บทที่ 143 ผงชักนำสัตว์

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานไม่ได้จมน้ำตายง่ายขนาดนั้น จินเฟยเหยาให้พั่งจื่อดำน้ำไปงมผู้บำเพ็ญเซียนขึ้นมาสองคน คนที่ร่างดำปี๋ล้วนถูกฟ้าผ่า

ครั้งนี้แค่เจอสัตว์ปิศาจขั้นสี่ ดังนั้นจึงมีเพียงคนบาดเจ็บไม่มีคนล้มตาย หลังจากลากคนทั้งหมดขึ้นมา ผู้บำเพ็ญเซียนบัญชาการเรือก็นำตี๋[1]สั้นออกมาเป่า

เห็นสีแดงสองแถบปรากฏขึ้นไกลๆ ปลาทองสองตัวที่หายไปอย่างกะทันหันว่ายกลับมาอีกครั้ง เห็นพวกมันสองตัวไม่ได้รับบาดเจ็บกลับมา จินเฟยเหยาก็ทอดถอนใจชื่นชมความสามารถในการหลบหนีของพวกมันสองตัว ตัวใหญ่ถึงปานนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเคลื่อนย้ายมวลสารได้ไกลขนาดนี้

หลังจากปลาทองกลับมา ไม่รู้ว่าผู้บำเพ็ญเซียนบัญชาการใช้อาคมอะไร เชือกบนเรือลอยขึ้นเองสวมลงบนร่างปลาทองอีกครั้ง ม่านป้องกันบนเรือถูกขจัดออกไปนานแล้ว เรือลำใหญ่ขนาดนี้ ปริมาณศิลาวิญญาณที่วงเวทใช้ไปมหาศาลยิ่ง สามารถประหยัดได้นิดหน่อยก็ต้องประหยัด

ปลาทองสะบัดหางเริ่มออกว่าย เรือศิลาทะเลแล่นไปในทะเลเปิดต่อ

“พั่งจื่อ เหตุใดเป็นสัตว์ปิศาจขั้นสี่เช่นเดียวกัน สัตว์ในทะเลจึงร้ายกาจกว่าสัตว์ที่อยู่บนบก และเจ้าว่าตึกซ่างเซียนใจดำเกินไปหรือไม่ ปลาหมึกตัวใหญ่ขนาดนี้ ไม่แบ่งสินสงครามให้พวกเราสักนิด ผู้บำเพ็ญเซียนที่ได้รับบาดเจ็บเหล่านั้น แม้แต่สุราวิญญาณให้เปล่ายังไม่ได้สักส่วน ลงแรงไปเปล่าๆ โดยแท้”

จินเฟยเหยาจ้องตรงดาดฟ้าเรือที่นึกว่าเป็นลวดลายมาตลอด พลางเอ่ยกับพั่งจื่ออย่างไม่พอใจ วงกลมสีขาวเมื่อครู่เปิดออกจากลวดลายรูปวงกลม มิน่าเล่าจึงให้บรรดาผู้บำเพ็ญเซียนอาศัยอยู่บนตึกในเรือ แต่ละห้องเล็กแทบตายก็เพื่อประหยัดพื้นที่ว่างในเรือไว้บรรจุสัตว์ปิศาจ?

ทว่าที่จินเฟยเหยาไม่เข้าใจคือถุงเฉียนคุนใบหนึ่งสามารถบรรจุสัตว์ปิศาจขนาดใหญ่เท่าปลาหมึกยักษ์เซียนเสียสามตัวได้ เหตุใดจึงต้องสร้างตัวเรือเป็นของวิเศษเฉียนคุนอีก

ทว่าในวันต่อมา ในที่สุดจินเฟยเหยาก็เข้าใจ เพราะเหตุใดจึงต้องการของวิเศษเฉียนคุนขนาดใหญ่ปานนี้

“พั่งจื่อ อย่าวิ่งไปไกลนัก เจ้าพวกนี้รวดเร็วยิ่ง” จินเฟยเหยาหายแวบไปด้านข้าง หลบหลีกปลาดาบยาวสามฉื่อตัวหนึ่ง คำรามใส่พั่งจื่อที่พุ่งออกไป

พั่งจื่อกระโดดติดต่อกันสามครั้ง ผ่าปลาดาบที่บินมาสองตัว แล้ววิ่งกลับมาอยู่ข้างจินเฟยเหยาอีกครั้ง

