สิ้นเสียงฮ่อหยุนเฉิงก็ก้าวเดินไปยังซูฉิง ยื่นมืออันเรียวยาวให้เธออย่างสง่างามและสุภาพ พยักหน้าลงเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “May I?”
มองไปยังชายที่ราวกับราชาตรงหน้า ซูฉิงรู้สึกมึนงงเล็กน้อย
ฮ่อหยุนเฉิงเชิญเธอไปเต้นรำต่อหน้าทุกคน เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
“of course.” ซูฉิงยิ้มบางๆ และยื่นมือเล็กๆ ของเธอออกมาอย่างใจกว้างและวางมันลงบนฝ่ามือของฮ่อหยุนเฉิง
ฮ่แหยุนเฉิงพาซูฉิงเดินไปยังฟลอร์เต้นรำ
ด้วยเสียงเพลงไพเราะ ฮ่อหยุนเฉิงและซูฉิงเต้นรำอย่างสง่างามกลางฟลอร์เต้นรำ
ทั้งสองเต้นด้วยกันเป็นครั้งแรก ทว่ากลับร่วมมือกันอย่างราบรื่นราวกับว่าเป็นคู่เต้นกันมาหลายปีแล้ว
ฮ่อหยุนเฉิงก้มศีรษะลง นัยน์ตาลึกตกลงมาที่ใบหน้าของซูฉิงและถามเบาๆ “ซูฉิง เราดูเข้ากันได้ดีใช่ไหม?”
ซูฉิงพยักหน้า “อื้ม ก็ได้อยู่ ถ้านายช้าลงหน่อย น่าจะเต้นได้ดีกว่านี้”
ริมฝีปากบางของฮ่อหยุนเฉิงเข้ามาใกล้ใบหูซูฉิงและพูดเบาๆ “ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้”
ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาพ่นลงบนผิวแก้มจนรู้สึกจักจี้เล็กน้อย
ใบหน้าของซูฉิงร้อนขึ้นมาอย่างลึกลับ
อันที่จริงเธอกับฮ่อหยุนเฉิงนั้นเข้ากันได้ดีมาก
หนึ่งเดือนนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย
เซี่ยซิงซิงใส่ร้ายว่าซูฉิงเป็นคนผลักหล่อนลงน้ำ ซูฉิงหาเทปบันทึกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนว่าเซี่ยซิงซิงทำเรื่อวนี้คนเดียว และฮ่อหยุนเฉิงก็หาวิดีโอมาสมทบ
งานแถลงข่าวบ่ายวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ซูฉิงเผชิญกับข้อกล่าวหาเรื่องการลอกเลียนแบบของมาริลิน ซูฉิงตามตัวยวี๋น่ามาพิสูจน์ว่าเธอคือต้นฉบับริเริ่ม “น้ำแข็งและไฟ” ดั้งเดิม และฮ่อหยุนเฉิงก็ตรวจสอบได้ว่าเหอจื่อฉงเป็นคนแอบเอาแบบภาพไปขายให้กับมาริลิน
ความร่วมมือระหว่างคนสองคนนั้นช่างเรียบง่าย ราวกับว่าเกิดมาพร้อมกับใจสื่อถึงใจ
ซูฉิงยิ้มและยอมรับ “ก็ค่อนข้างเข้ากันดีนะ”
สายตาของฮ่อหยุนเฉิงอ่อนโยนลงเล็กน้อย “ในเมื่อเราเข้ากันได้ดีขนาดนี้ เธอช่วยพิจารณาข้อเสนอก่อนหน้านี้ของฉันใหม่ได้ไหม?”
ข้อเสนอของฮ่อหยุนเฉิง…
เมื่อมองไปที่ดวงตาของเขาที่ลึกราวกับทะเลอันกว้างใหญ่ หัวใจของซูฉิงก็เต้นผิดจังหวะ
เธอรู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร
เข้ากันได้ก็เรื่องหนึ่ง เหมาะกันไหมก็อีกเรื่องหนึ่ง
ผู้ชายที่หมกมุ่นอยู่กับผู้หญิงอื่นในใจ ไม่เหมาะกับซูฉิง
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น ซูฉิงก็กระตุกมุมปากของเธอเบาๆ “นายไม่คิดว่าการพูดถึงเรื่องนั้นในโอกาสนี้ไม่เหมาะเหรอ?”
