บทที่ 158 มอนสเตอร์ระดับจักรพรรดิ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เมื่อพิจารณาจากสุขภาพผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมาหลายปี อาจมีปัญหาเรื่องการฟื้นตัวของบาดแผลในภายหลัง ดังนั้นเลือกผ่าตัดด้วยการส่องกล้องดีกว่า

เขามองฝางยงหลินถูกรมยาสลบ ในใจกลับรู้สึกขลาดเขลา นี่ไม่ใช่การผ่าตัดธรรมดาเลยจริงๆ!

จางโหย่วฝูสู้ๆ!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ จางโหย่วฝูก็อดกำหมัดไม่ได้ เขาที่เพิ่งอายุสี่สิบกว่ามีเวลาอวดฝีมือแล้ว เมื่อเจอปัญหาเช่นนี้ จะอย่างไรย่อมอยากลองเป็นธรรมดา ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกหวั่นไหวเสียได้

สิ่งที่ศัลยแพทย์หวาดกลัวที่สุดในการผ่าตัดก็คือคนสองประเภท คนประเภทแรกคือญาติผู้ป่วยที่มั่นใจในตนเอง คนอีกประเภทหนึ่งก็คือผู้ป่วยมีอำนาจอิทธิพลสูง!

คนที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัดตอนนี้คือคนที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโรงพยาบาลอันดับสอง!

ต้วนปัวและจางจื้อซินที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเคร่งเครียด ส่วนโจวเสี่ยวตงได้แต่มองด้วยสายตาเฝ้าเรียนรู้ฝึกฝนอย่างบริสุทธิ์ใจ การผ่าตัดเคสนี้ต้องพึ่งจางโหย่วฝูแล้ว!

เขาไม่ได้รั้งรออีกต่อไป เริ่มผ่าตัดทันที!

จางโหย่วฝูผ่าเปิดรูที่ช่องท้องอย่างช่ำชอง จากนั้นจึงสอดอุปกรณ์สำหรับอัดแก๊สเข้าไปและเริ่มอัดแก๊ส

ฉินเสี้ยวหยวน หลี่เจี้ยนเหว่ยและคนอื่นๆ ยืนอยู่ด้านข้างประหนึ่งครอบครัวของผู้ป่วย จับจ้องไปยังจอภาพไม่วางตา

เมื่อขั้นตอนเตรียมการสอดกล้องสำเร็จ จางโหย่วฝูก็ถอนใจออกมา

แม้จะคาดเดาถึงระดับความยากของการผ่าตัดไว้แล้ว แต่ก็คิดไม่ถึงว่าความเป็นจริงจะเลวร้ายกว่าที่คิด

ลำไส้ในช่องท้องเกิดพังผืดจนติดกันเป็นแผง กล่าวเช่นนี้อาจไม่เข้าใจ แต่หากจะให้ยกตัวอย่างก็คือ แม้ปกติลำไส้จะติดกันก็ไม่ส่งผลกระทบอะไร แต่ลำไส้ที่เป็นพังผืดก็เหมือนกับเกี๊ยวสุกที่ไปอยู่ติดกับเกี๊ยวอีกชิ้นหนึ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อย่าคิดว่าไม่เป็นอะไรเป็นอันขาด เมื่อเกิดพังผืดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะน้อยหรือมากย่อมมีผลร้ายแรง ซึ่งก็คือลำไส้เกิดพังผืดจนกลายเป็นอุปสรรคในการผ่าตัด นับเป็นหนึ่งในอาการป่วยในช่องท้องเฉียบพลันอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบจนถึงตาย และหากระบายของเสียในลำไส้ออกไปไม่ได้จะทำให้การติดเชื้อในลำไส้ ทำให้อาการป่วยรุนแรงมากขึ้น

เนื่องจากเกิดพังผืดทำให้อาการอักเสบของลำไส้ขยายตัวไปจนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนที่อยู่ติดกันก็จะเกิดการบีบตัวเพราะการเคลื่อนไหวของร่างกายซึ่งอาจทำให้อวัยวะแตกได้!

หากเกิดเรื่องเช่นนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่!

ตอนนี้จางโหย่วฝูรู้แล้วว่าสภาพของผู้ป่วยค่อนข้างพิเศษ มีอาการอักเสบที่ถุงน้ำดีอย่างรุนแรง ทั้งยังมีอาการเส้นเลือดขอดที่ลำไส้ส่วนต้นอย่างชัดเจน หลอดเลือดแดงและตับด้านขวาติดกันแน่น ส่งผลกระทบไปทั่วทั้งร่างกาย!

ผู้ป่วยที่มีอาการเส้นเลือดโป่งพองจะทำให้การแข็งตัวของเลือดไม่ดี ทั้งยังมีอาการเส้นเลือดและตับติดกันแน่น หากผ่าตัดจะต้องไตร่ตรองให้ดีว่าเมื่อเลือดออกแล้วจะแก้ปัญหาอย่างไร!

การผ่าตัดก็เหมือนกับการจัดเรียงกระบวนทัพ จะต้องวางแผนให้ดีทุกย่างก้าว ก่อนจะลงมือต้องเตรียมพร้อมจนมั่นใจ เช่นนี้แล้วไม่ว่าการผ่าตัดจะเกิดปัญหาใดก็ย่อมเตรียมรับมือได้ทัน!

เมื่อเห็นสภาพพื้นที่ผ่าตัดย่ำแย่เช่นนี้ จางโหย่วฝูก็อดก่นด่าในใจไม่ได้

ทำไมมันยากขนาดนี้!

จะทำอะไรก่อนดี?

ทำอะไรก็เหมือนจะมีปัญหาไปหมด!

จะทำยังไงดี?

หากจะผ่าถุงน้ำดีก่อนก็จำเป็นต้องจับแยกออกมา แต่ตอนนี้หลอดเลือดแดงบริเวณตับพาดมาเบื้องหน้าท่อน้ำดี ถุงน้ำดีส่วนที่เรียกว่า Hartmann ติดกับท่อตับ หากจะแยกถุงน้ำดีที่อยู่ติดกันออกไปอาจทำให้หลอดเลือดดำบริเวณท่อตับเสียหายจนมีเลือดออกได้ อีกทั้งผู้ป่วยก็มีอาการเส้นเลือดโป่งพอง ซึ่งจะส่งผลให้หัวใจล้าจนหายใจไม่ออก

เมื่อเห็นท้องเช่นนี้ จางโหย่วฝูก็รู้สึกเหมือนเห็นปัญหาที่ไม่มีทางออก

ทำไม่ได้จริงๆ!

หากท่อน้ำดีเสียหาย อย่างมากก็ลำบากขึ้นเล็กน้อย แต่หากเลือดออกก็จะตาย ไม่มีอะไรมาฉุดรั้งได้ นี่คือสาเหตุที่เฉียนเลี่ยงบอกว่ามีอัตราการล้มเหลวสูง!

ล้มเหลวก็เท่ากับตาย

ต้วนปัวและจางจื้อซินพูดอะไรไม่ออก เพราะตอนนี้พวกเขาก็อับจนหนทาง

ส่วนโจวเสี่ยวตงมองไปยังหน้าจอ จู่ๆ ก็เหมือนเห็นภาพที่ดูคุ้นเคย…ราวกับย้อนไปคืนที่เขาเจอผู้ป่วยที่มีอาการเมอริซซี่ซินโดรม

จางโหย่วฝูจำเป็นต้องหาสาเหตุเพื่อเตรียมรับและป้องกันอาการเลือดออก เมื่อคิดถึงตรงนี้จางโหย่วฝูก็พูดขึ้นว่า “อีกเดี๋ยวถ้าเลือดออก ต้วนปัว คุณรีบใช้คีมหนีบแผลไว้เพื่อหยุดเลือดนะครับ ส่วนจื้อซิน คุณใช้ไหมโพรลีนหมายเลขห้าเย็บแผล ทำได้หรือเปล่าครับ?”

ทั้งสองเงียบไป จะต้องมีความเชี่ยวชาญมากขนาดไหนจึงจะเย็บด้วยการส่องกล้องได้!

จู่ๆ จางโหย่วฝูก็หันมามองไปทางเถามี่ “หัวหน้าแผนกเถา ฝีมือการเย็บแผลด้วยการส่องกล้องของคุณเป็นยังไงบ้างครับ?”

เถามี่พยักหน้า คงไม่มีปัญหาอะไร!

ดังนั้นเถามี่จึงเข้ามารับหน้าที่แทนจางจื้อซิน

การผ่าตัดดำเนินต่อไป จางโหย่วฝูแยกพังผืดในช่องท้องอย่างระมัดระวัง ค่อยๆ ทำไปทีละนิด หากออกแรงมากไปเพียงนิดเดียวอาจทำให้เกิดปัญหาได้

นี่เป็นครั้งแรกที่เถามี่รู้สึกว่ามืออ้วนๆ ของจางโหย่วฝูคล่องแคล่วเพียงนี้ ทว่าทันใดนั้นเอง จางโหย่วฝูพลันสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่าบริเวณลำไส้เล็กส่วนต้นที่มีพังผืด!

ให้ตายสิ! แตกแล้ว! โธ่เว้ย…

จางโหย่วฝูพลันหน้าเปลี่ยนสี “เย็บบริเวณลำไส้ส่วนต้น อย่าให้มีช่องว่างเป็นอันขาด!”

