การที่พลตรีหลิงเซียวเสียชีวิตภายใต้แผนการร้ายของจักรวรรดิฮิงูเระเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและเจ็บใจของผู้ควบคุมหุ่นรบทุกคน พวกเขาเคยคิดวิ่งไปที่สนามรบเพื่อล้างแค้นจักรวรรดิฮิงูเระ แต่พวกเขาเป็นทหาร ต้องเชื่อฟังการจัดการของทางกองทัพ พวกเขามาที่ดาวลึกลับแห่งนี้เพื่อบุกเบิก แต่ความแค้นในใจไม่ได้หายไปเลย และตอนนี้จู่ๆ ก็เห็นฆาตกรที่แค้นชิงชังปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขา ผู้ควบคุมหุ่นรบแทบจะทุกคนต่างรู้สึกเดือดดาลขึ้นมา
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้ว่านี่เป็นการสู้รบด้วยชีวิต เป็นสงครามที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!
ปืนใหญ่ในมือผู้ควบคุมหุ่นรบของสหพันธรัฐสาดยิงออกไปอย่างบ้าคลั่งโดยไม่จำเป็นต้องมีคำสั่ง มหาสงครามเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ เสียงปืนใหญ่ดังขึ้นพร้อมกันบนท้องฟ้า แน่นอนว่าหุ่นรบของจักรวรรดิฮิงูเระไม่มีทางยอมรับชะตากรรมแบบนี้ ต่อให้ไม่สามารถบังคับหุ่นรบให้หลบปืนใหญ่ได้ในเวลาสั้นๆ แต่ช่วงเวลาสุดท้ายพวกเขาก็ยกปากกระบอกปืนขึ้นมายิงสวนกลับ
เขม่าควันตลบอบอวลไปทั่วทั้งสนามรบ มีหุ่นรบหลายตัวถูกทำลายร่วงตกลงมาในการโจมตีแต่ละรอบ มีหุ่นรบของสหพันธรัฐ แต่ที่มีเยอะไปกว่านั้นก็คือหุ่นรบของจักรวรรดิฮิงูเระ
หุ่นรบพวกนั้นนำพาควันโขมงรวมไปถึงเปลวไฟที่ลุกโชนร่วงลงมาจากบนท้องฟ้าแล้วกระแทกลงกับพื้นอย่างหนักหน่วง ต่อให้หลิงหลานอยู่ห่างจากใจกลางสงครามก็สัมผัสได้ว่าพื้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนเธอยืนไม่มั่นคงอยู่บ้าง
หุ่นรบที่ตกลงมาพวกนั้นเกิดการระเบิดขึ้นบนพื้นเป็นครั้งที่สองจนถึงขนาดเป็นครั้งที่สาม เศษชิ้นส่วนแตกกระจายปลิวว่อน สะเก็ดไฟพุ่งไปทั่วทุกทิศทาง แรงระเบิดมหาศาลทำให้ต้นไม้รอบๆ หักโค่นลงมาจนถึงขั้นขุดรากถอนโคนขึ้นมา มีต้นไม้มากมายติดไฟจากสะเก็ดไฟที่พุ่งไปรอบๆ ก่อนจะลุกไหม้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว…..
ป่าดึกดำบรรพ์ที่เดิมทีเงียบสงบตกอยู่ท่ามกลางเปลวไฟควันหนาทึบจากการล่วงล้ำของไฟสงคราม สัตว์อสูรด้านในคล้ายกับสัมผัสได้ถึงวิกฤติครั้งใหญ่ พวกมันเริ่มร่วมกันก่อจลาจลขึ้นมา
หุ่นรบฮิงูเระที่ร่วงลงมาเริ่มเข้าใกล้พวกหุ่นรบของสหพันธรัฐที่กำลังโจมตีอยู่กลางอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้เอง หอบังคับการของค่ายทหารก็ถ่ายทอดคำสั่งใหม่อีกครั้งว่า “คำสั่งเวลานี้ หน่วยหุ่นรบทางอากาศทั้งหมดออกปฏิบัติการ!”
