“แค่กๆ”
หลังได้ยินคำพูดของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาตกใจ พลันถูกขนมดอกกุ้ยฮวาที่เพิ่งกินเข้าไปติดคอ
ความรู้สึกมีของติดอยู่ในลำคอนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาแทบหายใจไม่ได้
ใบหน้าเล็กขาวนวล อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าขมวดเป็นปม ดูทรมานอย่างมาก
และสามคนภายในรถม้า เมื่อเห็นสีหน้าทรมานของเล่อเหยาเหยา ต่างพากันตกใจ
ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดว่าตนกำลังจะตายในเวลานี้ พลันได้กลิ่นอำพันทะเลหอมชื่นใจเข้ามา ก่อนมีของที่เย็นยะเยือกจ่อเข้าที่ริมฝีปากตน พร้อมกันนั้นได้ยินเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าที่เป็นเอกลักษณ์ของพญายมขึ้นว่า
“ดื่มชา เข้าไปให้มากหน่อย”
“อืม”
เมื่อได้ยินคำพูดของพญายม ไม่รู้เหตุใด ใจที่สับสนของเล่อเหยาเหยาพลันสงบลง จากนั้นก็ทำตามที่พญายมบอก ดื่มชาลงไปอึกใหญ่
เพราะความชุ่มชื้นของน้ำชา ขนมดอกกุ้ยฮวาที่ติดคอเธอก็ถูกกลืนเข้าไปในท้อง
“หู้ว เกือบตายเสียแล้ว”
หลังลำคอกลับมาเช่นเดิม เล่อเหยาเหยาถอนหายใจออกมา ก่อนเอ่ยขึ้นราวรอดชีวิตจากอันตรายครั้งใหญ่
หลังเอ่ยจบ เธอจึงพบว่าหน้าอกตนเองคล้ายมีแขนกำยำงอกขึ้นมา
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาคล้ายโอนเอนไปทั่วร่าง ชะงักอยู่ตรงนั้น
ใบหน้าจิ้มลิ้มมึนงง ดวงตางามเบิกกว้าง พลันกวาดมองภาพในรถม้า
เห็นเพียง หนานกงจวิ้นซียังนั่งอยู่ตรงหน้าเช่นเดิม สีหน้าเปิดความกังวลออกมา
ส่วนตงฟางไป๋ก็ยังอยู่ด้านข้างเธอ กำลังมองมายังเธอพร้อมกับสีหน้ากังวลใจ
เพียงแต่ ตำแหน่งของพญายมว่างเปล่า และด้านหลังเธอกลับมีหน้าอกกว้างแนบติด และมือใหญ่ที่จับอยู่ที่บริเวณหน้าอกของเธอ นี้คือ…
พญายมหรือ!
เสียง ‘ตูม’ ดังขึ้น เล่อเหยาเหยาที่เพิ่งหายจากตกตะลึง ถูกความรู้สึกนี้ผ่าเข้าอีกครั้ง
เพราะเธอเวลานี้ นอนอยู่ในอ้อมกอดของพญายม และมือของพญายม ยังวางอยู่บนหน้าอกของเธอและ เธอก็พิงหน้าอกเขาอยู่…
เวลานี้ เล่อเหยาเหยาสับสนมึนงงอย่างยิ่ง
หัวใจแทบกระดอนออกมาจากลำคอ
เพราะจะพูดเช่นไร เธอคือผู้หญิง! กลัวว่าพญายมจะรับรู้ถึงบางอย่างเสียจริง โดยเฉพาะมือของเขายังวางอยู่บนหน้าอกของเธอ
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาแข็งทื่อไปทั่วร่าง ไม่กล้าขยับแม้แต่นิดเดียว
หัวใจพลันเต้นระรัว
‘ตึกตัก’คล้ายจะทะลุออกมาจากหน้าอกของเธอ
ตรงข้ามกับเล่อเหยาเหยาที่อกสั่นขวัญแขวน หนานกงจวิ้นซีและตงฟางไป๋ที่อยู่ตรงข้ามกลับมองเธออย่างกังวลใจ ก่อนเอ่ยถามขึ้นว่า
“น้องเหยา เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่!”
