ตอนที่ 142 การไล่ล่าภรรยาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เดิมพันเสน่หา

ร่างกายของหนานกงเยี่ยสั่นเทาเล็กน้อย เขาหัวเราะในลำคอ สิ่งที่เธอให้เขาเลือก เป็นสิ่งเดียวกับที่เขาให้อวี้หลานซีเลือก เขาไม่ได้รักอวี้หลานซี ดังนั้นจึงทำแบบนั้นกับเธอได้ เวลานี้เหลิ่งรั่วปิงให้เขาเลือกตัดสินใจแบบนี้ มันก็หมายความได้แค่อย่างเดียว เธอไม่ได้รักเขาแล้ว เมื่อวานเธอกุมหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวังมามอบให้เขา แต่การกระทำของเขา ไม่เพียงแต่ทำให้เธอเอาหัวใจกลับไป แต่ยังทำให้เธอลบทุกอย่างในอดีตทิ้ง

“ฉันให้เวลาคุณสิบวินาที ใช้ปืนกระบอกที่คุณเล็งมาที่ฉันเมื่อกี้ ฆ่าฉันทิ้ง ไม่อย่างนั้นฉันก็จะไปจากคุณ” เขาอยากให้เธอตายมากขนาดนี้ ได้ เธอจะให้โอกาสเขาหนึ่งครั้ง

หนานกงเยี่ยเม้มกัดริมฝีปาก จ้องมองไปที่เหลิ่งรั่วปิง เขาอยากจะบอกเธอว่าเมื่อกี้เขาไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้น แต่เขารู้ดี เธอเข้าใจในตัวเขาผิดหลายๆ อย่าง ความรักเป็นสิ่งที่บอบบางราวกับปีกของจั๊กจั่น แค่ลมพัดก็ปลิวหาย ดังนั้นต่อให้เขาอธิบายมากแค่ไหน เวลานี้เธอก็ไม่รับฟังแล้ว

เวลาสิบวินาทีมันสั้นมาก สั้นจนเขาไม่ทันได้มองหน้าเธอให้ชัดเจน เธอก็หันหลังกลับไปแล้ว เหลิ่งรั่วปิงขับรถของบอดี้การ์ดออกไป เธอขับมุ่งหน้าไปเมืองเฟิ่ง

ตอนที่เขาดึงสติกลับมา เธอได้จากเขาไปไกลแสนไกล

เวลานี้ บอดี้การ์ดไปรับแพทย์มาอย่างรวดเร็ว เขาพยุงหนานกงเยี่ยให้นั่งลง แล้วรีบห้ามเลือดพร้อมกับทำแผลให้หนานกงเยี่ย ราวกับหนานกงเยี่ยไม่มีความรู้สึกเจ็บ เขานั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น ขมวดคิ้วเป็นปมและใช้ความคิด

ผ่านไปนานครู่หนึ่ง หนานกงเยี่ยพูดขึ้น “เฮลิคอปเตอร์มาถึงไหนแล้ว”

บอดี้การ์ด “ผู้ช่วยก่วนขับมาด้วยตนเองครับ ตอนนี้ใกล้จะถึงแล้ว”

“อืม บอกให้เขาลงจอดที่นี่”

“ครับ” บอดี้การ์ดรีบโทรแจ้งก่วนอวี้ทันที

หลังจากนั้นไม่นาน เฮลิคอปเตอร์จอดลงตรงทางด่วน ก่วนอวี้กระโดดลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ เขาตกใจจนหน้าถอดสี “คุณชายเยี่ย ได้รับบาดเจ็บ?”

