บทที่ 235 นางคือภรรยาของแม่ทัพใหญ่ + บทที่ 236 ผู้ใดกันที่ไร้เหตุไร้ผล

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 235 นางคือภรรยาของแม่ทัพใหญ่

เฉียวเทียนช่างหลุดขำจากคำพูดอันไม่มีปี่มีขลุ่ยของเขา “ถึงเราจะไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดกัน แต่พวกเราก็ไม่ต่างจากคนที่เป็นพี่น้องกันจริงๆ หรอก หากไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เหยาเหยาถูกทำร้าย ทุกสิ่งที่ข้าทำนั้นล้วนแต่ทำเพื่อเจ้า” แน่นอนว่าเป้าหมายอันสูงสุดของเขาคือการถอนรากถอนโคนสิ่งที่บ่อนทำลายเมืองและสร้างเมืองที่แข็งแกร่งกว่าเดิมขึ้นมาอย่างแท้จริง

เพียงแค่นั้นเขาและหนิงเมิ่งเหยาก็จะสามารถใช้ชีวิตอันเรียบง่ายและสงบสุขร่วมกันได้

“แน่นอน ข้ารู้ดี” ใบหน้านิ่งๆ และเย็นชาของเซียวชวี่เฟิงปรากฏรอยยิ้มบางๆ ขึ้นมา

ระหว่างเขา เซียวฉีเทียน และเฉียวเทียนช่างนั้นมีมิตรภาพอันแน่นแฟ้นคล้องกันอยู่ พวกเขาล้วนแต่คอยเกื้อหนุนกันและกัน โดยเฉพาะเฉียวเทียนช่างที่คอยสนับสนุนเขาทั้งสองเสมอมา

หากไม่มีเฉียวเทียนช่าง ก็คงจะไม่มีเขาอยู่ตรงนี้ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสามารถมอบความไว้วางใจให้แก่เฉียวเทียนช่างอย่างเต็มที่ได้ เป็นความไว้ใจที่ใกล้เคียงกับความเป็นพี่น้องอย่างแท้จริง

เฉียวเทียนช่างไม่ได้อยู่ในห้องทรงพระอักษรต่อนานนัก หลังจากพูดสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาให้พวกเขาฟังจบ เขาก็ขอตัวกลับไป

“ฉีเทียน เจ้าเตรียมตัวเสีย”

เขาเห็นด้วยกับคำพูดของเฉียวเทียนช่าง หากเรื่องเป็นจริงดังนั้น เช่นนั้นแล้วก็นับว่านี่เป็นโอกาสของเขาเช่นกัน ตลอดหลายปีมานี้ เขาเองก็คิดอยากจะกำจัดหลายๆ คนในราชสำนักเสียให้สิ้น แต่เพราะยังไม่มีเหตุผลอันสมควรให้ทำเช่นนั้นได้ เขาจึงยังไม่ได้ทำ

“ท่านพี่ อย่าห่วงเลย ข้ารู้ว่าต้องทำอะไร” ยามเมื่อถึงเวลาสำคัญ เซียวฉีเทียนนั้นพึ่งพาได้มากนัก

หลังจากหลิงอ๋องได้รับการโบยครบหนึ่งร้อยครั้ง แผ่นหลังของเขาก็บาดเจ็บอย่างแสนสาหัส เขากลับไปที่จวนของตนด้วยด้วยสีหน้าหม่นหมองและย่ำแย่

หลิงหลัวเริ่มเป็นกังวลเมื่อเห็นเขาในสภาพนั้น จึงเอ่ยถาม “ท่านพ่อ เกิดะไรขึ้นหรือขอรับ”

“หลัวเอ๋อร์ เมื่อวานเจ้าส่งคนมาตามหาตัวข้าทำไมหรือ” หลิงอ๋องไม่ได้ตอบ แต่ถามเขากลับแทน

หลิงหลัวขมวดคิ้วและบอกเขาตรงๆ ในสิ่งที่ตนได้ลงมือสืบไป ในขณะเดียวกันก็เก็บงำความสงสัยไว้ในใจ

ใบหน้าของหลิงอ๋องเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว “เจ้าหมายความว่า เหตุผลที่เฉียวเทียนช่างจ้องเล่นงานพวกเรา และเหตุผลที่ทงเป่าไจกดดันธุรกิจของเราอยู่ตอนนี้นั้น ทั้งหมดเป็นเพราะเซียวจื่อเซวียนเช่นนั้นรึ”