คำสั่งนี้ก็เป็นการยืนยันแล้วว่าสงครามนี้ได้เข้าสู่การต่อสู้ประจัญบานอย่างรุนแรงที่สุดแล้ว การชี้ขาดผลของสงครามในครั้งนี้ต้องดูว่าความสามารถของผู้ควบคุมหุ่นรบประเทศไหนแข็งแกร่งมากกว่า
เดิมทีโลกนี้ก็เป็นโลกของผู้แข็งแกร่งเป็นที่เคารพ มีเพียงการแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายเท่านั้น คุณถึงจะมีสิทธิรอดชีวิตต่อไปได้
เมื่อบรรดาผู้ควบคุมหุ่นรบของสหพันธรัฐได้รับคำสั่งนี้ก็ทยอยกันบังคับหุ่นรบของตัวเองบินไปหาพวกหุ่นรบของจักรวรรดิที่กำลังจะมาถึง จากนั้นก็เห็นหุ่นรบสีน้ำเงินขาวกับหุ่นรบสีดำเข่นฆ่าพัวพันกันอยู่บนท้องฟ้าของดาวดวงนี้
……
ผู้บัญชาการสูงสุดในค่ายทหารเห็นยานอวกาศจอดลอยอยู่ในอวกาศบนหน้าจอเบื้องหน้าตน ในใจก็บันดาลโทสะขึ้นมา เขาเขวี้ยงเครื่องรับวิทยุสื่อสารในมือกระแทกลงกับพื้นแรงๆ จนมันแตกกระจายในชั่วพริบตา
เขากล่าวด้วยความเดือดดาลว่า “บัดซบ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าพวกนี้อยู่ ฉันจะให้หุ่นรบน่ารังเกียจพวกนี้ร่วงลงมาบนพื้นง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง…แม่งเอ๊ย ตอนนี้ได้แต่พึ่งหน่วยหุ่นรบต้านทานพวกมันแล้ว”
นายทหารฝ่ายเทคนิคที่อยู่ควบคุมเครื่องรับวิทยุสื่อสารอีกฝั่งแอบปาดเหงื่อเย็นๆ ที่ไหลออกมา เขาลอบยินดีที่ตัวเองมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก ปิดฟังก์ชั่นทุกอย่างของเครื่องรับวิทยุสื่อสารก่อนที่ผู้บัญชาการจะปามันลงพื้น ไม่ทำให้หูของเพื่อนร่วมรบได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจนสูญเสียความสามารถในการรบไป
ที่แท้ศูนย์บัญชาการลับของดาวดวงนี้ได้ติดตั้งปืนใหญ่ป้องกันทางอากาศไว้ แต่เป็นเพราะการคุกคามของยานอวกาศของอีกฝ่ายที่อยู่ในอวกาศ ทำให้ผู้บัญชาการสูงสุดไม่กล้าทำการโจมตีกลับ นี่ทำให้เขาท้อแท้ใจมากอย่างไม่ต้องสงสัย และก็เป็นเหตุผลที่เขาโมโหเช่นกัน
ผู้บัญชาการแทบจะยืนยันได้ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่หุ่นรบของจักรวรรดิฮิงูเระเหล่านี้จะเป็นเหยื่อล่อที่ฝ่ายตรงข้ามใช้ล่อให้พวกเขายิงปืนใหญ่ป้องกันทางอากาศออกมา หลังจากที่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามคือจักรวรรดิฮิงูเระ ผู้บัญชาการก็รู้ดีว่าต่อให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับพิกัดของดาวดวงนี้มา แต่ก็ไม่รู้ที่อยู่ของศูนย์บัญชาการลับพวกเขาโดยละเอียด
