ปีนี้ฝางยงหลินอายุแปดสิบเจ็ดปีแล้ว เขาทุ่มเททำงานเพื่อโรงพยาบาลมาชั่วชีวิต ไม่มีลูกชายลูกสาว หลังจากภรรยาตายไปก็ทุ่มเทให้กับงานรักษาโดยไม่มีห่วงอะไรอีก
ชั่วชีวิตนี้ของเขาไม่มีเกียรติยศหรือคำยกย่องมากมาย ไม่ได้รับคำชมเชยมากนัก แต่ยังคงช่วยเหลือผู้คนอย่างซื่อสัตย์
บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานมานานมักเป็นเช่นนี้ สร้างประโยชน์ให้ผู้คนอยู่ในความมืด
ภายใต้การนำของผู้อำนวยการฝาง เขานำหมอชรากลุ่มหนึ่งมาก่อตั้งโรงพยาบาลอันดับสอง ฝ่าลมฝนอุปสรรคมาห้าสิบปีจนหยัดยืนอยู่ในฝั่งเหนือบนถนนของเมืองอันหยางได้อย่างมั่นคง กลายเป็นโรงพยาบาลชั้นนำสามอันดับแรกของเมืองอันหยางได้ในที่สุด
ชายชราคนนี้เมื่อเกษียณไปแล้วก็ยังมาปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ยังคงยืนหยัดช่วยแผนกฉุกเฉินทุกวันพุธ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดก็ไม่อาจหยุดยั้งเขาได้!
เมื่อปีที่แล้ว ชายชราคนนี้เกิดภาวะเซลล์สมองตีบจึงเริ่มเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านพักคนชรา เดือนเมษายนปีนั้นก็มีอาการดีซ่านอย่างหนัก เมื่อตรวจบีแสกน[1]จึงพบว่ามีก้อนนิ่วขนาดใหญ่ที่ถุงน้ำดีจริงๆ อาการเจ็บปวดบริเวณท้องก็ชัดเจนยิ่งขึ้น สุขภาพของชายชราจึงย่ำแย่ลงเรื่อยๆ!
นี่คือชายชราที่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่เมืองอันหยางมาชั่วชีวิต ทว่าตอนเขาเจ็บป่วยในยามชรากลับไม่มีโรงพยาบาลใดรับตัวไว้! นี่คือการเสียดสีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลไม่กล้ารับ! โรงพยาบาลตงต้าสาขาหนึ่งและสองก็ไม่กล้ารับ! เมืองอันหยางที่กว้างใหญ่ไม่มีที่สำหรับชายชราคนนี้เลย ทุกคนจึงทำได้เพียงรับตัวชายชรากลับมาที่โรงพยาบาลอันดับสอง
หลี่เจี้ยนเหว่ย ห่าวซวี่เลี่ยง เถามี่ ฉินเสี้ยวหยวนและคนอื่นๆ ต่างหน้าดำคร่ำเครียด เงียบงันไม่พูดจา!
แผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลอันดับสองอยู่ในสถานการณ์เช่นไร ทุกคนต่างรู้ดีแก่ใจ หากไม่ใช่ว่ามีจางโหย่วฝูคอยค้ำจุน ระดับของแผนกคงไม่แตกต่างอะไรจากโรงพยาบาลชั้นสอง
ชั่วชีวิตนี้ฝางยงหลินไม่มีลูก เขาเป็นเสาหลักให้คนในโรงพยาบาลอันดับสองมาตลอด ทั้งหลี่เจี้ยนเหว่ย ห่าวซวี่เลี่ยง เถามี่และฉินเสี้ยวหยวน ต่างก็เป็นนักเรียนของผู้เฒ่าฝางคนนี้
ช่วงแรกๆ คณะแพทย์ไม่ได้แบ่งสายละเอียดขนาดนั้น เมื่อฝางยงหลินเรียนจบก็กลับมาก่อตั้งโรงพยาบาลอันดับสองที่เมืองอันหยาง คนเหล่านี้ล้วนเป็นแพทย์ชั้นยอดที่เขาสั่งสอนอบรม ต่อมาเมื่อมีการแบ่งเป็นแผนกต่างๆ ก็ส่งพวกเขาออกไปศึกษาเพิ่มเติมจึงมีทุกวันนี้ได้!
แม้คนเหล่านี้แต่ละคนจะมีตำแหน่งเป็นถึงผู้อำนวยการและหัวหน้าแผนกต่างๆ ทว่ากลับไม่อาจส่งฝางยงหลินไปที่โรงพยาบาลดีๆ ได้เลย ช่างเป็นเรื่องน่าขันจริงๆ!
นั่นเพราะไม่มีใครรับ! พวกเขาก็ไม่กล้ารับไว้!
ฝางยงหลินเป็นวีรบุรุษของวงการแพทย์แห่งเมืองอันหยาง อายุเกือบเก้าสิบแล้ว สุขภาพร่างกายย่ำแย่ ทั้งโรคตับแข็ง เบาหวาน ความดันสูง เส้นเลือดโป่งพอง ไม่ว่าโรคอะไรก็เป็นทั้งนั้น!
ตอนนี้ยังมีอาการดีซ่านและถุงน้ำดีอักเสบกำเริบ ตามมาด้วยนิ่วในถุงน้ำดีอีก! แบบนี้ใครจะกล้าผ่าตัดเล่า? หากเกิดปัญหาในการผ่าตัดขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ?
เนื่องจากอาการดีซ่านย่ำแย่ลงทุกวัน ร่างกายชราของฝางยงหลินจึงเลวร้ายลงเรื่อยๆ ฉินเสี้ยวหยวนร้อนใจแต่กลับทำอะไรไม่ได้!
ตอนนี้ไม่ว่าหมอคนใดก็ไม่กล้าออกมาท้าทายเรื่องเช่นนี้ ต่อให้ฉินเสี้ยวหยวนไปขอร้องคุณปู่คุณย่าก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้หลี่เจี้ยนเหว่ยเป็นศัลยแพทย์ขึ้นชื่อในมณฑลก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทุกคนไม่กล้ารับภารกิจนี้
แม้กระทั่งการผ่าตัดก็ไม่มีใครกล้าทำ หากผู้เฒ่าฝางตายเพราะการผ่าตัดจริงๆ คงโด่งดังไปทั่วทั้งมณฑลตงหยาง!
ชายชราที่รักษาผู้คนมาชั่วชีวิตไม่ส่งสัญญาณใดๆ ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างมีใบหน้าย่ำแย่ ขณะที่อับจนหนทาง จึงจัดประชุมเพื่อการตรวจรักษาร่วมกันของหมอทั่วทั้งมณฑลขึ้นมา
ตอนนี้ภายในห้องประชุมฉุกเฉินมีผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลต่างๆ ในเมืองอันหยางนั่งอยู่หลายสิบคน ทุกคนต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของศัลยศาสตร์ด้านต่างๆ
แม้กระนั้นผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้กลับทำได้เพียงมองดูอาการของฝางยงหลินโดยไม่เอ่ยคำใด
จะอย่างไรเฉียนเลี่ยงก็เป็นผู้นำในด้านตับและถุงน้ำดี เขากล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “ผู้อำนวยการฉิน รองผู้อำนวยการหลี่ สถานการณ์เป็นแบบนี้นะครับ ผู้เฒ่าฝางอายุมากเกินไปและมีอาการป่วยมาก ทนการผ่าตัดได้ไม่นาน เมื่อทำการผ่าตัดจะมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงเก้าสิบกว่าเปอร์เซ็นต์! ดังนั้น…พวกคุณควรไตร่ตรองอย่างระมัดระวังนะครับ!”
ฉินเสี้ยวหยวนถือเป็นศิษย์คนโตของฝางยงหลิน เป็นนักเรียนที่สนิทกันที่สุด หากให้ผู้เฒ่าฝางมาแนะนำด้วยตัวเองคงบอกว่านี่คือลูกบุญธรรมของผม
ฉินเสี้ยวหยวนเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้เพราะการช่วยเหลือของอาจารย์ ดังนั้นฉินเสี้ยวหยวนจึงเห็นฝางยงหลินเป็นเหมือนพ่อแท้ๆ ของตน
ไม่ใช่เพราะเป็นอาจารย์หนึ่งวันก็เปรียบเหมือนเป็นบิดาชั่วชีวิตเท่านั้น แต่เป็นบิดาที่เขาจะไว้ทุกข์ เฝ้าโลงและส่งศพด้วยตัวเอง!
หลี่เจี้ยนเหว่ยอายุน้อยกว่าฉินเสี้ยวหยวนหลายปี เรื่องเช่นนี้จึงต้องให้ฉินเสี้ยวหยวนตัดสินใจ
ฝางยงหลินไม่มีลูก คนเหล่านี้ก็เหมือนกับเป็นลูกบุญธรรมของฝางยงหลิน
ฉินเสี้ยวหยวนมีสีหน้าหนักอึ้ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เขาเป็นหมอ รู้ดีว่าการเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ แต่เมื่อเรื่องเช่นนี้เกิดกับตัวเองกลับไม่อาจตัดใจ!
