ตอนที่ 141 จะตาย หรือจะกลับมาอยู่ข้างผม

เดิมพันเสน่หา

บอดี้การ์ดชุดดำนับสิบคนที่อยู่ชั้นล่างรีบวิ่งไปขวางเหลิ่งรั่วปิง

เหลิ่งรั่วปิงกระตุกยิ้ม เธอหยิบปืนออกมา เล็งไปที่บอดี้การ์ดแล้วยิงติดต่อกันหลายนัด เหล่าบอดี้การ์ดกล้าแค่ขวางทางเธอ ไม่มีใครกล้าทำร้ายเธอ เธอจึงสามารถยิงพวกเขาได้ตามอำเภอใจ ดังนั้นพวกเขาจึงหยุดเธอไม่ได้ ใช้เวลาไม่นาน เหล่าบอดี้การ์ดถูกยิงจนล้มลง แน่นอน เหลิ่งรั่วปิงยังพอจะใจดีกับพวกเขา เธอยิงอย่างมีขอบเขต ยิงไปที่แขนหรือขาของเหล่าบอดี้การ์ดเท่านั้น ทั้งยังตั้งใจไม่ยิงโดนจุดสำคัญ

เธอวิ่งออกมาจากวงล้อมของบอดี้การ์ด เข้าไปนั่งในรถสปอร์ตสีขาวที่เตรียมเอาไว้ เหยียบคันเร่ง แล้วขับออกไป

มองดูรถของเหลิ่งรั่วปิงขับออกไปอย่างรวดเร็ว หนานกงเยี่ยกัดฟันกรอด “เหลิ่งรั่วปิง ถ้าผมไม่อนุญาตให้คุณไปจากผม คุณไม่มีทางหนีไปได้เด็ดขาด!”

หนานกงเยี่ยหันหลัง รีบวิ่งไปที่ลิฟต์ พร้อมกับสั่งก่วนอวี้ “บอกให้คนของมู่เฉิงซี ปิดทางเข้าออกทั้งหมดของเมืองหลง ต้องหยุดเหลิ่งรั่วปิงให้ได้”

หนานกงเยี่ยออกมาจากโรงแรมวั่นเหา เขาขับรถตามเหลิ่งรั่วปิงไปด้วยตนเอง

บนท้องถนนยามเช้า มีรถไม่มาก ดังนั้นเหลิ่งรั่วปิงจึงขับรถด้วยความเร็วสูง เธอขับรถขึ้นมุ่งหน้าไปยังทางด่วนหลงเฟิ่ง หนานกงเยี่ยรู้ดีว่าตนเองจะต้องรักษาเธอเอาไว้ให้ได้ เขาจึงเหยียบคันเร่งจนมิด ดวงตาเหยี่ยวของเขาจ้องไปที่รถยนต์ของเหลิ่งรั่วปิง

บนถนนที่กว้างขวาง รถสปอร์ตหรูสองคัน คันหนึ่งขาวคันหนึ่งดำ กำลังขับตามกันด้วยความเร็วสูงเหมือนกำลังเล่นเกมส์

ผมยาวสลวยของเหลิ่งรั่วปิงปลิวไปตามแรงลม โบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง เธอเป็นผู้หญิงที่ดื้อรั้นและทะนงตน เหลิ่งรั่วปิงมองดูหนานกงเยี่ยจากกระจกมองหลัง เขากำลังขับรถไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ เพียงแค่กระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เวลานี้ ไม่ว่าเขาจะทำเรื่องบ้าแค่ไหนเพื่อรักษาเธอเอาไว้ ก็ไม่สามารถทำให้เธอใจอ่อนได้แล้ว ทำร้ายแค่ครั้งเดียว เธอจดจำไปตลอดชีวิต เมื่อวานเธอเหมือนตัวตลก ที่เอาใจยื่นไปตรงหน้าเขา แต่เขากลับใช้มีดแทงหัวใจของเธออย่างไร้เยื่อใย เธอไม่สามารถทนต่อการทำร้ายแบบนั้นได้แล้ว

การไล่ล่าแบบนี้ ยืดเยื้อไปนานกว่าหนึ่งชั่วโมง เหลิ่งรั่วปิงมาถึงด่านทางขึ้นทางด่วน

เวลานี้ทางขึ้นของทางด่วนหลงเฟิ่ง เต็มไปด้วยผู้คน มีทั้งบอดี้การ์ดของตระกูลหนานกง อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบ มู่เฉิงซียืนอยู่ด้านหน้าสุด เขามองไปที่รถของเหลิ่งรั่วปิง

“เหลิ่งรั่วปิง ลงจากรถ!” คำพูดของมู่เฉิงซีเย็นยะเยือกทำให้คนยากที่จะขัดคำสั่ง

เหลิ่งรั่วปิงยิ้มเหยียด “ฉันทำผิดกฎหมายข้อไหนคะ ถึงต้องให้ตำรวจระดับสูงของเมืองหลงมาตามจับด้วยตนเอง”

มู่เฉิงซีถอนหายใจ “เหลิ่งรั่วปิง คุณอยู่ที่นี่ต่อเถอะ ถ้าคุณไปหนานกงต้องตายแน่”

“ฮ่าๆๆ…” เหลิ่งรั่วปิงเหมือนกำลังฟังเรื่องตลก “เมื่อวานพวกคุณจัดงานเลี้ยงอำลาสุดพิเศษให้กับฉัน เพื่อบีบให้ฉันไปจากที่นี่ไม่ใช่หรอคะ วันนี้กลับเล่นใหญ่ขนาดนี้เพื่อให้ฉันอยู่ต่อ มันน่าตลกมาก!”

มู่เฉิงซีชำเลืองมองรถของหนานกงเยี่ยที่ขับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาถอนหายใจ “ผมไม่อยากพูดอะไรกับคุณแล้ว รอให้หนานกงมา พวกคุณคุยกันเองเถอะ”

เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะในลำคอ “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องดูว่าคุณมีปัญญาหยุดฉันได้ไหม!”

พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงเหยียบคันเล่นจนสุด เธอกำลังจะขับรถฝ่าด่าน!

มู่เฉิงซีคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะบ้าระห่ำได้ขนาดนี้ เขารีบกระโดดหมุนตัวหลบไปอีกทาง อีกนิดเขาก็จะเป็นผีในรถของเหลิ่งรั่วปิงแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจและบอดี้การ์ดที่ยืนขวางด้านหน้าก็คิดไม่ถึงว่าเธอจะบ้าขนาดนี้ ถึงแม้พวกเขาอยากจะหยุดรถของเธอ แต่ไม่มีใครยอมที่จะเสี่ยงตาย ดังนั้นตอนที่รถของเหลิ่งรั่วปิงพุ่งมาด้วยความเร็วสูง พวกเขารีบถอยหนีทันที เหลิ่งรั่วปิงพุ่งชนจนไม้กั้นรถยนต์และเสากั้นหัก เธอขับรถด้วยความเร็วสูงขึ้นไปบนทางด่วน

ความเป็นจริงการที่คนจำนวนมากขนาดนี้จะหยุดคนๆ หนึ่งไม่ใช่เรื่องยากแน่นอน แต่ปัญหาก็คือผู้หญิงคนนี้เป็นคนพิเศษ พวกเขาไม่กล้าทำร้ายแม้แต่ปลายเล็บ ตอนที่เธอเอาชีวิตมาเดิมพัน พวกเขาจึงทำได้เพียงหลบ

มู่เฉิงซีที่รอดจากการถูกรถชน โมโหเป็นอย่างมาก เขาหยิบปืนที่เอวออกมาแล้วเล็งไปที่ยางรถยนต์ของเหลิ่งรั่วปิง เขาเป็นตำรวจเมืองหลง มาจับเหลิ่งรั่วปิงด้วยตนเอง แต่กลับปล่อยให้เธอหนีไปได้ ถือเป็นเรื่องน่าอายอย่างมาก! แน่นอน อีกทั้งเขายังไม่รู้จะสู้หน้าหนานกงเยี่ยและไม่รู้จะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้หนานกงเยี่ยฟังยังไง

ฝีมือการยิงปืนของมู่เฉิงซีแม่นมาก ถึงแม้จะไกลออกไปหลายเมตร การยิงล้อรถของเหลิ่งรั่วปิงก็ไม่ใช่ปัญหา แต่เหลิ่งรั่วปิงไม่ใช่คนธรรมดา เธอคิดเอาไว้แต่แรกแล้ว่วามู่เฉิงซีต้องคว้าปืนออกมายิง ดังนั้นเธอจึงนำทักษะการขับรถของตนเองออกมาใช้ เหลิ่งรั่วปิงขับรถซิกแซกเป็นตัวS ขับเหมือนรถลอยได้ หลบกระสุนของมู่เฉิงซี

มองดูรถของเหลิ่งรั่วปิงที่ขับไกลออกไปเรื่อยๆ มู่เฉิงซีลดปืนลงด้วยความโมโห ผู้หญิงคนนี้ไม่มีหัวใจจริงๆ พอเธอบอกว่าจะไปก็ไปอย่างเด็ดขาด ถึงแม้จะปิดล้อมทุกอย่างก็ไม่สามารถรั้งเธอเอาไว้ได้

เวลานี้ รถของหนานกงเยี่ยขับมาถึงทางด่วนแล้ว แต่เขาไม่ได้หยุดรถ หนานกงเยี่ยขับไล่ตามเหลิ่งรั่วปิงไป เขาขับรถไปพลางกดโทรศัพท์โทรหาก่วนอวี้ “ส่งเฮลิคอปเตอร์มา ไปหยุดเหลิ่งรั่วปิงด้านหน้า”

จอดเฮลิคอปเตอร์ขวางทางเธอเอาไว้ ดูสิว่าเธอจะขับชนเฮลิคอปเตอร์ไหม

เพราะก่อนหน้าได้ปิดทางเข้าออกทางด่วนหลงเฟิ่งหนึ่งคืน เพื่อที่จะสกัดกั้นเหลิ่งรั่วปิงไม่ให้ออกไป ทำให้เวลานี้นอกจากรถของหนานกงเยี่ยกับของเหลิ่งรั่วปิงแล้ว ไม่มีรถยนต์คันอื่นอีกเลย ดังนั้น เหลิ่งรั่วปิงจึงเหยียบคันเร่งอย่างสุดแรงโดยไม่ต้องกังวล หนานกงเยี่ยเองก็ไม่ยอมแพ้ รถทั้งสองคันเหมือนกระสุน ขับอยู่บนทางด่วนมุ่งหน้าไปเมืองเฟิ่งด้วยความเร็วสูง

เหลิ่งรั่วปิงเสียเวลากับมู่เฉิงซีไปพักหนึ่ง ทำให้หนานกงเยี่ยขับเข้าใกล้เธอมากขึ้น รถของหนานกงเยี่ยเป็นรถสปอร์ต ส่วนรถของเหลิ่งรั่วปิงเพิ่งหามาอย่างกะทันหัน ถึงแม้จะเป็นรถหรูเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับรถของหนานกงเยี่ยแล้ว ระดับความเร็วถือว่าอยู่คนละระดับ ดังนั้นไม่ว่าทักษะการขับรถของเธอจะดีแค่ไหน ก็เกือบจะถูกหนานกงเยี่ยไล่ตามทัน

สิบห้านาทีให้หลัง หนานกงเยี่ยขับตามทันเหลิ่งรั่วปิง เขาขับขนาบข้างเธอ มองดูเธอแล้วออกคำสั่งเสียงเย็นยะเยือก “เหลิ่งรั่วปิง หยุดรถ!”

เหลิ่งรั่วปิงไม่ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย เธอกระตุกยิ้มมุมปาก ชำเลืองตามองมาที่เขา จากนั้นขับด้วยความรวดเร็ว

หนานกงเยี่ยเหยียบคันเร่ง ขับแซงหน้าเหลิ่งรั่วปิง หมุนพวงมาลัยไปทางขวา อยากจะบีบให้เธอหยุดรถ แต่เหลิ่งรั่วปิงกลับทำเหมือนคนไม่กลัวตาย เธอไม่ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย ขับพุ่งมาที่รถของหนานกงเยี่ย หนานกงเยี่ยจนปัญญา ทำได้เพียงรีบหักหลบ

ไม่ว่ายังไงเขาก็คิดไม่ถึง เพื่อที่จะไปจากเขา เธอจะบ้าคลั่งได้ขนาดนี้ เขาทำร้ายจิตใจเธอมากแค่ไหน! ทั้งที่เขาพยายามรักษาเธอเอาไว้ขนาดนี้ แต่เธอก็ยังไม่คิดจะเปลี่ยนใจ!

ความรู้สึกผิด ถาโถมเข้ามาจนเต็มหัวใจของเขา

ความรู้สึกผิดก็ส่วนความรู้สึกผิด การกระทำที่ไร้เยื่อใยของเหลิ่งรั่วปิง ทำให้หนานกงเยี่ยโมโห เขาพยายามบีบให้เธอจอดรถหลายครั้งแต่เธอไม่ยอมหยุด หนานกงเยี่ยหมดความอดทนทันที เขาขับขนาบข้างเธออีกครั้ง หยิบปืนออกมาแล้วเล็งไปที่เธอ แต่เขากลับไม่รู้ตัวว่ามือของตนกำลังสั่นเทา “จะตาย หรือจะกลับมาอยู่ข้างผม คุณเลือกเอาเอง!”

เหลิ่งรั่วปิงคิดไม่ถึงว่าอยู่ดีๆ หนานกงเยี่ยจะใช้ปืนมาบีบบังคับเธอ ทว่าความประหลาดใจนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ตามมาความเย็นยะเยือกที่มากยิ่งขึ้น จะตาย หรือจะกลับไปอยู่ข้างเขา หนานกงเยี่ยเผด็จการมากขนาดไหนกัน ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอมันจริงแท้แค่ไหน เขากำลังพยายามครอบครองเธอด้วยความเอาแต่ใจและเผด็จการของเขา ยอมให้เธอตายแต่ไม่ยอมปล่อยเธอไป !

เหลิ่งรั่วปิงยกมือเรียวบางขึ้นมา เธอถอดแว่นกันแดด เผยให้เห็นดวงตาคู่สวย เธอยิ้มด้วยความสง่างามทว่ากลับเย็นชา “ถ้าอย่างนั้นเราก็ตายด้วยกัน!”

พูดจบ เธอหักพวงมาลัยพุ่งไปทางรถของเขา เท้าของเธอเหยียบคันเร่งจนสุด

หนานกงเยี่ยตกใจจนตัวสั่น โยนปืนทิ้งแล้วรีบหักพวงมาลัยไปอีกด้าน เพื่อหลบเธอ เขาไม่กลัวตาย แต่เขากลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ การที่เหลิ่งรั่วปิงขับชนเขา เธอเสียเปรียบกว่ามาก

ถึงแม้เขาจะหลบได้ทันเวลา แต่เหลิ่งรั่วปิงก็ชนโดนเขา

ปั้ง!

เสียงวัตถุชนกันอย่างแรง

รถทั้งสองคันจอดอยู่ข้างถนน การชนกันอย่างรุนแรงทำให้รถทั้งสองคันพังยับ โชคดีที่หนานกงเยี่ยหลบทัน อีกทั้งรถยนต์ของเขาก็ยังเป็นรถหรู ทำให้ทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่การชนกันอย่างแรงก็ยังคงทำให้ทั้งสองคนเวียนหัว

เวลานี้ รถของพวกบอดี้การ์ดตามมาสมทบแล้ว

หนานกงเยี่ยสะบัดหัวอย่างแรง รีบกระโดดลงจากรถเพื่อไปดูเหลิ่งรั่วปิง “เหลิ่งรั่วปิง คุณเป็นยังไงบ้าง”

ที่เมื่อกี้เขาเอาปืนเล็งไปที่เธอเป็นเพราะความใจร้อน เขาไม่ได้ใช้ความคิดแม้แต่น้อย เขาคิดไม่ถึงว่ามันจะแลกมาด้วยความโมโหของเหลิ่งรั่วปิง เวลานี้หนานกงเยี่ยรู้สึกเสียใจมาก

เหลิ่งรั่วปิงไม่ใช่ผู้หญิงบอบบาง เธอสะบัดหัวอย่างแรงเพื่อให้ตนเองมีสติ ก่อนที่หนานกงเยี่ยจะเข้ามาใกล้ เธอขว้างมีดบินออกไปอย่างไม่ลังเล เขาใช้ความตายมาบีบบังคับเธอ เพื่อที่จะกักขังเธอเหมือนสัตว์เลี้ยง ถ้าอย่างนั้นเธอก็จะขัดขืนเขาอย่างสุดความสามารถ

หนานกงเยี่ยมัวแต่เป็นห่วงว่าเหลิ่งรั่วปิงจะได้รับบาดเจ็บไหม ทำให้เขาไม่ทันได้ระวังตัว มีดบินพุ่งมาด้วยความเร็ว เขาหลบไม่ทัน

ฉึก!

เสียงอาวุธเสียดแทงเข้าไปในร่างกาย มีดบินปักเข้าไปที่หน้าอกของเขา โชคดีที่ไม่โดนหัวใจ

หนานกงเยี่ยชะงัก เขาหยุดเดิน มองดูผู้หญิงตรงหน้าด้วยความเหม่อลอย เธอมองมาที่เขาด้วยความแค้น สายตาของเธอทำให้หัวใจเขาแทบสลาย เมื่อวาน เขาเกือบจะได้หัวใจของเธอแล้ว แต่วันนี้เธอกลับทำกับเขาอย่างไร้เยื่อใย เขาเป็นคนทำทุกอย่างพัง! ต้องทำยังไงเวลาถึงจะหมุนย้อนกลับไปเมื่อวานได้

“เหลิ่งรั่วปิง ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะอยู่กับผม” แววตาของหนานกงเยี่ยมีหลากหลายอารมณ์ ไม่สามารถใช้คำว่าเจ็บปวดมาบรรยาย คำถามของเขาที่ปนไปด้วยความโกรธ มีความอ้อนว้อนปนอยู่ด้วย

“ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้ ฉันก็ไม่มีวันอยู่กับคุณ คุณหนานกงเยี่ย คุณยอมแพ้สักทีเถอะ!”

เลือดไหลออกมาจากหน้าอกของหนานกงเยี่ย เลือดสีแดงเปื้อนเสื้อเชิ้ตขาวของเขา แต่หนานกงเยี่ยกลับไม่รู้สึก เขาเอาแต่จ้องมองไปที่เหลิ่งรั่วปิง ภาพวันเวลาในอดีตมากมายนับไม่ถ้วน เต็มไปด้วยความรัก เวลานี้กลับเหลือแค่การตัดขาด

จะอธิบายความรู้สึกเจ็บปวดตอนนี้อย่างไรดี

“คุณชายเยี่ย คุณได้รับบาดเจ็บ ไปโรงพยาบาลกันก่อนเถอะครับ”

บอดี้การ์ดวิ่งมาพยุงหนานกงเยี่ยเอาไว้ แต่กลับถูกเขาสะบัดทิ้งอย่างแรง เขารู้ดีว่าแผลของเขาไม่ถึงชีวิต แต่มันกลับทำให้เขาปวดหัวใจ

“คุณเหลิ่ง คุณอยู่ต่อเถอะครับ!” บอดี้การ์ดทนมองดูไม่ได้อีกแล้ว คุณชายหนานกงที่สูงศักดิ์อยู่เหนือทุกสิ่งในเมืองหลง เวลานี้กลับทุกข์ทรมานจนหมดสภาพ เพราะผู้หญิงตรงหน้า พวกเขารู้สึกปวดใจจริงๆ

“คุณหนานกงเยี่ย ฉันให้คุณเลือกสองทาง ฆ่าฉันหรือจะปล่อยฉันไป” ภายใต้รูปลักษณ์ที่เย็นชาของเหลิ่งรั่วปิง ในที่สุดก็มีความเจ็บปวดฉายออกมา แต่ถึงอย่างนั้นความเย็นชาของเธอก็ยังคงมีมากกว่า