“ฉันไม่เป็นไร รีบตามเหลิ่งรั่วปิงไป” หนานกงเยี่ยผลักหมอที่กำลังทำแผลให้ตน แล้วเดินขึ้นไปนั่งบนเฮลิคอปเตอร์

ก่วนอวี้เป็นห่วงเขามาก พูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “คุณชายเยี่ยครับ คุณไปโรงพยาบาลเถอะครับ ผมจะช่วยคุณพาคุณเหลิ่งรั่วปิงกลับมาให้ได้”

“ไม่ต้องพูดมาก สั่งนักบินให้นำเครื่องขึ้นได้เลย” หนานกงเยี่ยเอนตัวพิงบนโซฟาด้วยความอ่อนเพลีย เขาตามเธอด้วยตนเองเธอยังไม่กลับมา แล้วลำพังแค่ก่วนอวี้จะตามเธอกลับมาได้ยังไง

“ครับ ถ้าอย่างนั้นคุณชายพักสักงีบเถอะครับ ถ้าตามคุณเหลิ่งได้แล้วผมจะปลุก” ก่วนอวี้มองดูหนานกงเยี่ยด้วยความปวดใจ ตั้งแต่เล็กจนโตเขาเติบโตมาพร้อมกับหนานกงเยี่ย ความรู้สึกที่เขามีต่อหนานกงเยี่ยเป็นความจริงใจ เมื่อคืนหนานกงเยี่ยไม่ได้นอนทั้งคืน ตอนนี้ยังได้รับบาดเจ็บอีก ไม่ว่ามองยังไงก็ทำให้คนรู้สึกปวดใจ แต่ทำไมคุณเหลิ่งถึงไม่มีเยื่อใยขนาดนี้ แน่นอน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้คุณเหลิ่งขายหน้ามาก

หนานกงเยี่ยไม่ได้พูดอะไร แต่เขาลืมตาตลอดทาง เขากลัวว่าถ้าเขานอนหลับไป จะพลาดโอกาสในการตามเธอกลับมา

เหลิ่งรั่วปิง ไม่ว่ายังไง ผมก็จะตามคุณกลับมาให้ได้!

หลังจากเฮลิคอปเตอร์ของหนานกงเยี่ยบินขึ้น เหล่าบอดี้การ์ดก็ขึ้นไปบนรถ ขับตามรถของเหลิ่งรั่วปิงไป

เหลิ่งรั่วปิงขับตรงไปด้านหน้า เธอคิดว่าหนานกงเยี่ยยอมแพ้ ไม่ตามเธอแล้ว แต่เธอคิดไม่ถึงว่าเวลาไม่ถึงสิบนาที เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งจะบินตามเธอมา อีกทั้งตรงหน้าเธอ มีรถตำรวจจำนวนมากจอดขวางเอาไว้ สัญลักษณ์บนตัวตำรวจทำให้รู้ว่าเป็นตำรวจเมืองหลง ที่แท้มู่เฉิงซียังมีแผนสอง ตั้งด่านสกัดเธอเอาไว้ตรงกลางทางด่วน รถตำรวจจอดเอาไว้หน้าหลังสามแถว แนวนอนหนึ่งแถว ทำให้ปิดทางจนมิด ไม่ว่าเหลิ่งรั่วปิงทำยังไงก็ไม่สามารถฝ่าไปได้

เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะในลำคอ คุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงบ้าไปแล้วหรือไง รวมหัวกันทำให้เธอขายหน้า บีบให้เธอไปจากหนานกงเยี่ย โดยเฉพาะมู่เฉิงซี เขาไม่เคยชอบหน้าเธออยู่แล้ว อยากจะให้เธอหายไปจากเมืองหลง แต่มาวันนี้ กลับลงทุนลงแรงเพื่อที่จะหยุดเธอ

เหลิ่งรั่วปิงต้องการไปเมืองเฟิ่ง ที่เมืองเฟิ่ง อาเธอร์ได้วางแผนตบตาทุกคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ตั๋วเครื่องบินที่บินจากเมืองเฟิ่งไปซีหลิงเป็นแค่การตบตาซือคงอวี้เท่านั้น ความเป็นจริงเธอจะขึ้นเครื่องบินส่วนตัวบินไปที่ประเทศเอ้าตู ตอนนั้นพวกเขาก็ได้คิดเอาไว้แล้วว่าหนานกงเยี่ยอาจจะไม่ยอมลามือ เธออาจจะไม่สามารถไปเมืองเฟิ่งได้ ดังนั้นอาเธอร์จึงเตรียมแผนสำรองเอาไว้