“พวกเราหันหลังชนกัน อย่าเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า แล้วก็เจ้าอย่าสลัดน้ำพิษออกมา หลังของข้ายังติดกับเจ้าอยู่นะ” จินเฟยเหยายืนประกบหลังกับพั่งจื่อ ทงเทียนหรูอี้ชิ้นหนึ่งหน้าลำตัวกลายเป็นโล่บางๆ ส่วนทงเทียนหรูอี้อีกชิ้นกลายเป็นหอกสั้นขนาดสี่ฉื่อ ถูกจินเฟยเหยาถือไว้ในมือ

มีปลาดาบบินเข้าใส่ นางก็ใช้โล่ต้านทาน จากนั้นใช้หอกสั้นทิ่มแทงบนตัวปลาดาบพวกนั้น ครู่หนึ่ง บนดาดฟ้ารอบตัวนางก็มีปลาดาบตัวแบนยาวกองอยู่เต็มไปหมด

ความชอบในการสู้รบของพั่งจื่อไม่เลวทีเดียว รอบตัวก็มีปลาดาบกองอยู่เต็มไปหมด ทั้งหมดถูกลิ้นที่ราวกับหอกเหล็กของมันแทงทะลุ

ผู้บำเพ็ญเซียนทั้งลำเรือต่างกำลังพยายามสังหารปลาดาบ ร่างแบนราบของพวกมันมีขอบแหลมคมสุดเปรียบปาน บินขึ้นมาจากในทะเล กระโดดขึ้นเรือศิลาทะเลราวกับลูกดอก หลังจากฟันทำร้ายผู้บำเพ็ญเซียนบาดเจ็บก็บินกลับลงในทะเล

เช้าตรู่วันนี้ เรือศิลาทะเลไม่ทันระวังฝ่าเข้าไปในดงปลาดาบฝูงหนึ่ง จากนั้นก็ถูกปลาดาบจำนวนนับล้านโจมตี

ทุกคนล้วนบอกว่าเข้ามาโดยบังเอิญ จินเฟยเหยาไม่เชื่อเลยสักนิด มองบรรดาผู้บำเพ็ญเซียนกำลังต่อสู้อย่างทุกข์ทรมาน ทว่าเจ้าปลาทองสองตัวกลับคลายเชือกได้แต่แรกและกำลังพลิกตัวอยู่ในทะเล พวกมันอ้าปากกว้างกลืนปลาดาบเหล่านั้นลงไปคำใหญ่ กินอย่างเรียกได้ว่าสำเริงสำราญ

แปดส่วนคงเป็นเจ้าปลาทองสองตัวนี้พบว่าบริเวณนี้มีฝูงปลาดาบ ดังนั้นจึงลากเรือมา จินเฟยเหยาเอ่ยอย่างสงสัยยิ่ง

สัตว์ปิศาจขั้นสองสำหรับผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ยื่นมือออกไปก็ฟาดตายได้หนึ่งตัว ของวิเศษของผู้บำเพ็ญเซียนบางคน โยนออกมาก็โจมตีได้เป็นแถบ เพียงแต่ปลาดาบเหล่านี้มีจำนวนมากมายเกินไป เป็นล้านจนถึงหลักสิบล้าน ถ้าต้องสังหารจนเกลี้ยงก็ต้องใช้เวลานาน

จินเฟยเหยาแค้นแทบตาย จากวันที่เผชิญปลาหมึกยักษ์เซียนเสียเป็นต้นมา ในวันหนึ่งเรือศิลาทะเลอย่างน้อยต้องพบกับสัตว์ปิศาจสองสามครั้ง ตั้งแต่ขั้นสี่ไปจนถึงขั้นหก ผลัดเปลี่ยนกันลงสนาม ผู้บำเพ็ญเซียนบนเรือวิ่งวุ่นไปทั่ว เหน็ดเหนื่อยปางตาย

อีกทั้งยันต์และยาที่ผู้บำเพ็ญเซียนขึ้นเรือใหม่พกพามาก็ใช้ไปราวกับสายน้ำไหล ในตัวของผู้บำเพ็ญเซียนบางคนว่างเปล่าไม่เหลืออะไรนานแล้ว ต่อให้พกวัสดุสิ่งของมา บนเรือศิลาวิญญาณก็จงใจไม่มีสถานที่หลอมยาให้

ห้องเล็กๆ ที่แคบยาวเหล่านั้น ถ้าเจ้ากล้าคายเพลิงแท้ออกมาก็สามารถเผาตึกในเรือทั้งหมดได้ และไม่มีใครนั่งหลอมยาบนดาดฟ้าต่อหน้าสาธารณชน สุดท้ายได้แต่ซื้อสินค้าจากแผงเล็กๆ บนเรือ