“จริงเหรอ?” ฮ่อหยุนเฉิงเลิกคิ้วและถามกลับ
ซูฉิงพูดอย่างเย็นชา “แน่นอนสิ ยิ่งไปกว่านั้น ฉันเคยอธิบายให้นายฟังอย่างชัดเจนแล้ว ท่านประธานฮ่อคงจะไม่ลืมหรอกใช่ไหม?”
ใบหน้าของฮ่อหยุนเฉิงเริ่มมืดมน ดวงตาฉายแววหงุดหงิด เขาไม่พูดอะไรและยังคงเต้นต่อไปโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ
ชายคนนี้…โกรธอีกแล้วสินะ
ใจแคบเสียจริง
ซูฉิงบ่นอยู่ในใจก่อนจะรีบตามจังหวะของฮ่อหยุนเฉิงให้ทัน
เมื่อมองไปที่คู่ชายหนุ่มรูปงามและหญิงสาวแสนสวยตรงกลางฟลอร์เต้นรำ นัยน์ตาของสวีหว่านเอ๋อร์ก็ฉายแววริษยาอย่างคุมไม่อยู่
ฮ่อหยุนเฉิงเชิญซูฉิงไปเต้นเปิดฟลอร์ ซึ่งหมายความว่าเขายอมรับความสัมพันธ์ระหว่างซูฉิงกับเขาแล้ว และทำให้ซูฉิงกลายเป็นจุดสนใจ!
ยัยบ้านนอกซูฉิงคนนี้มีเวทมนตร์อะไรกันถึงทำให้ฮ่อหยุนเฉิงหลงใหลได้ขนาดนี้?
“หว่านเอ๋อร์ ไม่ต้องกังวลนะ ชูฉิงอยู่ได้ไม่นานหรอก” เมื่อเห็นท่าทีขุ่นเคืองของสวีหว่านเอ๋อร์ ไป๋หลานที่อยู่ข้างๆ ก็พูดปลอบ
สวีหว่านเอ๋อร์กลับมามีสติอีกครั้ง ไม่ละสายตาจากซูฉิงที่กลางฟลอร์เต้นรำ เธอกัดฟันและพูดว่า “ถูกต้อง ซูฉิง ฉันจะรอดูว่าเธอจะมีความสุขได้อีกนานแค่ไหนกันเชียว!”
เมื่อจบเพลง งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ฮ่อหยุนเฉิงเป็นเป้าหมายของคำชมของทุกคน ในงานเลี้ยงถูกล้อมรอบด้วยผู้คน เขาตอบอย่างเฉยเมยและไม่ได้สุภาพอะไร
ระหว่างการชนแก้ว ฮ่อหยุนเฉิงดื่มไวน์ไปหลายแก้ว เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกทีกลับไปเจอซูฉิงแล้ว
อันที่จริง ซูฉิงไม่ได้ชอบที่ที่อึกทึกครึกโครมอะไรแบบนี้ ด้วยเหตุนั้นเธอจึงหามุมนั่ง
เธอกำลังจะไปหาเค้กกิน ทันใดนั้นก็มีเสียงแหบหนาดังขึ้น “ซูฉิง ขอนั่งด้วยได้ไหม?”
ซูฉิงเชยตามอง ที่แท้ก็เป็นเฉินจุนเหยียน
“นั่งตามสบายเลย” ซูฉิงพูดเสียงเรียบ
เฉินจุยเหยียนนั่งลงข้างซูฉิงและหันมองเธอ “ซูฉิง ฉันยังพูดเรื่องแผนของสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ยังไม่จบเลย”
คราวที่แล้วเขาและซูฉิงนัดกันที่ร้านอาหารเพื่อหารือเกี่ยวกับแผนแต่กลับถูกฮ่อหยุนเฉิงที่จู่ๆ ก็โผล่มาขัดจังหวะกะทันหัน
“อืม ไว้ส่งอีเมลมาให้ฉันแล้วกัน มีเวลาแล้วจะดูให้” ซูฉิงหยิบน้ำส้มบนโต๊ะขึ้นมาจิบ
เฉินจุนเหยียนเปลี่ยนเรื่องทันที “ซูฉิง ฉันขอถามอะไรเธอหน่อยได้ไหม?”
