บทที่ 237 กักบริเวณ + บทที่ 238 การสนับสนุน

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 237 กักบริเวณ

การยักยอกเงินที่เอาไว้ใช้เพื่อบรรเทาภัยพิบัตินั้นเป็นเรื่องร้ายแรงเกินกว่าจะชดใช้ให้แก่ประชาชนได้

มิหนำซ้ำ จำนวนเงินซึ่งกล่าวกันว่าโดนยักยอกไปนั้นยังมีจำนวนถึงหลายล้านตำลึงเงิน ด้วยเงินจำนวนกว่าล้านตำลึงเงินนั้น ใครจะรู้เล่าว่ามีประชาชนมากมายเพียงใดถูกปล่อยให้ตายในภัยพิบัติที่เกิดขึ้นครั้งนั้น

พวกเขาจะไม่หัวเสียกับเรื่องนี้ได้เช่นไร คนประเภทนี้ สำหรับพวกเขาแล้ว โทษประหารทั้งตระกูลยังถือว่าน้อยไปเสียด้วยซ้ำ ทว่าบัดนี้พวกเขาตัดสินที่จะประหารชีวิตคนเพียงคนเดียว แต่นางกลับยังเอาแต่บ่นเรื่องนี้ไม่หยุด ช่างไร้ยางอายนัก

“เจ้าไม่ได้สั่งสอนลูกให้ดี แล้วตอนนี้เจ้ายังอยากจะโทษคนอื่นอีกหรือ”

“ใช่ๆ”

“หุบปากเสีย! ถ้าเจ้าพูดขึ้นมาอีก ชายาอ๋องเช่นข้าจะไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่!” หลี่หลินเอ๋อร์จ้องมองประชาชนรอบๆ นางอย่างมาดร้าย

การที่นางถูกเห็นเป็นตัวตลกเช่นนี้ ทั้งหมดมันเป็นเพราะคนพวกนี้ พวกเขาเป็นแค่สามัญชนต่ำต้อยทั้งนั้น แล้วจะเป็นอะไรไปเล่าหากบุตรชายของนางเอาเงินหลายล้านตำลึงเงินไปจริง

ฮ่องเต้ก็ทำเกินไป ถึงขนาดต้องการชีวิตของบุตรชายนางเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้น่ะหรือ ไม่ว่าอย่างไร นางก็จะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปง่ายๆ แน่

เฉียวเทียนช่างผู้ซึ่งยังไม่ได้กลับไปนั้นบังเอิญได้ยินในสิ่งที่หลี่หลินเอ๋อร์กำลังพูดอยู่ เขาหรี่ตาลงระหว่างประเมินนางตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยดวงตาคู่นั้น แล้วก็เอ่ยขึ้น “เจ้าเห็นมนุษย์เป็นเพียงแค่ผักปลาหรือ”

“หากชายาอ๋องเช่นข้าคิดจะฆ่าคนชั้นต่ำพวกนี้ให้สิ้น แล้วใครจะกล้ามาขัดขวางข้าหรือ” ใบหน้าอันงดงามของหลี่หลินเอ๋อร์น่าเกลียดน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้ ในระหว่างที่นางมองเฉียวเทียนช่างสีหน้าของนางเต็มไปด้วยความร้ายกาจและความมุ่งร้าย

เฉียวเทียนช่างมองหลี่หลินเอ๋อร์ด้วยท่าทีไม่สนใจ “หลี่หลิ่นเอ๋อร์ ก็ถูกที่เจ้าเป็นชายาของเซียวอ๋อง แต่ว่าประชาชนที่อยู่ที่นี่นั้นยังมิทันได้หมิ่นเบื้องสูงเลยแม้แต่น้อย แล้วเจ้าจะมีสิทธิ์อันใดไปแตะต้องพวกเขากันหรือ”