หลิวซือฉีเห็นดังนั้นก็ทอดถอนใจออกมา กล่าวโน้มน้าวว่า “ผู้อำนวยการฉิน ความจริงผู้เฒ่าฝางก็อายุมากแล้ว ผมเสนอว่าอย่าทรมานเขาอีกเลย ผู้เฒ่าฝางทำความดีมาชั่วชีวิต อย่าให้เขามาทุกข์ทรมานยามแก่อีกเลย…ผมคิดว่าเขาคงทนการผ่าตัดไม่ไหว! อาจจากไประหว่างการผ่าตัดก็ได้…”
ฉินเสี้ยวหยวนมีสีหน้ามืดครึ้ม ตัดสินใจไม่ได้!
จะช่วยหรือไม่ จะผ่าตัดหรือไม่! นี่เป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด
หากผ่าตัดใครจะทำ แต่หากไม่ผ่าตัด ฉินเสี้ยวหยวนคงยากจะให้อภัยตนเอง ทั้งๆ ที่มีโอกาสแท้ๆ…
หลังร่วมตรวจฉุกเฉินเสร็จแล้ว ทุกคนก็ไปจากโรงพยาบาลอันดับสอง ไม่มีใครยอมช่วยฉินเสี้ยวหยวนผ่าตัดสักคน
จะให้ทำการผ่าตัดแบบนี้น่ะหรือ อย่าล้อเล่นไปเลย! ต้องแบกรับคำก่นด่าไปช่วยชีวิตเช่นนี้ ไม่คุ้มค่าจริงๆ! คนอื่นจะพูดเอาว่าคนนู้นคนนี้ผ่าตัดฝางยงหลินจนทำให้เขาตาย หากมีข่าวลือเช่นนี้ออกไป ใครจะรับไหว!
ดังนั้นทุกคนจึงพากันออกไปจากโรงพยาบาล ทิ้งไว้เพียงฉินเสี้ยวหยวนและคนอีกไม่กี่คนในห้องที่ทำได้เพียงทอดถอนใจ
ทันใดนั้นหลี่เจี้ยนเหว่ยก็หันมา มองไปยังฉินเสี้ยวหยวน “ผมอยากลองดู!”
ฉินเสี้ยวหยวนไม่ได้ตอบ ทำเพียงมองไปยังหลี่เจี้ยนเหว่ยเช่นนั้น พบว่าหลี่เจี้ยนเหว่ยมีสายตาแน่วแน่ พยักหน้าอย่างจริงจัง “พวกเรา…ลองดูกันเถอะ!”
“หากว่า…หากว่ามีโอกาสล่ะ?”
ฉินเสี้ยวหยวนมีประกายในดวงตา เขาลืมตาขึ้นสูดหายใจลึกๆ เนิ่นนานผ่านไปจึงกล่าวขึ้นว่า “ลองดูเถอะ! หากสำเร็จพวกเราก็ดูแลผู้เฒ่าที่แผนกผู้สูงวัยไปชั่วชีวิต หากไม่สำเร็จพวกเราก็ส่งศพอาจารย์ด้วยกัน!”
หลี่เจี้ยนเหว่ยกำมือแน่น!
“ดี เดี๋ยวผมจะโทรหาจางโหย่วฝู!”
……
……
จางโหย่วฝูเพิ่งส่งผู้ที่มาร่วมตรวจฉุกเฉินออกไปไม่ทันไรก็ได้รับโทรศัพท์จากหลี่เจี้ยนเหว่ยจึงรีบเดินกลับไปทันที
“รองผู้อำนวยการหลี่ มีอะไรหรือครับ?”
หลี่เจี้ยนเหว่ยกล่าว “เตรียมผ่าตัด!”
จางโหย่วฝูชะงักไป “มีคนไข้หรือ…?”
ยังพูดไม่ทันจบ จางโหย่วฝูก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาโดยพลัน!
ความหมายของหลี่เจี้ยนเหว่ยก็คือ เตรียมผ่าตัดให้ผู้เฒ่าฝางยงหลิน!
จางโหย่วฝูตกตะลึงจนตาค้าง…
ทันใดนั้นหลี่เจี้ยนเหว่ยก็หันมาใช้มือทั้งสองจับไหล่จางโหย่วฝู จ้องมองจางโหย่วฝูด้วยดวงตาขุ่นมัว! กล่าวเสียงต่ำว่า “หัวหน้าแผนกจาง รบกวนคุณแล้ว!”
จางโหย่วฝูทอดถอนใจ เม้มปากแน่น “ครับ! ผมจะพยายามเต็มที่!”
ณ เวลานี้ นอกจากพยายามเต็มที่แล้วก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีก!
เมื่อหันมา จางโหย่วฝูก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นต่อสายไปหาต้วนปัว จางจื้อซิน โจวเสี่ยวตงและคนอื่นๆ บอกว่า “เตรียมผ่าตัด!”
[1] บีสแกน (B-scan) คือการตรวจอัลตร้าซาวด์ด้วยคลื่นความถี่สูง