ตอนที่ 144 โอกาส! ลงมือ!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

หลิงหลานไม่ได้เลือกไปจุดป้องกันการโจมตีทางอากาศแห่งนั้น ทว่าเธอแอบย่องไปที่จุดอับสายตาแห่งหนึ่งของฐานที่มั่น ในที่สุดเธอก็ติดต่อฉีหลงได้อีกครั้งภายใต้การช่วยเหลือของเสี่ยวซื่อ “ฉีหลง ตอนนี้พวกนายอยู่ที่ไหนแล้ว?”

“ลูกพี่หลาน ในที่สุดก็ติดต่อนายได้สักที ตอนนี้พวกเรากลับไปไม่ได้แล้ว” ฉีหลงเอ่ยด้วยเสียงหัวเราะเจื่อนๆ

“เกิดอะไรขึ้น?” หลิงหลานถามด้วยความตกใจ

“ถนนที่พวกเรากลับไปตอนนี้กลายเป็นสนามรบไปแล้ว!” เสียงฟันอย่างรุนแรงดังมาจากฝั่งฉีหลง เสียงดุเดือดจนแทบจะกลบเสียงของฉีหลงลงไป

“หุ่นรบต่อสู้กันนี่!” หลิงหลานได้ยินเสียงนั้นก็รู้แล้วว่าคืออะไร

“ใช่แล้ว ไม่ใช่แค่นั้น…เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!” เสียงระเบิดรุนแรงของปืนใหญ่ดังขึ้นตรงฝั่งของฉีหลง “ลูกพี่ พวกเราต้องรีบถอยแล้ว ไม่อย่างนั้นจะถูกลมดาบของพวกเขาฟันจนกลายเป็นชิ้นๆ ได้”

เสียงหอบหายใจหนักๆ ดังออกมาจากในอุปกรณ์สื่อสารอย่างรวดเร็ว ดูท่า พวกฉีหลงกำลังวิ่งอย่างสุดชีวิต พยายามหนีออกจากสนามรบอันน่าหวาดหวั่นแห่งนั้น เวลานี้หลิงหลานกระวนกระวายใจมาก ลอบคับแค้นใจว่าทำไมเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย

“เข้าไปต่อไม่ได้แล้ว เข้าไปก็เป็นเขตสัตว์อสูรระดับ F แล้ว” เสียงของหานจี้จวินดังขึ้นจากอุปกรณ์สื่อสารอีกฝั่งหนึ่ง

“พวกนายเข้าไปในเขตสัตว์อสูรระดับ G แล้ว?” หัวใจของหลิงหลานรู้สึกว่าท่าไม่ดีแล้ว

“อื้อ สนามรบขยายตัวเร็วมากเกินไป พวกเราได้แต่ถอยหลบไปข้างหลัง แต่ยังดีที่พวกสัตว์อสูรระดับ G ก็ถูกสงครามนี้ขู่ขวัญจนหนีไปแล้ว” เสียงของฉีหลงแฝงไปด้วยความยินดี ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็หนีลึกเข้ามาขนาดนี้ไม่ได้เหมือนกัน

“อย่าวิ่งต่อนะ สัตว์อสูรพวกนั้นเปลี่ยนเป็นอันตรายมากขึ้นแล้ว” หลิงหลานเอ่ยด้วยความร้อนรน

เสียงวิ่งตะบึงทางฝั่งนั้นค่อยๆ ช้าลงจนในที่สุดก็หยุดนิ่ง หลังจากนั้นเสียงของฉีหลงก็ดังเข้ามาอีก แน่นอนว่ามันแฝงไปด้วยความไม่เข้าใจ “ลูกพี่หลาน นายหมายความว่ายังไง”

“พวกมันโดนไฟสงครามที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้บีบจนใกล้จะคลั่งแล้ว” หลิงหลานได้รับคำเตือนจากเสี่ยวซื่อ บอกว่าพวกสัตว์อสูรในขอบเขตการเฝ้าตรวจตราของเขาตอนนี้ดวงตาแดงฉานทั้งสองข้างแล้ว ราวกับมีความเอียงเอนไปยังการเข้าสู่สภาวะคลั่ง

