สีหน้าเยวี่ยเจ๋อซีดเผือด เขาจ้องหน้ากากโครงกระดูกสีดําน่ากลัวนั่น กล่าวด้วยเสียงสั่น ๆ ว่า “องค์ชายเยี่ย…”

เขามาทําอะไรที่นี่ ? และยังจับพี่ใหญ่  เอ๊ะ! หรือนั่นคือการโอบไว้ในอ้อมกอด ?

ดวงตาสีฟ้าเย็นเยือกมองจ้องเยวี่ยเจ๋อ ดั่งหมายจะกำจัดวิญญาณของเขาให้หมดสิ้น  แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังไม่ลงมือ กลายเป็นเงาดําค่อย ๆ อันตรธานหายไป

มู่เฉียนซีรีบกล่าว “เยวี่ยเจ๋อ เจ้าไม่ต้องห่วงข้า อีกไม่นานข้าจะรีบกลับไป”

เยวี่ยเจ๋อแข็งทื่อไปทั้งตัว นิ่งค้างอยู่ตรงนั้น  เขากําหมัดแน่น คิดอยากจะพุ่งเข้าไปทว่าใจไม่กล้าพอ

‘ไม่ต้องห่วง จะไม่ห่วงได้อย่างไรกันเล่า ?’

ชายผู้นั้นที่พานางไป ดูละม้ายคล้ายคลึงราวกับชาชิงของแคว้นจื่อเยี่ย

มีข่าวลือว่าเขามีนิสัยชอบฆ่าสังหารไม่เลือกหน้า ทั้งยังอารมณ์ไม่คงที่ต่างจากมนุษย์ ราวกับปีศาจที่ปีนขึ้นมาจากขุมนรก

ฆ่าคนเป็นซากกระดูกอย่างไม่เลือก ไม่ชอบคนหนึ่งกลับฆ่ายกครอบครัว

ในขณะที่คิดถึงอะไรไปเรื่อย จู่ ๆ พลันคิดถึงเมื่อครั้งแรกที่เขาไปท้าพี่ใหญ่ เสียงนั้นดังมาจากในรถม้า! คล้ายกับเสียงของซวนหยวนจิ่วเยี่ย

เขายังคงจําประโยคนั้นของเยี่ยอ๋องได้ ‘สตรีที่ข้าต้องปกป้อง’

เยวี่ยเจ๋อรู้สึกกลัดกลุ้ม แต่ไป ๆ มา ๆ ยิ่งแตกตื่นมากขึ้นไปอีก เขากล่าวอย่างตระหนก “ต้องไปหานายท่านสามแห่งตระกูลมู่!”

ไม่ว่าอย่างไร พี่ใหญ่ก็กำลังอยู่กับคนอันตราย เขาจะสบายใจได้หรือ ?

……

“ชายผู้นั้น… พาซีเอ๋อร์ไป” น้ำเสียงอ่อนโยนของมู่อวู่ซวง แผ่วเบาราวกับสายลมวสันตฤดู

เยวี่ยเจ๋อกล่าว “นายท่านสาม ข้าควรทําอย่างไรดีหรือ ?”

“ซีเอ๋อร์บอกว่าไม่เป็นไร เช่นนั้นนางจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน  อืม… แต่อย่างไรเสีย ข้าเองก็คาดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะอุ้มซีเอ๋อร์ไป  ข้าอยากตัดมือเขา  เปลี่ยนเขาให้กลายมาเป็นขันทีเสียจริง ๆ” มู่อวู่ซวงกล่าวอย่างช้า ๆ น้ำเสียงอ่อนโยนแฝงจิตสังหารอันเย็นยะเยือกไว้

— เพล้ง! —

แก้วลายครามในมือของมู่อวู่ซวง พลันกลายเป็นผุยผงไป

เยวี่ยเจ๋อมองใบหน้าผู้อาวุโสสามแห่งตระกูลมู่ที่เต็มไปด้วยความน่าหวาดกลัว พลางคิดในใจ ‘ชายที่กล้าลงมือกับพี่ใหญ่ เกรงว่าคงต้องผ่านด่านนายท่านสามไปให้ได้เสียก่อน’

“ไปทำธุระของเจ้าเถอะ”

“ขอรับ”

มู่อวู่ซวงก้มหน้าลงเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “ชายคนนั้น… เขากําลังวางแผนร้ายกับซีเอ๋อร์หรือไม่  คิดวางแผนร้ายอะไรกับตระกูลมู่ของข้ากันแน่ ?”