“น่าจะเป็นเช่นนั้นขอรับ เซียวจื่อเซวียนต้องการให้เหยาเอ๋อร์ตาย แต่สุดท้ายกลับทำได้แค่ทำให้นางแท้งบุตรขอรับ ข้าเกรงว่าที่พวกเราโดนหมายหัวก็น่าจะเพราะเรื่องนี้” หลิงหลัวอธิบายเสียงเบา

หลิงอ๋องคิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดผลลัพธ์ที่อยู่เหนือความคาดหมายนี้ขึ้นมาได้ ความเพียรพยายามที่เขาเฝ้าทำมาตลอดหลายปีถูกทำลายจนป่นปี้เพราะความอิจฉาริษยาของผู้หญิงเพียงคนเดียว

“พานางมาหาข้าเดี๋ยวนี้” หลิงอ๋องกล่าว สีหน้าบูดบึ้ง

หลิงหลัวไม่ได้พูดอะไรและยังคงยืนอยู่ข้างกายหลิงอ๋อง หลังจากได้กลิ่นเลือดจากร่างของเขา หลิงหลัวจึงอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “ท่านพ่อ ท่านควรทำแผลก่อนขอรับ”

“ข้าสบายดี” หลิงอ๋องนั้นดีใจเหลือเกินที่มีลูกชายเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มองหลิงหลัวอย่างไม่พอใจ

เซียวจื่อเซวียนเล่นกับลูกของนางอยู่ที่ลานบ้าน พลันก็ได้ยินหัวหน้าข้ารับใช้เรียกหา ภายในใจเกิดความสงสัยขึ้นมา นางจัดแจงแต่งตัวเล็กน้อยก่อนเดินไปยังประตูทางเข้าลาน

เมื่อนางมาถึง ก็ได้ยินเสียงซึ่งเต็มไปด้วยความเดือดดาลสั่งว่า “คุกเข่า”

เซียวจื่อเซวียนตกใจ จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดนางจึงต้องคุกเข่าด้วยหรือ เมื่อครั้งก่อนตอนนางส่งมือสังหารไปฆ่าหนิงเมิ่งเหยาในขณะที่เซียวฉีเทียนอยู่ด้วย ตอนนั้นพวกเขายังไม่ได้บอกให้นางคุกเข่าเลย ฉะนั้น ครั้งนี้นางจะต้องคุกเข่าด้วยสาเหตุอันใดกัน

“เหตุใดข้าจึงต้องคุกเข่าด้วย ข้าเป็นบุตรีของตระกูลฮ่องเต้เซียวเชียวนะ” เซียวจื่อเซวียนมองพ่อสามีอย่างโอหัง

เดิมทีหลิงอ๋องนั้นโมโหมากพออยู่แล้ว เมื่อเห็นนางมีความกล้าพอที่จะขัดคำสั่งของเขา เขาก็เอ่ยถากถางขึ้นมาทันที “บุตรีของตระกูลเซียวรึ ข้าล่ะสงสัยนักว่าหลังจากวันนี้ไปพวกเขาจะมาสนใจไยดีเจ้าไหม”

“ท่านหมายความว่าอย่างไร” เซียวจื่อเซวียนรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี

“เพราะความโง่เขลาของเจ้า สามวันจากนี้พี่ชายเจ้ากำลังจะโดนตัดหัวแล้ว” หลิงอ๋องมองเซียวจื่อเซวียนพร้อมพูดให้นางฟังทีละคำ

สีหน้าของเซียวจื่อเซวียนแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก นางไม่อยากเชื่อข่าวที่นางเพิ่งได้รับเมื่อครู่เลยสักนิดเดียว “เป็นไปไม่ได้”

“เจ้าทำให้ภรรยาของท่านแม่ทัพใหญ่ต้องแท้งบุตร เพื่อเป็นการแก้แค้น เขาจึงสืบเรื่องตระกูลเซียวกับพี่ชายของเจ้าแล้วพบว่าพวกเขายักยอกเงินที่ควรจะใช้สำหรับการบรรเทาภัยพิบัติไปหลายล้านตำลึงเงิน” หลังจากพูดถ้อยคำที่คิดอยู่ในหัวออกมา หลิงอ๋องเห็นใบหน้าอันไร้สีเลือดของเซียวจื่อเซวียนแล้วก็รู้สึกดีขึ้น

“แต่ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภรรยาของท่านแม่ทัพใหญ่คือผู้ใด” นางไม่รู้จักหญิงผู้นั้นด้วยซ้ำ แล้วจะไปทำให้นางแท้งได้อย่างไรกัน

เมื่อเห็นนางเช่นนี้ หลิงหลัวจึงทนอยู่เงียบๆ ต่อไปไม่ไหว “หนิงเมิ่งเหยาไงเล่า นางเป็นภรรยาของท่านแม่ทัพใหญ่ และเฉียวเทียนช่างก็คือแม่ทัพใหญ่ผู้นั้น”