“อ้อมสนามรบได้ไหม?” หลิงหลานรีบถามอีก

“ไม่ได้แล้ว สนามรบแผ่ไปทั่วทั้งเขตสัตว์อสูรระดับ G แล้ว ไม่ว่าจะอ้อมไปทางไหนก็ต้องผ่านเขตระดับ F” คนตอบคือหานจี้จวิน เขาให้ความสนใจกับสถานการณ์ของสนามรบมาตลอด รู้ดีว่าสนามรบในตอนนี้แทบจะลุกลามไปที่เขตระดับ G และระดับ H หมดแล้ว ดังนั้นหากพวกเขาอยากอ้อมสนามรบกลับไปยังฐานที่มั่นชั่วคราว ก็ได้แต่เดินทางจากเขตสัตว์อสูรระดับ F แล้ว

หานจี้จวินจนปัญญามาก ดูจากความสามารถของพวกเขาแล้ว หากคิดจะผ่านเขตระดับ F โอกาสรอดตายมีน้อยมากแน่นอน ไม่ต่างกับการข้ามผ่านจากสนามรบของหุ่นรบเท่าไหร่เลย

“ลูกพี่ วางใจเถอะ ถ้าสบโอกาสพวกเราจะรีบลงมือ ตอนนี้เราต้องหาที่ดีๆ ไว้ซ่อนตัวก่อน ลูกพี่เองก็รีบไปหลบที่จุดป้องกันการโจมตีทางอากาศ” ฉีหลงบอกการตัดสินใจของพวกเขาให้หลิงหลานฟัง เขารู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ ต่อให้หลิงหลานแข็งแกร่งอีกแค่ไหนก็แก้ไขอะไรไม่ได้เหมือนกัน

สงครามหุ่นรบที่กินขอบเขตกว้าง มีพลังทำลายล้างมหาศาลแบบนี้ ลูกเสือที่ใช้ได้แค่ทักษะการต่อสู้ระดับต่ำอย่างพวกเขาก็เป็นได้แค่มดเท่านั้น พวกฉีหลงไม่อยากให้หลิงหลานมีอันตราย ถึงขนาดที่รู้สึกดีใจเล็กน้อยที่หลิงหลานไม่ได้ออกมาล่าสัตว์กับพวกเขา ไม่ต้องติดอยู่ที่นี่ด้วยกัน

“เอาล่ะ พวกนายรีบหาที่ซ่อนตัวให้เร็วที่สุด ใช่แล้ว เปิดอุปกรณ์สื่อสารไว้นะ ฉันจะติดต่อพวกนายไม่เป็นเวลา” หลิงหลานสั่งเสร็จก็วางสายของอุปกรณ์สื่อสารทันที

หลิงหลานขมวดคิ้วมุ่น เธอรู้ดีว่าพวกผู้ควบคุมหุ่นรบของสหพันธรัฐที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดในสงครามนั้นไม่มีเวลามาคำนึงถึงลูกเสือเหล่านี้แล้ว พูดอีกอย่างก็คือ สุดท้ายพวกฉีหลงจะเป็นหรือตายก็ขึ้นอยู่กับดวงของพวกเขาแล้ว

“ให้ตายเถอะ! ฉันต้องไปหาพวกเขา!” หลิงหลานตัดสินใจในชั่วพริบตา เธอไม่ใช่คนที่ชอบทิ้งเพื่อนร่วมรบหรอกนะ

หลิงหลานรู้ดีว่า ถ้าหากไฟสงครามแผ่ขยายต่อไปเรื่อยๆ พวกฉีหลงจะต้องถูกบีบให้เข้าไปในเขตสัตว์อสูรที่มีระดับสูงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เสี่ยวซื่อก็เตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า สัตว์อสูรที่นี่อยู่ในสภาวะบ้าคลั่งแล้ว พลังรบย่อมไม่เหมือนกับตอนเวลาปกติ ยิ่งพวกฉีหลงรั้งอยู่นาน สถานการณ์ของพวกเขาก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่ต้องสงสัย

ในใจหลิงหลานมีข้อตกลงใจแล้วก็แอบพุ่งออกไปจากฐานที่มั่นอย่างไร่สุ้มไร้เสียง ทหารที่กำลังซุ่มอยู่ตรงหน้าทางเข้ารอคอยลูกเสือกลับมาคนนั้นรู้สึกเหมือนตาฝาดไปเท่านั้น ราวกับว่ามีเงาสายหนึ่งผ่านแวบสายตาของเขาไป เขามองซ้ายมองขวาแต่ก็ไม่พบใครสักคน