ซูฉิงพยักหน้า “มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
“ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฮ่อหยุนเฉิง…เป็นแค่สัญญากันเท่านั้นเหรอ?” เฉินจุนเหยียนถามด้วยสายตาหนักแน่น
เฉินจุนเหยียนมองออกว่าความรู้สึกที่ฮ่อหยุนเฉิงมีต่อซูฉิงนั้นไม่ใช่แค่สัญญาธรรมดาๆ เท่านั้น
ซูฉิงยกริมฝีปากขึ้น “ไม่อยากนั้นล่ะ?”
คำตอบของซูฉิงทำให้เฉินจุยเหยียนมีความสุข ก่อนเขาจะถามต่อ “นั่นหมายความว่าเธอไม่เคยชอบฮ่อหยุนเฉิงเลยใช่ไหม?”
ชอบฮ่อหยุนเฉิง?
นี่เป็นคำถามที่ซูฉิงหลีกเลี่ยงมาตลอด
ในความเป็นจริงแล้วซูฉิงเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอรู้สึกยังไงกับฮ่อหยุนเฉิง
แต่สิ่งหนึ่งที่ซูฉิงชัดเจนมาก นั่นคือคนที่ฮ่อหยุนเฉิงชอบนั่นก็คือถังถัง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซูฉิงเม้มปากและพูดอย่างสงบ “ไม่เคย ฉันไม่ชอบฮ่อหยุนเฉิง ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขาเป็นเพียงสัญญาเท่านั้น”
ร่างสูงของฮ่อหยุนเฉิงซ่อนตัวอยู่ในแสงสลัว
เขาตามหาซูฉิงทุกที่ก็ไม่เจอ แต่กลับมาเจอซูฉิงนั่งอยู่บนโซฟาตรงมุมห้องกับเฉินจุนเหยียน
เขาเดินเข้าไปกลับได้ยินเสียงที่ปฏิเสธของซูฉิง
“ฉันไม่ชอบฮ่อหยุนเฉิง”
“ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขาเป็นเพียงสัญญาเท่านั้น”
ก้าวไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่เย็นชา ฮ่อหยุนเฉิงมองลงไปที่ซูฉิง “ซูฉิง เธอพูดที่พูดเมื่อกี้อีกทีซิ”
ซูฉิงตกใจ ทำไมฮ่อหยุนเฉิงถึงมายืนอยู่ตรงหน้าเธออย่างเงียบๆ ได้
เขาได้ยินทุกอย่างที่เธอพูดกับเฉินจุนเหยียเมื่อกี้?
ซูฉิงยกริมฝีปากขึ้นยิ้มบางๆ “ขอโทษทีนะ ฉันไม่ชอบพูดอะไรซ้ำสอง”
สายตาสองคู่สบกัน ซูฉิงรู้สึกถึงแรงกดดันจากฮ่อหยุนเฉิงราวกับอากาศนิ่งไปชั่วขณะ
ในขณะนั้นเองที่สวีหว่านเอ๋อร์ที่สวมรองเท้าส้นสูงเดินเข้ามาและพูดอย่างออดอ้อน “หยุนเฉิง ขอเต้นรำด้วยได้ไหม?”
หลังจากเงียบไปสองวินาที ฮ่อหยุนเฉิงก็พยักหน้าและพูดอย่างเย็นชา “ได้”
“หยุนเฉิง คุณยอมขอมฉันเต้นจริงเหรอ?” สวีหว่านเอ๋อร์แทบไม่เชื่อหูตัวเอง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความปีติยินดี
ฮ่อหยุนเฉิงตกลงเต้นรำกับเธอจริงๆ เธอไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?
เมื่อนึกถึงคืนนั้นที่ซูฉิงเข้าใจผิดว่าเขาและสวีหว่านเอ๋อร์อยู่ด้วยกันจนมีท่าทีอิจฉา ฮ่อหยุนเฉิงก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
เขามองซูฉิงลึกลงไป จากนั้นจึงโอบสวีหว่านเอ๋อร์และก้าวขึ้นไปบนฟลอร์เต้นรำ