หากหลี่หลิ่นเอ๋อร์ลงมือทำเช่นนั้นจริง นางก็จะมีแต่ทำให้พวกเขาสามารถเอาเรื่องนั้นมาใช้เล่นงานตนได้ ซึ่งนั่นคงเป็นสิ่งที่ตระกูลเซียวไม่ชอบใจเท่าใดนัก

หลี่หลินเอ๋อร์กัดฟันกรอดแล้วมองเฉียวเทียนช่าง “เฉียวเทียนช่าง เจ้าอย่าเพิ่งได้ใจไป”

สุดท้าย หลี่หลินเอ๋อร์ก็ตัดบทและกลับไปด้วยความอับอาย แม้ว่าจะไม่เห็น แต่นางก็สัมผัสได้ถึงนิ้วของทุกคนที่ชี้มาทางด้านหลังของนาง

นางโมโหหรือ ก็แหงล่ะ! แต่ยิ่งกว่านั้น นางรู้สึกเกลียดชังยิ่งนัก ท่านแม่ทัพใหญ่ทำดีมากจริงๆ นางจะต้องทำลายครอบครัวของท่านแม่ทัพผู้นี้จนพินาศให้จงได้

ตอนที่นางกลับมาถึงจวนด้วยความโกรธที่สุมอยู่ภายใน เซียวอี้หลินนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้พลางจิบชาอยู่ เมื่อเห็นท่าทางและการกระทำอันไร้ซึ่งความกังวลใจของเขาแล้ว ความโกรธของหลี่หลินเอ๋อร์ก็พุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดในบัดดล ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวและน่ากลัว

“บุตรชายของท่านกำลังจะถูกตัดหัว แต่ท่านยังทำตัวสบายๆ เช่นนี้ได้อีก เซียวอี้หลิน ท่านมีหัวใจหรือเปล่า” หลี่หลินเอ๋อร์กล่าวด้วยความเดือดดาลพลางชี้นิ้วอันสั่นเทาของตนใส่เซียวอี้หลิน

เซียวอี้หลินนั้นไม่มีอำนาจพอจะหยุดเรื่องนี้ได้ ภายในใจเขานั้นก็ทุกข์ทรมานไม่แพ้กัน แต่เมื่อได้ยินหลี่หลินเอ๋อร์มาวิพากษ์วิจารณ์ตนเช่นนี้ ใบหน้าของเขาก็น่าเกลียดน่ากลัวขึ้นโดยพลัน

“เจ้าคิดจะโวยวายต่ออีกนานแค่ไหน”

หลี่หลินเอ๋อร์ไม่คาดคิดว่าเซียวอี้หลินจะพูดเช่นนี้ออกมา ทำให้ใบหน้านางเปลี่ยนสีซ้ำแล้วซ้ำเล่า และท้ายที่สุด นางก็ไม่สามารถสะกดกลั้นความโกรธของตนได้อีกต่อไป นางเงื้อมือขึ้นหมายจะตบหน้าเซียวอี้หลิน

ท่าทางอันมุ่งร้ายของนางทำให้ใบหน้าของเซียวอี้หลินบูดบึ้งจนถึงที่สุดในเสี้ยววินาที เขาคว้ามือของหลี่หลิ่นเอ๋อร์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เจ้าจะทำบ้าอะไร” ตอนแรกนั้นเขารู้สึกสงสารนางเล็กน้อยเพราะเรื่องการตายของบุตรชาย อย่างไรเสียพวกเขาก็อยู่กินกันมาหลายปี

ทว่าบัดนี้เขากลับรู้สึกถึงความโกรธภายในใจตัวเองขึ้นมา “หมิงเอ๋อร์เป็นลูกชายข้า ข้าจะไม่รักเขาได้เช่นไร หลี่หลิ่นเอ๋อร์ เจ้าควรไตร่ตรองภาพรวม ให้ดีเสียก่อน ก่อนที่เจ้าจะกล่าวอะไรออกมา ไม่ใช่แค่ครอบครัวของท่านแม่ทัพใหญ่เท่านั้นที่จับตามองตระกูลของเราอยู่ แม้แต่ทงเป่าไจก็ยังไม่ปล่อยเราไปด้วย หากเจ้าเอาแต่สร้างปัญหาเช่นนี้ ข้าจะไม่ยุ่งกับเจ้าอีกแล้ว”

