บทที่ 239 ยังมีประโยชน์ + บทที่ 240 ไปสู่จวนแม่ทัพ

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 239 ยังมีประโยชน์

หลิงหลัวไม่ได้สุภาพกับเซียวจื่อเซวียนสักนิดเดียว และมองนางด้วยสายตารังเกียจ

ตอนนี้เขารู้สึกเสียดายนัก เขายอมแพ้เรื่องคนที่ตัวเองรักจริงๆ เพื่อมาอยู่กับคนแบบนี้น่ะหรือ

“หลิงหลัว เจ้ากำลังขู่ข้าหรือ” เซียวจื่อเซวียนรู้ว่าบิดาของตนน่าจะมาถึงแล้วเมื่อนางเห็นเขาเช่นนี้

หลิงหลัวมองไปที่เซียวจื่อเซวียนก่อนจะหันหลังกลับ ในเวลาเดียวกัน เขาก็สั่งให้คนไปพาตัวลูกมาจากแม่ของตนด้วย

“นายหญิง เขา…”

“ไปหาท่านพ่อกันเถอะ” เซียวจื่อเซวียนตัดบทข้ารับใช้อย่างเย็นชา

หลิงหลัวมีท่าทีไว้ตัวต่อนาง มาบัดนี้นางเองก็นึกเสียใจที่แต่งงานกับหลิงหลัวในคราแรกเสียแล้ว แต่แม้ว่าจะรู้สึกเสียใจในการกระทำนั้นเพียงใด นางก็ไม่มีทางออกอื่นอีก อย่างไรเสียตอนนี้นางก็มีลูกแล้ว

เมื่อเซียวจื่อเซวียนมาถึง หลิงอ๋องกำลังพูดคุยกับเซียวอี้หลินอยู่

“ท่านพ่อ” ดวงตาของเซียวจื่อเซวียนแดงก่ำเมื่อนางเห็นเซียวอี้หลิน

นางรู้ดีว่าครั้งนี้นางกำลังเข้าตาจน และนางเป็นต้นเหตุที่ทำให้พี่ชายของตนต้องถูกประหาร ทว่า บิดาของนางก็ยังเดินทางมาถึงที่นี่เพื่อเป็นแรงสนับสนุนให้กับนาง แล้วจะไม่ให้นางรู้สึกว่าตนทำให้เขาผิดหวังได้อย่างไรกันเล่า

ความรู้สึกของเซียวอี้หลินนั้นปนกันยุ่งเหยิงหลังจากได้เห็นบุตรสาวของตน แต่เขาก็ยังเดินเข้าไปหาและตบบ่านางอยู่ดี “เจ้าสบายดีหรือไม่”

“ท่านพ่อ ข้าสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง”

“เมื่อเจ้าสบายดีข้าก็โล่งใจ หากมีเวลาก็ไปเยี่ยมแม่ของเจ้าบ้างล่ะ” เซียวอี้หลินแย้มรอยยิ้มจางพลางเอ็นดูนางเช่นเมื่อก่อน

ตอนแรกเมื่อนางเห็นเซียวอี้หลิน นางไม่ได้คิดอยากจะร้องไห้เลยแม้แต่น้อย ทว่า เวลานี้เมื่อบิดาของตนยังคงเป็นห่วงเป็นใยเรื่องนางมากขนาดนี้ น้ำตาของนางก็เริ่มรินไหลลงมาอาบแก้ม

“ท่านพ่อ ข้ารู้ว่าข้าทำผิดลงไป ข้าขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง” เซียวจื่อเซวียนทรุดลงในอ้อมกอดของเซียวอี้หลินและพร่ำคำว่าขอโทษไม่หยุด

ร่างของเซียวอี้หลินแข็งเกร็งขึ้นเล็กน้อย แต่เขาก็ผ่อนกายลงได้อย่างว่องไวแล้วตบบ่านาง “ไม่เป็นไรแล้ว ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไร”

“ขอบคุณท่านพ่อ”

หลิงอ๋องยืนมองพวกเขาอยู่ด้านข้าง ทันในนั้นร่องรอยบางอย่างก็แล่นวาบผ่านดวงตาของเขา

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันเย็นชาของเขาอย่างรวดเร็ว

หลิงหลัวมองบิดาของตน และเข้าใจในทันทีว่าเขาคิดจะทำอะไร

เซียวอี้หลินอยู่ต่อเพียงครู่หนึ่งก่อนกลับไปที่จวนตระกูลหลิง หลังจากเขากลับไป เซียวจื่อเซวียนก็ขอตัวกลับไปยังที่ของนาง เหลือเพียงหลิงหลัวและบิดาของเขาอยู่รั้งท้าย

“หลัวเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าพวกเขาเป็นอย่างไร” หลิงอ๋องหรี่ตามองด้านหลังของเซียวจื่อเซวียนขณะนางเดินจากไป

หลิงหลัวส่ายศีรษะ “ไม่รู้ขอรับ” หลิงหลัวมีความสงสัยอยู่ภายในใจ เซียวหมิงเหรินกำลังจะถูกประหารเพราะเซียวจื่อเซวียน ถึงแม้จะเป็นเพราะการกระทำอันไม่เหมาะสมของเขาเอง แต่นั่นก็เป็นความผิดทางอ้อมของเซียวจื่อเซวียนเช่นกัน ทว่า เซียวอี้หลินกลับยังคงตามอกตามใจเซียวจื่อเซวียนไม่ต่างจากเมื่อก่อน

เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขารักลูกสาวมากกว่า

“จะอย่างไรก็ตาม อย่าเหินห่างจากเซียวจื่อเซวียนเกินไป พวกเรายังสามารถใช้ประโยชน์จากนางได้อยู่” หลิงอ๋องบอกด้วยท่าทีเป็นจริงเป็นจัง

หลิงหลัวมองหลิงอ๋องด้วยความสงสัย “ท่านพ่อหมายความว่าอย่างไรขอรับ”

“อนาคตเจ้าก็จะรู้เอง แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา” หลิงอ๋องส่ายหน้า ไม่ยอมบอกให้หลิงหลัวรู้

หลิงหลัวขมวดคิ้วน้อยๆ แต่ยังพยักหน้ารับ

ทว่า ภายในจิตใจของเขานั้นมีเพียงความรังเกียจที่มีให้แก่เซียวจื่อเซวียน

หลังจากเฉียวเทียนช่างกลับมาจากลานประหาร หนิงเมิ่งเหยานั่งอยู่ที่บ้าน ข้างกายนางมีตะกร้าผ้าปักตั้งอยู่ด้านข้าง

เขาเดินเข้าไปยืนข้างๆ ก่อนโอบเอวนางเอาไว้ “เหตุใดเจ้าจึงไม่พักผ่อนให้มากๆ เล่า”

“ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว ทุกอย่างราบรื่นดีหรือไม่” หนิงเมิ่งเหยาผลักเฉียวเทียนช่างออกด้วยกลัวว่าเข็มในมือนางจะทิ่มเขาเอา

เฉียวเทียนช่างนั่งลงตรงหน้านาง ยกชาขึ้นจิบ ก่อนจะเอ่ยว่า “พระชายาเซียวมาแล้วก็ก่อเรื่องนิดหน่อย แต่ก็แค่นั้น”

“ก็ดี” หนิงเมิ่งเหยามองเฉียวเทียนช่างด้วยรอยยิ้ม

เฉียวเทียนช่างดูหนิงเมิ่งเหยาดึงด้ายในมือของนางก่อนใช้กรรไกรตัดพวกมันออก “เจ้าวางแผนจะทำอะไรต่อไปรึ”

“ข้าก็ต้องเดินหน้าต่ออยู่แล้ว” หนิงเมิ่งเหยาบอกเขาโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา

เฉียวเทียนช่างเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากของเขาค่อยๆ ยกขึ้น “อืม เช่นนั้นก็ได้”

“ลองสวมดูหน่อยว่าพอดีหรือเปล่า” หนิงเมิ่งเหยาสะบัดชุดในมือตนก่อนส่งพวกมันให้เฉียวเทียนช่าง

เฉียวเทียนช่างรู้สึกแปลกใจเล็กๆ “นี่สำหรับข้าหรือ”

บทที่ 240 ไปสู่จวนแม่ทัพ

ก่อนหน้านี้หนิงเมิ่งเหยาก็เคยเย็บชุดให้เขาหลายชุด แต่ก็อยู่ที่หมู่บ้านไป๋ซานทั้งหมด ถึงแม้ว่าเขาจะเตรียมชุดสองสามตัวจากหมู่บ้านไป๋ซานติดตัวมาด้วย แต่มันก็ไม่ได้มากนัก และถึงแม้ว่าที่นี่จะมีชุดที่เตรียมไว้สำหรับเขาอยู่ แต่เขาก็รู้สึกไม่สบายตัวที่จะใส่พวกมัน ดังนั้นเขาก็เลยเอาแต่สวมชุดเดิมๆ ที่เอาติดตัวมาด้วยแทน

