ทางเข้าห้องจัดเลี้ยง
ซูฉิงและฮ่อหยุนเฉิงยืนเคียงข้างกันที่ประตูห้องจัดเลี้ยง ประตูกระจกที่อยู่ตรงหน้าสะท้อนเงาของพวกเขา
ฮ่อหยุนเฉิงเหลือบมองหญิงสาวข้างกาย สายตาจับจ้องไปที่รูปร่างที่น่าดึงดูดและสง่างามอย่างหาที่เปรียบมิได้ของเธอ และมีร่องรอยความประหลาดใจจางๆ แทรกอยู่ในดวงตาของเขา
เขาเหยียดแขนออกและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “จับฉันไว้”
ซูฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยื่นมือออกไปจับเขา
คืนนี้เธอเข้าร่วมงานกาล่าดินเนอร์ในฐานะคู่ควงของฮ่อหยุนเฉิง ซึ่งนี่ก็เป็นมารยาท
เป็นเรื่องยากที่จะเห็นซูฉิงมีท่าทีเชื่อฟัง ฮ่อหยุนเฉิงจึงอดยิ้มมุมปากไม่ได้
ทั้งสองเดินเข้าไปที่ห้องจัดเลี้ยงเคียงข้างกัน ซึ่งทำให้คนทั้งงานเกิดความรู้สึกในทันที
ฮ่อหยุนเฉิงสวมชุดสูทสีดำที่ตัดเย็บมาอย่างดี ซึ่งแสดงให้เห็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเขาอย่างชัดเจน ทันทีที่เขาปรากฏตัวก็ได้กลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งงานและยังดึงดูดความสนใจของทุกคนไปโดยอัตโนมัติ
ซูฉิงยืนอยู่ข้างเขา ทว่ากลับไม่ถูกแสงของฮ่อหยุนเฉิงปิดบังเลย
เธอสวมชุดเดรสยาวสีขาวเน้นรูปร่างที่สง่างาม แผ่ความสง่างามราวกับนางฟ้าที่หลงทางมายังโลกที่จนผู้คนต่าไม่สามารถละสายตาจากเธอได้
ทันทีที่ทั้งสองปรากฏตัว นักข่าวก็เข้ามารายล้อมอย่างรอไม่ไหวก่อนจะจ่อไมโครโฟนไปที่ฮ่อหยุนเฉิง
“ประธานฮ่อคะ ไม่ทราบว่ากาล่าดินเนอร์คืนนี้จัดมาเพื่อคุณซูหรือเปล่าคะ?”
“ประธานฮ่อคะ ท่านกับคุณซูมีความรู้สึกดีๆ ต่อกันหรือเปล่าคะ?”
หลินเหยียนเฟิงที่ตาดีก็ห้ามนักข่าวเอาไว้ “ขออภัยด้วยนะครับ ตอนนี้ประธานฮ่อไม่รับการสัมภาษณ์นะครับ”
ซูฉิงหันไปมองฮ่อหยุนเฉิงเล็กน้อย “พวกนักข่าวนี่มีคำถามเยอะจังนะ”
ฮ่อหยุนเฉิงกระตุกริมฝีปาก ดวงตาโค้งเพราะรอยยิ้มมองไปที่ซูฉิง “ในฐานะคู่หมั้นของประธานตระกูลฮ่อกรุ๊ป เธอต้องชินกับสถานการณ์แบบนี้นะ”
คู่หมั้น…
ทำไมเขาถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกแล้ว?
หรือที่เธอพูดไปก่อนหน้านี้ไม่ชัดพอเหรอ?
ซูฉิงเปลี่ยนเรื่องอย่างทำตัวไม่ถูก “จริงสิ แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าเหอจื่อฉงแอบขายแบบภาพให้มาริลีน”
“หลินเหยียนเฟิงตรวจเจอน่ะ” ฮ่อหยุนเฉิงหรี่ตาลงพร้อมขมวดคิ้ว “อันที่จริงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตรวจสอบหรือเพราะมีเพียงไม่กี่คนที่รู้แบบภาพของน้ำแข็งและไฟ”
“แต่เหอจื่อฉงไม่ได้เข้าร่วมในโครงการ น้ำแข็งและไฟ นะ” ซูชิงกล่าวอย่างสงสัย
“หลี่หว่านถิงเข้าร่วมน่ะสิ” ฮ่อหยุนเฉิงอธิบายอย่างเย็นชา “เหอจื่อฉงเป็นแฟนหลี่หว่านถิง”
“โอ้ ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง” ซูชิงครุ่นคิด “แล้วทำไมเหอจื่อฉงถึงทำแบบนี้ล่ะ? หากเจอตัวมันจะไม่ใช่แค่ไม่ได้ทำงานแต่ยังทำหลี่หว่านถิงเดือดร้อนไปด้วยนะ”
ฮ่อหยุนเฉิงพูดอย่างเฉยเมย “เขาบอกว่าทำเพื่อเงิน”
ขายแฟนเพื่อเงินเนี่ยนะ?
บางทีเสน่ห์ของเงินคงจะมีมาก ทว่า…ซูฉิงรู้สึกว่าเรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น
ในขณะที่ซูฉิงกำลังคิดว่าจะมีเรื่องยุ่งยากอะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือไม่ ฮ่อหยุนเฉิงก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ “ตอนนี้ถึงตาฉันถามเธอแล้ว”
“หือ?” ซูชิงเรียกสติและพูดอย่างสงสัย “นายอยากถามอะไรล่ะ?”
“เธอกับยวี๋น่ามีความสัมพันธ์อะไรกัน?” ฮ่อหยุนเฉิงเอนตัวเข้าหาซูฉิงก่อนจะถามเสียงต่ำข้างหูเธอ “และยังมีข้อตกลงการอนุมัตินั่นอีก ไปลงนามกันเมื่อไหร่ทำไมฉันถึงไม่รู้?”
ซูฉิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
เธอก็คงไม่สามารถบอกฮ่อหยุนเฉิงได้ว่าเธอคือลีโอใช่ไหมล่ะ?
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซูฉิงยิ้มและกระพริบตาโตๆ “นายเดาสิ”
ท่าทางที่ทั้งสองคนพูดคุยกันนั้นอยู่ในสายตาของสวีหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ไม่ไกล
“หว่านเอ๋อร์ เธอดูท่าทางของซูฉิงที่โปรยเสน่ห์นั่นสิ ผู้ชายต่างก็ติดกับ” ไป๋หลานพูดใส่ไข่
สวีหว่านเอ๋อร์ที่มือถือแก้วไวน์แดง จ้องไปที่ ที่ซูฉิงอย่างเกลียดชัง “เหอะ เธอชอบอ่อยผู้ชายไม่ใช่เหรอ? คืนนี้ก็ให้เธออ่อยให้พอสิ”
“เธอหมายความว่า…” ไป๋หลานสงสัยเล็กน้อย
สวีหว่านเอ๋อร์กระซิบข้างหูไป๋หลานอยู่ชั่วขณะหนึ่ง และสุดท้ายส่งเสียงเย็นชาออกมา “คืนนี้ฉันได้เตรียมของขวัญชิ้นโตไว้ให้ซูชิงแล้ว ถึงตอนนั้นก็คอยดูก็แล้วกัน!”
หลังจากฟังแผนของสวีหว่านเอ๋อร์แล้ว ไป๋หลานก็ตระหนักได้ก่อนตะยกนิ้วให้สวีหว่านเอ๋อร์ “หว่านเอ๋อร์ เธอนี่ฉลาดเกินไปแล้ว! นี่จะไม่ใช่แค่จัดการซูฉิงได้ แต่ยังป้องกันไม่ให้คนอื่นสงสัยมาถึงเราด้วย”
“แน่นอนอยู่แล้ว” สวีหว่านเอ๋อร์แสดงสีหน้าพอใจ
“ถึงตอนนั้นตราบใดที่แอนนี่ทำสำเร็จ เราก็เรียกฮ่อหยุนเฉิงกับนักข่าวไปที่นั่น ฉันอยากให้หยุนเฉิงได้เห็นว่าคู่หมั้นที่ดีของเขานั่นทำอะไรไร้ยางอายต่อหน้าผู้คนมากมายยังไง!”
ไป๋หลานพูดอย่างเห็นด้วย “ไม่เลวเลย ผู้ชายที่หยิ่งยโสอย่างฮ่อหยุนเฉิงจะยอมให้คู่หมั้นของเขาสวมเขาให้เขากลางสาธารณะได้ยังไงล่ะ? ถึงตอนนั้นคงจะไม่ไล่ซูฉิงไปหรอกใช่ไหม?”
