บทที่ 142 ปลาหมึกยักษ์เซียนเสีย

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

เจ้าสี่แล่นกลับไปอย่างห่อเหี่ยว บอกเรื่องที่จินเฟยเหยาปฏิเสธให้พี่ใหญ่ฟัง จากนั้นยังเอ่ยถึงคำแนะนำของตนเองก่อนหน้านี้ คิดจะเพิ่มผู้บำเพ็ญเซียนสตรีคนนั้นเข้ามา

นอกจากเจ้าอ้วนสาม พี่ใหญ่และเจ้ารองเพิกเฉยต่อคำแนะนำของเขา หารือกันว่าจะจัดการกับจินเฟยเหยาอย่างไร สุดท้ายหารือจนได้ข้อสรุปว่ารอให้ถึงจุดหมายปลายทางก่อนจึงหาโอกาสลงมือ

หลายวันนี้ไม่มีเรื่องราวใด วันนี้จินเฟยเหยากำลังรับลมอยู่บนดาดฟ้าเรือ เพิ่งออกทะเลมาไม่กี่วัน มักจะมีนกทะเลจำนวนไม่น้อยบินวนรอบเรือ แต่สองวันมานี้ หลังจากเรือศิลาทะเลออกห่างจากแผ่นดิน ก็ไม่มีนกทะเลอีก นางกำลังเหม่อมองผิวทะเลอันห่างไกลที่กลายเป็นเส้นเดียวกับขอบฟ้า เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรทำ

ทันใดนั้น เรือพลันสั่นสะเทือน จินเฟยเหยารีบเกาะข้างเรือไว้ จากนั้นเห็นปลาทองขนาดมหึมาสองตัวที่ลากเรือโผล่แหวกน้ำทะเลออกมา กระโดดขึ้นสูงกลางอากาศ แสงสีแดงวาบผ่าน พริบตาพวกมันสองตัวก็หายไปต่อหน้าต่อตาจินเฟยเหยา เชือกที่แขวนเต็มตัวร่วงลงมากระทบกับน้ำทะเลทั้งหมด

“เกิดอะไรขึ้น ไม่ทำงานแล้วหรือ?” จินเฟยเหยามีสีหน้างุนงง ก็เห็นผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนไม่น้อยหยิบของวิเศษออกมา มองผิวทะเลด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง

คนที่เคลื่อนไหวหยิบของวิเศษออกมาทั้งหมดเป็นผู้บำเพ็ญเซียนที่ออกทะเลประจำ ผู้บำเพ็ญเซียนที่ออกทะเลเป็นครั้งแรกเหมือนจินเฟยเหยาต่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ตัวเรือสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอีกครั้ง เห็นผู้บำเพ็ญเซียนที่ออกทะเลเป็นประจำเหล่านั้นค่อยๆ ทยอยกันถอยหลังออกห่างจากหัวเรือ จินเฟยเหยาก็รีบวิ่งไป

จากนั้น เสียงดังวิ้งๆ ลวดลายอาคมบนตัวเรือส่องแสงสีขาวสว่างจ้า บนผิวนอกตัวเรือมีแสงสว่างชั้นหนึ่งปรากฏขึ้น นี่คือเผชิญศัตรู จินเฟยเหยาเข้าใจทันที ในที่สุดก็เข้าสู่ทะเลเปิด มีสัตว์ปิศาจพาตัวเข้ามาหาถึงที่สามารถทดลองอานุภาพของทงเทียนหรูอี้ได้

ในใจนางกระตุก คายดาบโค้งวงเดือนโปร่งใสสองเล่มออกมาจากในปาก ให้หมุนวนอยู่รอบกาย รอคอยการปรากฏตัวของสัตว์ปิศาจแบบเตรียมรับมือ

“เข้าใจผิดอะไรหรือไม่ นี่มันตัวอะไรกัน” เมื่อสัตว์ปิศาจปรากฏตัวขึ้นที่หัวเรือ จินเฟยเหยาอดร้องอุทานอย่างตกใจไม่ได้

ปลาหมึกยักษ์ตัวมหึมาปรากฏตัวขึ้นที่หัวเรือ จะบอกว่ามันเป็นปลาหมึกยักษ์ธรรมดาก็เกินไปหน่อย เนื่องจากดวงตาข้างเดียวของมันใหญ่กว่าร่างจินเฟยเหยามากนัก