“ใช่ พอเห็นเจ้าเอาแต่ใส่ชุดเก่าๆ ตัวเดิมตลอดเวลา ข้าก็เลยตัดสินใจเย็บชุดเพิ่มให้อีกสักสองสามตัว” หนิงเมิ่งเหยาอธิบายพร้อมรอยยิ้ม

เฉียวเทียนช่างเกาจมูกแล้วเดินเข้าไปลองชุดในห้องของตน เสื้อตัวนี้เป็นสีขาวพระจันทร์ และมีใบไผ่ปักไว้บริเวณคอและแขนเสื้อ เมื่อได้ใส่ชุดที่หนิงเมิ่งเหยาเป็นผู้เย็บ เขาก็ดูเหมือนบัณฑิตผู้ทรงปัญญามากกว่าแม่ทัพที่เพิ่งกลับมาจากสนามรบเสียอีก

“เป็นเช่นไรบ้าง” เฉกเช่นเดียวกับที่เขาเคยทำ เฉียวเทียนช่างมาหาหนิงเมิ่งเหยาทันทีหลังจากลองสวมชุดที่นางเย็บให้ตน

หนิงเมิ่งเหยายื่นมือออกไปจัดการรอยยับบริเวณไหล่ของเขา “ดูดียิ่งนัก!”

“ชุดที่เจ้าเย็บยังดีเหมือนเช่นเคย” ดวงตาของเฉียวเทียนช่างเต็มไปด้วยความสุข

หนิงเมิ่งเหยาแตะหน้าของเฉียวเทียนช่าง “ว่าแต่ เจ้าจงใจใช่ไหม”

เฉียวเทียนช่างหัวเราะเซ่อๆ “ต้องไม่ใช่อยู่แล้วสิ ข้าก็แค่รู้สึกอึดอัดเวลาใส่อย่างอื่นเท่านั้น”

“เช่นนั้น ข้าจะตัดชุดให้เจ้าเอาไว้เปลี่ยนแล้วก็เอาไว้ใส่เพิ่มก็แล้วกัน” ตอนแรกหนิงเมิ่งเหยาอึ้งไปนิด แต่หลังจากนั้นนางก็หัวเราะและส่ายศีรษะไปมา

นางไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเขาจะมีช่วงเวลาที่เอาแต่ใจเช่นนี้ด้วย

“เอาตามนั้น แต่เจ้าก็ควรเย็บให้ตัวเองเพิ่มบ้างเหมือนกัน” เฉียวเทียนช่างดึงนางเข้ามาในอ้อมแขนแล้วพูดกับนางอย่างเอาใจ

หนิงเมิ่งเหยาส่ายหน้า “ข้ามีชิงจู๋เย็บให้แล้ว”

“แต่…”

“เอาล่ะ ช่วงนี้สถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง” นอกจากการตามติดความคืบหน้าจากอวี้เฟิงและคนอื่นๆ ในช่วงนี้แล้ว หนิงเมิ่งเหยาแทบไม่ได้สนใจอย่างอื่นเอาเสียเลย

“เซียวจื่อเซวียนถูกหลิงอ๋องเกลียด ส่วนพระชายาของเซียวอ๋องก็โดนกักบริเวณให้อยู่แต่ในบ้าน” เฉียวเทียนช่างเพิ่งได้ยินเรื่องนี้เมื่อตอนเขากลับมา

ทว่า เฉียวเทียนช่างกลับรู้สึกประหลาดใจในเรื่องนี้ยิ่งนัก เซียวอ๋องสั่งการได้รวดเร็วว่องไวจริงๆ

หลี่หลินเอ๋อร์ผู้นั้น หากเขาไม่จับตาดูนางเอาไว้ให้ดี เขากลัวว่านางจะสร้างปัญหาในตอนท้าย

หนิงเมิ่งเหยาหยุดมือในสิ่งที่นางกำลังทำอยู่ แล้วหันไปหาเฉียวเทียนช่าง “ทำไมรึ”

“ไม่ว่าจะเป็นหลิงอ๋องหรือเซียวอ๋อง พวกเขาล้วนต่างเข้าใจแล้วว่าตอนนี้พวกเขาไม่สามารถยั่วโมโหเราได้” เฉียวเทียนช่างกล่าวด้วยความเย้ยหยัน เขาไม่ได้เก็บเรื่องคนพวกนั้นมาคิดให้เปลืองสมอง อีกทั้งยังดูถูกพวกเขาทั้งสิ้น พวกมันคิดว่าเรื่องนี้จบแล้วหรือ ช่างเป็นภาพลวงตาอันโง่เขลายิ่งนัก