ต้วนปัวหน้าเปลี่ยนสี “ผมทำไม่ได้ ลำไส้มีสภาพแย่เกินไป ถ้าผมเย็บจะต้องเกิดปัญหาแน่!”

ตอนนี้จางโหย่วฝูไม่กล้าขยับ ถ้าขยับแล้วส่งผลกระทบกับของเสียภายในขึ้นมาคงแย่แน่ ทันใดนั้นจางโหย่วฝูคล้ายกับถูกแช่แข็งจนไม่อาจขยับได้!

นี่เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในการผ่าตัดแล้ว

จางโหย่วฝูมีสีหน้าเปลี่ยนไป รีบพูดขึ้นว่า “รองผู้อำนวยการหลี่ รีบโทรหาหลี่เป่าซานด่วน ดูว่าเขาอยู่ที่ไหน ถ้าผมขยับตอนนี้คนไข้ต้องมีปัญหาแน่ ตอนนี้ผมต้องการคนมาเย็บลำไส้ เร็วหน่อยครับ ผมยืนหยัดได้ไม่นานแล้ว!”

จริงๆ แล้วจางโหย่วฝูก็ไม่รู้ว่าการผ่าตัดเช่นนี้จะยืนหยัดไปได้นานเท่าไหร่ เขาเหนื่อยเกินไปเพราะต้องถืออุปกรณ์ไว้อย่างระมัดระวัง ขยับไม่ได้แม้แต่น้อย หากพลาดขึ้นมาจนอวัยวะที่เปรียบเสมือนเกี๊ยวพวกนี้แตก ไส้เกี๊ยวก็คงทะลักออกมาทั้งหมด!

หลี่เจี้ยนเหว่ยหน้าเปลี่ยนสี รีบโทรหาหลี่เป่าซาน “เป่าซาน คุณอยู่ไหน? ทำไมครับ? ไม่ต้องถามอะไรมาก มาก่อนค่อยว่ากัน การผ่าตัดมีปัญหา คุณรีบมาที่โรงพยาบาลเลย”

หลี่เป่าซานพยักหน้า “เร็วที่สุด…ก็หนึ่งชั่วโมงกว่า!”

จางโหย่วฝูหน้าเปลี่ยนสี “ผมยืนหยัดไม่ไหวแน่! ลองดูซิว่าในโรงพยาบาลมีใครที่เย็บลำไส้ได้ ให้รีบมาด่วน!”

หลี่เป่าซานได้ยินเสียงจากโทรศัพท์จึงรีบพูดขึ้นว่า “โทรหาเสี่ยวเฉินเลยครับ วันนี้เฉินชางเป็นเวร เขามีฝีมือเย็บอวัยวะภายในไม่เลวเลย! แล้วผมจะรีบตามไป”

หลังจากวางโทรศัพท์แล้วหลี่เจี้ยนเหว่ยก็รีบถามขึ้นว่า “ใครมีเบอร์เสี่ยวเฉินบ้าง เร็ว! ด่วนเลย!”

จางจื้อซินรีบถอดถุงมือแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้น “ผมโทรให้ครับ!”

เพิ่งโทรติด จางโหย่วฝูก็พูดว่า “เฉินชาง รีบมาที่ห้องผ่าตัดหมายเลขสามด่วน!”

……

……

ชั่วขณะที่เฉินชางได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบก็รีบกดรับภารกิจทันที! จากนั้นเฉินชางเพิ่งคิดได้ว่าตนกำลังเข้าเวร

จะทำอย่างไรดี?

เฉินชางเงยหน้ามองเห็นหยวนฟางยังอยู่ จึงพูดออกไปอย่างรีบร้อน “หยวนฟาง ผมออกไปทำธุระหน่อยนะครับ คุณช่วยอยู่เวรที รบกวนแล้ว!”

เมื่อพูดจบเฉินชางก็วิ่งออกไปจากแผนกฉุกเฉินทันที!

เฉินชางพอจะรู้ถึงความร้ายแรงของเหตุการณ์จากน้ำเสียงของจางโหย่วฝูเมื่อครู่นี้แล้ว แต่เพิ่งออกจากประตูไปได้ไม่นาน เฉินชางก็ยกโทรศัพท์ขึ้นต่อสายไปหาฉินเยว่ “ฉินเยว่ คุณรีบมาเข้าเวรแทนผมที ผมมีธุระด่วนมาก คุณรีบมาที่แผนกฉุกเฉินเลยนะครับ!”

ฉินเยว่พยักหน้า “ได้ค่ะ!”

ไม่ใช่ว่าเฉินชางไม่เชื่อใจหยวนฟาง เอาเถอะ…ก็คือไม่เชื่อใจคนคนนี้นั่นแหละ!

อย่าหาเรื่องให้ตัวเองตอนไม่อยู่เลย! ดังนั้นฉินเยว่จึงพึ่งพาได้มากกว่า!