ตอนที่ 88 เรื่องนี้ไม่ดีแน่

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 88 เรื่องนี้ไม่ดีแน่

ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ใบมะเดื่อสีเหลือง ณ จวนของหลิวจือโจวใบไม้ของต้นนั้นร่วงหล่นลงสู่พื้นดินเป็นกอง

ภายในเรือนมีเพียงหลิวปิ่งจง ฟู่เสี่ยวกวนและหลิ่วซานเย่เพียง 3 คน

สิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนนำติดไม้ติดมือมาฝากนั้นจะเป็นอื่นใดไปมิได้นอกจากสุราเทียนฉุน อีกทั้งน้ำหอมจำนวน 2 ขวด

“สิ่งนี้คือน้ำหอม เป็นสิ่งที่สตรีใช้พรมทั่วร่างกายเพื่อเพิ่มความหอม ขวดหนึ่งคือกลิ่นกุ้ยฮวาและอีกหนึ่งขวดคือกลิ่นมะลิ น้ำหอมนี้ข้าเพิ่งเคยทดลองทำเป็นคราแรก ท่านลองนำไปใช้ดูว่าพวกนางจะชอบหรือไม่”

หลิวจือต้งหยิบขวดน้ำหอมขึ้นมาพิจารณาดู ขวดแก้วสวยงามยิ่งทั้งยังมีกลิ่นมะลิหอมอ่อน ๆลอยออกมาเตะจมูก อืม ช่างหอมยิ่งนัก

ชายหนุ่มผู้นี้มีความสามารถมากมายเสียจริง สิ่งที่เรียกว่าน้ำหอมนี้คาดว่าคงขายได้ราคาดีเช่นกัน

หลิวจือต้งมิได้มีท่าทีเกรงใจต่อฟู่เสี่ยวกวนมาก เขาเรียกบ่าวมาและสั่งให้นำน้ำหอม 2 ขวดนี้ไปให้ฮูหยินและคุณหนูลองใช้ดู

หลิ่วซานเย่รินน้ำชาให้แก่หลิวจือโจวและฟู่เสี่ยวกวน หลิวจือโจวจิบน้ำชาเข้าไปหนึ่งอึก ใบหน้าอันเต็มไปด้วยรอยยิ้มเริ่มเปลี่ยนไปเป็นนิ่งเรียบ จากนั้นจึงได้กล่าวกับฟู่เสี่ยวกวนว่า “ข้าขอเอ่ยกับเจ้าตามตรงไม่อ้อมค้อม ฝ่าบาททรงส่งผู้แทน 4 คนเพื่อออกสำรวจการแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์ 13 แห่งทั่วแคว้น โดยแยกเป็นแม่น้ำหวงเหอเขตเหนือและใต้ แม่น้ำแยงซีเขตเหนือและใต้ และด้านตะวันตกของแม่น้ำรวมทั้งสิ้น 5 เขตใหญ่ ซึ่งเป็นเขตการปกครองที่ใหญ่ที่สุดในราชวงศ์หยู โดยมีหลายสิบมณฑลและอีกหลายร้อยอำเภอ ซึ่งในหลายมณฑลยังเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์มา จึงได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน”

ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้วขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงเอ่ยเรื่องนี้ ? เขามิใช่บุคคลในราชสำนัก อีกทั้งยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย

หลิวจือต้งครุ่นคิดชั่วครู่จากนั้นจึงเอ่ยต่อว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลการตรวจสอบออกมาวุ่นวายถึงเพียงใด ?”

ฟู่เสี่ยวกวนตอบกลับไปว่า “หากท่านกล่าวเช่นนี้……แสดงว่ามีการทุจริตที่ร้ายแรงอย่างนั้นหรือ ? ”

“ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง จากผลการตรวจสอบที่ออกมาทั้งข้าและพื้นที่ใหญ่นั้นมีผู้นำไม่กี่คนที่สุจริต”

ฟู่เสี่ยวกวนนึกอยู่ในใจว่า ในโลกนี้อีกาทุกตัวล้วนเป็นสีดำ ผู้รับราชการเหล่านี้ก็เช่นกัน

เขายังคงรู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเขา จึงไม่ได้มีสีหน้ากังวลนัก

หลิวจือต้งหายใจเข้าปอดลึกๆ เขาคิดอยู่ในใจว่าฟู่เสี่ยวกวนเป็นเพียงบุตรชายของพ่อค้าที่ดิน คงไม่เข้าใจเรื่องของราชสำนักเป็นแน่ จึงตัดสินใจเอ่ยให้เขาเข้าใจง่ายมากกว่าเดิม

“ต้นเหตุของเรื่องนี้นั้นเนื่องมาจากผู้ประสบภัยที่เจ้าให้ความช่วยเหลือทั้งสามหมื่นคนในอำเภอเหยา !”

บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนจึงได้เข้าใจและตกตะลึง เขานึกถึงจดหมายที่ต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินส่งไปยังเมืองหลวง

หากเป็นเช่นนี้จดหมายของพวกนาง อย่างน้อยจดหมายของหยูเวิ่นหวินต้องตกไปถึงมือฝ่าบาทเป็นแน่ ดังนั้นจึงมีรับสั่งให้ออกสำรวจ

เนื่องจากเรื่องนี้มีเขาเป็นมูลเหตุ ดังนั้นบรรดาผู้ที่โชคร้ายถูกตรวจพบว่าทุจริตจึงได้พากันโกรธแค้นเขา !

ให้ตายสิ เขาถูกคนเกลียดชังโดยไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ !

เขารู้ดีว่าภายในราชสำนักนั้นมีความซับซ้อน ขุนนางเหล่านี้ถูกปลดลง แต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขานั้นไม่ได้ถูกปลดด้วย ไม่ช้าก็เร็วเขาคงถูกตามล้างแค้นเป็นแน่

นอกจากจะมีพื้นที่ไร่นาและเงินทองแล้ว ฟู่เสี่ยวกวนมิได้มีอะไรอีกเลย หากเขาถูกเล่นงานขึ้นมาจริง ๆ ละก็ จะเอาอะไรไปต่อสู้กับพวกนั้นได้

“บัดนี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่ ? ”

“ขอบพระคุณท่านที่ชี้ทาง ข้าเข้าใจแล้ว แต่ข้ากล้าเอ่ยต่อหน้าท่านว่า เดิมทีข้าไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนี้ เพียงแต่ที่ภูเขาซีซานนั้นต้องการกำลังคนจำนวนมากมาช่วยงานเพียงเท่านั้น”

“เจ้าต้องการสิ่งใดนั้นไม่สำคัญ ที่สำคัญคือบรรดาคนอื่น ๆ คิดอย่างไร ! ”

หลิวจือต้งดื่มชาเข้าไปอีกแก้วหนึ่งแล้วเอ่ยต่อไปว่า “บรรดาผู้ที่นั่งในตำแหน่งใหญ่โตได้นั้นล้วนเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในราชสำนัก พวกเขามีกันทั้งสิ้น 13 คน ใครกันที่ไม่มีส่วนร่วมในท้องพระโรง เรื่องนี้เกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้ หากถูกตรวจสอบขึ้นมาแล้ว อาจมีสองสามคนที่จะต้องถูกปลดออกประจำการเพื่อตอบสนองตามต้องการของประชากร อาจเป็นท่านเสนาบดีหรือชินอ๋องคนใดคนหนึ่งที่โชคร้าย แต่ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด บัญชีแค้นนี้ล้วนตกใส่หัวเจ้า นี่คือสิ่งที่พวกเขาคิดกัน ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่มีค่าในสายตาของพวกเขา แต่การสังหารเจ้าเพื่อระบายอารมณ์ก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาใด”

“เจ้าต้องเข้าใจว่า ถึงแม้ครั้งนี้จะมีเบื้องบนยื่นมือเข้ามาปกป้องเจ้า ทำให้เรื่องร้ายคลายลงได้ แต่เจ้าก็ยังคงเป็นผู้ที่พวกเขาต้องการจะกำจัด เนื่องจากเจ้าทำให้พวกเขาเดือดร้อน”

“โดยเฉพาะพวกขุนนางชั้นสูง เนื่องจากกำลังสนับสนุนของพวกเขาตกต่ำลง ฉะนั้นสถานการณ์ของพวกเขาจึงตกต่ำลงเช่นกัน”

“ข้ารับประกันได้ว่า จะต้องมีคนกระทำการบางอย่างแน่ ต้องรอดูว่าผู้ใดจะแข็งแกร่งกว่ากัน พายุลูกนี้ได้ก่อตัวขึ้นแล้ว และเจ้าก็เข้ามาอยู่ในพายุนี้ด้วย เจ้าจะเอาตัวรอดได้อย่างไร ?”

บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนได้เข้าใจอย่างถ่องแท้

ผีเสื้อตัวน้อยอย่างเขากระพือปีกเบา ๆ ที่อำเภอเหยา แต่ลมที่พัดจากการกระพือปีกนั้นกลับพัดไปยังเมืองหลวง

พายุลูกนี้อาจมองไม่เห็นชัดในเมืองหลวง แต่หนึ่งในหลายร้อยอำเภอนั้นต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน คงจะมีผู้ถูกปลดจำนวนไม่น้อยเนื่องจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ และอาจจะมีการสูญเสียชีวิตเกิดขึ้น

ผู้ร้ายในครั้งนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากฟู่เสี่ยวกวน เขาอาจจะถูกลอบสังหารกระทั่งถูกล้มล้างตระกูลก็เป็นได้

เรื่องนี้ไม่ดีแน่ !

ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้วเสียจนหัวคิ้วแทบติดกัน เขามายังโลกใบนี้ได้เพียงสี่เดือนกว่า และนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเกรงกลัว

หากเรื่องนี้ส่งผลแก่เขาเพียงผู้เดียว เขาอาจจะหลบหนีไปก่อนได้ เขาเชื่อมั่นว่าจะสามารถหาที่อาศัยได้สักแห่งในแคว้นนี้ได้ แต่สถานการณ์ในตอนนี้เขาไม่อาจหลบหนีไปได้เพียงลำพัง

เขายังมีบิดา อีกทั้งอนุภรรยาของบิดาถึง 5 คนที่เพิ่งรับเข้ามา จะให้พวกเขาหลบหนีไปที่ใดกัน ?

“หากเจ้าต้องการจะหลุดพ้นจากพายุลูกนี้ จงไปหาต้นไม้ใหญ่กำบังไว้ หากช้ากว่านี้คงสายเกินแก้”

ต้นไม้ใหญ่ที่สามารถปกป้องเขาไว้ได้นั้นมีน้อยนัก หลิวจือต้งรู้ว่ามีอยู่ต้นหนึ่ง แต่ต้องดูว่าฟู่เสี่ยวกวนจะคว้าไว้ได้หรือไม่

“ขอบพระคุณท่านยิ่งที่ชี้นำ บุญคุณในครั้งนี้ข้าจะตอบแทนเป็นแน่ ข้าขอตัวก่อน หลังเรื่องนี้สงบลงแล้ว ข้าจะเดินทางมาพบท่านด้วยตนเอง”

“จงไปเถอะ ข้าได้จับตัวหยู๋เหลียนไว้แล้ว ข้าเองก็จำเป็นต้องทำเช่นนั้น”

……

……

เมื่อฟู่เสี่ยวกวนจากไป หลิ่วซานเย่ก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจว่า “ท่านขอรับ เรื่องนี้ตระกูลฟู่ยากแท้จะหนีพ้น เดิมทีท่านควรจะหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปมีส่วนข้องเกี่ยว เหตุใดกลับบอกเขาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ?”

หลิวจือต้งยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “เนื่องจากข้ารู้ดีว่าเขามีต้นไม้ใหญ่คุ้มกันอยู่”

“ท่านแน่ใจหรือว่าเขาจะไปขอความช่วยเหลือจากพระสนมเอกซั่งกุ้ยเฟย ? ”

“หากเขาไม่ไปขอความช่วยเหลือจากซั่งกุ้ยเฟย……ข้าเองก็ไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้เช่นกัน อีกทั้งข้าคงต้องล้มล้างตระกูลฟู่ เพราะข้าก็จะต้องให้คำตอบที่น่าพอใจแก่ผู้มีอำนาจในราชสำนักใช่หรือไม่ ? ”

หลิ่วซานเย่เข้าใจถึงความหมายของเขา หากฟู่เสี่ยวกวนขอร้องให้พระสนมเอกซั่งกุ้ยเฟยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ พระสนมต้องช่วยให้ตระกูลเขารอดพ้นได้เป็นแน่ หากเรื่องราวเป็นไปตามนั้นพวกขุนนางระดับสูงและฟู่เสี่ยวกวนก็จะกลับกลายเป็นพวกเดียวกัน อีกทั้งพวกเขายังอาจได้เลื่อนตำแหน่งอีกด้วย

แต่หลิ่วซานเย่ยังไม่เข้าใจว่าฟู่เสี่ยวกวนจะใช้วิธีใดในการขอความช่วยเหลือจากพระสนมเอกซั่งกุ้ยเฟย เพียงฟู่เสี่ยวกวนแค่คนเดียว ซั่งกุ้ยเฟยจะยอมเป็นศัตรูกับบรรดาขุนนางชั้นสูงและบรรดาชินอ๋องงั้นหรือ ?

พระสนมเอกซั่งกุ้ยเฟยมีพระโอรส 1 คน ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นองค์ชายห้า ซึ่งตอนนี้ฝ่าบาทยังมิได้แต่งตั้งรัชทายาท หากซั่งกุ้ยเฟยต้องการต่อสู้เพื่อตำแหน่งองค์รัชทายาทให้แก่พระโอรสนั้น ทางที่ดีควรถอยห่างจากฟู่เสี่ยวกวนเสีย