เห็นได้ชัดว่าหนิงเมิ่งเหยาเองก็คิดเช่นเดียวกันกับเฉียวเทียนช่าง เมื่อเขาพูดจบ ใบหน้าของหนิงเมิ่งเหยาก็มีสีหน้ารังเกียจปรากฏขึ้นมา

“ข้าจะบอกพี่เขยให้เร่งมือ” ชะตากรรมจวนของหลิงอ๋องและจวนของเซียวอ๋องนั้นได้รับการตัดสินแล้วเป็นที่เรียบร้อย

เฉียวเทียนช่างทำเพียงหัวเราะเมื่อนางกล่าวเช่นนั้น เขาไม่มีความคิดเห็นใดๆ ในเรื่องนี้

การตัดสินใจของหนิงเมิ่งเหยาคงจะเป็นการสร้างความลำบากให้แก่ทั้งสองตระกูลโดยไม่ต้องสงสัย

การกดดันภายในราชสำนักนั้นยังไม่ทันสงบดี ในฝั่งธุรกิจนั้น คนจากทงเป่าไจไม่ต่างอะไรจากสัตว์ป่าอันบ้าคลั่ง พวกเขากัดกินทุกคนที่ตนพบอย่างไม่ไว้หน้า

ภายในห้องหนังสือ หลิงหลัวกำลังอ่านความคืบหน้าที่เขาเพิ่งได้รับมาจากหลายช่องทาง ก่อนสีหน้าของเขาจะเริ่มบูดเบี้ยวไม่น่ามอง

เขามั่นใจมาตลอดว่าถ้าหากทงเป่าไจเริ่มเคลื่อนไหว นั่นคงจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกเขาแน่ ยิ่งกว่านั้นพวกเขาก็คงไม่สามารถจะทำการตอบโต้อะไรกลับไปได้ ทว่า ในเวลานั้น ทงเป่าไจกลับยังให้โอกาสพวกเขาได้หายใจ แต่มาตอนนี้ มันเหมือนกับว่าทงเป่าไจกำลังต้องการชีวิตของพวกเขาจริงๆ

“นายน้อยขอรับ ข้ายังหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังไม่พบเลยขอรับ” หมิงฟางมองหลิงหลัวพร้อมกับก้มหน้า ภายในใจเต็มไปด้วยความกังวล

ตั้งแต่ตอนที่ทงเป่าไจเริ่มกดดันพวกเขา พวกเขาก็เริ่มการสืบค้นโดยมีเป้าหมายเป็นสี่คนนั้น แต่ไม่ว่าจะทำเช่นไร ก็ยังหาข่าวที่เกี่ยวกับพวกเขาไม่ได้เลยแม้แต่ข่าวเดียว ราวกับว่าพวกเขาอันตรธานหายไปเสียเฉยๆ

“คงจะแปลกหากพวกเขายอมให้เราพบได้ง่ายๆ ทำการสืบต่อไป” หลิงหลัวคิดเอาไว้แล้วว่าผลคงจะออกมาเป็นเช่นนี้และยังยอมรับมันด้วยซ้ำ

หากการตามหาคนพวกนี้มันง่ายถึงเพียงนั้น หลิงหลัวก็คงไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายถึงเพียงนี้ในการตามหาตัวคนทั้งสี่แน่  แต่การที่พวกตนออกตามหาทั้งสี่เช่นนี้ไม่เท่ากับว่าเป็นการเพิ่มงานให้ตัวเองหรอกหรือ

“เช่นนั้น เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจของนายน้อย…”

“เตรียมของกำนัล เราจะไปจวนของท่านแม่ทัพเพื่อขอสงบศึกกับพวกเขา” หลิงหลัวไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงตัดสินใจจะเดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้น ที่ที่เขาไม่ปรารถนาจะย่างเท้าเข้าไปแม้เพียงก้าวเดียว

หมิงฟางเข้าใจเจตนาของหลิงหลัวในทันที “แต่นายน้อยขอรับ พวกเขาจะยอมพบเราหรือ”

แม้จะมีความเป็นไปได้อยู่ แต่เขาก็ไม่อยากตั้งความหวังไว้สูงนัก

หลิงหลัวเองก็กังวลในเรื่องเดียวกัน “ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องลองดู”