เขารู้สึกยุ่งยากพอแล้ว และไม่ต้องการที่จะพูดคุยเรื่องนี้กับหญิงผู้นี้อีกต่อไป

หลี่หลิ่นเอ๋อร์ถูกทิ้งไว้ด้านข้าง ก่อนนางจะทรุดลงนั่งกับพื้น อยู่ในสภาพน่าสมเพชยิ่งนัก

“เจ้า… เซียวอี้หลิน เจ้ามันไอ้เ*ร!” ตั้งแต่หลี่หลินเอ๋อร์แต่งงานกับเซียวอี้หลิน นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนปฏิบัติกับนางเช่นนี้ แล้วจะไม่ให้นางเกลียดเขาได้หรือ

เซียวอี้หลินเหลือบมองหลี่หลินเอ๋อร์ “พวกเจ้า! พานางกลับไปที่ห้อง และห้ามนางออกมาข้างนอกโดยที่ข้าไม่อนุญาตเด็ดขาด”

ในเวลานี้ เขาไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าอีกแล้ว หากหลี่หลินเอ๋อร์ไปทำอะไรที่เป็นการยั่วยุเฉียวเทียนช่างจนเขามีน้ำโหขึ้นมา เกรงว่าพวกเขาคงจะตกอยู่ในสถานการณ์อันลำบากยิ่งกว่านี้

เมื่อได้ยินว่าเซียวอี้หลินจะจับนางกักบริเวณ สีหน้าของหลี่หลินเอ๋อร์ก็เปลี่ยนไปในทันที “เซียวอี้หลิน เจ้ากล้าดียังไง!”

“พวกเจ้ารออะไรกันอยู่” ไม่สนใจเสียงร้องของหลี่หลินเอ๋อร์ เซียวอี้หลินสั่งข้ารับใช้ที่อยู่ข้างๆ อย่างโกรธเกรี้ยว

ไม่ว่าหลี่หลินเอ๋อร์จะคร่ำครวญเพียงใด นางก็ทำได้เพียงยอมรับการกักบริเวณให้อยู่แต่ในจวนเช่นนี้ ความโกรธเกลียดภายในหัวใจของนางที่มีต่อเซียวอี้หลินเองก็เติบโตขึ้นตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นมา

บทที่ 238 การสนับสนุน

คืนวันของหลี่หลินเอ๋อร์ภายในจวนตระกูลเซียวนั้นราวกับการเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ ทว่าไม่ใช่เพียงแค่นาง แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของเซียวจื่อเซวียนที่จวนตระกูลหลิงก็ลำบากเช่นกัน

เพราะการกระทำอันโง่เขลาของตน นางทำให้จวนตระกูลหลิงต้องมาพลอยติดร่างแหจนมิอาจย้อนเวลากลับไปได้เสียแล้ว ไม่เพียงแค่หลิงหลัวจะไม่สนใจนางเพราะเรื่องนี้ เขาถึงกับพาลูกของนางไปด้วย อันที่จริงนั้นก็มีเหตุผลเหมาะสมกับการกระทำเช่นนี้อยู่ และเหตุผลที่ว่านั่นคือการที่นางไม่อาจรับผิดชอบในการอบรบสั่งสอนลูกของตนได้ ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจพาลูกของนางไปให้ฮูหยินเป็นผู้ดูแล

เซียวจื่อเซวียนที่สูญเสียความรักของหลิงหลัวไป บัดนี้ แม้กระทั่งลูกของตัวเองก็ยังรักษาเอาไว้ไม่ได้ ภายในใจของนางนั้นรู้สึกอับอายเหลือคณา แต่สิ่งที่มีมากกว่าความอับอายคือความโศกเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง

“หลิงหลัว เจ้าทำกับข้าแบบนี้ได้เช่นไร หากไม่ใช่เพราะข้า เจ้าจะได้เป็นซื่อจื่อหรือ” เซียวจื่อเซวียนมองห้องอันว่างเปล่าแล้วคร่ำครวญออกมา

เซียวจื่อเซวียนนั่งอยู่บนพื้นห้อง ดวงตาทั้งสองข้างของนางขุ่นมัว ในตอนนั้นเองหญิงสาวผู้หนึ่งที่สวมชุดสดใสราวกับดอกไม้แรกแย้มก็ก้าวเข้ามา

“โอ้ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าล่ะนี่” เมื่อเห็นท่าทางอันน่าสงสารที่เซียวจื่อเซวียนทำอยู่ นางก็ถามขึ้นมาด้วยความตกใจ

เซียวจื่อเซวียนมีท่าทีซึ่งเต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้ายขณะมองหญิงผู้นั้นที่ยืนอยู่ตรงหน้าตน ดวงตาของนางมีความเกลียดชังปกคลุมอยู่ภายใน “ไสหัวไป”

“เจ้ายังคิดว่าตัวเองเป็นบุตรสาวผู้มีอำนาจล้นฟ้าแห่งจวนตระกูลเซียวอยู่หรือ ดูสถานะของตัวเองก่อนเถอะ” นางมองเซียวจื่อเซวียนอย่างเหยียดหยัน

เซียวจื่อเซวียนกำมือแน่น ครั้นแล้วก็ยิ้มเยาะขึ้น

นางลุกขึ้นจากพื้น กลับมามีท่าทางหยิ่งยโสเฉกเช่นที่ตนเคยเป็นก่อนหน้า “แม้ว่าข้าจะไม่ได้รับความนิยมชมชอบจากเขาแล้ว แต่ข้าก็ยังมีฐานะสูงกว่าเจ้าอยู่ดี เจ้าคิดหรือว่าอนุภรรยาเช่นเจ้านั้นจะสามารถอยู่เหนือข้าได้ ใครก็ได้ ตบนางเสีย” เซียวจื่อเซวียนเอ่ยหยันพลางมองใบหน้าซีดเผือดของหญิงผู้นั้น

สีหน้าของนางเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “พวกเจ้าอย่าเข้ามานะ ท่านซื่อจื่อโปรดปรานข้าที่สุด”

“โปรดปรานที่สุดรึ ข้าอยากเห็นนักว่าเขาจะยังโปรดเจ้าอยู่หรือไม่หลังเจ้ากลับไป” เซียวจื่อเซวียนมองนางด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือด

ราวกับดวงตาของอสรพิษที่จับจ้องมองดูเหยื่อของมัน

ในตอนแรก ข้ารับใช้ที่อยู่ฝ่ายของเซียวจื่อเซวียนนั้นเป็นคนจากจวนตระกูลเซียว ยิ่งในนั้นมีข้ารับใช้สองสามคนที่ถูกฝึกมาเพื่อเป็นองครักษ์ลับตั้งแต่เกิดรวมอยู่ด้วย

แน่นอนว่านางจะต้องมีหลากหลายวิธีเอาไว้จัดการหญิงสาวอ่อนแอเช่นนี้อยู่แล้ว

นางกระชากหญิงผู้นั้นเข้ามาอย่างรวดเร็วและฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้านั้น

เซียวจื่อเซวียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ กำลังมองหญิงตรงหน้าที่ร่ำร้องขอความเมตตาอยู่

“จำเอาไว้ ถึงแม้เจ้าจะเป็นหญิงคนโปรดของซื่อจื่อ แต่ก็ไม่มีทางจะเอาชนะข้าได้” ถึงตอนนี้หลิงหลัวและคนอื่นๆ จะเกลียดนาง แต่พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรนางมากนัก นั่นไม่ใช่เพราะว่านางเป็นบุตรีแห่งจวนตระกูลเซียวหรอกหรือ