อีกทั้งร่างกายมีเปลือกแข็งห้าหกสีสันห่อหุ้ม หนวดแปดเส้นพันตัวเรือศิลาทะเลไว้อย่างแน่นหนา ในถ้วยดูดบนหนวดมีหนามแหลมงอกออกมาเต็มไปหมด หนามแหลมทั้งหมดยาวครึ่งตัวคน ถ้วยดูดอันหนึ่งมีหนามแหลมหลายสิบชิ้น ขอเพียงรัดคนก็ต้องถูกเสียบไม้ย่างทันที

“เป็นปลาหมึกยักษ์เซียนเสียขั้นสี่ ทุกคนอย่าลนลาน ขอเพียงหลบหนวดของมันได้ก็พอ” ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมที่บัญชาการเรือปรากฏกายขึ้นบนยอดเรือ ตะโกนบอกผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานด้านล่างเสียงดัง

เห็นเขาใช้สองมือกอดอกราวกับไม่คิดจะลงมือ จินเฟยเหยาก็จำได้ทันที เหมือนเขาเคยพูดว่า ภารกิจปกป้องเรือศิลาทะเลเป็นหน้าที่ของผู้บำเพ็ญเซียนที่โดยสารเรือ

พอเห็นปลาหมึกยักษ์เซียนเสียก็รู้ ต้องร้ายกาจมากกว่าเต่าเกราะเหล็กที่เป็นขั้นสี่เช่นเดียวกันแน่ หนวดที่อ่อนนุ่ม เรียบลื่น มีหนามแหลมจำนวนนับไม่ถ้วน เห็นแล้วรู้สึกขยะแขยงทำให้คนไม่อยากเข้าใกล้

“เริ่มโจมตี” ผู้บำเพ็ญเซียนที่บัญชาการเรือออกคำสั่ง ยืนอยู่บนยอดเรืออย่างน่าเกรงขาม เป็นผู้บำเพ็ญเซียนบัญชาการเรือจริงๆ ยืนบัญชาการอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน

ประโยคนี้เขาไม่จำเป็นต้องพูด ผู้บำเพ็ญเซียนบนดาดฟ้าเรือเริ่มโจมตีแล้ว เนื่องจากความเคลื่อนไหวของปลาหมึกยักษ์เซียนเสียเร็วกว่า มันจึงลงมือกับผู้บำเพ็ญเซียนทุกคนก่อน

หนวดเส้นหนึ่งของมันฟาดมาบนดาดฟ้าเรือ หนามแหลมในนั้นเปล่งประกายเย็นเยียบกดดันทุกคน เรี่ยวแรงมหาศาล พกพาเสียงคำราม ขู่ขวัญจนทุกคนทยอยกันหลบเลี่ยง

ที่นี่คือทะเลเปิด ไม่ใช่เมืองวั่นเซียนสุ่ย คิดจะขี่อาวุธเวทก็ไม่มีปัญหาเลยสักนิด ผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนไม่น้อย ทยอยขี่ของวิเศษหลบหนีขึ้นกลางอากาศ ส่วนจินเฟยเหยากลับหมอบร่างลง หลบหนวดที่กวาดมา

ไม่รอให้นางลุกขึ้น หนวดของปลาหมึกยักษ์เซียนเสียก็ฟาดมาบนดาดฟ้าเรืออีก รัศมีโจมตีของหนวดประมาณสามสี่จั้ง รวมจินเฟยเหยาไว้ในนั้นด้วย ทำให้นางหวาดกลัวจนต้องกลิ้งบนพื้นหลุนๆ หนวดก็ฟาดมาบนดาดฟ้าเรืออย่างหนักหน่วง คลื่นการโจมตีทำให้จินเฟยเหยากระเด็นไปกระแทกกับข้างลำเรือ

ม่านป้องกันของเรือศิลาทะเลแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ถูกฟาดแบบนี้ ทั้งยังถูกหนามแหลมข้างถ้วยดูดขีดข่วน กลับไม่เป็นอะไรเลยสักนิด ดาดฟ้ายังคงเป็นดาดฟ้าดังเดิม ปลาหมึกยักษ์เซียนเสียเพียงแค่เสียแรงเปล่า