ชั่วร้าย ยาเพิ่มการไหลเวียนลมปราณขั้นสามขวดละสิบเม็ด ปกติที่เมืองวั่นเซียนสุ่ยใช้ศิลาวิญญาณชั้นล่างเพียงหนึ่งร้อยก้อน ทว่าบนเรือศิลาทะเล ยาเพิ่มการไหลเวียนลมปราณหนึ่งขวดเหมือนกันราคาเพิ่มไปสิบเท่า อย่างไรเสียก็วางสิ่งของไว้ที่นี่ จะซื้อหรือไม่ซื้อก็เป็นเรื่องของเจ้า จะขายราคาสูงหรือไม่ก็เป็นเรื่องของข้า

ต่อให้ไม่ซื้อตอนนี้ ช่วงที่ออกล่าสัตว์ปิศาจยาวนานถึงครึ่งปี ก็จะบีบให้พวกเขาซื้อสินค้าบนเรือเอง จินเฟยเหยานับดู ไม่นับอาหารปลาทองจำนวนนับล้าน ในสิบเจ็ดวันที่เข้าทะเลเปิดมา ตึกซ่างเซียนไม่ลงแรงสักนิด ก็เก็บสัตว์ปิศาจขั้นสี่ได้เปล่าๆ สิบสองตัว สัตว์ปิศาจขั้นห้ายี่สิบเจ็ดตัว สัตว์ปิศาจขั้นหกเก้าตัว

“หาเงินง่ายจริงๆ ตอนขากลับก็ต้องช่วยสังหารสัตว์ปิศาจอีกหลายสิบตัว ข้าสร้างเรือสักลำทำอาชีพนี้ก็จบแล้ว” จินเฟยเหยาสลัดปลาดาบสองตัวที่เสียบอยู่บนหอกสั้นทิ้ง ด่าทออย่างขุ่นเคือง

แต่สิ่งที่ทำให้คนแปลกใจคือจำนวนครั้งที่สัตว์ปิศาจขั้นห้าเป็นฝ่ายโจมตีเรือศิลาทะเลสูงกว่าสัตว์ปิศาจขั้นสี่ ส่วนสัตว์ปิศาจขั้นหกโดยพื้นฐานคือฝ่าเข้าไปในอาณาเขตจึงต่อสู้กัน

คาดว่าความแข็งแกร่งของสัตว์ปิศาจขั้นสี่อ่อนด้อยเกินไป เห็นเรือศิลาทะเลที่ใหญ่กว่าขนาดตัวของพวกมันก็ไม่กล้าเป็นฝ่ายเข้ามาหาเรื่อง ส่วนสัตว์ปิศาจขั้นหกมีสติปัญญาแล้ว รู้ว่าบนเรือเหล่านี้มีกลุ่มผู้บำเพ็ญเซียนกระหายเลือด ดังนั้นจึงไม่เป็นฝ่ายมาหาเรื่อง ส่วนสัตว์ปิศาจขั้นห้า ความสามารถแกร่งกล้า สติปัญญาไม่สูง อยู่ในช่วงมุทะลุและกระหายการต่อสู้ มองเห็นอะไรก็กล้าเข้าไปหาเรื่อง

จินเฟยเหยาคิดอย่างไร้เดียงสายิ่ง คาดเดาว่าเพราะเหตุใดจึงพบเจอกับสัตว์ปิศาจจำนวนมากขนาดนี้

สัตว์ปิศาจที่พบเจอบนเรือและให้จินเฟยเหยาได้ทดสอบฝึกฝีมือเหล่านี้ นางไม่ได้ออกแรงอย่างเต็มที่มาตลอด แต่ประเมินตนเองว่าถ้านางไปล่าสังหารสัตว์ปิศาจคนเดียว คงได้แต่ฆ่าสัตว์ปิศาจขั้นห้า ทั้งยังไม่ใช่ฆ่าอย่างรวดเร็วฉับไว ต้องพัวพันอยู่หลายชั่วยามจึงจัดการได้

จินเฟยเหยาไม่พอใจต่อการประเมินนี้อย่างยิ่ง รู้สึกว่าประสิทธิภาพต้องสูงขึ้นอีกหน่อยจึงพอไหว อย่างไรเสียไม่ใช่ว่ารอบด้านไร้ผู้คน ไม่แน่ว่าอาจจะมีผู้บำเพ็ญเซียนและสัตว์ปิศาจอื่นๆ โผล่มาอย่างกะทันหันได้ทุกเมื่อ