บทที่ 236 ผู้ใดกันที่ไร้เหตุไร้ผล

ดวงตากลมโตของเซียวจื่อเซวียนเบิกโพลง นางเองก็คิดอยู่เสมอว่าสองคนนั้นต้องไม่ใช่เพียงชาวบ้านธรรมดา แต่นางไม่นึกเลยว่าเฉียวเทียนช่างนั้นจะเป็นถึงแม่ทัพใหญ่

“เป็นไปไม่ได้ เรื่องพรรค์นี้จะเป็นไปได้เช่นไรกัน” คนที่นางมองว่าต่ำต้อยที่สุดนั้นบัดนี้กลับกลายเป็นถึงภรรยาของท่านแม่ทัพใหญ่ และเพราะสิ่งที่นางได้ทำลงไป นางทำให้พี่ชายของตนต้องพบจุดจบ นี่…นี่มัน….

“เอาตัวออกไป โบยนางเป็นการลงโทษสามสิบทีและกักบริเวณให้นางอยู่แต่ในบ้านเสีย ผู้ใดกล้าปล่อยให้นางออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ผู้นั้นจะถูกโบยจนตาย” หลิงอ๋องมองนางอย่างเย็นชา เซียวจื่อเซวียนหน้าถอดสี

เมื่อเซียวจื่อเซวียนได้ยินว่านางกำลังจะถูกโบยหลายครั้ง สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปในทันที นางมองกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหน้าของตนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมาดร้าย “พวกเจ้าทุกคนไม่สิทธิ์จะโบยข้า”

“ลงมือ” หลิงอ๋องไม่อยากจะเสียเวลายุ่งกับนางไปมากกว่านี้ เขายังต้องคิดหาวิธีอีกว่าตนควรจะทำอย่างไรต่อไป

เซวียวจื่อเซวียนสบถระหว่างที่ถูกนำตัวออกไป นางเกือบสิ้นใจหลังจากถูกโบยร่วมสามสิบที หากนางไม่ใช่บุตรีของจวนตระกูลเซียว คงจะถูกหลิงอ๋องโยนออกไปนอกบ้านและปล่อยให้ตายอยู่ข้างนอกนั่นแล้ว

ในตอนที่หลิงอ๋องและหลิงหลัวกำลังหารือกันว่าพวกตนควรจะทำเช่นไรต่อไปดีนั้น หลี่หลินเอ๋อร์ ชายาของเซียวอ๋องก็ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น

นางทราบแล้วว่าบุตรชายของตนถูกจับโยนเข้าคุกไปเมื่อครู่ และกำลังจะถูกประหารชีวิตในอีกสามวันให้หลัง

“ท่านพี่ ท่านต้องช่วยหมิงเอ๋อร์” หลี่หลินเอ๋อร์ร้องไห้คร่ำครวญไม่หยุดระหว่างที่นางวิ่งเข้ามาอ้อนวอนเซียวอี้หลิน

นางมีแค่บุตรชายและบุตรสาวอย่างละคนเท่านั้น หากมีอะไรเกิดขึ้นกับบุตรชายของนาง เช่นนั้นแล้วนางจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร

เซียวอี้หลินขึงตามองหลี่หลินเอ๋อร์อย่างเดือดดาล ใบหน้าของเขาบูดบึ้ง “ช่วยหรือ เจ้าอยากให้ข้าช่วยเขาเช่นไร ไม่เพียงแค่ทงเป่าไจที่กำลังกดดันพวกเราอยู่ในขณะนี้ ทว่าแม้แต่ท่านแม่ทัพใหญ่ก็ยังไม่คิดปล่อยพวกเราไปด้วย ทุกอย่างเป็นฝีมือท่านแม่ทัพผู้นั้น”

หลี่หลินเอ๋อร์มองเซียวอี้หลินอย่างไม่เชื่อสายตา “เขาจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไรกัน พวกเราไม่เคยไปยั่วโมโหเขาเลยมิใช่หรือ”

“ทำไมน่ะรึ ภรรยาของท่านแม่ทัพใหญ่เคยเป็นคนที่หลิงหลัวรัก และเพื่อทำให้เขาลืมเรื่องนางไปจนหมดสิ้น เซวียนเอ๋อร์ของพวกเราจึงส่งองครักษ์ลับไปฆ่านาง นางรอดชีวิต ทว่าต้องทนทุกข์ทรมานจากการแท้งบุตรแทน เจ้าคิดว่าพวกเขาจะไม่มาแก้แค้นเราเช่นนั้นรึ” เมื่อนึกถึงจุดจบของตระกูลเฉียว หัวใจของเซียวอี้หลินก็รู้สึกเย็นเฉียบ