บนดาดฟ้าเรือมีอยู่ไม่กี่คน จินเฟยเหยามิใช่ไม่คิดจะหนีขึ้นกลางอากาศ กลางอากาศกว้างขวาง หนีได้สะดวกกว่านิดหน่อย ติดที่ว่าพรมบินของนางใหญ่เกินไป ของสิ่งนี้เหมาะกับการหนีระยะไกล ถ้านำมาบินเหาะเหินตอนต่อสู้กลับกีดมือขวางเท้า อีกอย่างหนึ่งตอนนี้กลางอากาศมีผู้บำเพ็ญเซียนเกือบพันคนบินอยู่เต็มไปหมด คิดจะหลบหลีกอย่างว่องไว เกรงว่าคงต้องชนกับคนอื่นๆ

ปลาหมึกยักษ์เซียนเสียเห็นเรือศิลาทะเลไม่ขยับเลยสักนิด ก็ยื่นหนวดมาฟาดตึกเจ็ดชั้นอีก จินเฟยเหยาเหลียวซ้ายแลขวา พลันวิ่งไปตรงหัวเรือที่ปลาหมึกยักษ์เซียนเสียอยู่

“เอ๋ นางคิดจะทำอะไร?” สี่พี่น้องนักล่าเงินรางวัลที่บินอยู่กลางอากาศสงสัยอย่างยิ่ง หรือว่าเป้าหมายคิดจะสู้ตัวต่อตัว แบบนี้ดีที่สุด ถ้าให้ปลาหมึกยักษ์ฆ่าทิ้ง จะได้ไม่ต้องเค้นถามที่อยู่อะไรนั่น

“กำเริบเสิบสานยิ่งนัก คิดจะสังหารปลาหมึกยักษ์เซียนเสียด้วยตัวคนเดียว” ผู้บำเพ็ญเซียนบัญชาการเรือเห็นฉากนี้ก็ตกตะลึงไม่เบา ชื่นชมในความกล้าของจินเฟยเหยา เพียงแต่รู้สึกว่านางมุทะลุไปหน่อย ถึงปลาหมึกยักษ์เซียนเสียจะเป็นเพียงแค่สัตว์ปิศาจขั้นสี่ ทว่าก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานสามารถฆ่าได้ นอกจากคนผู้นี้จะมีความสามารถเหนือกว่าพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นสร้างฐาน

จากนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นต่อมา ก็ทำให้ทุกคนหมดคำพูด

จินเฟยเหยารีบวิ่งไปตรงหัวเรือ ตรงหัวเรือมีรูปปั้นของตึกซ่างเซียน เป็นนกยักษ์สยายปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ปีกของนกยักษ์ตรงข้ามกับตัวเรือ ด้านล่างพอดีเป็นจุดบอดที่ปลาหมึกยักษ์เซียนเสียมองไม่เห็น อีกทั้งเนื่องจากมีนกยักษ์บดบัง ตอนมันพันเรือก็จะหลีกเลี่ยงตรงนี้

จินเฟยเหยาลื่นไถลไปยืนอยู่ใต้จุดบอด ปล่อยให้ปลาหมึกยักษ์เซียนเสียโจมตีตัวเรืออย่างเต็มกำลัง นางยืนอยู่ท่ามกลางการสั่นสะเทือนอย่างมั่นคงปลอดภัยที่สุด

ทุกคนล้วนไม่เข้าใจว่านางทำเช่นนี้มีเจตนาใด ขอเพียงหลบหนีขึ้นกลางอากาศก็พอแล้วมิใช่หรือ เหตุใดต้องยืนอยู่ในจุดบอด มีเพียงผู้บำเพ็ญเซียนบัญชาการเรือที่ยืนอยู่บนยอดตึกเอ่ยชื่นชม “ช่างสังเกตจริงๆ ถึงจะแย่ไปหน่อย ทว่าสำหรับปลาหมึกยักษ์เซียนเสียแล้ว นี่เป็นตำแหน่งที่ดีที่สุด ท่าทางจะคุ้นเคยกับนิสัยของปลาหมึกยักษ์เซียนเสียอย่างยิ่ง”

สิ้นเสียง ก็เห็นปลาหมึกยักษ์เซียนเสียไม่ฟาดตัวเรืออีก ใช้หนวดสามเส้นโจมตีไปยังผู้บำเพ็ญเซียนกลุ่มใหญ่ที่อยู่กลางอากาศ ผู้บำเพ็ญเซียนทุกคนทยอยกันหลบเลี่ยง แต่ทุกคนต่างหลบหนีอย่างอลหม่าน ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นหนึ่งเดียว มีผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนมากชนกัน ส่วนปลาหมึกยักษ์เซียนเสียก็ฟาดราวกับตบแมลงวัน มีหลายสิบคนถูกมันฟาดลอยไปตกในทะเล