“ฉันตาฝาดไปหรือไง? ดูท่าควันหนาทึบรอบๆ จะส่งผลต่อทัศนวิสัยของฉันแล้ว….” นายทหารทำได้เพียงอธิบายแบบนี้ ทิ้งเงาที่ผ่านวูบนั้นไปให้พ้นจากสมอง ไม่คิดถึงมันอีก

หลิงหลานพุ่งเข้าไปในเขตล่าสัตว์อสูรระดับ H อย่างรวดเร็ว เคลื่อนไหวคล่องแคล่วว่องไวราวกับลิงในป่าที่มืดสลัวจนแทบจะมองไม่เห็นแสงมากเท่าไหร่นัก เธอพุ่งติดต่อกันหลายที เหยียบไปบนกิ่งไม้เหนือศีรษะทะยานออกไปอย่างรวดเร็วราวกับภาพเบลอ แวบผ่านไปในชั่วพริบตาจนเหลือเงาไว้ระหว่างลำต้นของต้นไม้กับต้นไม้ แล้วก็ลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล ไม่มีเสียงเลยสักนิดเดียว

เมื่อรุดหน้าไปได้ประมาณสองกิโลเมตร หลิงหลานก็หยุดนิ่งลงฉับพลัน คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันน้อยๆ แต่ไม่นานเธอกระโดดขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะตกลงไปบนพุ่มไม้แห่งหนึ่งอย่างไร้สุ้มไร้เสียง จากนั้นก็หลบเข้าไปซ่อนตัวในนั้น

หลิงหลานเพิ่งจะอำพรางร่างตัวเองไว้ เวลานี้เองบนท้องฟ้าไม่ไกลจากที่หลิงหลานอยู่ มีหุ่นรบขนาดมหึมาสองตัว ปะทะกันกลางอากาศอย่างรุนแรง หลังจากนั้นก็สูญเสียการควบคุมร่วงลงมาพร้อมกัน

พวกมันกระแทกลงมาอย่างรุนแรงในป่าที่ห่างจากหลิงหลานไปสองร้อยเมตร เกิดการสั่นสะเทือนอย่างมหาศาลและนำพาลมพายุหอบหนึ่งขึ้นมา พริบตาเดียวต้นไม้รอบๆ บริเวณที่มันตกลงมาก็ถูกทำลายจนยับเยิน สุดท้ายตรงบริเวณที่ห่างจากจุดที่หลิงหลานซ่อนตัวอยู่ประมาณไม่ถึงสิบเมตรก็ถูกทำลายจนสิ้นซาก

หลิงหลานคล้ายกับเตรียมใจกับเรื่องนี้ไว้แล้ว จึงไม่ได้รับผลกระทบเลย เธอเก็บงำกลิ่นอาย หมอบอยู่ในพุ่มหญ้าโดยไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิดเดียว ชั่วพริบตาที่หลิงหลานอำพรางตัวนั้น เธอก็เข้าสู่สภาวะล่าเหยื่อ อารมณ์ดุจน้ำแข็ง ทำให้เธอหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสภาพแวดล้อมได้อย่างสมบูรณ์ ต่อให้อาจารย์หมายเลขหนึ่งในมิติการเรียนรู้มา ถ้าหากหลิงหลานยังไม่ขยับตัว เขาก็ค้นหาจุดซ่อนตัวของหลิงหลานยากมากเช่นกัน

บางทีหุ่นรบสองตัวอาจจะถูกชนจนพังแล้ว จึงไม่สามารถบังคับพวกมันให้ลุกขึ้นมาใหม่ได้ ห้องคนขับของหุ่นรบถูกเปิดออกแทบจะพร้อมกัน ผู้ควบคุมหุ่นรบสองตัวนั้นพุ่งออกมาจากในห้องคนขับพร้อมกัน

“เคร้ง!”เสียงกระทบกันของอาวุธเย็น[1]ดังก้องกังวาล ยืนยันว่าผู้ควบคุมหุ่นรบสองคนนี้ประมือกันอีกครั้งในชั่วพริบตา