“ก็เพราะฮ่อหยุนเฉิงหลงใหลไปกับรูปร่างหน้าตาของชูฉิง เขาปฏิบัติต่อหล่อนเหมือนเป็นสมบัติล้ำค่า อีกเดี๋ยวให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้ดู!” สวีหว่านเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงมืดมน
“ใช่ ตราบใดที่ฮ่อหยุนเฉิงเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูฉิงแล้วต้องไล่ซูฉิงไปอย่างแน่นอน หว่านเอ๋อร์ ประธานฮ่อต้องกลับมาอยู่ข้างกายเธอแน่ ถึงตอนนั้นเธอก็จะได้ตำแหน่งคุณนายตระกูลฮ่ออย่างแน่นอน” ไป๋หลานพูดเอาใจ
สวีหว่านเอ๋อร์พยักหน้าอย่างยอมรับก่อนจะมองไปรอบๆ ห้องจัดเลี้ยง “จริงสิ แล้วแอนนี่ล่ะ ทำไมยังไม่มาอีก?”
คืนนี้จะสำเร็จหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับแอนนี่แล้ว
แอนนี่คงจะไม่พลาดช่วงเวลาสำคัญแล้วไม่มาใช่ไหม?
ขณะที่สวีหว่านเอ๋อร์กำลังคิด ไป๋หลานก็ชี้ไปที่ทางเข้าห้องจัดเลี้ยงอย่างตื่นเต้น “หว่านเอ๋อร์ มาแล้วล่ะ แอนนี่มากับบรูซล่ะ!”
สวีหว่านเอ๋อร์พยักหน้า ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะชนะ
ซูฉิง เธอรอก่อนเถอะ!
เวลาสองทุ่ม งานกาล่าดินเนอร์ก็ได้เริ่มอย่างตรงเวลา
เสียงเพลงไพเราะบรรเลงในห้องจัดเลี้ยง และภายใต้เสียงเพลงอันไพเราะ พิธีกรก็เดินขึ้นเวที “ขอต้อนรับทุกท่านสู่งานกาล่าดินเนอร์ที่ตระกูลฮ่อกรุ๊ปจัดขึ้นนะครับ ก่อนอื่นขอปรบมือให้อย่างอบอุ่นและเรียนเชิญท่านประธานตระกูลฮ่อกรุ๊ปขึ้นมากล่าวอะไรสักหน่อยนะครับ”
ด้วยเสียงปรบมืออันอบอุ่น ฮ่อหยุนเฉิงก็เดินไปที่เวทีด้วยฝีเท้าที่สง่างามและมั่นคง
แสงสว่างส่องลงมาบนกายของฮ่อหยุนเฉิง ราวกับว่าปกคลุมร่างกายของเขาด้วยชั้นแสงสีทอง เปรียบเสมือนราชาผู้สูงส่ง ยืนอยู่บนเวทีที่เป็นของเขาเพียงคนเดียวและมองไปยังทุกคน
ฮ่อหยุนเฉิงกระแอมในลำคอก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงใส “ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานกาล่าดินเนอร์ในคืนนี้นะครับ วันนี้เป็นวันเปิดตัว ‘น้ำแข็งและไฟ’ ของตระกูลฮ่อกรุ๊ปของเราอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวตระกูลฮ่อกรุ๊ปในอุตสาหกรรมเครื่องประดับอย่างเป็นทางการในตลาดใหม่ ความสำเร็จวันนี้ ผมอยากขอบคุณคนๆ หนึ่งครับ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮ่อหยุนเฉิงก็จงใจหยุดชั่วคราว ดวงตาที่ลึกล้ำของเขาจับจ้องไปที่ซูฉิงในกลุ่มผู้ชมด้านล่างเวที
จากนั้นเสียงแหบพร่าเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เธอคือคู่หมั้นของผม ซูฉิง”
เสียงปรบมือดังสนั่น และดวงตาที่อิจฉานับไม่ถ้วนก็จับจ้องไปที่ร่างของซูฉิงจนทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก
ฮ่อหยุนเฉิงพูดจาเลี่ยนแบบนี้ต่อหน้าคนมากมายเนี่ยนะ!
ไม่ใช่ว่าหัวใจของซูฉิงจะไม่หวั่นไหว แต่ว่า…
ในขณะที่ซูฉิงกำลังหวั่นไหวก็ได้ยินเสียงต่ำและน่ารื่นรมย์ของฮ่อหยุนเฉิงผสมไปกับเสียงเชลโลอีกครั้ง “ซูฉิง ผมอยากขอคุณเต้นรำเปิดงาน จะได้ไหม?”