ถ้าหากอีกฝ่ายรู้ที่อยู่ของศูนย์บัญชาการพวกเขาแล้วละก็ พวกมันไม่มีทางให้หุ่นรบร่อนลงมาลอบโจมตีก่อนแน่นอน พวกมันจะต้องให้ยานอวกาศยิงปืนใหญ่ใส่รังบัญชาการของพวกเขาสักรอบทันทีที่เข้ามา เมื่อเป็นแบบนี้ พวกทหารของสหพันธรัฐที่ไม่มีศูนย์บัญชาการย่อมจัดกลุ่มต้านทานที่มีประสิทธิภาพอะไรไม่ได้ พวกมันก็จะสามารถยึดครองดาวดวงนี้ได้อย่างง่ายดายแน่นอน
ถ้าหากเขาไม่พบยานอวกาศของอีกฝ่ายละก็ มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะสั่งให้ศูนย์บัญชาการยิงปืนใหญ่ป้องกันทางอากาศออกไป เขาเหมือนกับมองเห็นผลลัพธ์สุดท้ายแล้ว ยานอวกาศของจักรวรรดิฮิงูเระทั้งหลายนั้นจะฉวยโอกาสนี้คว้าที่ซ่อนของพวกเขาไปได้ จากนั้นก็จะใช้ปืนใหญ่ของยานอวกาศทั้งหมดสาดยิงเข้ามาทำลายที่นี่ให้สิ้นซาก ทำให้พวกเขาไม่เหลือแม้กระทั่งศพ
ผู้บัญชาการคิดถึงตรงนี้ ในใจก็นึกกลัวอยู่บ้าง โชคดีที่สุดท้ายเรดาร์ทำงานได้ยอดเยี่ยม ค้นหายานแม่ที่ซ่อนตัวพวกนั้นได้ และทำให้เขาเข้าใจเจตนาชั่วร้ายของอีกฝ่ายได้ในพริบตา ไม่ได้สั่งการผิดพลาดลงไป
ผู้บัญชาการเก็บงำอารมณ์ไว้ก่อนจะหันหน้าไปถามเสนาธิการที่อยู่ข้างกายว่า “หน่วยสนับสนุนจะมาถึงเมื่อไหร่?” ถึงแม้เขาจะมองเจตนาชั่วร้ายของอีกฝ่ายออก แต่ว่าสถานการณ์ยังคงไม่สู้ดีมากๆ
“กองยานรบที่ใกล้พวกเรามากที่สุดอยู่ที่เขตฉนวนมิสรี ต่อให้รีบมาด้วยความเร็วสูงสุดก็น่าจะต้องใช้เวลาประมาณสิบชั่วโมงครับ” เสนาธิการรีบรายงาน
“ยื้อไว้สิบชั่วโมงเหรอ?” ผู้บัญชาการสูงสุดขมวดคิ้วแน่น ใคร่ครวญดูว่าหน่วยหุ่นรบที่มีอยู่ในตอนนี้จะสามารถประคับประคองไว้สิบชั่วโมงได้หรือเปล่า
“ผู้การครับ ยังมีข่าวร้ายอีกเรื่องที่ต้องแจ้งคุณ….” ตอนที่เสนาธิการได้รับข่าวล่าสุดจากทหารฝ่ายเสนาธิการคนอื่นๆ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นย่ำแย่เช่นกัน “ เมื่อสักครู่นี้ทางกองทัพส่งข่าวมาว่า มีกองยานรบของจักรวรรดิฮิงูเระอยู่ในเขตดาววีนัส”
ผู้บัญชาการสูงสุดรีบกดแผนที่ดาวบนหน้าจอ เปรียบเทียบระยะห่างระหว่างสองที่ก่อนจะอดสบถคำว่าเชี่ยออกมาไม่ได้! เนื่องจากระยะห่างในการมาถึงที่นี่ของฉนวนมิสรีกับเขตดาววีนัสแทบจะเหมือนกันเลย หรือพูดอีกอย่างก็คืออีกสิบชั่วโมงให้หลัง ฝ่ายตรงข้ามก็จะได้รับการสนับสนุนจากประเทศตัวเองเช่นกัน
“นายรีบติดต่อกับทางกองทัพ ให้พวกเขาส่งกองรบเข้ามามากขึ้น ไม่ว่าจะช้ามากแค่ไหน พวกเราจะต้องยืนหยัดจนถึงสุดท้ายให้ได้!” ผู้บัญชาการกล่าวคำพูดประโยคนี้จบก็หันตัวออกไปจากหอบังคับการ ทำให้เสนาธิการที่กำลังจัดการคำสั่งพวกนี้ตกใจขึ้นมา “ผู้การ คุณจะไปไหนครับ?”