ทั้งสองคนถูกพละกำลังของฝ่ายตรงข้ามดีดกลับไปพร้อมกันก่อนจะถอยร่นติดต่อกันไปหลายก้าว หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ยืนอย่างมั่นคง ต่างคนต่างกุมมีดสั้นในมือตัวเองไว้ ประจันหน้ากับอีกฝ่ายในระยะไกล รอคอยโอกาสครั้งต่อไป

ทั้งสองคนเว้นระยะห่างประมาณสิบเมตร ผู้ควบคุมหุ่นรบที่สวมชุดเครื่องแบบที่มีทั้งสีน้ำเงินและสีขาวคือคนของสหพันธรัฐ เนื่องจากหลิงหลานมองเห็นดาวห้าแฉกสีทองขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสหพันธรัฐบนหน้าอกเขา ส่วนอีกทางด้านหนึ่งคือผู้ควบคุมหุ่นรบของจักรวรรดิฮิงูเระซึ่งสวมชุดเครื่องแบบต่อสู้สีดำไปทั่วทั้งร่างเหมือนกับสีของหุ่นรบ จุดที่เด่นสะดุดตาเพียงหนึ่งเดียวก็คือพระอาทิตย์สีแดงโลหิตบนหน้าอก

ชุดเครื่องแบบต่อสู้ของผู้ควบคุมหุ่นรบเป็นชุดจั๊มสูท บนศีรษะยังมีหมวกนิรภัยที่ปิดทั้งหมด เครื่องแบบต่อสู้ชุดนี้เป็นอุปกรณ์ป้องกันที่ดีที่สุดของโลกใบนี้ มีดแหลมคมทั่วไปไม่สามารถแทงทะลุมันได้ แน่นอนว่ามีดสั้นติดมากับตัวผู้ควบคุมหุ่นรบเป็นโลหะชนิดพิเศษ ถึงแม้ว่ามันจะแทงทะลุชุดเครื่องแบบไม่ได้ทันที แต่ว่าถ้าเกิดแทงจุดเดียวกันซ้ำสามครั้งก็จะสามารถแทงทะลุชุดเครื่องแบบสร้างความเสียหายให้กับฝ่ายตรงข้ามได้

ทั้งสองคนคุมเชิงกันอยู่หลายวินาที หลังจากนั้นร่างของพวกเขาก็พุ่งออกไปแทบจะพร้อมกัน

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!…ประมือไปสิบกว่าท่า ทั้งคู่ต่อสู้กันได้สูสีมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อโจมตีติดต่อกันหลายครั้ง ก็ทำให้พลังกายของทั้งสองคนใช้หมดไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานลมหายใจของพวกเขาสองคนก็เริ่มไม่มั่นคง

เดิมทีพวกเขาก็บังคับหุ่นรบให้ต่อสู้กลางอากาศมาครึ่งวันแล้ว ต่างฝ่ายต่างเผาผลาญเรี่ยวแรงของมากเกินไปแล้ว เมื่อร่วงลงมาบนพื้นก็ทำการต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ว่าจิตใจหรือว่าเรี่ยวแรงต่างก็ถึงขั้นเข้าตาจนแล้ว ก็ต้องดูว่าใครจะหมดกำลังใจก่อนกัน

หลิงหลานที่รอคอยด้วยความอดทนก็หยิบกิ่งไม้บนพื้นที่ยาวเท่านิ้วมือขึ้นมาคีบไว้ในร่องนิ้วอย่างเงียบเชียบ รอสองคนนั้นโจมตีอีกครั้งด้วยความเยือกเย็น

ในที่สุดชายสองคนนั้นก็ชูมีดแหลมคมในมือขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะพุ่งไปหาฝ่ายตรงข้ามอีกครั้งด้วยความเร็วสูง….

โอกาสดี!

หลิงหลานใจกระตุก สะบัดข้อมือฉับพลัน กิ่งไม้ที่อยู่ตรงระหว่างนิ้วก็ซัดใส่ผู้ควบคุมหุ่นรบของจักรวรรดิฮิงูเระราวกับลูกธนูก็ไม่ปาน

หลิงหลานย่อมรู้ว่าอาศัยแค่กิ่งไม้ในมือไม่อาจแทงทะลุชุดเครื่องแบบต่อสู้ของอีกฝ่ายได้แน่นอน ดังนั้น เป้าหมายของเธอคือจุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวของชุดเครื่องแบบต่อสู้ ตรงส่วนคอนี่เอง!

