพันธ์กับคนอื่นไม่เลวมากๆ เลยนะ” สามารถทำให้เพื่อนร่วมทีมเต็มใจเลี้ยงดูเขาได้ก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่ง ผู้ควบคุมหุ่นรบคนอื่นๆ อดอุทานด้วยความประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้

“หรือว่าเบื้องหลังของเด็กนั่นจะหนามาก?” แน่นอนว่ามีคนคิดถึงจุดนี้เหมือนกัน เป็นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่าที่ทำให้เด็กพวกนั้นไม่กล้าไม่ยอมเลี้ยงดูเขา?

“ฉันเคยถามหัวหน้าแล้ว หัวหน้าบอกว่าอีกฝ่ายไม่มีเบื้องหลังอะไรเลย เพียงแต่พ่อของเขาพลีชีพในสงครามกับจักรวรรดิฮิงูเระก่อนที่เขาจะเกิด” ผู้ควบคุมหุ่นรบที่รับผิดชอบเขตนี้ฝากให้หัวหน้าไปตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเด็กคนนี้นานแล้ว ก่อนจะพบว่าเบื้องหลังเขาธรรมดามาก ถึงขนาดที่ธรรมดากว่าพวกฉีหลงและลั่วล่างในทีมอีก

“บางทีเด็กพวกนั้นอาจจะสงสารที่เขาเป็นลูกของวีรบุรุษที่สละชีพเพื่อชาติเลยเลยอยากดูแลเอาใจใส่สักหน่อยก็เป็นเรื่องธรรมดาเหมือนกันนะ” มีคนอธิบายขึ้นมา

“ต่อให้อยากดูแลก็ไม่ควรดูแลแบบนี้ พวกเขามาเพื่อเห็นเลือดนะ ถ้าไอ้เด็กนี่ไม่ยอมเห็นเลือดไปตลอดกาลแล้วเขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ยังไงล่ะ? พวกเขาไม่รู้หรือไงว่าความจริงแล้วแบบนี้เป็นการทำร้ายเขา?” ผู้ควบคุมหุ่นรบที่รับผิดชอบเขตค่ายทหารรู้สึกเจ็บใจอยู่บ้างที่เหล็กไม่ยอมกลายเป็นเหล็กกล้าเสียที

“นายเป็นห่วงอะไรล่ะ ในเมื่อตัวเขาไม่อยากแข็งแกร่งขึ้น แล้วจะทำอะไรได้…” คำพูดของฝ่ายตรงข้ามยังไม่ทันเอ่ยออกมาจนหมด ทันใดนั้นเสียงเอ๊ะก็ดังขึ้น จากนั้นเขาก็เอ่ยถามด้วยความงุนงงว่า “พวกนายดูด้านบนสิ นั่นมันอะไรน่ะ?” ตอนที่เขากำลังค้นหาภาพเมื่อสักครู่นี้ ด้านบนก็คล้ายกับมีจุดแสงส่องกระพริบ เขาดึงภาพขึ้นมาก่อนจะพบว่าด้านบนปรากฏจุดแสงนับไม่ถ้วน แล้วก็อดส่งเสียงร้องตะโกนด้วยความตกใจออกมาไม่ได้

หุ่นรบที่กำลังบินอยู่บนฟ้าทั้งหมดรีบดึงภาพขึ้นมาแล้วพบว่ามีจุดแสงนับไม่ถ้วนร่วงลงมาจากในชั้นบรรยากาศจริงๆ

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงไม่มีรายงานจากหอบังคับการของค่ายทหารเลย?”

“หรือว่าศัตรูบุกโจมตี?”

“เป็นไปไม่ได้น่า…”

…………….

