มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่รวมตัวกันอยู่ในสนามทดสอบสมรรถภาพการต่อสู้ในสนามรบ มีอาจารย์ 10 คนทำหน้าที่คุมสอบที่นั่น แต่ละคนแลกเปลี่ยนการโจมตีง่ายๆ กับผู้เข้าสอบก่อนจะลงคะแนนให้
โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์เดินไปเข้าแถวทดสอบแถวหนึ่ง เนื่องจากพวกเขา 2 คนแยกจากกันมาหลายเดือนแล้ว ทั้งคู่จึงมีหลายเรื่องอยากจะพูดคุยกัน โจวเหว่ยชิงเพิ่งต่อว่าหมิงหยูว่าเจ้าคนอวดดีเมื่อนาทีก่อน แต่ในขณะนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะอวดซ่างกวนปิงเอ๋อร์เกี่ยวกับพรสวรรค์ของเขาในฐานะอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์เช่นกัน
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์รับฟังเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า แสดงตัวเป็นผู้ชมที่ดีที่สุดของเขา ขณะที่โจวเหว่ยชิงกำลังอธิบายถึงความเจ็บปวดที่เขาได้รับระหว่างการทะลวงจุดตายที่ 12 เขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงร้องแสดงความตกใจเสียงหนึ่ง
สายตาของพวกเขาถูกดึงไปในทิศทางเดียวกันทันที เห็นได้ชัดว่า เสียงนั้นดังมาจากอีกแถวหนึ่งและเป็นผู้เข้าสอบคนหนึ่งที่ทำให้เกิดเสียงโวยวายนั้นขึ้นมา
ผู้สมัครคนนั้นดูสะดุดตาอย่างแท้จริงเนื่องจากขนาดตัวของเขา ความสูง 1.9 เมตรและกล้ามเนื้อตึงแน่นของโจวเหว่ยชิงนั้นก็ถือว่าสูงใหญ่กว่าคนทั่วไปมากอยู่แล้ว แต่ทว่าเมื่อเทียบกับคนผู้นั้น อาจพูดได้ว่าโจวเหว่ยชิงยังตัวเล็กกว่าหนึ่งขนาด!
ดูเหมือนว่าเขาจะสูงอย่างน้อย 2.1 เมตร กล้ามแข็งนูนของเขาเกือบจะคล้ายกับเนินเขาลูกเล็กๆ! ในขณะนั้นเขากำลังพูดว่า “อาจารย์ การโจมตีของท่านไม่เจ็บไม่คันเลยสักนิด! ดังนั้นขอคะแนนเต็มให้ข้าได้ไหม? ข้าเพิ่งได้ 0 จากการทดสอบความรู้ทั่วไปทางการทหาร ถ้าข้าไม่ได้คะแนนเต็มที่นี่ ข้าก็อาจจะสอบไม่ผ่าน…”
อาจารย์ผู้รับผิดชอบการสอบของเขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “ผู้สมัครหม่าฉุน ปลดปล่อยมณีพลังของเจ้าให้ข้าดู”
“โอ้ ได้เลยๆ” ชายหนุ่มร่างใหญ่นามว่าหม่าฉุนยกมือขึ้นอย่างใสซื่อ ในพริบตาถัดมามณีสวรรค์ชุดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นรอบข้อมือของเขา ทางด้านขวามีหยกเหลืองเรืองรองอยู่ บ่งบอกว่ามณียุทธ์ของเขาเป็นประเภทเพิ่มความทนทานหรือการป้องกัน ความบริสุทธิ์ของหยกเหลืองแสดงให้เห็นว่าเขามีสถานะเป็นจ้าวมณีสวรรค์ ส่วนข้อมือซ้ายของเขาเป็นมณีสีทองเปล่งปลั่ง
“เพชรสีทอง ทักษะธาตุดิน!” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ร้องออกมาด้วยความตกใจเล็กน้อย เธอกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “นั่นเป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาเลยทีเดียว ทักษะธาตุดินนั้นใช้สำหรับการป้องกันอยู่แล้ว แต่มณียุทธ์ของเขากลับยังเพิ่มความทนทานอีกด้วย ความสามารถในการป้องกันของเขาต้องสูงมากแน่ๆ! มณีสวรรค์ที่เข้าคู่กันเช่นนี้เรียกว่าประเภทการป้องกันแบบบริสุทธิ์ ทั้งยังหายากกว่าประเภทความว่องไวของข้าอีกด้วย”
โจวเหว่ยชิงแค่นหัวเราะและพูดว่า “แต่ระดับพลังปราณของเขาต่ำกว่าของเจ้ามาก อย่างไรเขาก็เป็นเพียงจ้าวมณีสวรรค์ระดับปฐมขั้นแรกที่มีมณีเพียงชุดเดียว น่าจะมีพลังปราณสวรรค์ไม่เกินระดับ 7”
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังสนทนากัน ผู้คุมสอบก็พูดด้วยใบหน้าที่สลดใจ “ผู้สมัครหม่าฉุน เจ้าเป็นจ้าวมณีสวรรค์ ทำไมถึงยังมาเข้าร่วมการทดสอบ? เจ้าไม่รู้หรือ ไม่ว่าจะโรงเรียนไหน จ้าวมณีสวรรค์ทุกคนสามารถเข้าเรียนได้โดยไม่ต้องสอบ? เอาล่ะ เจ้ามาลงทะเบียนกับข้าที่นี่ ไม่เลว ไม่เลว พรสวรรค์ของนักเรียนปีนี้ดีจริงๆ! เจ้าเป็นจ้าวมณีสวรรค์คนที่ 2 ในปีนี้แล้ว!”
“เอ๊ะ?” เสียงประหลาดใจดังขึ้นพร้อมกัน 3 เสียง แน่นอนว่ามาจากหม่าฉุน โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์
ทั้งโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์แลกเปลี่ยนสายตากันอย่างขบขัน จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ไม่แปลกใจเลยที่หัวเฟิงไม่พูดถึงการทดสอบใดๆ นั่นก็เพราะจ้าวมณีสวรรค์ไม่จำเป็นต้องสอบนั่นเอง! นั่นเป็นข้อได้เปรียบที่ดียิ่งกว่าที่ขุนนางเสียอีก
โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์รีบเดินไปหาผู้คุมสอบและพูดว่า “อาจารย์ พวกเราเป็นจ้าวมณีสวรรค์เช่นกัน ท่านช่วยลงทะเบียนให้ด้วยได้ไหม?”
อาจารย์และผู้สมัครคนอื่นๆ ต่างหันมามองพวกเขา รวมถึงยักษ์หม่าฉุนก็หันมาเช่นกัน
เพื่อนตัวใหญ่คนนี้ดูซื่อสัตย์ และไร้เดียงสามากกว่าโจวเหว่ยชิงคิดเสียอีก ทันทีที่เขาเห็นซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เขาก็ฉีกยิ้มกว้างและพูดว่า “พี่สาว ท่านสวยมากเลย”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ยิ้มจางๆ และพยักหน้าให้เขา
โจวเหว่ยชิงที่อยู่ข้างๆ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์มองเขาอย่างเย็นชา เขาสังเกตได้ว่าเพื่อนตัวใหญ่ที่ดูซื่อสัตย์และไร้เดียงสาคนนี้ดูมีบางอย่างเหนือกว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่แสดงออกมา ขณะที่เอ่ยปากชมซ่างกวนปิงเอ๋อร์ว่าสวย เจ้านั่นก็ลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างเห็นได้ชัด ในฐานะปรมาจารย์ทางด้านการแสดง โจวเหว่ยชิงย่อมมองเห็นธาตุแท้ของเพื่อนคนนี้อยู่แล้ว
ทว่าผู้เข้าสอบคนอื่นๆ กลับไม่ได้สังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ หลังจากช่วยหม่าฉุนลงทะเบียนแล้ว อาจารย์คนนั้นก็พูดกับพวกเขาว่า“ โปรดแสดงมณีพลังของเจ้าให้ข้าดู”
โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไม่ได้เปิดเผยความลับทั้งหมด พวกเขาทั้งสองยกมือขวาขึ้น ใช้ร่างกายปิดบังสายตางจากผู้สมัครคนอื่นๆ ขณะที่ปลดปล่อยมณียุทธ์ออกมา
ผู้สมัครที่ยืนเข้าแถวรออยู่ทุกคนได้ยินเสียงสูดหายใจเข้าอย่างชัดเจน แต่แม้จะชะโงกดูจนคอเคล็ด พวกเขาก็ยังไม่อาจมองเห็นอะไรได้เลย เมื่ออาจารย์คนนั้นเห็นพวกเขาทั้ง 2 คนมีมณีสวรรค์ 3 ชุด เขาก็เงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นเขาก็ไม่ชักช้ารีบพาพวกเขาทั้งคู่ไปลงทะเบียน ซ่างกวนปิงเอ๋อร์มองไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “อ้วนน้อย เจ้าพัฒนาขึ้นอีกแล้วหรือ?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวด้วยท่าทางขมขื่น “ไม่ได้อยากเลยด้วยซ้ำ! ข้าเกือบจะตายอยู่ที่เรือนของอาจารย์ฮูเหยียนแล้ว ปิงเอ๋อร์ พอไม่มีเจ้าคอยอยู่เคียงข้าง การทะลวงจุดตายก็เจ็บปวดเกินไปสำหรับข้า”
หลังจากนั้นไม่นานการลงทะเบียนก็เสร็จสมบูรณ์ กระบวนการการทำงานของโรงเรียนทหารเฟยหลี่นั้นมีประสิทธิภาพสูงมาก ทั้ง 3 คนจึงได้รับผลการตอบรับเข้าเรียนทันที ผู้ตรวจสอบยังบอกอีกว่าในอีก 3 วันถัดไป หลังจากการคัดเลือกทั้งหมดสิ้นสุดลง พวกเขาจะต้องมารายงานตัวเพื่อให้โรงเรียนจัดห้องเรียนให้
“พี่สาว ข้าชื่อหม่าฉุน ท่านชื่ออะไรหรือ? ท่านสวยมาก เป็นพี่สาวที่สวยที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาเลย” ขณะที่โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์กำลังเดินออกจากพื้นที่ทดสอบความสามารถทางการต่อสู้ เจ้ายักษ์หม่าฉุนก็เดินตามพวกเขามาพร้อมกับเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่ดูจริงใจ
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กำลังจะตอบกลับเขา แต่กลับโจวเหว่ยชิงกลับคว้าตัวเธอเอาไว้ เขามองไปที่หม่าฉุนตัวใหญ่และพูดว่า “เจ้าโง่ ต่อหน้าพี่ใหญ่เช่นข้า การแสดงของเจ้านั้นไร้ฝีมือเกินไป ไปซะ ไม่อย่างนั้นข้าคงจะต้องสั่งสอนเจ้า”
“อ้วนน้อย!” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์สะกิดเตือนเขา
หม่าฉุนหัวเราะเต็มเสียงและพูดว่า “พี่ใหญ่ท่านนี้ ร่างกายข้าแข็งแกร่งทนทานมาก ท่านไม่สามารถทุบตีข้าได้หรอกถึงแม้ท่านจะเป็นจ้าวมณีสวรรค์เหมือนกันก็ตาม”
“โอ้? ข้าทุบตีเจ้าไม่ได้งั้นรึ?” โจวเหว่ยชิงมองเขาอย่างสนอกสนใจ คราวนี้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ราวกับรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจึงไม่ได้แสดงความเห็นอะไรอีก
หม่าฉุนยิ้มอย่างโง่เขลาขณะที่เขาหัวเราะและพูดว่า “เอาอย่างนี้ พวกเราพนันกันไหม? ถ้าท่านสามารถทำร้ายข้าได้ ข้าจะยอมจากไป ถ้าไม่ ท่านต้องยกพี่สาวคนสวยนี่ให้ข้า”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะขึ้นมา “กล้าดีจริงๆ! ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ไม่เสียอะไรเลยสินะ ฮ่าๆ…เอาล่ะ นี่เป็นช่วงเวลาที่หายาก ปกติข้าจะไม่ยอมเสียเปรียบในการเดิมพันเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ข้าก็เห็นด้วย พร้อมรึยัง?”
หม่าฉุนแยกขาออกจากกันด้วยท่าทางเตรียมพร้อม ภายนอกเขาอาจดูโง่เขลาและไร้เดียงสา แต่แท้จริงแล้วเขาไม่ได้โง่เง่าเช่นนั้น ตอนนี้เขาจึงเตรียมพร้อมรับมืออย่างเต็มที่ ถึงกับปลดปล่อยมณีสวรรค์ของเขาออกมารอด้วยซ้ำ เพชรสีทองประจำทักษะธาตุดินเปล่งแสงเจิดจ้าขึ้นมา จากนั้นแสงสีทองค่อยๆ ห่อหุ้มผิวของเขา ร่างกายที่ใหญ่โตของเขาดูใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ผิวของเขาก็ดูแข็งกระด้างราวกับหิน “เอาล่ะ ข้าพร้อมแล้ว เข้ามาเลย”
โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “ไม่เลว ใช้หินเคลือบผิวงั้นรึ? นอกจากความทนทานที่ได้รับจากมณียุทธ์ของเจ้าแล้ว ทักษะนั่นก็ไม่เลวเลยเช่นกัน ในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่าพี่ใหญ่ ถ้าข้าใช้มณีสวรรค์นั่นคงจะเป็นการกลั่นแกล้งเจ้ามากเกินไป เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นดูให้ดี ข้าจะไม่ใช้มณีสวรรค์”
ในขณะที่เขาพูดเช่นนั้น เขาก็ยกมือขึ้นให้หม่าฉุนดู ทันทีที่หม่าฉุนจ้องมาที่ข้อมือของเขา ขาของโจวเหว่ยชิงก็ กระพริบราวกับสายฟ้าแลบ จากนั้นขาขวาของเขาฟาดเข้าที่หน้าท้องของหม่าฉุนอย่างโหดเหี้ยม
*อุ่ก* หม่าฉุนร่างยักษ์และหนักราวกับหินกระเด็นออกไปไกลทันที แม้ว่าเขาจะเปิดใช้การป้องกันทั้งหมดที่มีแล้วก็ตาม
อันที่จริงเขากระเด็นลอยไปข้างหลังเป็นทางยาว ก่อนหน้านั้นร่างของเขาถูกเตะจนงอเป็นรูปคันธนูก่อนจะพุ่งทะยานออกไปข้างหลัง เสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะๆ จากนั้นผิวหนังที่แข็งเป็นหินรอบๆ ร่างของเขาก็พลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เขาถูกกระแทกไปไกลกว่า 30 เมตร
ในชั่วพริบตานั้นเอง โจวเหว่ยชิงก็พลันหายตัวไปจากข้างกายซ่างกวนปิงเอ๋อร์แล้ว เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาก็อยู่เหนือร่างที่กำลังลอยละลิ่วกลางอากาศของหม่าฉุนแล้ว ไม่นานขาขวาตวัดฟาดลงอีกครั้ง คราวนี้เป็นการฟาดจากด้านบนลงไปยังแผ่นหลังของหม่าฉุนอย่างโหดเหี้ยม ร่างของเขาคว่ำลงกลางอากาศและพุ่งสู่พื้นหินแกรนิตรุนแรง ร่างของหม่าฉุนจึงจมหายไปเช่นนั้นเอง…
เหตุการณ์ปั่นป่วนครั้งนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากที่ยืนอยู่รอบๆ สนาม โจวเหว่ยชิงพลันร่อนตัวลงบนพื้นอย่างสง่างาม อันที่จริงเขาไม่ได้ปลดปล่อยมณีสวรรค์ของเขาเลย ไม่แม้แต่จะใช้ทักษะใดๆ เลยด้วยซ้ำ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งอันน่ากลัวและพลังระเบิดทำลายล้างของขาขวาปีศาจของเขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แรงฟาดขาของเขาเพียงครั้งเดียวก็ทำให้หม่าฉุนกระเด็นออกไปไกลได้แล้ว ไม่พอเขายังไล่ตามไปฟาดซ้ำ ส่งหม่าฉุนลงไปนอนที่พื้นอีกครั้ง แน่นอนว่าในขณะนี้ร่างกายมหึมาของหม่าฉุนจึงถูกฝังอยู่ใต้ถนนที่ปูด้วยหินแกรนิตอย่างดี
โจวเหว่ยชิงยืนเหยียบอยู่บนหลังของหม่าฉุนพร้อมรอยยิ้มขณะที่กล่าวว่า “เจ้ายักษ์ทึ่ม พี่ใหญ่คนนี้จะสอนบทเรียนให้เจ้าเอง ชมชอบหญิงงามไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่อย่าพยายามมายุ่งกับผู้หญิงของพี่ใหญ่คนนี้ บอกข้าสิ เจ้าเจ็บหรือไม่?”
เมื่อสองวันก่อน ขณะที่โจวเหว่ยเห็นหมิงหยูและตี้ฝูหยาอยู่ด้วยกัน แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อยเนื่องจากตี้ฝูหยาเป็นคู่หมั้นของเขา แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก อย่างไรก็ตาม เมื่อเพื่อนตัวใหญ่คนนี้พยายามเข้าใกล้ปิงเอ๋อร์ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะยอมทน เขาชอบซ่างกวนปิงเอ๋อร์มากและเธอก็เป็นจุดอ่อนในหัวใจของเขา! เขาต้องรีบทำลายต้นกล้าในใจของหม่าฉุนก่อนที่มันจะเติบโต สำหรับคนที่รู้วิธีแสดงละครเพื่อจีบผู้หญิงเช่นนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือต้องสั่งสอนเขาจนกว่าจะกลัวและไม่กล้าทำต่อ
“ใช่ มันเจ็บ พี่ใหญ่ ข้าผิดไปแล้ว!” หม่าฉุนเงยหน้าขึ้นสั่นๆ การป้องกันของเพื่อนคนนี้ยังคงน่าทึ่งมาก แม้ว่าร่างของเขาจะกระแทกเข้ากับหินแกรนิต แต่ผิวหนังของเขาก็ยังไม่มีเลือดออกสักหยด แต่อย่างไรเขาก็ยังคงเจ็บปวดมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเจ็บปวดภายในลำไส้ของบริเวณที่โจวเหว่ยชิงเตะลงมา ตอนนั้นเขารู้สึกราวกับว่าอวัยวะภายในของเขากำลังถูกพลิกกลับ นับตั้งแต่มณีสวรรค์ของเขาตื่นขึ้น เขาไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน เพราะฉะนั้นเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าจะพบเข้ากับคนที่เขาไม่สามารถรับมือได้เช่นนี้!
โจวเหว่ยชิงยกขาขึ้น มองเหล่าอาจารย์ที่กำลังวิ่งมาทางนี้ด้วยสีหน้าแตกตื่น เขารีบพลิกตัวหม่าฉุนขึ้นด้วยเท้า จากนั้นก็ตบฝุ่นออกจากร่างของเขาด้วยรอยยิ้มที่จริงใจบนใบหน้า
“เกิดอะไรขึ้น?” อาจารย์คนหนึ่งเดินเข้ามาถามด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยวขณะมองเลยไปยังหลุมรูปมนุษย์ที่ดูน่ากลัวบนพื้น
โจวเหว่ยชิงยิ้มจางๆ “ไม่มีอะไรหรอกขอรับ พวกเราเพิ่งได้รับการตอบรับให้เข้าเรียนเลยรู้สึกตื่นเต้นมากเกินไปหน่อย พวกเราเลยลองซ้อมกันเล็กน้อยใช่มั้ยสหายหม่าฉุน”
หม่าฉุนเหลือบมองไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยสีหน้าแปลกประหลาด ทว่าก็พยักหน้าตอบอย่างรุนแรง “แน่นอน! พวกเราแค่ฝึกซ้อมกันเล็กน้อย ขออภัยด้วยขอรับอาจารย์ ข้าจะจ่ายเงินค่าซ่อมแซมหินแกรนิตที่พังเอง”
……………………………………………………