ในเมื่อวันนี้เธอไม่สามารถไปเมืองเฟิ่งได้ ด้วยเหตุนี้ เหลิ่งรั่วปิงจึงตัดสินใจหักพวงมาลัยไปทางขวา ขับรถลงจากทางด่วนตรงประตูทางออกที่ใกล้ที่สุด ประตูทางออกนี้เป็นเส้นทางขับไปจุดชมวิวของซีไห่ จุดชมวิวซีไห่เป็นหน้าผา ตรงหน้าผามีทะเล ซึ่งเส้นทางนี้เป็นทางตัน

เมื่อเห็นเหลิ่งรั่วปิงเปลี่ยนทิศทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านสกัดเอาไว้จึงรีบรายงานมู่เฉิงซี หลังจากได้รับคำสั่งพวกเขาก็รีบขับตามเหลิ่งรั่วปิงไป เวลานี้ บอดี้การ์ดตระกูลหนานกงก็ขับตามไปด้วยเช่นกัน พวกเขาขับตามรถตำรวจมุ่งหน้าไปยังจุดชมวิว

หนานกงเยี่ยเอาแต่จ้องมองไปที่รถของเหลิ่งรั่วปิง เมื่อเห็นเธอขับไปทางตัน ในที่สุดเขาก็โล่งใจ ครั้งนี้เธอไม่มีทางหนีแล้ว

“ตามไป ลงจอดก่อนที่เธอจะไปถึงจุดชมวิว” หนานกงเยี่ยออกคำสั่ง

เหตุเพราะทางด่วนถูกปิดตลอดทั้งคืน ทำให้เวลานี้ตรงจุดชมวิวจึงไม่มีรถและไม่มีนักท่องเที่ยว จุดชมวิวเป็นทางยาวกว่าห้ากิโลเมตร เหลิ่งรั่วปิงเดาว่าหนานกงเยี่ยอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ และเดาว่าเขาต้องลงจอดก่อนที่เธอจะขับไปถึงจุดชมวิวเพื่อขวางเธอเอาไว้ ดังนั้นเหลิ่งรั่วปิงจึงรีบขับไปยังหน้าผา เพื่อที่เธอจะได้ไปถึงก่อนที่หนานกงเยี่ยจะถึง

ด้านหลังรถของเหลิ่งรั่วปิง มีรถตำรวจและรถของตระกูลหนานกง รถทั้งหมดมีประมาณสิบกว่าคัน พวกเขาขับตามเหลิ่งรั่วปิงมา เป็นภาพที่ดูครึกครื้นมาก การไล่ล่าภรรยาที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองหลงหรือแม้แต่ทั่วทั้งประเทศต้าย่าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน หนานกงเยี่ยเป็นคนแรกที่ทำ

เฮลิคอปเตอร์ของหนานกงเยี่ยมาถึงจุดชมวิวก่อนเหลิ่งรั่วปิงจะมาถึง แต่ต้องใช้เวลาเล็กน้อยในการลงจอด ในเวลานี้เอง เหลิ่งรั่วปิงก็มาถึงจุดชมวิว หนานกงเยี่ยมองดูด้านล่าง ร้องเรียกเสียงดัง “เหลิ่งรั่วปิง คุณลงจากรถ ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ!”

ทุกคนพากันโล่งอก เพราะด้านหน้าไม่มีทางให้ไปต่อ เหลิ่งรั่วปิงไม่สามารถหนีไปไหนได้ ขณะที่เฮลิคอปเตอร์ของหนานกงเยี่ยกำลังจะถึงพื้น สิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคนเกิดขึ้น เหลิ่งรั่วปิงกระตุกยิ้มมุมปาก เธอขับรถไปที่หน้าผา จากนั้นพุ่งลงทะเล

“เหลิ่งรั่วปิง!” เสียงตะโกนด้วยความเจ็บปวดของหนานกงเยี่ยดังก้อง ทุกคนรับรู้ถึงหัวใจที่แตกสลาย

หนานกงเยี่ยไม่รอให้เฮลิคอปเตอร์จอดสนิท เขาก็โดดลงไปบนพื้น วิ่งไปยังหน้าผา ก่วนอวี้รีบวิ่งตามไป เหล่าบอดี้การ์ดเองก็รีบลงจากรถแล้ววิ่งไปที่หน้าผา

รถของเหลิ่งรั่วปิงวาดเป็นกราฟพาราโบลากลางอากาศ สุดท้ายก็จมลงไปในทะเล

พึ่ม!

หน้าผานี้มีความสูงมากกว่าร้อยเมตร รถยนต์ตกลงไปในทะเลเสียงดังสั่นสะเทือน ทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ เป็นระลอกคลื่น

“เหลิ่งรั่วปิง!” ตามหลังเสียงดังสั่นสะเทือน เสียงหนานกงเยี่ยร้องเรียกชื่อของเหลิ่งรั่วปิงดังขึ้นอีกครั้ง เขารู้สึกว่าภาพตรงหน้ามืดไปหมด เดิมทีร่างกายก็อ่อนแอเพราะเสียเลือดไปมาก รวมกันลมทะเลที่พัดแรง ทำให้หนานกงเยี่ยเสไปมา

เธอเกลียดเขามากขนาดนี้เลยหรอ ผิดหวังในตัวเขามากถึงขั้นนี้เลยหรอ ถึงขั้นยอมตายแต่ไม่ยอมอยู่กับเขา!

“คุณชายเยี่ย! คุณชายเยี่ย!” ก่วนอวี้รีบพยุงหนานกงเยี่ยเอาไว้ “คุณชายเยี่ยครับ อย่าเพิ่งเป็นกังวลไปครับ คุณเหลิ่งว่ายน้ำเก่งมาก เธอต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”

หนานกงเยี่ยลืมตาขึ้นกะทันหัน จริงด้วย เหลิ่งรั่วปิงว่ายน้ำเป็น ครั้งที่แล้วตอนมาเที่ยวที่ชายหาดส่วนตัวของเขา เธอเคยเล่นกระโดดหน้าผามาก่อน เธอต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน

เมื่อคิดถึงข้อนี้ หนานกงเยี่ยผลักก่วนอวี้ทิ้ง เขาอยากจะกระโดดน้ำลงไป

ก่วนอวี้กอดเขาเอาไว้แน่น “คุณชายเยี่ยครับ คุณกระโดดลงไปไม่ได้ ตอนนี้คุณได้รับบาดเจ็บ ผมจะสั่งให้คนลงไปตามหาคุณเหลิ่งตอนนี้เลยครับ”

“ก่วนอวี้ นายปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปตามหาเธอด้วยตนเอง”

หนานกงเยี่ยสะบัดก่วนอวี้ทิ้งเหมือนคนบ้า ก่วนอวี้เป็นกังวล เขารีบตะโกนเรียกบอดี้การ์ดมาสองคน เพื่อช่วยเขารั้งหนานกงเยี่ยเอาไว้ พร้อมทั้งสั่งให้คนที่เหลือรีบลงไปตามหาเหลิ่งรั่วปิง ในเวลาเดียวกันก็รีบโทรสั่งให้คนขับเรือมาที่นี่

หน้าผานี้สูงกว่าร้อยเมตร ถึงแม้บอดี้การ์ดของตระกูลหนานกงจะเคยผ่านการต่อสู้มามากมาย ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว แต่คำสั่งอยู่ตรงหน้าแล้ว พวกเขาไม่กล้าขัดคำสั่ง โชคดีที่บนเฮลิคอปเตอร์มีร่มชูชีพ บอดี้การ์ดสวมร่มชูชีพแล้วกระโดดลงไป

น้ำทะเลตรงนี้ลึกมาก คลื่นก็ลูกใหญ่มาก พวกเขาตามหาอยู่นานแต่ก็ไม่เจอตัวเหลิ่งรั่วปิง

หนานกงเยี่ยร้อนใจ สะบัดบอดี้การ์ดที่จับตัวเขาเอาไว้ เขายืนกรานที่จะกระโดดลงไปด้วยตัวเอง เวลาทุกวินาทีที่ผ่านไป หัวใจของเขาบ้าคลั่งขึ้นทุกนาที สุดท้ายเขาชกบอดี้การ์ดทั้งสองอย่างแรงจนล้มลงตรงหน้าเขา