ในขณะที่พวกผู้ควบคุมหุ่นรบบนฟ้ากำลังสับสนอยู่นั้น หลิงหลานที่เข้าไปในมิติการเรียนรู้เพิ่งจะเริ่มฝึกฝนทักษะการต่อสู้มือเปล่าพื้นฐานของตัวเองไปได้ไม่นานก็สัมผัสได้ถึงสัญญานเรียกตัวอย่างรุนแรงจากด้านนอก เธอหยุดการฝึกฝนโดยไม่ลังเล เมื่อกลับไปที่ห้องโถงเรียนรู้ก็เห็นเสี่ยวซื่อทำหน้าร้อนใจกล่าวว่า “ลูกพี่ เมื่อตะกี้นี้ฉันสแกนบนท้องฟ้า และพบว่าดูเหมือนจะมีกองกำลังลึกลับบุกรุกเข้ามาในดาวดวงนี้แล้ว”

สีหน้าของหลิงหลานเปลี่ยนไป เธอรีบกลับไปที่โลกความเป็นจริง กระโดดพรวดออกจากเตียงแล้วพุ่งออกไป

เธอยืนอยู่บนลานกว้างของฐานที่มั่นชั่วคราว เงยหน้ามองไปบนฟ้าแล้วก็เห็นจุดแสงระยิบระยับอยู่บนฟ้ารางๆ

“เสี่ยวซื่อ ล็อกจุดแสงหนึ่งในนั้น แล้วซูมเข้าไป” หลิงหลานสั่ง

เบื้องหน้าหลิงหลานพลันปรากฏภาพระยะใกล้ของจุดแสงนี้ มันเป็นวัตถุโลหะขนาดใหญ่รูปทรงวงรีอันหนึ่ง เปลือกนอกมันขลับ คล้ายกับเป็นไข่ยักษ์ที่ทำจากโลหะ เธอดูไม่ออกว่ามันคืออะไร ความเร็วในการร่วงหล่นของพวกมันไม่ได้เร็วเลย ราวกับว่ามีแรงขับที่ผลักดันการต้านทานแรงดึงดูดของดาวเคราะห์ไว้

หลิงหลานนิ่วหน้า ทันใดนั้นเธอก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนจะรีบตะโกนว่า “เสี่ยวซื่อตรวจดูจากอวกาศได้หรือเปล่า?”

“นี่ต้องแฮคเข้าไปในเรดาร์ของที่นี่ ลูกพี่รอฉันไม่กี่วิ…” เสี่ยวซื่อกล่าวจบก็จากไป หลิงหลานนับเงียบๆ เมื่อเธอนับถึงเก้า ภาพตรงหน้าเธอพลันเปลี่ยนเป็นอวกาศนอกดาวดวงนี้

ในอวกาศไม่มีอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างสงบเงียบราวกับว่าวัตถุบินที่ไม่สามารถระบุได้พวกนี้โผล่ขึ้นในสายตาของพวกเขาอย่างไร้ที่มาที่ไป

“อีกฝ่ายอาจจะใช้ระบบพรางตัวเพื่อหลบหลีกความสามารถในการค้นหาของเรดาร์ก็ได้ ดังนั้นก็เลยไม่ถูกพบ” เสี่ยวซื่ออธิบาย “ฉันจะลองปรับเปลี่ยนระบบค้นหาของเรดาร์พวกเขาดู…” สิ่งที่เรียกว่าพรางตัวไม่ใช่การพรางตัวจริงๆ มันเพียงแต่มองทะลุระบบค้นหาของเรดาร์อีกฝ่ายและทำการเตรียมตัวหลีกเลี่ยงไว้เท่านั้น ถ้าแก้ระบบค้นหาแล้วก็จะแก้ไขปัญหาข้อนี้ได้

เสี่ยวซื่อเพิ่งจะกล่าวจบ หลิงหลานก็เห็นยานแม่ขนาดมหึมาสองลำ รวมไปถึงยานคุ้มกันสี่ลำโผล่ขึ้นมาในมุมหนึ่งของอวกาศที่กว้างใหญ่ไพศาลฉับพลัน เวลานี้ท่าปล่อยจรวดของยานแม่กำลังปล่อยวัตถุโลหะทรงวงรีเหล่านี้ออกมาไม่ขาดสาย ยานคุ้มกันสี่ลำกระจายกันคุ้มกันสี่ทิศด้วยความระมัดระวังโดยที่ให้ยานแม่สองลำอยู่ตรงกลาง

“ค้นหาพิกัดของพวกเขา…”

ยานอวกาศทั้งหมดในภาพเริ่มหมุน ทันใดนั้นเองตรงส่วนท้ายอีกด้านหนึ่งของยานพลันปรากฏพระอาทิตย์สีแดงโลหิตเข้ามาในสายตา….