มู่อวู่ซวงอยู่แคว้นจื่อเยี่ยมาหลายปี ทุกคนในแคว้นเขามองออกหมด มีเพียงเยี่ยอ๋องผู้นี้เท่านั้นที่เป็นสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดอย่างหาที่เปรียบมิได้ ทุกการกระทำล้วนอ่านยาก

จิ่วเยี่ยพามู่เฉียนซีไปที่ห้องของเขา อุ้มนางไปยังเตียงนุ่ม ๆ  ใจก็นึกอยากจะถอดเสื้อผ้าของนางออก

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าใส่ยาเองได้ เจ้าช่วยหลีกไปหน่อยได้หรือไม่ ?”

จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงเย็นเยียบ “ข้าจะทำ”

— แควก! —

เสียงฉีกขาด แขนเสื้อของมู่เฉียนซีถูกเยี่ยอ๋องฉีกออกเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่เกรงใจ

ผิวขาวราวหิมะปรากฏแก่สายตา ทว่ามีรอยด่างพร้อยแดง ๆ  แววตาของจิ่วเยี่ยยามเมื่อเห็นมันยิ่งน่าหวาดกลัว

เขาหยิบยาของตัวเองออกมา ไม่รีรอให้มู่เฉียนซีตอบสนอง เขาก็ใส่ยาให้นางจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

มู่เฉียนซีอ้าปากค้าง รวดเร็วปานนี้เลยรึ ?!  การพันแผลของนางเป็นไปอย่างรวดเร็ว นั่นเพราะนางเป็นหมอมาเกือบยี่สิบปีแล้ว แต่เขาเร็วกว่า เจ้าก้อนน้ำแข็งนี่เร็วขนาดนี้ได้อย่างไร ?

จิ่วเยี่ยคล้ายจะเห็นความประหลาดใจของนาง  เขาลูบผมยุ่งเหยิงบนหน้าผากนางเบา ๆ  กล่าวว่า “ข้าเพิ่งเรียนรู้มันมา ตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ?”

เขาเองไม่ค่อยได้รับบาดเจ็บและไม่เคยพันแผลมาก่อน  แต่ว่าผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ นางมักจะได้รับบาดเจ็บเสมอ เขาจะไม่เรียนรู้ทักษะการพันแผลได้อย่างไรกัน ?

มู่เฉียนซียิ้มอ่อนก่อนจะกล่าว “จิ่วเยี่ย เอ่อ… เจ้ามีพรสวรรค์มาก และมีความสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ต้นจนจบข้าไม่รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย  น่าทึ่งนัก เจ้าดีกว่าคนที่เป็นหมอมาสี่สิบปีเสียอีก”

มุมปากจิ่วเยี่ยโค้งขึ้นเล็กน้อยคล้ายเป็นรอยยิ้ม

“ดีแล้ว” เขากล่าวเพียงเท่านั้น ทว่าจู่ ๆ เขาก็หันไป ทั่วทั้งร่างแผ่ไอสังหารอันน่าตื่นตะลึงออกมา

“ตําหนักตะวันออก เอาให้ไม่เหลือเลยสักคน”

กล้าทําร้ายสตรีที่เขาปกป้อง จะต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป

ขณะที่โครงกระดูกเหล่านั้นกําลังจะลงมือตามคําสั่ง  มู่เฉียนซีดึงจิ่วเยี่ยไว้ “จิ่วเยี่ย ช้าก่อน! หากเจ้าฆ่าองค์รัชทายาททั้ง ๆ ที่เขายังติดค้างการเดิมพันกับข้า… แล้วข้าจะไปเก็บกับใครได้”