“หากมีสิ่งใดให้รีบบอก จะได้พาเจ้าไปให้หมอดูอาการ”
เห็นเช่นนั้นเล่อเหยาเหยามีสีหน้าทำอะไรไม่ถูก ท่าทางเงียบงัน หนานกงจวิ้นซีปิดบังความกังวลไม่ได้ เอ่ยปากขึ้นมา
เมื่อได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซีและตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาจึงค่อยๆ ได้สติ พลันกระพริบตาที่ตกตะลึงของตนชั่วครู่ ก่อนจะฉีกยิ้มที่มุมปาก เอ่ยตะกุกตะกักขึ้นว่า
“มะ…ไม่เป็นไร”
“เฮ้อ ไม่เป็นไรก็ดี เจ้าไม่พูด ข้าตกใจแทบแย่”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีที่เดิมทีกังวลใจ เอ่ยอย่างโล่งอกออกมา
ส่วนตงฟางไป๋ ยังกังวลในใจเล็กน้อย ก่อนเอ่ยกับเล่อเหยาเหยาว่า
“น้องเหยา ให้ข้าตรวจจับดูชีพจรเถิด”
“เอ่อ ไม่จำเป็นหรอก ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณพี่ไป๋”
เมื่อรับรู้ว่าตงฟางไป๋เป็นห่วงเธอ เล่อเหยาเหยาจึงซาบซึ้งใจอย่างมาก แต่เธอตอนนี้ไม่เป็นไร และสิ่งที่อยากทำที่สุดคือ นำหน้าอกของตนออกมาจากมือใหญ่
เพราะมือใหญ่นี้เวลานี้ยังอยู่ที่หน้าอกของเธอ เธอจึงกังวลใจ
อีกทั้งเธอไม่ได้ลืมว่าตนยังอยู่ในอ้อมกอดของพญายม!
“แค่กๆ คือท่านอ๋อง บะ…บ่าวไม่เป็นอันใดแล้ว” ช่วยปล่อยเธอได้หรือไม่ เอ่อ มือของท่าน จะดึงกลับไปเมื่อใด!
เล่อเหยาเหยาร้องตะโกนในใจ และคิดดิ้นออกจากอ้อมกอดของพญายม
คิดไม่ถึง เธอเพิ่งขยับตัว มือใหญ่ที่ทาบอยู่บนหน้าอกของเธอ กลับเพิ่มน้ำหนักลงไปหนึ่งส่วน ทำให้เธอกลับไปอยู่ที่เดิมอีกครั้ง
จากนั้นเสียงทุ้มต่ำแหบพร่ามีเสน่ห์ของพญายมก็ดังขึ้น
“หน้าอกของเจ้า”
“เอ่อ”
เสียง ‘ตูม’ ดังขึ้นหลังคำพูดของพญายม เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงราวถูกฟ้าผ่าเข้าตอนกลางวัน หายนะของเธอมาแล้ว
สวรรค์ พญายมเขาพูดว่าหน้าอกของเธอ…
หรือเขาจะรู้สึกถึงบางอย่าง!
นี่ก็ไม่แปลก แม้เธอจะห่อหุ้มหน้าอกไว้ด้วยผ้ารัดหน้าอกอย่างหนาแน่น แต่พักนี้หน้าอกเธอพลันเจ็บขึ้น และยังขยายใหญ่ขึ้นด้วย
ไม่รู้พญายมจะรับรู้ถึงความอ่อนนุ่มใต้ผ้านั้นหรือไม่
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาทั้งกังวลและเขินอาย
เพราะจะพูดเช่นไร เธอเป็นสาวน้อยที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง นอกจากพญายมที่ทำเรื่องพรรค์นั้นกับเธอ กระทั่งมือของชายผู้อื่นเธอไม่เคยแตะต้อง!
ตอนนี้ พญายมน่าตายนี้ กลับจับที่หน้าอกของเธอ อ่าๆ อยากตายนัก
น่าตายนัก ท่านจับพอแล้วหรือไม่!