เวลานี้ หนานกงเยี่ยเหมือนสิงโตบ้าคลั่ง ไม่ว่าใครหน้าไหนก็หยุดเขาไม่ได้

ก่วนอวี้เสี่ยงชีวิตเข้าไปรั้งหนานกงเยี่ย เขาพยายามรั้งหนานกงเยี่ยเอาไว้ “คุณชายเยี่ย คุณใจเย็นก่อนนะครับ ต้องช่วยคุณเหลิ่งออกมาได้แน่นอน คุณห้ามลงไป”

การต่อสู้ขัดขืนที่รุนแรง ทำให้แผลของหนานกงเยี่ยฉีกขาด เลือดไหลออกมา เปื้อนเสื้อเชิ้ตของเขา

บอดี้การ์ดที่อยู่ปกป้องเขาบนหน้าผา สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความเศร้า ไม่มีใครสามารถปลอบโยนคุณชายเยี่ยที่ผิดหวังในความรักได้ ตอนนี้เขาคลั่งไปแล้ว

ท้ายที่สุด เหตุเพราะเสียเลือดมาก ร่างกายของหนานกงเยี่ยไม่ไหวแล้ว เขาล้มลงกับพื้นอย่างหมดแรง ก่วนอวี้รีบวิ่งไปพยุงหนานกงเยี่ย แล้วหันกลับไปตวาดบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลัง “ตายกันหมดแล้วหรือไง รีบไปขับรถมาแล้วส่งคุณชายเยี่ยไปโรงพยาบาล!”

หนานกงเยี่ยหมดแรงขัดขืน ปล่อยให้บอดี้การ์ดหอบเขาขึ้นรถ ก่วนอวี้รีบตามขึ้นไปบนรถ เขาสั่งให้หมอที่ติดตามมาด้วยห้ามเลือดให้หนานกงเยี่ย หมอถอนหายใจอย่างจนปัญญา เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนเขาเพิ่งเย็บแผลให้หนานกงเยี่ย ทำไมแผลถึงฉีกขาดเร็วขนาดนี้ นี่เป็นการกระทำของคนอยากตาย ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป คนที่เป็นหมออย่างเขาก็จนปัญญาเหมือนกัน

ก่อนที่รถจะขับออกไป หนานกงเยี่ยกุมมือก่วนอวี้เอาไว้ “ก่วนอวี้ นายอยู่ที่นี่ รับปากฉัน ไม่ว่ายังไงก็ต้องพาเธอกลับมา”

ลูกผู้ชายอกสามศอกอย่างก่วนอวี้ ถึงกับน้ำตาไหลลงมา “คุณชายเยี่ย คุณวางใจเถอะครับ ผมจะพาคุณเหลิ่งกลับมาหาคุณให้ได้ เจอเธอ ผมมีชีวิตต่อ ไม่เจอเธอ ผมขอตาย!”

ภาพตรงหน้าของหนานกงเยี่ยมืดลงเรื่อยๆ เขาตบมือก่วนอวี้เบาๆ ถือเป็นการฝากฝังสุดท้าย

ก่วนอวี้เข้าใจทันที เขารีบกระโดดลงจากรถ

ถูกต้องแล้ว เหลิ่งรั่วปิงว่ายน้ำเก่งมาก เก่งจนคนทั่วไปคิดไม่ถึงว่า เธอจะสามารถกลั้นหายใจในน้ำได้นานถึงหนึ่งชั่วโมง ดังนั้น หลังจากที่เธอลงไปในน้ำ เธอไม่ได้ขึ้นมาหายใจบนบก แต่ว่ายตามรถลงไปในก้นทะเลลึ้ง

เมื่อกี้ตอนขับรถขึ้นมาบนจุดชมวิว เธอได้โทรศัพท์ติดต่ออาเธอร์ เวลานี้ อาเธอร์กำลังขับเรือดำน้ำส่วนตัวขนาดเล็กมารับเธอ

ถึงแม้บอดี้การ์ดของตระกูลหนานกงจะว่ายน้ำเก่ง แต่พวกเขาไม่เก่งเท่าเหลิ่งรั่วปิงและดำลงไปไม่ลึกเท่ากับที่เหลิ่งรั่วปิงดำลงไป ดังนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะทำจนสุดความสามารถ ก็ไม่เจอตัวคนที่พวกเขาต้องการ