ตอนที่ 221 คนที่พวกเขาหันหลังให้มาโดยตลอดคือจิ่งเป่ยเฉิน

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

ตอนที่ 221 คนที่พวกเขาหันหลังให้มาโดยตลอดคือจิ่งเป่ยเฉิน

“ไม่ต้องทำให้ยุ่งยากขนาดนั้น” เสียงพูดของจิ่งเป่ยเฉินดังขึ้นมาจากด้านหลัง เขาลุกขึ้นและเดินมาหาเธอ

พวกเขาถึงได้สังเกตว่าคนที่พวกเขาหันหลังให้มาโดยตลอดนั้นคือจิ่งเป่ยเฉิน!

อันโหรวหันหน้าไปมองเขา หมายความว่ายังไงกัน? ชันสูตรศพเดี๋ยวก็รู้ว่าเขาตายเพราะอะไรแล้วแท้ ๆ ทำไมถึงไม่ทำกัน?

“พี่สะใภ้ พี่เฉินเขาหมายความว่าที่นี่คือโรงพยาบาล พวกเขาพูดว่าตายยังไงก็อย่างนั้น จะชันสูตรศพหรือไม่ก็ค่าเท่ากัน”หมินลี่อธิบายให้เธอฟัง คำว่า ‘พี่สะใภ้’ ที่เขาพูดช่างได้ใจจิ่งเป่ยเฉินเสียจริง ๆ

ไม่เลว ฉลาดมาก

“พวกคุณไม่มีแม้แต่ความคิดจะตรวจสอบความจริง?” นี่ไม่ใช่รูปแบบเอาแต่ใจด้วยซ้ำไปเลยนี่

“เสียเวลาเปล่า” ครั้งนี้เป็นจิ่งเป่ยเฉินที่ตอบเธอ

มันก็เสียเวลาจริง ๆ นั่นแหละ แต่ไม่ได้เสียเวลาพวกเขาเลย!

จู่ ๆ เธอก็นึกขึ้นได้ ฮั่วตงเป็นมนุษย์ตัวเล็ก ๆ ที่จิ่งเป่ยเฉินมาโรงพยาบาลก็เพราะเป็นห่วงแค่ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็เพราะมารับหมินลี่แค่นั้นเอง

“หลีกไป” จิ่งเป่ยเฉินยืนตรงหน้าพวกเขา พลางสั่งอย่างเย็นชา

คนที่ยืนขวางประตูอยู่นั้นรีบแยกตัวออกเป็นสองฝั่งทันที จิ่งเป่ยเฉินจูงมืออันโหรวออกไป หมินลี่พยักหน้าอย่างไม่เข้าใจและเดินตามพวกเขาออกไป

“พี่เฉิน แบบนี้หมายความว่ายังไง?” ถ้าขู่อีกสักนิด ไม่แน่อาจจะเอ่ยปากพูดออกมาก็ได้

อันโหรวที่ถูกลากออกมาก็หันไปมองเขาเช่นกัน “หากพวกเราอยู่ที่นี่ข่าวที่โจมตีมา หรือที่ตอนนี้กำลังโต้แย้งกันอยู่ในโลกออนไลน์จะต้องคิดว่าตระกูลจิ่งเป็นแค่ทางผ่านแน่ ๆ มันจะดูไม่จริงใจและไม่น่าเชื่อถือ”

เมื่อทั้งสามคนเข้าไปในลิฟต์ หมินลี่จึงโต้กลับอย่างไม่เข้าใจ “แล้วที่คุณบอกว่าให้ชันสูตรศพล่ะ?”

“ทั้งคู่ไม่ได้ขัดแย้งกัน ชันสูตรศพก็เพื่อให้ความจริงกลับสู่สาธารณะเท่านั้น” เธอเหลือบไปมองผู้ชายด้านข้าง ก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า “ฉันว่าแพทย์คนนั้นดูน่าสงสัยแปลก ๆ กลับไปตรวจสอบบัญชีธนาคารของเขา บันทึกการเข้าออก หรือว่าเขาไปพบเจอใครมาบ้างให้หมด อาจจะเป็นเบาะแส”

จิ่งเป่ยเฉินหันหน้าไปมองเธอพลางยิ้มออก พร้อมกับจับมือเธอ

“ไม่มีปัญหา ฉีเซิงเทียนถนัดเรื่องนี้มาก ผมจะกลับไปย้ำเขาอีกที” ดวงตาของหมินลี่เป็นประกายขึ้น เขาแทบอยากจะบินไปตรวจสอบเดี๋ยวนั้น

ฉีเซิงเทียนที่น่าสงสาร เขาเมาอยู่จะมีสติไหมนะ?

พวกเขายังคงซ่อนตัวอยู่ขณะที่ออกไป ข้อมูลที่เกี่ยวข้องในอินเทอร์เน็ตในตอนนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

อันโหรวนั่งอยู่ข้างคนขับ ผู้คนต่างแสดงความคิดเห็นกันอย่างสนุกสนาน

ดวงอาทิตย์ที่อยู่ไกลนับพัน:ข่าวลือว่าจิ่งเทียนกรุ๊ปมีอำนาจมืดอยู่ ชีวิตคนหนึ่งคนสำหรับพวกเขาคงไม่ได้สนใจอยู่แล้ว หลังจากนี้ต้องระวัง อย่าพูดไม่เข้าหูประธานจิ่งเด็ดขาด!

เป็นชู้เมียชาวบ้าน:พูดอย่างกับเคยเห็นจิ่งเป่ยเฉินงั้นแหละ อย่ามาหลอกฉันเลย

หุบปากแกซะ:ซื้อขายบริษัท ข่มเหงชีวิตคน ยังบอกว่าเป็นราชาแม่ทัพอีกเหรอ?

ราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ : พูดถึงจิ่งเป่ยเฉินราชาแม่ทัพในเมือง A ไอ้น้องนายเพิ่งมาใหม่ใช่ไหม?

คอมเมนต์บนโลกออนไลน์น่าสนใจจริง ๆ ตอนอยู่สูงจิ่งเป่ยเฉินถูกมองว่าสูงส่งมาจากฝากฟ้า จู่ ๆ เวลานี้กลับมาวิจารณ์ใส่ร้ายป้ายสีกันแบบนี้

เธอรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาทันที เธอเลื่อนนิ้วบนหน้าจอ พลางมองไปที่วิวทิวทัศน์ตรงหน้า ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน ก่อนที่เธอจะก้มลงไปพิมพ์ข้อความอย่างรวดเร็ว

หน่วนหยางหยาง :คนที่ไม่รู้ความจริง พวกเธอพูดเหมือนเคยเจออย่างนั้นแหละ! หากจิ่งเป่ยเฉินทำจริง ๆ เขาก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อ ใช้ชีวิตอยู่อย่างทรมานถึงจะเป็นจุดจบของเขา

แต่ว่าเธอไม่คิดว่าหมินลี่ที่อยู่ด้านหลังก็กำลังดูเว่ยป๋อ ทันทีที่คอมเมนต์ของเธอเด้งขึ้นก็มีคนมาตอบเธออย่างมากมาย

หมินลี่ที่ตั้งใจมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเธอจึงเอ่ยขึ้นว่า “พี่สะใภ้ พี่ชื่อหน่วนหยางหยางเหรอ? ไม่คิดว่าพี่จะมีจิตใจที่เป็นผู้หญิงอยู่นะเนี่ย!”

อายุมากขนาดนี้ แถมหน้าตาก็ขี้เหร่ เสียงก็แหบแห้ง ตั้งชื่อผู้หญิงแบบนี้ดูแบ้วไปหน่อยนะ

เธอแค่เอาชื่อลูกหน่วนหน่วนหยางหยางมารวมกันเท่านั้นเอง ไม่ได้มีความหมายอื่นสักหน่อย

แต่ผู้ชายที่กำลังขับรถนั้นกลับเหลือบมองมาที่เธอ เขาเอ่ยถามเธอเบา ๆ ว่า “แล้วฉันล่ะ?”

“พี่เฉิน พี่พูดอะไร? พี่ก็อยู่ตรงนี้ไม่ใช่เหรอ?” หมินลี่มองไปที่พวกเขาด้วยความงุนงง

เขาที่พูดถึงพี่เฉินทำไมถึงฟังไม่เข้าใจนะ!

เธอก้มหน้าลงไปเปลี่ยนชื่อ เพิ่มตัวอักษรเข้าไปอีกสองคำ “มีนายแล้ว!”

“ให้ฉันดูสิ” โชคดีที่รถติดไฟแดงพอดี เขาหยุดรถก่อนจะหันไปรอดูสิ่งที่เธอพิมพ์

อันโหรวยื่นโทรศัพท์ให้เขาดู บนโปรไฟล์ปรากฏแค่ชื่อหน่วน ส่วนด้านล่างพิมพ์ว่า จิ่งเส้อหน่วนหยางหยาง

ขับถูกขับเคลื่อนออกไปอีกครั้ง แม้เขาจะต้องมองทางด้านหน้า แต่กลับยิ้มไม่หุบ “แม้แต่ชื่อลูกในอนาคตก็ตั้งไว้ซะแล้ว”

หมินลี่ที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาพูดก็ไม่กวนใจพวกเขาอีก สนใจตัวเองที่อีกสักพักต้องวุ่นวายแน่

อันโหรวดูคำว่า ‘เส้อ’ ก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที หากใช้ชื่อจิ่งเส้อตั้งชื่อลูกในอนาคตจริง ๆ แม้จะฟังดูเพราะ แต่กลับรู้สึกแปลก ๆ

เธอแทบไม่มีพรสวรรค์เกี่ยวกับการตั้งชื่อลูกเลย

เงื่อนไขของหมินลี่ที่ชัดเจนคือจิ่งเป่ยเฉินส่งหมินลี่ไปบ้านฉีเซิงเทียน ทันทีที่เขาลงจากรถก็ขับออกไป เหลือไว้เพียงหมินลี่ที่ถือโทรศัพท์มือถือยืนอยู่บนถนน

“เฮ้ ถ้าฉันเรียกเขาแล้วไม่ได้ยินจะทำยังไง? พี่เฉินพี่จะไม่รอฉันหน่อยเหรอ?” หมินลี่มองดูรถที่ขับออกไปไกลพลางส่ายหน้า “พอมีแฟนก็เป็นซะแบบนี้ ผู้หญิงคนนั้นทนเขาได้ยังไง?”

ทันใดนั้นลมหนาวก็พัดผ่านมา เขาห่อไหล่และวิ่งเข้าไปที่บ้านฉีเซิงเทียน

หลังจากที่อันโหรวและจิ่งเป่ยเฉินขับรถมุ่งหน้ากลับบ้าน ในระหว่างทางเธอก็ดูรายชื่อในเว่ยป๋อที่ยังไม่สามารถหาชื่อแทนชื่อนั้นได้

จิ่งเส้อก็จิ่งเส้อ!

“ถ้าเกิดชื่อจิ่งเส้อจริง ๆ จะผ่านสำนักกิจการพลเรือนไหม? แบบนี้ดูแปลกเกินไปหน่อย” เธอจินตนาการในหัวว่าผู้ชายหรือผู้หญิง เรียกเขาว่าเส้อเส้อ[1] ไม่ได้ เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด!

“ได้สิ”

เมื่อเขาพูดออกมา เธอก็รู้สึกทันทีว่าเขาเร่งความเร็วมากขึ้น

“นายขับรถเร็วจะไปทำอะไร?”

“ไปสร้างเส้อเส้อไง”

“……”

เธอหันไปมองทิวทัศน์ด้านนอก หรี่ตามองและหันกลับมามองเขา “หรือว่าไม่ต้องเรียกว่าเส้อเส้อแล้ว”

เธอไม่อยากให้ลูกเกลียดเธอในอนาคต!

จิ่งเป่ยเฉินยิ้มมุมปาก “ฉันว่าเพราะดีออก เขาต้องชอบแน่ ๆ”

“ถ้าเป็นฉัน คงไม่ชอบแน่นอน” เธอยังคงมีมุมมองที่สวยงาม แม้ดูรวม ๆ แล้วจะไม่มีอะไร แต่เมื่อพูดย่อแล้วมันคลุมเครือเกินไป

ทันทีที่ถึงบ้าน หยางหยางและหน่วนหน่วนก็เดินเข้ามาหา หน่วนหน่วนลากเธอไปสวนดอกไม้หลังบ้าน เป้าหมายสร้างเส้อเส้อของจิ่งเป่ยเฉินจึงพังทลายลงอีกครั้ง

บิ๊กบอสแค้นมาก เพื่อให้เกิดเส้อเส้อจะต้องฉวยโอกาสนี้ไว้

หลังจากที่อยู่กับหน่วนหน่วนสักพัก เธอก็กลับขึ้นไปบนห้อง แต่จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้อยู่บนห้อง เธอจึงเช็ดเครื่องสำอางออกก่อนเดินออกไป

เธอเดินลงไปชั้นล่างเพื่อหยิบจานผลไม้ ก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนห้องของเขา เธอเคาะประตูอยู่สักพักก็พูดชื่อเต็มของเขาออกมา

แต่เธอยังไม่ทันตะโกนเรียก ‘เป่ย เฉิน’ สองคำหลังออกมา

[1] เส้อเส้อ ตีความหมายอีกอย่างก็คือ คลั่งเซ็กซ์