“ไปไหน? ไปสู้สิ จะให้ฉันรอโง่ๆ อยู่ที่นี่หรือไง? ทหารของฉันกำลังรบอย่างกล้าหาญอยู่นะ” ผู้บัญชาการถลึงตาด้วยความโกรธ เขาเดินเข้าไปในแท่นยกของหอบังคับการก่อนจะลงมาที่พื้นด้านล่างโดยไม่รอให้เสนาธิการห้ามปราม
เขาปีนขึ้นไปบนหุ่นรบของตัวเองด้วยความคล่องแคล่ว หลังจากที่ติดเครื่องยนต์แล้วก็บังคับหุ่นรบให้บินไปยังสนามรบบนฟ้า ด้านหลังมีหน่วยหุ่นรบคุ้มกันของเขาตามมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน…ผู้การที่ต้องคุ้มครองไปสนามรบแล้ว พวกเขาย่อมไม่อาจอยู่ข้างหลังได้
“แค่ก หมอนี่มันไม่มีความรับผิดชอบเกินไปแล้ว!” เสนาธิการเห็นผู้บัญชาการพุ่งไปที่สนามรบก็ตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ อย่างไรก็ตามเขาก็ทำได้แค่เอ่ยปากประท้วงเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับผู้บัญชาการที่คลั่งไคล้การต่อสู้แล้ว เขาก็ได้แต่ยอมรับชะตากรรมที่โชคร้ายของตัวเองจัดการงานที่ตามมาทีหลังให้เขา
………..
“บากะ! ฝ่ายตรงข้ามไม่ยิงปืนใหญ่ป้องกันทางอากาศ แต่ดันตัดสินใจให้หุ่นรบตะลุมบอนกันตรงๆ เนี่ยนะ พวกเขาเชื่อมั่นผู้ควบคุมหุ่นรบของตัวเองขนาดนี้เลยเหรอ? พวกนายคิดว่าไง?” ผู้บัญชาการที่อยู่บนยานแม่ในอวกาศเห็นแผนการของพวกเขาล้มเหลวอีกแล้ว กลยุทธ์ที่เดิมทีคิดว่าสมบูรณ์แบบมาก ตอนนี้กลับไม่ได้ผลเลยสักอย่าง นี่ทำให้เขากลุ้มใจและโมโหมาก
“ท่านโปรดวางใจเถอะครับ หนึ่งในผู้ควบคุมหุ่นรบที่ดำเนินแผนการโจมตีทางอากาศในครั้งนี้มีหน่วยหุ่นรบไพ่ราชาของจักรวรรดิเราอยู่ด้วย ขอเพียงพวกเขาลงสู่พื้นสำเร็จ ผู้ควบคุมหุ่นรบของฝ่ายตรงข้ามไม่มีทางเป็นคู่มือของพวกเขาแน่นอน” ทหารฝ่ายเสนาธิการที่อยู่ด้านข้างรีบพูดขึ้น มอบความมั่นใจที่ใหญ่ที่สุดให้กับผู้บัญชาการ “พวกเขาต้องปฏิบัติการตัดศีรษะสำเร็จแน่นอน!”
มีกลยุทธ์มากมายหลายประเภท พวกเขาเองก็คิดถึงสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยต่างๆ นานาเหมือนกัน ขอเพียงหน่วยหุ่นรบไพ่ราชาลงสู่พื้นได้สำเร็จก็จะทำการปฏิบัติการตัดหัวได้ หาศูนย์บัญชาการของฝ่ายตรงข้ามและทำลายมัน ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถสั่งการได้ และก็รวมกลุ่มทำการต้านทานที่มีประสิทธิภาพอะไรไม่ได้เหมือนกัน
“โยช[1]! หวังว่าพวกเขาจะไม่ทำให้จักรวรรดิฮิงูเระอันยิ่งใหญ่ของเราขายหน้านะ” ผู้บัญชาการรู้สึกว่าสถานการณ์อยู่ในการควบคุมอีกครั้ง
……
บนดาวเคราะห์ เวลานี้ได้ยินเพียงเสียงตูมของปืนใหญ่นับไม่ถ้วนเท่านั้น ฐานที่มั่นชั่วคราวเองก็มีเสียงเตือนการป้องกันทางอากาศดังขึ้นมาผสานกัน ทหารที่ประจำการบางคนกำลังสั่งคนที่ไม่ได้ต่อสู้ให้ไปหลบตรงจุดป้องกันการโจมตีทางอากาศที่ใกล้ที่สุด แน่นอนว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดคือช่วยเหลือเหล่าลูกเสือที่ตกใจกลัวในฐานที่มั่น
“เวรเอ้ย เธออย่าวิ่งมั่วๆ สิ รีบกลับเร็วเข้า!” ทหารที่ประจำการของฐานที่มั่นกำลังรวบรวมค้นหาพวกลูกเสือที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในฐานที่มั่น เมื่อเขาเห็นหลิงหลานกำลังมองไปรอบๆ ตรงทางเข้าฐานที่มั่น เขาก็ตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความร้อนใจทันที