นั่นคือครอบครัวของเฉียวเทียนช่าง

หลี่หลินเอ๋อร์นิ่วหน้า “นั่นมันไม่ใช่แค่ตัวอ่อนในครรภ์ที่ยังไม่แม้แต่จะระบุเพศได้หรอกรึ พวกเขาช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก”

เซียวอี้หลินชี้นิ้วอันสั่นเทาของเขาใส่หลี่หลินเอ๋อร์ เขาไม่คิดเลยว่านางจะพูดเช่นนั้นออกมา

นางพูดเรื่องพรรค์นั้นออกมาได้อย่างไร

“พอแล้ว เจ้าอย่าได้พูดเช่นนั้นตอนอยู่ข้างนอกเด็ดขาด หากเฉียวเทียนช่างและภรรยาของเขาได้ยินเข้า คนที่ตายจะไม่ใช่แค่หมิงเอ๋อร์เพียงผู้เดียว ทว่าตระกูลเซียวกับตระกูลหลี่ของเจ้าทั้งตระกูลจะเสี่ยงติดร่างแหไปด้วย” เซียวอี้หลินเตือนนางอย่างเย็นชา เขามั่นใจว่าถ้าหากเฉียวเทียนช่างและคนอื่นๆ ได้ยินคำพูดนั้น คืนวันอันแสนสงบสุขของตระกูลเซียวคงจะเป็นอันจบสิ้นเป็นแน่

แม้ว่าหลี่หลินเอ๋อร์จะรับคำต่อหน้า แต่ภายในหัวใจของนางนั้นก็ยังคงรู้สึกคับแค้นใจยิ่ง นางไม่เชื่อในคำพูดของเซียวอี้หลิน

เซียวอี้หลินไม่รู้ในสิ่งที่หลี่หลินเอ๋อร์กำลังคิดอยู่ หากเขารู้เข้า เขาคงคิดอยากจับนางผ่ากะโหลกดูนักว่าข้างในนั้นมีสิ่งใดอยู่กันแน่

เมื่อเซียวอี้หลินไม่ช่วย นางจึงทำได้เพียงหันกลับไปพึ่งตระกูลของตนด้วยหวังว่าพวกเขาจะช่วยชีวิตเซียวหมิงเหรินได้

ทว่า ผู้คนในตระกูลหลี่เองก็หลบหน้านางทันทีที่นางกล่าวถึงเรื่องการช่วยชีวิตเซียวหมิงเหรินขึ้นมา ราวกับพวกเขากำลังหวาดกลัวแมงป่องหรืออสรพิษอันน่าเกลียดน่ากลัวอยู่ก็ไม่ปาน

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ยิ่งทำให้ความเกลียดชังภายในหัวใจของนางเติบโตขึ้นเป็นทวีคูณ ดังนั้นนางจึงพยายามคิดหาหนทางอื่น ในท้ายที่สุด นางจึงเริ่มปล่อยข่าวลือเรื่องท่านแม่ทัพใหญ่ผู้นั้นเห็นชีวิตมนุษย์เป็นเพียงผักปลาที่พร้อมจะเหยียบย่ำได้เสมอ

หลังจากข่าวแพร่สะพัดออกไป เฉียวเทียนช่างทำเพียงแค่หัวเราะอย่างน่าขนลุก เขาไม่สนใจเรื่องนั้นแม้แต่น้อย

หลี่หลินเอ๋อร์คิดว่าสิ่งที่นางกำลังทำอยู่นี้จะต้องมีประโยชน์แน่ ทว่านางกลับไม่คาดคิดว่าเฉียวเทียนช่างและคนที่เหลือจะไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ

“พรุ่งนี้เจ้าอยากไปดูด้วยหรือไม่” เฉียวเทียนช่างยื่นมือมาโอบรอบเอวของหนิงเมิ่งเหยา

“ข้าไม่อยากไป” นางเพียงแค่ต้องการรู้ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปดูให้เห็นกับตา

“ก็ได้ เช่นนั้นเจ้ารออยู่ที่บ้านเถอะ ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้น ข้าจะไปจัดการเอง” เขาก้มหน้าลงเพื่อหอมแก้มหนิงเมิ่งเหยา

“ตกลง”

ทั้งสองยังคงหวานแหววกันเฉกเช่นเดิม ทว่าหลี่หลินเอ๋อร์นั้นกำลังอยู่ไม่สุข บัดนี้นางคิดไม่ออกแล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี