ตอนที่ 87 มารดาทั้งห้าของฟู่เสี่ยวกวน

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 87 มารดาทั้งห้าของฟู่เสี่ยวกวน

 “ข้าอยากลิ้มรสมันอีกสักครั้ง !”

ฟู่เสี่ยวกวนจ้องมองไปยังแผ่นหลังของฟู่ต้ากวนที่หายไปทางด้านนอกของประตูวงจันทร์ แล้วดึงสายตากลับมา เขาเอนตัวนอนอยู่บนเก้าอี้และมองดูดวงจันทร์และดวงดาราบนท้องฟ้ายามค่ำคืน

วันนั้นยามเย็นที่มีฝนตกปรอย ๆ หนุ่มสาวคู่หนึ่งก็เดินถือร่มเข้าไปในวัดฟูจื่อ หลังจากนั้นก็เห็นพุทราต้นหนึ่งที่อยู่ภายในวัดฟูจื่อ ต้นพุทราย่อมออกลูกพุทราจำนวนมาก ชายหนุ่มผู้นั้นปีนขึ้นไปบนต้นและเด็ดลงมาไม่กี่ลูก ทั้งสองนั่งกินพุทราใต้ต้นไม้ด้วยกัน เป็นพุทราที่ทั้งใหญ่และหวานหอมเป็นอย่างมาก

ในหัวของฟู่เสี่ยวกวนฉายภาพเยี่ยงนี้ขึ้นมา มันละเอียดอ่อนและอบอุ่น สำหรับฟู่ต้ากวน สิ่งเล็ก ๆ ที่ได้ผ่านมากับสวี่หยุนชิง ยังคงตราตรึงอยู่ในจิตใจ

ดังนั้นเขาจึงได้ใช้ความรักมอบให้กับสวี่หยุนชิงไปจนหมดตั้งนานแล้ว สำหรับเรื่องรับอนุ หากมิใช่เพราะราชโองการ เขาก็มิมีทางใคร่ครวญอย่างแน่นอน

และในวันนี้มันทำให้เขาลำบากใจ แท้จริงแล้วเยี่ยงนี้ก็จะเป็นการทำร้ายมารดาทั้งห้าที่เขาเองก็ยังมิได้พบเจอ

ฟู่เสี่ยวกวนดึงความคิดกลับมา ไม้ได้กลายเป็นเรือแล้ว หวังว่าชายร่างท้วมผู้นี้จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ในเร็ววัน

เขาขึ้นไปยังชั้นสอง และลงพู่กันเขียนความฝันในหอแดงอีกครา

……

…..

วันรุ่งขึ้น หลังจากที่ตื่นขึ้นมาซ้อมกระบวนท่า ออกวิ่ง ซ้อมกระบี่ และอาบน้ำแล้ว ฟู่เสี่ยวกวนก็เดินไปยังโถงด้านหน้า

เขามาเร็วไปเสียเล็กน้อย จึงมีเพียงฉีซื่อเท่านั้นที่อยู่

ฟู่เสี่ยวกวนเดินเข้ามาทักทายฉีซื่อ “คำนับแม่รอง !”

ฉีซื่อยกยิ้มบาง ๆ “ครอบครัวเดียวกันมิต้องเกรงใจหรอก”

จางเพ่ยเอ๋อร์โดดแม่น้ำไปแล้ว ร้านสุราชีชื่อถูกปิดตัวลงไปแล้ว ชีหยวนหมิงบุตรชายและหลานคนโตของชีชื่อก็ถูกขับไล่ออกจากบ้าน ทั้งหมดนี้ฉีซื่อได้ทราบมาเนิ่นนานแล้ว

นางกังวลว่าเรื่องนี้จะถูกเปิดโปงมาโดยตลอด หากเรื่องแดงออกไป นางจะสามารถอยู่ที่จวนฟู่นี้ต่อไปได้เยี่ยงไร

นางคือบุตรีของตระกูลเล็ก ยามที่เข้าจวนฟู่มาในคราแรกก็เพื่อความรุ่งเรืองและมั่งคั่งเท่านั้น แต่เมื่อได้ตั้งครรภ์ ความตั้งใจเดิมของนางก็เปลี่ยนไป