ทันใดนั้นเองบนฟ้าก็มีลูกปืนใหญ่หนึ่งที่ไม่รู้ว่าลอยมาจากไหนร่วงลงมา นายทหารกระโจนเข้าไปด้วยความร้อนรน…เขารู้สึกเพียงร่างกายโดนอะไรบางอย่างฉุดรั้งไว้ ทำให้เปลี่ยนเป็นกลิ้งไปอีกทางแทนก่อนจะร่วงลงไปในท่อระบายน้ำที่ทางค่ายที่พักขุดออกมาทันที
“ปัง!” ลูกปืนใหญ่ระเบิดขึ้นอีกทางด้านหนึ่ง แต่พวกเขากลับไม่บาดเจ็บเลยสักนิดเดียวเนื่องจากตกลงไปในท่อระบายน้ำ นายทหารเงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นตะลึง จากนั้นก็เห็นร่างเล็กกำลังหมอบอยู่ตรงหน้าเขา
“พี่ชาย ขอบคุณที่ช่วยผมไว้นะครับ” หนุ่มน้อยหล่อเหล่างดงามคนนั้นทำหน้าเคร่งขรึม ทว่ามองออกถึงความซาบซึ้งใจอย่างหาใดเปรียบจากในสายตาเขา
ถึงแม้ว่านายทหารรู้สึกว่าแปลกว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศเอง แต่เพราะแบบนี้ถึงช่วยพวกเขาสองคนไว้ได้จริงๆ เขาได้แต่ลูบศีรษะด้วยความงุนงงและกล่าวว่า “ไม่เป็นไรก็ดี! ไม่เป็นไรก็ดี!”
หลังจากนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้แล้วกล่าวว่า “ทำไมเธอไม่ไปที่จุดป้องการการโจมตีทางอากาศ?” ค่ายที่พักแจ้งพิกัดจุดป้องกันการโจมตีทางอากาศทั้งหมดให้กับเหล่าลูกเสือตั้งแต่ช่วงเวลาแรก ให้พวกเขาเลือกหลบซ่อนในจุดป้องกันการโจมตีทางอากาศที่ใกล้ที่สุด เพราะกลัวว่าพวกลูกเสือจะตกใจกลัวจากฉากการต่อสู้ที่โหดร้ายแบบนี้ ดังนั้นจึงส่ง กองกำลังปฏิบัติการภาคพื้นดินเข้ามารวบรวมค้นหาเหล่าลูกเสือ นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงปรากฎตัวในฐานที่มั่น
“ผมอยากไป แต่ว่ากำลังตรวจสอบทิศทาง ยืนยันพิกัดอยู่ครับ” หลิงหลานบอกเหตุผลที่ปกติสุดขีด เมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์กะทันหัน มันง่ายมากที่จะหลงทิศทางตกอยู่ในความสับสน
นายทหารเห็นลูกเสือที่เป็นแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ดังนั้นจึงชี้ไปยังทิศทางหนึ่งและกล่าวว่า “เธอเดินไปทางนี้ แล้วก็ดูหมายเลขพิกัดบนอุปกรณ์สื่อสารก็หาจุดป้องกันการโจมตีทางอากาศเจอแล้ว”
“ขอบคุณนะครับ พี่ชาย งั้นผมไปก่อนนะครับ!” หลิงหลานทำท่าเคารพของลูกเสือให้เขาด้วยความซาบซึ้งใจ แล้วก็กระโดดขึ้นจากท่อระบายน้ำก่อนจะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
นายทหารดึงหมวกของตัวเอง จากนั้นก็ก้มตัวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เขาต้องตรวจสอบสถานที่ถัดไป หลังจากที่เดินย่องด้วยความระวังแบบนี้ไปได้หลายสิบเมตร เขาก็พลันตระหนักขึ้นได้ว่า การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายยังคล่องแคล่วว่องไวกว่าเขาอีก….
……………………………………………………..
[1] มาจากภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “โอเค” “ดี” “ใช่แล้ว” เป็นคำอุทานที่ผู้พูดคิดว่าสิ่งที่ตั้งใจเป็นไปตามแผน หรือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปตามที่หวัง