เล่มที่ 6 บทที่ 152 ชาติก่อนเขาไม่เคยทำความดีหรืออย่างไร

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซี่ยยวี่หลัวมาถึงด้านหลัง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กสองคนดังขึ้นจากด้านใน เซี่ยยวี่หลัวไปห้องข้างๆ ก่อนเปลี่ยนชุดกลับเป็นชุดสตรี เคาะประตู แล้วจึงเปิดประตูเข้าไป ฮวาเหนียงกำลังเล่นหมากล้อมกับเด็กสองคน

เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวมาแล้ว ฮวาเหนียงก็รีบลุกขึ้น ยิ้มพร้อมกล่าว “กลับมาแล้วงั้นหรือ? ข้าเห็นว่าเด็กสองคนน่ารักและเฉลียวฉลาด จึงสอนพวกเขาเล่นหมากล้อม ใครจะรู้ว่าเด็กคนนี้เก่งกาจนัก เพียงบอกกฎการเล่นกับเขา เล่นกันไม่กี่ตา ข้าก็ไม่อาจเอาชนะเขาได้อีกเลย! ”

เด็กสองคนเห็นเซี่ยยวี่หลัวกลับมาแล้ว จึงเอ่ยเรียกพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ต่างก็วิ่งมาหา เซี่ยยวี่หลัวลูบศีรษะเด็กสองคน กล่าวกับฮวาเหนียง “ขอบคุณฮวาเหนียงที่ช่วยดูแลเด็กสองคน”

ฮวาเหนียงยิ้มพร้อมกล่าว “มีอะไรให้ขอบคุณกัน ต่อไปเจ้าเข้ามาในตัวเมือง มีอะไรไม่สะดวก ก็พาเด็กสองคนมาฝากที่ข้า เด็กสองคนนี้ว่าง่ายรู้ความ ข้าปลื้มใจยิ่งนัก! ”

แววตาที่นางมองเด็กสองคน อ่อนโยนดุจสายน้ำ รักใคร่เอ็นดู ราวกับมารดาผู้โอบอ้อมอารี

ฮวาเหนียงไม่เคยมีบุตร หลังจากสามีด่วนจากไป นางก็ไม่เคยคิดจะแต่งงานใหม่ ดังนั้น สำหรับนาง เรื่องลูกก็กลายเป็นเรื่องที่นางไม่เคยมีประสบการณ์ และไม่จำเป็นต้องมีด้วย

นางไม่ขออะไรมากไปกว่านี้ และไม่คาดหวังอะไร แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้สร้างข้อจำกัดต่อเรื่องที่นางชื่นชอบเด็กๆ และทำดีต่อพวกเขา

ฮวาเหนียงเก็บกระดานและตัวหมาก ใส่ไว้ในกล่องไม้ยื่นส่งให้เซียวจื่อเซวียน “เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ในการเล่นหมากล้อม หมากล้อมชุดนี้วางไว้ที่นี่ก็เสียเปล่า เจ้านำกลับไปเล่นสิ”

เซียวจื่อเซวียนหันมองเซี่ยยวี่หลัว เพื่อขอความคิดเห็นจากนาง

เซี่ยยวี่หลัวเห็นว่าเซียวจื่อเซวียนอยากได้จริงๆ และรู้ว่านี่เป็นน้ำใจของฮวาเหนียง จึงพยักหน้า เซียวจื่อเซวียนใช้มือทั้งคู่รับมาด้วยความเคารพ จากนั้นจึงเอ่ยปากขอบคุณฮวาเหนียงอย่างมีมารยาท รับมอบของและปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม ฮวาเหนียงเห็นแล้วก็รู้สึกชื่นใจนัก

เด็กๆ รู้ความ ย่อมเป็นเพราะผู้ใหญ่สอนมาดี

ได้ยินมาว่าเด็กสองคนนี้บิดามารดาจากโลกนี้ไปแล้ว เช่นนั้นคนที่มีความดีความชอบ ก็คือเซี่ยยวี่หลัวไม่ใช่หรือ?