บัดนี้ พวกเขาถูกจู่โจมจากทั้งสองด้าน ดังนั้น จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะไม่ต้องการมีเรื่องขุ่นเคืองกับตระกูลเซียวเพิ่มขึ้นมาอีก พวกเขาไม่กล้าที่จะทำแบบนั้น

เป็นดังเช่นเซียวจื่อเซวียนคิด หลังจากที่หญิงผู้นั้นกลับไป ก็ไปคร่ำครวญกับหลิงหลัว แม้ว่าหลิงหลัวจะโกรธมาก แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ทว่ากลับลงโทษนางแทน

เซียวจื่อเซวียนได้ยินเรื่องนี้เข้า นางก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา นางรู้เช่นเห็นชาติผู้ชายเช่นเขาแล้ว

เซียวจื่อเซวียนหายใจเข้าลึกๆ แล้วส่งคนนำข้อความไปบอกแก่เซียวอี้หลิน

หลังจากเซียวอี้หลินได้รับข้อความจากเซียวจื่อเซวียน เขาก็นิ่วหน้า ถึงเซียวจื่อเซวียนจะเป็นตัวการของเรื่องทั้งหมดนี้ แต่เขาเองก็มีส่วนต้องรับผิดชอบในความผิดนี้ด้วยเช่นกัน และคงจะไม่สามารถไปโทษผู้อื่นได้

ทว่า โกรธก็ส่วนโกรธ แต่เขาจะไม่ยอมให้ผู้อื่นมารังแกบุตรสาวของตนได้เด็ดขาด

ด้วยเหตุนี้เขาจึงพักเรื่องที่อยู่ในมือเอาไว้ก่อน และเดินทางไปยังจวนตระกูลหลิง

เมื่อหลิงหลัวและหลิงอ๋องได้ยินว่าเซียวอี้หลินกำลังเดินทางมา ใบหน้าของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย เช่นเดียวกับคิ้วของพวกเขาที่เริ่มขมวดเข้าหากัน โดยเฉพาะหลิงหลัว ในดวงตาของเขายังคงมีร่องรอยแห่งความรังเกียจเดียดฉันท์ปรากฏอยู่ภายใน

“เซียวอ๋องมาทำอะไรที่นี่ตอนนี้” หลิงอ๋องพูดขึ้นด้วยความรำคาญใจ

“น่าจะเพราะเซียวจื่อเซวียนขอรับ” ดวงตาของหลิงหลัวหรี่ลงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเซียวจื่อเซวียนจะไม่ได้เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นั้นเลย นางยังคงเอาแต่ก่อเรื่องให้เขาเสมอ แม้แต่ในยามนี้ก็เช่นกัน

เมื่อเซียวอี้หลินมาถึง หลิงหลัวและบิดาของเขาก็ยืนรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นเขา หลิงหลัวก็สาวเท้าเดินเข้ามา “คารวะท่านพ่อตา”

เซียวอี้หลินมองหลิงหลัวก่อนพยักหน้า “หลิงหลัว เจ้าไม่ต้องสุภาพขนาดนี้ก็ได้ วันนี้ข้ามาที่นี่เพราะอยากมาเยี่ยมเซวียนเอ๋อร์กับลูกของนางหน่อย” เซียวอี้หลินอธิบายจุดประสงค์ในการมาเยือนของตน

แม้ว่าภายนอกนั้นหลิงหลัวจะยังแย้มยิ้มอยู่ได้ แต่ภายในใจนั้นหนาวจนเป็นน้ำแข็ง สมกับเป็นเซียวจื่อเซวียน

“ขอรับ ท่านพ่อโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปตามเซวียนเอ๋อร์มาให้ขอรับ” หลิงหลัวบอกเขาก่อนเดินจากไป

เซียวจื่อเซวียนเห็นหลิงหลัวมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า แต่นางก็ยังคงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ท่านพ่ออยากพบเจ้า เจ้าควรจะรู้อยู่แล้วว่าอะไรควรพูด และอะไรที่ไม่ควรพูด”