ขณะที่เล่อเหยาเหยาร้องตะโกนในใจ พญายมเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง แล้วใจของเล่อเหยาเหยาก็เต้นไปตามจังหวะการพูดของเขา ก่อนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงออกมา
และหัวใจเธอก็เต้นระรัว หูพลันแว่วเสียงฝีเท้าของยมทูตเข้ามา
หนึ่งก้าวสองก้าวเข้ามาใกล้เธอขึ้นเรื่อยๆ
หรือวันตายของเธอ ใกล้เข้ามาแล้ว!
เล่อเหยาเหยาคิดถึงตรงนี้ หลับตาลงแน่น ไม่มองภาพตรงหน้าเสียดีกว่า
ทว่า…
“คิดไม่ถึงว่ารูปร่างเล็กเช่นเจ้า จะมีหน้าอกที่แข็งแรงเช่นนี้!”
“เอ่อ”
หลังได้ยินคำพูดของพญายม ใบหน้าจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนค่อยๆ ลืมตาขึ้น
ที่แท้พญายม ไม่ได้รู้ว่าเธอคือผู้หญิง
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาถอนหายใจอย่างโล่งอก พร้อมกลับรู้สึกไม่พอใจ
เพราะจะพูดเช่นไร เธอคือผู้หญิง
ผู้หญิงคนหนึ่ง ถูกชายคนหนึ่งจับเข้าที่หน้าอก ทว่ายังไม่รู้ว่าเธอคือผู้หญิง หรือแสดงให้เห็นว่าเธอล้มเหลวอย่างยิ่ง!
ฮือๆ หน้าอกของเธอ! วันหน้าหลังออกจากวังอ๋องไป เธอต้องกินนมและมะละกอบำรุงหน้าอกให้มากขึ้น
เล่อเหยาเหยาน้ำตาตกใน ทว่าสิ่งเดียวที่น่ายินดีคือในที่สุดพญายมก็ยกมือใหญ่ที่จับบนหน้าอกของเธอออกไป จากนั้นก็ผลักเธอออกเบาๆ ก่อนกลับไปนั่งยังตำแหน่งของตนดังเดิม
แต่ครั้งนี้หลังจากพญายมกลับไปนั่งที่เดิมของตน กลับไม่มองที่หนังสืออีก ยื่นมือไปหยิบกาสีแดงบนโต๊ะขึ้นมา เทน้ำชาให้แก่ตนเอง ก่อนยกขึ้นดื่ม
ท่าทางการดื่มชาของพญายม สง่างามยิ่งนัก
เริ่มแรกเปิดฝาถ้วยออก ก่อนปัดใบชาในน้ำออกไป แล้วก้มลงดมกลิ่น
ควันสีขาวขุ่นที่ล่องลอยไปมานั้น ทำให้ใบหน้าเย็นชานั้นดูเลือนลาง ทว่าชวนหลงใหลอย่างยิ่ง
เมื่อแอบมองใบหน้าของพญายม เล่อเหยาเหยาคล้ายสติหลุดลอยอีกครั้ง ดวงตาแฝงด้วยความตกตะลึง
กระทั่งหนานกงจวิ้นซีที่อยู่ด้านข้างคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ ใช้ดวงตาดอกท้อน่ามอง มองไปยังเล่อเหยาเหยาพลางเอ่ยว่า
“เจ้าหมูน้อย เมื่อครู่เจ้ายังไม่ได้ตอบว่า หูของเจ้าเหตุใดจึงมีรอยเจาะหู! คนที่เจาะหูมีเพียงผู้หญิงเท่านั้น!หรือเจ้าหมูน้อยเป็น…”
พอคิดถึงตรงนี้ หนานกงจวิ้นซีคล้ายฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ ดวงตาเบิกกว้าง ดุจระฆังขนาดใหญ่ จากนั้นใช้สายตาเหลือเชื่อมองไปทั่วร่างกายของเล่อเหยาเหยาหนึ่งรอบ เล่อเหยาเหยารู้สึกอึดอัดเมื่อเห็น คล้ายถูกเขามองสำรวจราวกับตนไม่ได้สวมเสื้อผ้า
ทันใดนั้น ได้ยินน้ำเสียงไม่เชื่อสายตาของหนานกงจวิ้นซี ดังขึ้นอย่างตกใจว่า
“เจ้าเป็นผู้หญิงหรือ!”