“ได้ งั้นก็ไว้ทีหลัง” กล่าวเช่นนั้น เขาโบกมือ เหล่าโครงกระดูกกลับมาโดยไม่กระทำสิ่งใด

มู่เฉียนซีมองชายตรงหน้า นางสังเกตเขาอย่างละเอียด ใบหน้าที่งดงามนี้แฝงไปด้วยความน่าหวาดกลัว

“จิ่วเยี่ย แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าปกป้องข้าด้วยเหตุผลใด แต่ข้ามู่เฉียนซีมิใช่เต้าหู้อ่อนยวบอ่อนแอ ข้าสามารถรับมือกับคนอย่างซวนหยวนหลี่ซางได้”

“อืม ตามที่เจ้าว่า” จิ่วเยี่ยกล่าว ท่าทีเฉยเมยตามแบบฉบับของเขา

มุมปากมู่เชียนซีโค้งขึ้นเล็กน้อย “เหอะ ตอนนี้ซวนหยวนหลี่ซางคงจะลำบากน่าดู กล้าดีอย่างไรทำให้ข้ามู่เฉียนซีบาดเจ็บขนาดนี้ ?”

……

ในตําหนักตะวันออก เวลานี้ซวนหยวนหลี่ซางรู้สึกร้อนผ่าว “ร้อน! โอย ร้อน…”

“อ่า…” จางกงกงผู้เป็นขันทีมององค์รัชทายาท เขารู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้ราวกับว่า…

องค์รัชทายาท เกิดอะไรขึ้นกัน ? เห็น ๆ อยู่ว่าเพียงแค่แพ้การประลองมา แต่กลับกลายเป็นเหมือนว่าเขากลายร่างเป็นสัตว์ป่าเถื่อนไม่น่ามองดู!

“เข้ามา! เชิญพระสนมหลงเช่อเฟยมาที่นี่เร็ว”

ครู่ต่อมา พระสนมหลงเช่อเฟยแหงนใบหน้า สำลักเอาฟองสีขาว ๆ ออกมาอย่างน่าสังเวช แต่อารมณ์กามขององค์รัชทายาทก็ยังไม่ดีขึ้น

จางกงกงรีบกล่าว “เชิญนางสนมลี่จีมาที่นี่…”

ในที่สุดองค์รัชทายาทก็ใช้ผู้หญิงของเขาไปทั้งหมด แต่กลับยังไม่สามารถบรรเทาได้  เป็นเช่นนี้ต่อไปมีหวังจะต้องออกไปหาผู้หญิงข้างนอกแล้วกระมัง ใครใช้ให้องค์รัชทายาทจู้จี้เรื่องมากกับผู้หญิงจนเกินไปกัน ?

— ตึง! —

ทหารองครักษ์เหล็กกล้าขององค์รัชทายาท โยนร่างหญิงงามมาผู้หนึ่ง

“จางกงกง นี่เป็นว่าที่พระชายาที่องค์รัชทายาททรงเลือกแล้ว น่าจะใช้ได้”

“ข้า… ข้า…” มู่หรูเหยียนรู้สึกกระวนกระวายใจ สุดท้ายนางถูกส่งเข้าไป

แต่…  มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น

“กรี๊ด! องค์รัชทายาท ท่านเป็นอะไรไป ?!”

นางยังไม่ทันได้เป็นผู้หญิงขององค์รัชทายาท องค์รัชทายาทก็สลบไปเสียแล้ว

ผลการรักษาของหมอหลวงบอกว่า องค์รัชทายาทร่วมรักหนักเกินไป เกรงว่าคงจะทําเรื่องอะไรเช่นนั้นไม่ได้ไปอีกสักพัก

สําหรับระยะเวลาอีกสักพัก จะเป็นเวลานานแค่ไหนนั้น  หมอหลวงทุกคนล้วนเงียบงันไม่สามารถบอกได้ อาจจะเป็นตลอดชีวิต!