“จักรวรรดิฮิงูเระ….” แววตาของหลิงหลานหดลงฉับพลัน ในใจรู้สึกว่าท่าไม่ดีแล้ว จากนั้นก็รีบพูดว่า “เร็วเข้า ส่งภาพไปให้หอบังคับการของค่ายทหาร….”

“ส่งไปแล้ว” เสี่ยวซื่อส่งภาพไปที่หอบังคับการของค่ายทหารในชั่วพริบตา

แววตาของหลิงหลานปล่อยจิตสังหารขึ้นมา จักรวรรดิฮิงูเระ นั่นเป็นตัวการหลักที่สังหารหลิงเซียวพ่อของเธอ เดิมทีเธอคิดว่าต้องรอให้เธอโตเป็นผู้ใหญ่ก่อนถึงจะมีโอกาสฆ่าคนของจักรวรรดิฮิงูเระเพื่อล้างแค้นได้ ไม่นึกเลยว่าการที่เธอมาดาวลึกลับดวงนี้กลับได้โอกาสแบบนี้มา

หลิงหลานย่อมรู้ดีว่า การที่อีกฝ่ายหาที่นี่เจอน่าจะเป็นเพราะภายในสหพันธรัฐเองก็เกิดปัญหาขึ้นมาเหมือนกัน ก็เหมือนกับตอนที่หลิงเซียวถูกสังหารในครั้งนั้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าครั้งนี้พวกเขาเล็งเป้าหมายที่ใคร

…………

เมื่อหอบังคับการของค่ายทหารได้รับภาพที่เสี่ยวซื่อส่งมา พวกเขาก็ดึงสัญญาณเตือนภัยทันที….เสียงเตือนภัยดังลั่นไปทั่วทั้งค่าย ทหารที่พักผ่อนอยู่ทั้งหมดพุ่งออกมาฉับพลันแล้วพากันหยิบอาวุธของตัวเอง รวมไปถึงหุ่นรบของตัวเองด้วย

ส่วนบรรดาผู้ควบคุมหุ่นรบบนฟ้าที่กำลังตรวจสอบพวกจุดแสงที่ไม่รู้จักในชั้นบรรยากาศก็ได้รับเสียงแจ้งเตือนจากหอบังคับการว่าศัตรูบุกโจมตี

“คำเตือน นี่เป็นการโจมตีของศัตรู…! คำเตือน นี่เป็นการโจมตีของศัตรู!”

“เตรียมตัวต่อสู้!” เสียงเย็นเยียบของหัวหน้าดังขึ้นในช่องสื่อสารสาธารณะ

“ครับ!” หุ่นรบทั้งหมดติดอาวุธครบเครื่อง มองไปยังพวกวัตถุบินได้นับไม่ถ้วนที่กำลังค่อยๆ ร่วงลงมาบนดาวของพวกเขาด้วยความงุนงง พวกเขารอแค่คำสั่งของหัวหน้าเท่านั้นแล้วก็จะพุ่งเข้าไป

ในเวลานี้เอง เหล่าลูกเสือที่กำลังล่าสัตว์ก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนให้กลับไปที่ค่ายพักหรือว่าฐานที่มั่นที่ใกล้ที่สุด

เมื่อฝ่ายตรงข้ามตกลงมาถึงระดับความสูงหนึ่ง หุ่นรบประเภทติดปีกหรือว่าหุ่นรบฮิวแมนนอยด์ที่สามารถบินได้ในค่ายทหารต่างก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า จัดขบวนรบรอคอย

………..

ในอวกาศ ผู้บัญชาการยานแม่ที่ปล่อยไข่โลหะยักษ์เสร็จแล้วกำลังสังเกตภาพเบื้องล่างที่ส่งกลับมาอย่างละเอียดรอบคอบ เมื่อเขาเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามสังเกตเห็นและทำการเตรียมตัวโจมตีแล้ว เขาก็พูดพลางตบโต๊ะด้วยความโกรธเกรี้ยวทันที “บากะ[1] ทำไมพวกมันถึงพบแผนการพรางตัวโจมตีทางอากาศของเราได้? ไอ้ระยำหน้าไหนขายพวกเราออกไป?”