คำพูดของหนานกงจวิ้นซี ราวกับลูกระเบิด ทำให้ภายในรถม้าแตกตื่นขึ้น
หลังคำพูดของเขา พญายมที่กำลังดื่มชาชะงักงัน ดวงตาเย็นชาเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนมองมายังเล่อเหยาเหยา และตงฟางไป๋ที่อยู่ด้านข้างก็มองมายังเล่อเหยาเหยาด้วยสีหน้าแปลกใจเช่นกัน
ก่อนเอ่ยอย่างตกใจขึ้นว่า
“น้องเหยา เจ้าเป็น…ผู้หญิงหรือ!”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินคำพูดของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาตกตะลึง ก่อนมองไปยังสองคนที่มองเธออย่างตกตะลึงอีกครั้ง ใจพลันเต้นระรัวขึ้นมา
สวรรค์!
ในที่สุดสถานะผู้หญิงของเธอ ก็มีคนรู้เข้าแล้ว!
หากเป็นเช่นนี้ พญายมเขา…
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยามองไปยังพญายมอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ก่อนสบเข้ากับสายตาเย็นชาแฝงความประหลาดใจของเขา
ดวงตาของพญายม นอกจากความแปลกใจ ก็มองไม่รู้ว่าเขาคิดสิ่งใดอยู่ในใจ แต่เล่อเหยาเหยาไม่คิดว่า เมื่อพญายมรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงแล้ว จะไม่โมโห!
เพราะเธอปิดบังว่าตนคือผู้หญิงอยู่ข้างกายเขามานาน ด้วยนิสัยของเขา อาจจะคิดว่าเธอมีแผนร้ายแอบแฝงหรือไม่!
และจากการที่เขาเกลียดชังผู้หญิง เขาจะลงมือสังหารเธอหรือไม่!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยากังวลใจ ดวงตางดงามเบิกกว้าง
ไม่!
ไม่ได้!
เธอจะให้ผู้ใดรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงไม่ได้!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยารีบหลบสายตา ไม่กล้าสบตากับพญายมอีก
เพราะเธอรู้ว่าสายตาของพญายม สามารถอ่านใจคนได้ หากสบตากับเขานาน ใจคล้ายจะถูกมองทะลุเข้าไป
ดังนั้น เธอจึงหวาดกลัว!
จึงเพียงก้มหน้าต่ำลง ในใจก่นด่าองค์ชายเจ็ดน่าตายผู้นี้ และคิดหาวิธีเอาตัวรอดไม่หยุดไปพร้อมกัน
เพราะจะให้พวกเขารู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงไม่ได้ ตอนนี้เธอควรทำเช่นไร!
ขณะเล่อเหยาเหยาว้าวุ่นใจ หนานกงจวิ้นซีที่อยู่ตรงข้าม เห็นท่าทางก้มหน้าไม่พูดจาของเธอ จึงมั่นใจว่าเธอคือผู้หญิงเป็นเรื่องจริง จนอดตกใจไม่ได้
“ที่แท้ เป็นความจริง”
‘เขา’เป็นผู้หญิงจริงๆ เป็นผู้หญิง เป็นผู้หญิง
หลังรับรู้เรื่องนี้ หนานกงจวิ้นซีตกใจ ทว่ากลับดีใจและตื่นเต้นมากกว่า
ใช่ ตื่นเต้น!
สวรรค์!
หาก ‘เขา’ เป็นผู้หญิงจริง เช่นนั้น เขาไม่ได้ชื่นชอบขันที แต่เป็นผู้หญิง!
พอคิดถึงตรงนี้ หนานกงจวิ้นซีจึงตื่นเต้น!
“ฮ่าๆ”