ถึงแม้ว่าดูจากภายนอกแล้ว ทั่วทั้งร่างของผู้ควบคุมหุ่นรบถูกชุดเครื่องแบบต่อสู้ปกคลุมไว้ แต่ความจริงแล้ว บางครั้งมันจะเผยช่องว่างที่ไม่ได้ถูกปิดไว้ออกมาเล็กน้อยในบางองศา ยกตัวอย่างเช่น ผู้ควบคุมหุ่นรบเงยหน้าขึ้น หมวกนิรภัยกับชุดเครื่องแบบต่อสู้ด้านล่างจะปรากฏช่องว่างที่แทบจะมองไม่เห็นออกมา…..

หลิงหลานที่คลานอยู่ในพุ่มหญ้า มองจากด้านล่างขึ้นไปข้างบนก็เห็นช่องว่างเล็กๆ นี้พอดี การสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ ของหลิงหลานในเวลานี้ก็เพื่อหาโอกาสที่จะโจมตีที่เดียวจอด และความอดทนของหลิงหลานก็รอมาจนถึงโอกาสนี้ในที่สุด

กิ่งไม่เรียวเล็กมาอย่างเงียบเชียบและกะทันกัน และบางทีผู้ควบคุมหุ่นรบของจักรวรรดิฮิงูเระอาจจะไม่คาดคิดว่าที่นี่ยังมีผู้ล่าที่โหดเหี้ยมอยู่หนึ่งคน ดังนั้นความสนใจทั้งหมดของเขาจึงไปอยู่บนตัวผู้ควบคุมหุ่นรบของสหพันธรัฐ ไม่ได้ป้องกันจิตสังหารจากภายนอกเลย

เขารู้สึกแค่เพียงตรงคอเจ็บปวดขึ้นมาฉับพลัน มือที่เดิมทีคิดจะต้านทานมีดสั้นของอีกฝ่ายหยุดชะงักไปทันที

การหยุดชะงักแบบนี้ทำให้เขาพลาดโอกาสสกัดกั้นที่ดีที่สุดไป เขาเห็นกับตาว่าหน้าอกของตัวเองถูกมีดสั้นของอีกฝ่ายเสียบเข้ามาอย่างหนักหน่วง เขาตกใจจนหน้าถอดสี อยากจะถอยหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่าเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็เกิดขึ้น เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายได้

เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว เขาเห็นอีกฝ่ายแทงมาที่หน้าอกเขาติดต่อกันสามครั้ง มองเห็นมีดสั้นเล่มนั้นเสียบเข้าไปในหน้าอกเขา มองเห็นเลือดของตัวเองสาดออกมาจากตรงหน้าอก…

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ความสามารถของพวกเขาสูสีกันชัดๆ ไม่ว่าใครก็เอาชนะอีกคนไม่ลงเหมือกัน…ทำไมช่วงเวลาสุดท้ายเขาถึงควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ล่ะ?

ผู้ควบคุมหุ่นรบของจักรวรรดิล้มลงไปด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ จนกระทั่งเขาตายก็ยังคิดไม่ออกว่าเขาตายได้อย่างไร ทำให้เขาถึงกับตายกลายเป็นผีที่สับสน

แน่นอนว่าสาเหตุที่ก่อให้เกิดเรื่องแบบนี้ต้องโทษที่หลิงหลานโจมตีได้อย่างเงียบกริบมากเกินไป และก็ประหลาดมากเกินไปเล็กน้อย เนื่องจากกิ่งไม้มีขนาดเรียวเล็ก ดังนั้นหลังจากที่ซัดใส่คอของอีกฝ่าย บาดแผลตรงนั้นก็มีเลือดหยดลงมานิดหน่อยเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ควบคุมหุ่นรบของจักรวรรดิฮิงูเระจึงไม่สังเกตเลยว่าเขาถูกคนลอบจัดการแล้ว

………………………………………………………….

[1] อาวุธที่ไม่ได้ใช้ดินปืน เช่น ดาบ มีด กระบี่