นางอยากเป็นฮูหยินใหญ่ของจวนฟู่ นางหวังให้บุตรของตนเองในอนาคตได้สืบทอดกิจการที่ใหญ่โตนี้ แต่เดิมนางนั้นพบเห็นถึงความหวัง เพราะฟู่เสี่ยวกวนเป็นคนที่ไม่ได้ความ

แต่นางมิได้คาดคิดว่าฟู่เสี่ยวกวนจะเปลี่ยนไปหลังจากที่ผ่านภัยพิบัติครานั้นมาได้

กลายเป็นชายผู้มีพรสวรรค์ที่ชาวเมืองหลินเจียงกล่าวได้เต็มปากว่าเป็นเทพเหวินฉวี่ซิงลงมาจุติ!

รอยยิ้มบนใบหน้าของฟู่ต้ากวนยิ่งนานวันยิ่งเพิ่มขึ้น ชื่อของฟู่เสี่ยวกวนที่ออกมาจากปากผู้คนก็ยิ่งถี่ขึ้นเรื่อย ๆ

นางกลัว

นางรู้สึกว่าสถานการณ์กำลังเปลี่ยนไปตามที่จางเพ่ยเอ๋อร์ได้กล่าวไว้ ในไม่ช้าก็เร็วตระกูลนี้ก็จะถูกส่งให้กับฟู่เสี่ยวกวน นางและบุตรชายของนางจะต้องอยู่ด้วยลมหายใจของฟู่เสี่ยวกวนไปตลอดชีวิต ราวกับหมาตัวหนึ่ง

ดังนั้นนางจึงไร้หนทางปฏิเสธข้อเสนอของจางเพ่ยเอ๋อร์ ถ้าหากว่าสามารถเอาชนะฟู่เสี่ยวกวนได้…นี่คือสิ่งที่นางใฝ่ฝันถึง

แต่ว่า… ทั้งหมดนั้นก็มิสำเร็จ

นางหวาดกลัวอยู่เป็นเวลานาน จนกระทั่งฟู่เสี่ยวกวนไปซีซานอีกครา

นางคิดว่านางจะสามารถลืมเรื่องนี้และเผชิญหน้าฟู่เสี่ยวกวนอย่างสงบได้ ในยามนี้นางถึงได้ค้นพบว่า เดิมทีแล้วนางทำมิได้

นางถึงขั้นมิรู้ตัวด้วยซ้ำว่าก้นบึ้งจิตใจของนางได้เกิดความหวาดกลัวต่อฟู่เสี่ยวกวน ในยามนี้สองมือของนางจับชายเสื้อไว้แน่นโดยมิรู้ตัว

“แม่รองกำลังจะคลอด เรื่องในจวนมิจำเป็นต้องไปกังวลอีก อย่าได้สร้างภาระทางจิตใจ เรื่องที่บิดารับอนุ แม่รองก็รับทราบ ท่านต้องทำตามพระราชโองการขององค์ฮ่องเต้จึงมิสามารถเลี่ยงได้ เรื่องที่สำคัญสำหรับท่านที่สุดในตอนนี้คือความสบายใจ อย่าได้เกิดอุบัติเหตุอันใด”

น้ำเสียงของฟู่เสี่ยวกวนเต็มไปด้วยความห่วงใย ใบหน้าก็ผ่อนคลายอย่างเป็นธรรมชาติ จิตใจของฉีซื่อจึงค่อย ๆ ผ่อนคลายและกล่าวยิ้ม ๆ “แม่รองรับทราบ เพียงแค่อีกประเดี๋ยวอนุทั้งห้าจะเข้ามา…แม่รองนั้นเป็นกังวลเรื่องร่างกายของบิดาเจ้า”

“ที่แม่รองกังวลนั้นมิใช่เรื่องมิสมควร ผ่านไปไม่กี่วันข้าก็ต้องกลับไปซีซานอีกครา แม่รองมีเวลาว่าง ก็ต้มซุปไก่สักเล็กน้อยเพื่อบำรุงบิดาด้วยเถิด”

ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน ฟู่ต้ากวนก็พาหญิงงามทั้งห้าเดินเข้ามา ถึงแม้ฟู่เสี่ยวกวนจะเตรียมใจมาบ้างแต่ก็อดตกใจมิได้ และมองบิดาด้วยสายตาที่แปลกไป

หญิงงามทั้งห้านั้นต่างอายุสิบหกสิบเจ็ดกันทั้งสิ้น!

ในยามนี้ที่เดินตามหลังฟู่ต้ากวนเข้ามานั้น แต่ละคนราวกับมีสายลมฤดูใบไม้ผลิปกคลุม งดงามราวกับดอกท้อ ราวกับว่าในเรือนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอม เมื่อมองฟู่ต้ากวนที่เคารพอีกครา…ตอนนี้บนใบหน้าของเขาแสดงความรู้สึกเหี่ยวเฉาออกมา มีร่องรอยความเหนื่อยล้าฝังลึก

ฟู่ต้ากวนพาสตรีทั้งห้าเข้ามา แล้วจึงกล่าวกับสตรีทั้งห้าว่า “นี่คือฉีซื่อเป็นพี่สาวของพวกเจ้า และนี่บุตรชายของข้า ฟู่เสี่ยวกวน”

“เสี่ยวกวน เจ้ามานี่สิ” ฟู่ต้ากวนโบกมือเรียกฟู่เสี่ยวกวน และแนะนำทีละคน

“นี่คือแม่สามของเจ้า”

“นี่คือแม่สี่ของเจ้า”

“นี่คือแม่ห้าของเจ้า”

“นี่คือแม่หกของเจ้า”

“นี่คือแม่เจ็ดของเจ้า”

ฟู่เสี่ยวกวนตกตะลึง ใบหน้าแผ่ประกายความสุข และโค้งคำนับต่อหน้าเด็กสาวไปทีละคนๆ และตะโกนไปเรื่อย ๆ “คำนับแม่สาม คำนับแม่สี่ คำนับแม่ห้า…”

นี่คือการเรียงตามลำดับอายุ ชวูหลิงหลงอยู่ลำดับที่เจ็ด ในตอนนี้นางได้เป็นแม่เจ็ดของฟู่เสี่ยวกวนอย่างเป็นทางการ!

นางมองฟู่เสี่ยวกวน ใบหน้าของนางประดับด้วยรอยยิ้ม ริมฝีปากสีชาดก็เผยอน้อย ๆ แล้วกล่าวว่า “บุตรชายของข้าช่างน่ารักเสียจริง มา แม่เจ็ดจะให้ถุงแดงใบใหญ่แก่เจ้า”

ฟู่เสี่ยวกวนผงะไปอีกครา นี่มันเรื่องอันใดกัน ?

มิใช่ เหมือนว่าจะเคยเจอเด็กสาวผู้นี้มาก่อน ที่ใดกัน ?

ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะเบา ๆ และรับถุงแดงใบใหญ่นั้นมาไว้ในอ้อมอก “เสี่ยวกวนขอบคุณแม่เจ็ดยิ่งนัก”

หางตาของแม่คนอื่น ๆ เหลือบมองมาทางชวูหลิงหลง ทุกคนต่างก็เป็นคนที่มาจากตระกูลใหญ่ การกระทำของชวูหลิงหลงที่ได้กระทำไป มันแฝงความคิดบางอย่างเอาไว้ คิดว่าจะปกปิดพวกนางได้หรือยังไงกัน ?

คาดการณ์พลาดไป ในจวนฟู่ ฟู่เสี่ยวกวนก็คือตัวละครหนึ่ง ถูกแม่เจ็ดผู้นี้ประจบเข้า หมากนี้ต้องหาโอกาสพลิกกลับมาก็พอ

“เสี่ยวกวนเอ๋ย แม่เจ็ดของเจ้าได้ยินมาว่าเจ้านั้นได้รับผู้ประสบภัยมาสามหมื่นกว่าคน นางได้ขอร้องทางตระกูลให้จัดผ้ามาเป็นจำนวนมาก และอยากจะมอบให้ผู้ประสบภัยเหล่านั้นได้นำไปถักทอเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาว เจ้าต้องขอบคุณนางในความมีน้ำใจ”

แม่คนอื่น ๆ ต่างตกตะลึง แม่เจ็ดผู้นี้เจ้าเล่ห์ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ? ยังมิทันได้ก้าวข้ามประตูก็วางหมากแล้วรึ ?