“ฮึ ยังไม่เริ่มเลย” ผู้บำเพ็ญเซียนบัญชาการมองบรรดาผู้บำเพ็ญเซียนถูกโจมตีลอยไป เพียงแค่พยักหน้านิดๆ คร้านจะลงมือ

เนื่องจากตึกในเรือเปิดม่านป้องกัน จินเฟยเหยาจึงเข้าไปไม่ได้ อีกทั้งยังได้ยินว่าคนที่ไม่ลงมือปกป้องเรือ จะถูกไล่ออกจากเรือ ดังนั้นจึงวิ่งมาตรงนี้

จินเฟยเหยาไม่ได้คิดจงใจขนาดนั้น ไม่ได้ศึกษาจุดบอดอะไร และไม่ได้คุ้นเคยกับนิสัยของปลาหมึกยักษ์เซียนเสียเลยสักนิด นางรู้สึกล้วนๆ ว่าปลาหมึกยักษ์ตัวใหญ่ขนาดนี้ กลางอากาศก็มีผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนมากดึงดูดความสนใจ ตนเองยืนอยู่ใต้มันน่าจะปลอดภัยที่สุด บนดาดฟ้าเรือไม่มีใคร ตนเองยืนอยู่บนดาดฟ้าเรืออันว่างเปล่ามิกลายเป็นเป้าหมายที่สะดุดตาที่สุดหรือ

อีกทั้งคิดจะลอบโจมตี การโจมตีประชิดตัวจะมีอานุภาพมากกว่า ไปสถานที่ซึ่งมีคนมากไม่ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ถูกต้องที่สุด

ถึงแม้ผู้บำเพ็ญเซียนที่บินอยู่กลางอากาศจะถูกโจมตีจนกระเซอะกระเซิง ทว่ามีจำนวนคนมากมาย ความสูญเสียไม่ถือว่าหนักหนา ก่อนหน้านี้ไม่ลงมือ เนื่องจากปลาหมึกยักษ์เซียนเสียตัวใหญ่เกินไป และทุกคนล้วนมีความคิดจะให้คนอื่นออกแรงมากหน่อย ดังนั้นจึงชักช้าไม่ยอมลงมือก่อน

ตอนนี้เห็นพื้นที่โจมตีของปลาหมึกยักษ์เซียนเสียกว้างขวางปานนี้ ถ้ายังไม่ลงมืออีกก็อาจจะถึงคราวของตนเอง จึงเริ่มทยอยกันลงมือ อาคมและอาวุธเวทนานาชนิดทั้งหมดโจมตีใส่ลำตัวของมัน กลางท้องนภามีแสงสดใสเสียดแทงนัยน์ตา ปลาหมึกยักษ์เซียนเสียถูกโจมตีจนโลหิตสีดำอาบทั่วร่าง

ทันใดนั้น เกราะสีสันสดใสบนร่างมันก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้าขาวสว่างเจิดจ้า ผู้บำเพ็ญเซียนบัญชาการที่ยืนอยู่บนตึกกางม่านแสงให้ตนเองอย่างระแวดระวัง

ได้ยินเสียงเปรี้ยง บนหัวอันโล้นเลี่ยนของปลาหมึกยักษ์เซียนเสียก็ปรากฏสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วน สายฟ้าโจมตีไปรอบด้านราวกับห่าฝนตามการสะบัดหนวดของมัน เห็นผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนมากกลางอากาศโดนสายฟ้าโจมตี ร้องโหยหวนเกิดควันสีดำร่วงตกลงในทะเล

ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนที่กางม่านแสงให้ตนเอง ก็ผ่านการโจมตีกะทันหันด้วยห่าสายฟ้ามาอย่างปลอดภัยไร้อันตราย เนื่องจากจินเฟยเหยายืนอยู่ในตำแหน่งที่ดี หลังจากสายฟ้าเริ่มโจมตีจึงกางม่านแสงให้ตนเอง ตำแหน่งที่นางยืนอยู่กลับไม่โดนสายฟ้าโจมตีเลยสักนิด เหนือศีรษะกลับเป็นปลาหมึกยักษ์เซียนเสีย ดังนั้นข้างหูจึงมีเสียงสายฟ้าเปรี้ยงปร้างดังมาตลอดเวลา