ที่จริงประสิทธิภาพของนางดีแล้ว ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานช่วงกลางเช่นเดียวกันพวกนั้นไม่มีใครยินดีไปสังหารสัตว์ปิศาจขั้นห้าคนเดียว ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แม้แต่ผู้ช่วยเหลือก็ยังไม่มี ทว่ามักจะมีคนไปสังหารสัตว์ปิศาจเดี่ยวๆ คนที่ไม่รวมกลุ่มและมีความสามารถแข็งแกร่งก็มี

ปลาดาบฝูงนี้ สังหารจนเที่ยงคืนจึงจัดการได้เกลี้ยงเกลา ปลาดาบกองเต็มดาดฟ้าเรือ ถูกทำเป็นกองผลักลงน้ำเลี้ยงปลาทอง แต่เห็นทุกคนเหน็ดเหนื่อยจนทนไม่ไหว ผู้บำเพ็ญเซียนบัญชาการจึงใจดีอย่างหาได้ยาก ให้ร้านอาหารบนเรือศิลาทะเลนำปลาจำนวนมากกลับไปแล้วเลี้ยงอาหารบรรดาผู้บำเพ็ญเซียนหนึ่งมื้อ

เห็นเขายืนอยู่ยอดตึกของเรืออย่างสูงส่ง มีสีหน้าให้รางวัลทุกคน ทุกคนก็อยากลากเขาลงมากระทืบให้ตาย เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งที่พวกเขาสังหารอย่างยากลำบาก สุดท้ายยังกลายเป็นรางวัล

สี่พี่น้องนักล่าเงินรางวัลหอบหายใจแฮ่กๆ ตอนพี่ใหญ่ออกทะเลยังไม่เจอกับพี่น้องอีกสามคน ยามนั้นเขายังหนุ่มกำลังเลือดร้อนออกทะเลถึงสองครั้งนั่นเป็นเรื่องเมื่อหลายสิบปีก่อน ต่อมาพบกับพี่น้องอีกสามคน เริ่มทำอาชีพล่าเงินรางวัล จึงไม่ออกทะเลอีก

ยามนี้ออกทะเล คิดไม่ถึงว่าระดับความยากจะมากยิ่งกว่าในอดีต เหตุใดฝูงสัตว์ปิศาจที่อยู่ในน่านน้ำทะเลเปิดจึงเหมือนกินยากระตุ้นกำหนัด พอเห็นเรือก็พุ่งมาหา ตอนนั้นมาสองรอบ ไปกลับครั้งหนึ่งช่วยตึกซ่างเซียนสังหารสัตว์ปิศาจไปไม่ถึงสิบตัว ตลอดการเดินทางเวลาส่วนมากล้วนใช้ไปกับการตากลมทะเลอย่างเบื่อหน่าย

ที่น่าอนาถที่สุดคือเนื่องจากเจ้าอ้วนไม่ได้ซื้อสิ่งของและเสบียง ในถุงเฉียนคุนของคนทั้งสี่จึงเหลือเพียงยาที่ใช้ฝึกบำเพ็ญเล็กน้อย สิ่งของเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ต่อการรักษาบาดแผล ฟื้นฟูพลังวิญญาณ และฟื้นฟูการรับรู้

เจ้าอ้วนรู้ว่าตนเองทำผิด จึงจงใจแสร้งทำสีหน้าเจ้าอ้วนผู้บริสุทธิ์ พี่ใหญ่อยากจะบีบคอของเขาแล้วโยนลงจากเรือให้เป็นอาหารปลาทอง การค้ารอบนี้เป็นไปได้ว่าจะขาดทุน รอจนถึงน่านน้ำล่าสัตว์คิดจะไม่ออกทะเลก็ไม่ได้แล้ว

พี่ใหญ่นั่งเศร้าเสียใจอยู่ที่นี่ กลับไม่รู้ว่าผู้บำเพ็ญเซียนบัญชาการเรือในใจรู้สึกยินดีและสบายใจอย่างยิ่ง