อีกด้านหนึ่ง ณ จวนเยี่ยอ๋อง มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “จิ่วเยี่ย พันแผลเสร็จแล้ว ข้าสามารถกลับไปได้แล้วใช่ไหม ?”

“ต้องเสร็จเรียบร้อยทั้งหมดก่อนถึงจะไปได้” น้ำเสียงของจิ่วเยี่ยแข็งกระด้าง

มู่เฉียนซี “ได้! ตามนั้น เสร็จแล้วค่อยไปก็เสร็จแล้วค่อยไป อย่างไรคงใช้เวลาไม่นาน”

ยารักษาอาการบาดเจ็บที่เขาใช้นั้นล้วนเป็นยาวิเศษระดับชั้นยอด ยาดีกว่าของนางเสียอีก  ไม่ใช่ว่านางไม่สามารถปรุงออกมาแบบนั้นได้ แต่ว่าเป็นเพราะสมุนไพรวิญญาณที่จะใช้ปรุงยานั้น ล้ำค่า หากยาก ไม่มีในท้องตลาด นางหามาทำมาปรุงไม่ได้

นางนอนตะแคงข้างอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ เพื่อที่จะได้ไม่กดแผล

จิ่วเยี่ยพลิกตัว เขานอนอยู่ข้าง ๆ นาง วางมือข้างหนึ่งบนเอวของนางและโอบนางเข้าไปในอ้อมแขนอันแข็งแรง

มู่เฉียนซีเอนตัวพิงร่างแข็ง ๆ เย็น ๆ ทื่อ ๆ ของเขา กล่าวเสียงแผ่วเบา “จิ่วเยี่ย ที่นอนนุ่ม ๆ ของตำหนักเยี่ยอ๋องของเจ้าก็ไม่ธรรมดา เหตุใดเจ้าถึงต้องมาเบียดข้าล่ะ ?”

เขาไม่ตอบ กลับกระชับอ้อมแขนโอบกอด กระซิบเบา ๆ “เจ้า… หายไว ๆ”

ดวงตาสีฟ้าคู่นั้น ใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติอยู่ใกล้แค่เอื้อม

เสียงหัวใจของเขาเต้นรัว ทว่าท่าทางเขากลับสงบนิ่ง  จริง ๆ แล้วเขาเพียงแค่อยากให้นางไม่ไปโดนแผล  ดังนั้นจึงบังคับให้นางนอนอยู่ข้าง ๆ เขา

ยิ่งอยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้นเท่าไหร่ มู่เฉียนซีก็เข้าใจได้บางอย่าง …เรื่องที่เขาผู้นี้ตัดสินใจแล้ว ไม่สามารถปฏิเสธได้

ถึงอย่างไร เนื้อของชายที่หล่อเหลาไร้ที่ติมีมาให้พักพิง นางก็ต้องใช้มัน!

หลังจากสงครามประสาทจบลง มู่เฉียนซีพักผ่อนอย่างสบาย ๆ

ค่ำคืนสิ้นสุดลง มู่เฉียนซีตื่นขึ้นมา  อาการบาดเจ็บของนางดีขึ้นมาก ตอนนี้นางกําลังจะบอกลาจริง ๆ แล้ว ทว่าคําอําลาของนางยังไม่ทันได้พูดออกมา

“หิว” จิ่วเยี่ยกล่าวขึ้น

สุดท้ายมู่เฉียนซีต้องอยู่กินอาหารมื้อใหญ่ก่อน ถึงจะกลับไปได้

เงาร่างสีดํารวดเร็วราวสายฟ้าฟาดพามู่เฉียนซีกลับไปยังจวนสกุลมู่

ณ เรือนสุ่ยซี

ภายใต้แสงจันทร์ มีเงาเฉียงยาวทอดอยู่บนพื้น ถูกแสงจันทร์ส่องมา  มู่เฉียนซีตะโกน “เยวี่ยเจ๋อ ดึกขนาดนี้แล้ว เหตุใดเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่อีก ?”

.