เดิมทีพวกเขาคิดจะโจมตีอีกฝ่ายที่ไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่นึกเลยว่าจะต้องเผชิญหน้ากับฉากการโจมตีแบบนี้ เขารู้สึกเจ็บปวดใจ คนที่เข้าร่วมการลอบโจมตีในครั้งนี้มีกองทัพหุ่นรบระดับหัวกะทิที่โดดเด่นที่สุดของจักรวรรดิฮิงูเระของพวกเขาด้วย ถ้าเกิดการล้มตายโดยไม่คาดฝันเพราะเหตุนี้เข้า จะต้องเป็นการสูญเสียอย่างร้ายแรงแน่นอน

ผู้บัญชาการคนนี้ย่อมไม่รู้ว่า เหตุผลที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามทำการเตรียมตัวเป็นเพราะเสี่ยวซื่อ สิ่งมีชีวิตปัญญาประดิษฐ์อันน่ามหัศจรรย์ที่มาจากดาวแมนโดรา…

“โจมตี!” เมื่อหอบังคับการออกคำสั่งนี้ หุ่นรบที่จัดขบวนอยู่บนฟ้าทั้งหมดก็สาดยิงออกไประลอกแรก ไข่โลหะที่อยู่ด้านล่างสุดถูกแรงกระสุนอันรุนแรงสายนี้ยิงใส่จนระเบิด พวกมันไม่มีแรงขับต้านแรงดึงดูดก็ร่วงลงไปด้านล่างทันที พวกหุ่นรบที่จัดขบวนไม่สนใจวัตถุที่ตกลงไปพวกนี้ ทุกคนรู้ว่าดูจากความเร็วในการตกแบบนี้แล้ว ต่อให้ข้างในมีอุปกรณ์ป้องกันอยู่ ถึงจะไม่ตายก็แทบจะตายมิตายแหล่แล้วเหมือนกัน

ภาพเหล่านี้ส่งกลับไปที่อวกาศอีกครั้ง ผู้บัญชาการได้แต่ตะโกนคำว่า ‘บากะบากะ’ เท่านั้น ทว่าอับจนหนทาง ในเมื่อเรื่องมาถึงสถานการณ์แบบนี้แล้ว ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถคิดหาวิธีแก้ไขได้อีกต่อไป

“ท่านครับ ให้พวกเขาทำลายเปลือกนอกแล้วออกปฏิบัติการได้หรือเปล่าครับ?” ทหารฝ่ายเสนาธิการที่อยู่ข้างกายปาดเหงื่อบนหน้าผาก โค้งตัวกล่าวเตือน ในเมื่อไม่มีโอกาสลอบโจมตีแล้ว ก็ทำได้เพียงต่อสู้อย่างเปิดเผยเท่านั้น

“ซาโนะคุงเตือนได้ถูกต้อง ถ่ายทอดคำสั่งปฏิบัติการลงไป” ในที่สุดผู้บัญชาการคนนี้ก็ใจเย็นลง

“ไฮ้[2]!”

เมื่อสั่งการลงไป ไข่โลหะที่ร่วงลงมาทั้งหมดก็กะเทาะเปลือกออกมาเองทีละใบ หุ่นรบสีดำแต่ละตัวรวมไปถึงพระอาทิตย์สีแดงโลหิตบนหน้าอกทำให้ผู้ควบคุมหุ่นรบของสหพันธรัฐทั้งหมดที่กำลังโจมตีอยู่ด้านล่างเดือดดาลขึ้นมา

“ระยำ มันเป็นหุ่นรบ!”

 “ไอ้จักรวรรดิฮิงูเระสมควรตาย!”

“แม่งเอ๊ย ฆ่าพวกมัน…ล้างแค้นให้พลตรีหลิงเซียว!” ไม่รู้ว่าใครในหมู่ผู้ควบคุมหุ่นรบที่เป็นคนเอ่ยคำพูดประโยคนี้ แต่ว่ามันได้รับความรู้สึกแค้นเคืองต่อศัตรูคนเดียวกันจากผู้ควบคุมหุ่นรบทั้งหมด

………………………………………………………………..

[1] คำจากภาษาญี่ปุ่นหมายถึง บ้า ติงต๊อง งี่เง่า

[2] คำจากภาษาญี่ปุ่นหมายถึง ครับ ใช่ รับทราบ