ดังนั้นแม่สามจึงกล่าวขึ้นมาว่า “เสี่ยวกวนเอ๋ย แม่สามได้ยินมาว่าเจ้านั้นกำลังทำการใหญ่ที่ซีซาน แม่สามมิเข้าใจเรื่องพวกนั้น หากทางเจ้าต้องการสิ่งใดก็มาบอกกับแม่สาม แม่สามจะช่วยเจ้าคิดหาวิธีทางแก้ไขปัญหาเอง”

ทันทีที่แม่สามกล่าวขึ้นมา เหล่าแม่ที่เหลือก็ระงับโทสะเอาไว้มิอยู่ ดังนั้นการทานมื้อเช้าในครานี้จึงเต็มไปด้วยบรรยากาศความห่วงใยของเหล่าแม่ทั้งห้าทำให้กินเวลาไปนานโข สนุกสนานครื้นเครง ร่วมด้วยช่วยกัน ฟู่ต้ากวนมีความสุข ฟู่เสี่ยวกวนก็มีความสุข มีเพียงฉีซื่อที่ราวกับถูกหลงลืมไป

ตระกูลของแม่สามเป็นพ่อค้าค้าเกลือของหลินเจียง ฟู่เสี่ยวกวนสามารถซื้อเกลือในราคาที่ลดลงมาถึง 4 ส่วน

ตระกูลของแม่สี่คือพ่อค้าทางเรือของหลินเจียง มีอู่เรือเป็นของตนเอง และธุรกิจหลักย่อมเป็นการขนส่งสินค้าทางเรือ หากภายภาคหน้าฟู่เสี่ยวกวนต้องการขนส่งสินค้า จะได้ส่วนลดการขนส่งถึง 5 ส่วน

ตระกูลของแม่ห้าคือพ่อค้าเครื่องเหล็กชั้นนำของหลินเจียง มีโรงเหล็กที่ใหญ่ที่สุดไว้ในครอบครอง ถึงขั้นได้มอบชุดเกราะให้แก่กองทัพของราชวงศ์หยู แม่ห้ากล่าวว่าเรื่องอื่นข้าคงช่วยเจ้ามิได้ แต่หากเจ้าต้องการดาบ หอก กระบี่ หรือง้าว ข้าจะขอให้บิดาและพี่ชายตีขึ้นมาเพื่อเจ้า

ตระกูลของแม่หกนั้นคือช่างตัดเสื้อของหลิงเจียง มีร้านตัดเสื้อผ้าไม่เล็กเลยทีเดียว แม่หกกล่าวยิ้ม ๆ ว่าหากแม่เจ็ดมีผ้าที่ต้องการจะตัดเย็บก็สามารถนำมาให้ตัดทอได้ ส่วนค่าแรงนั้นสามารถลดได้ 4 ส่วน

ตระกูลของแม่เจ็ดก็คือชวูจี้หนึ่งในสี่พ่อค้าผ้ารายใหญ่ที่สุดในหลิงเจียง และเป็นหนึ่งในพ่อค้าหลวงเช่นกัน

บิดาผู้นี้สามารถจับบุตรีของพ่อค้าในหลินเจียงได้ทั้งหมดในคราเดียว!

หลังจากที่ฟู่เสี่ยวกวนอวยพรให้เจ้าสาวมือใหม่ทุกท่านมีความสุขในงานสมรสแล้วก็เดินออกมา ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าแม่เจ็ดผู้นั้นคือผู้ใด

ฤดูใบไม้ร่วงกลางเดือนแปด ณ. สำนักศึกษาป้านชาน เด็กสาวที่วิ่งไล่ตามเขาได้เร็วที่สุด มิใช่นางหรอกหรือ

นี่นางมุ่งหมายสิ่งใดกันแน่ ?