ออกเรือครั้งนี้สบายจริงๆ ขอเพียงอีกรอบหนึ่งสามารถหาเงินได้ถึงหลายแสนศิลาวิญญาณชั้นกลาง ไม่ต้องให้ตนเองลงมือ ก็สามารถได้รับส่วนแบ่งสินสงครามครึ่งหนึ่ง เป็นเรื่องดีที่ได้กำไรหมื่นเท่าจริงๆ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าตาเฒ่าหลอมยากลุ่มนั้นของตึกซ่างเซียนจะหลอมผงกระตุ้นกำหนัดออกมาได้มีประสิทธิภาพขนาดนี้ ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานเหล่านี้น่าสงสารจริงๆ

ถ้าผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานเหล่านี้รู้เข้าว่าเรือผานกู่ของตึกซ่างเซียน แต่ละลำล้วนบรรจุผงกระตุ้นกำหนัดจำนวนมากให้สัตว์ปิศาจในทะเลเป็นสัด เกรงว่าคงไม่มีใครยินยอมขึ้นเรือ

นี่เป็นความลับของตึกซ่างเซียนมาตลอด เป็นสิ่งที่ตาเฒ่าซึ่งหลงใหลการหลอมยาพวกนั้นหลอมออกมาได้โดยบังเอิญ มีแรงดึงดูดต่อสัตว์ปิศาจขั้นสี่ขั้นห้าอย่างยิ่ง บางครั้งก็สามารถดึงดูดสัตว์ปิศาจขั้นหกที่อยู่ในฤดูผสมพันธุ์ได้บ้าง

ผงกระตุ้นกำหนัดใช้ไม่ยุ่งยาก แขวนไว้ที่ใต้ท้องเรือ ใช้ถุงที่ทำขึ้นเป็นพิเศษขนาดใหญ่สองจั้งกว่าเต็มๆ บรรจุ ผงยาแช่ในน้ำทะเล ก็จะละลายกลายเป็นน้ำกระตุ้นกำหนัดสีเหลืองจางๆ เคลื่อนไปตามตัวเรือ แผ่กระจายออกไปในน้ำทะเล เหมือนสัตว์เพศเมียที่กำลังเป็นสัด ดึงดูดสัตว์ปิศาจเพศผู้รอบด้านในทะเล ขณะผ่านอาณาเขตของสัตว์ปิศาจเพศเมียตัวอื่นๆ ก็สามารถยั่วยุให้เจ้าของอาณาเขตไม่พอใจ ดังนั้นจึงมีสัตว์ปิศาจมารนหาถึงที่อย่างต่อเนื่อง

เรื่องเช่นนี้ดำเนินมาหลายสิบปีแล้ว ดังนั้นผู้บำเพ็ญเซียนรุ่นหลังล้วนไม่รู้ ทว่าคนที่เคยออกทะเลในอดีตอย่างพี่ใหญ่ เพียงนึกว่าทางน้ำแตกต่างกัน ดังนั้นปริมาณสัตว์ปิศาจที่พบเจอจึงไม่เหมือนกัน ไม่มีใครคิดไปถึงด้านนั้น

ในอดีตมีคนเคยคิดจะใช้ยาปลุกกำหนัดดึงดูดสัตว์ปิศาจ เขาทาไว้บนสัตว์ปิศาจขั้นสองตัวหนึ่งเล็กน้อย จากนั้นโยนเข้าไปในสถานที่ล่าสัตว์ แล้วเขาก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย

สิ่งนี้ไม่อาจใช้สุ่มสี่สุ่มห้า ตึกซ่างเซียนก็ฉวยโอกาสที่มีผู้บำเพ็ญเซียนมารวมตัวกันบนเรือผานกู่ ปริมาณคนมาก อีกทั้งตัวเรือก็เคลื่อนไหวตลอดเวลาจึงกล้าใช้ คนนับพันโจมตีสัตว์ปิศาจตัวหนึ่ง ขอเพียงฝึกจนชำนาญ ใช้เวลาไม่มากก็สามารถสังหารสัตว์ปิศาจได้ ระดับความอันตรายไม่มากนัก

ทว่ารอจนเข้าน่านน้ำล่าสัตว์ ตอนจอดเรือ ต้องเก็บผงกระตุ้นกำหนัดเหล่านี้ล่วงหน้า ไม่เช่นนั้นผู้บำเพ็ญเซียนวิ่งไปล่าสัตว์กันหมด บนเรือไม่มีใคร จอดนิ่งอยู่ที่เดิม มิใช่หาเรื่องใส่ตัวทั้งเป็นหรือ?

………………………………………………..

[1] ตี๋ คือ ขลุ่ยจีนที่เป่าแนวขวาง