หลังการโจมตีด้วยสายฟ้าผ่านพ้น ผู้บำเพ็ญเซียนบัญชาการที่ยืนอยู่บนตึกก็ตวาดเสียงดัง “ตอนนี้แหละ หลังจากมันปล่อยสายฟ้าเสร็จสิ้น ต้องรวบรวมสายฟ้าเป็นเวลาหนึ่งจิบชา ทุกคนรีบโจมตี จัดการมันในกระบวนท่าเดียว”

ทุกคนเคลื่อนไหวตามคำพูดของเขาทันที โจมตีปลาหมึกยักษ์เซียนเสียอย่างรุนแรง ส่วนจินเฟยเหยาก็กระโดดออกมา และพุ่งขึ้นไป ทงเทียนหรูอี้ข้างกายนางกลายเป็นเงาตกค้างสองสาย ปักเข้าไปในดวงตาของปลาหมึกยักษ์เซียนเสีย

โจมตีสามจุดสำคัญ ดวงตา ลำคอ และสะโพก ปลาหมึกยักษ์เซียนเสียทางด้านหลังไม่มีทั้งลำคอและสะโพก ดังนั้นจินเฟยเหยาจึงโจมตีดวงตาขนาดยักษ์ของมันก่อน

ของเหลวใสทะลักออกมา ปลาหมึกยักษ์เซียนเสียดิ้นรนอย่างรุนแรง ภายใต้การโจมตีของผู้บำเพ็ญเซียนหลายร้อยคน หัวของมันกระแทกดาดฟ้าเรือหมดลมหายใจ หลังจากตายแล้วร่างกายของมันก็อ่อนนุ่มและลื่นร่วงลงไปในทะเลตามข้างลำเรือ ผู้บำเพ็ญเซียนบัญชาการเคลื่อนไหวไปปรากฏเหนือซากของปลาหมึกยักษ์ในพริบตา พลิกมือเบาๆ แสงสีขาวสายหนึ่งวาบผ่าน ส่วนหัวของปลาหมึกยักษ์เซียนเสียก็ถูกตัดออก ตานสัตว์ปิศาจเม็ดหนึ่งก็ถูกเขาดูดมาไว้ในมือ

เห็นเขาคว้าปลาหมึกยักษ์เซียนเสียที่ลื่นร่วงลงในทะเลไม่หยุดอย่างว่องไว ชี้ไปบนดาดฟ้าเรือ พื้นที่ว่างบนดาดฟ้าเรือกระเพื่อมไหว รูกว้างสามจั้งรูหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนดาดฟ้า เขาออกแรงโยนสิ่งของในมือ ปลาหมึกยักษ์เซียนเสียก็ถูกรูดูดเข้าไป หายไปบนดาดฟ้าเรือ

กลายเป็นว่าเรือศิลาทะเลทั้งลำ มีความสามารถเหมือนถุงเฉียนคุนขนาดยักษ์ นี่คือคำนวณเสร็จสรรพแล้วว่าต้องบรรจุซากสัตว์ปิศาจจำนวนมาก ดังนั้นจึงหลอมสร้างขึ้นโดยเฉพาะสินะ

จากนั้นเขาก็ปัดๆ มือ ยืนบนดาดฟ้าเรือเอ่ยกับบรรดาผู้บำเพ็ญเซียนที่เพิ่งเคยออกทะเลเป็นครั้งแรกซึ่งกำลังปากอ้าตาค้าง “ยังตกตะลึงอยู่ทำไม? ช่วยกันสิ ไปงมผู้บำเพ็ญเซียนที่ได้รับบาดเจ็บจนร่วงไปในทะเลขึ้นมา อย่าคิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง นี่เพิ่งสัตว์ปิศาจขั้นสี่ ยิ่งเดินทางไปในทะเลเปิด ยังมีสัตว์ปิศาจที่ร้ายกาจกว่านี้อีกมากมาย ถึงตอนนั้นจำนวนคนไม่เพียงพอ คงไปรนหาที่ตายกันหมด”

ผู้บำเพ็ญเซียนทุกคนหมดวาจา ทยอยกันดำน้ำไปช่วยบรรดาผู้บำเพ็ญเซียนที่ตกทะเล