เซี่ยยวี่หลัวกำลังจะพาเด็กสองคนกลับบ้าน นางเปลี่ยนเป็นชุดสตรีแล้ว ย่อมออกทางประตูหน้า

เพิ่งเปิดม่านออกมา ฮวาเหนียงก็เอ่ยเรียกอย่างเป็นกันเอง “ท่านซ่ง…”

“ฮวาเหนียง”

เซี่ยยวี่หลัวหันมองไปทางต้นเสียง เงาร่างสีฟ้าครามที่สูงโปร่งประหนึ่งต้นไผ่ ประกอบกับใบหน้าอันหล่อเหลาไร้ที่ติที่ดูเข้มงวดและเย็นชา ไม่ใช่ซ่งฉางชิงจะเป็นใครได้อีก

“ท่านซ่ง! ” เซี่ยยวี่หลัวเดินขึ้นหน้าไปกล่าวทักทายอย่างเปิดเผย

ซ่งฉางชิงก็ตวัดมุมปากเล็กน้อยด้วยสีหน้าเรียบสงบ “บังเอิญจริง ที่ได้พบฮูหยินเซียวที่นี่! “

เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้ม คิ้วงามโก่งโค้ง เหมือนจิ้งจอกน้อยที่แสนน่ารักไม่มีผิด

“ยวี่หลัว เจ้ารู้จักกับท่านซ่งด้วยหรือ? ” ฮวาเหนียงเอ่ยถามด้วยท่าทีสงสัย

เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้า “เคยพบหนึ่งครั้ง” ทั้งยังเคยทำการค้าหนึ่งหนด้วย

ฮวาเหนียง “ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านซ่งมาเยือนเพราะ…”

ซ่งฉางชิง “ไม่ได้ตัดเสื้อนานแล้ว ไม่ทราบว่าที่ฮวาเหนียงมีผ้าอะไรบ้าง ข้าจะตัดเสื้อสักสองชุด! “

“ครั้งก่อนฮูหยินเฒ่ากู้สั่งตัดเสื้อไว้ให้ท่านหนึ่งชุด เพิ่งทำเสร็จพอดี กำลังจะนำไปส่งให้ท่าน บังเอิญจริงๆ ที่ท่านมา ท่านรอสักครู่ ข้าจะไปนำมาให้ ท่านจะได้ลองสวมดู! “

ซ่งฉางชิงยังคงกล่าวอย่างเรียบสงบ “เช่นนั้นรบกวนฮวาเหนียงด้วย”

เซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ข้างๆ ทำธุระเสร็จแล้ว ย่อมต้องกลับไป “ฮวาเหนียง ท่านทำธุระต่อ ข้าจะกลับก่อน” กล่าวจบ จึงหันมองซ่งฉางชิงที่อยู่ข้างๆ “ท่านซ่ง ขอตัวก่อน”

ซ่งฉางชิงพยักหน้า “ฮูหยินเซียวค่อยๆ เดิน”

เซี่ยยวี่หลัวจูงมือเด็กสองคน เดินผ่านข้างกายซ่งฉางชิง จากไปแล้ว

ในอากาศ เหมือนจะมีกลิ่นหอมเบาบางลอยล่องอยู่ ไม่เหมือนกลิ่นดอกไม้ทั่วไป กลิ่นจางๆ แต่กลับหอมยิ่งนัก

ซ่งฉางชิงก้มหน้าลง ใบหน้าเคร่งขรึมที่เม้มริมฝีปากแน่นมาตลอด ในมุมองศาที่ไม่มีใครเห็น เขาตวัดมุมปากเล็กน้อย

ฮวาเหนียงนำเสื้อมาให้ซ่งฉางชิงดู

ซ่งฉางชิงดูเสื้อไปพลาง ก็ทำทีเป็นกล่าวโดยไม่ได้สนใจนัก “ฮูหยินเซียวมาฮวาหม่านยีเป็นประจำงั้นหรือ? “

ฮวาเหนียงยิ้มพร้อมกล่าว “มาประจำ แม่นางผู้นั้นมีความคิดดี ปากก็หวาน เคยทำการค้ากันสองครั้ง พบว่าแม่นางนั่นมีจิตใจดีงามเหมือนกับหน้าตา ทำให้รู้สึกว่าช่างน่าเอ็นดูนัก! “

ซ่งฉางชิง “ฮวาเหนียงสนิทกับนางมาก? “

“สนิทสิ แม่นางนั่นถึงแม้อายุยังน้อย แต่จิตใจดีและเอาใจใส่ผู้อื่น ท่านลองดูน้องชายและน้องสาวสามีของนาง ทั้งว่าง่ายทั้งรู้ความ ได้รับการดูแลจากนางเป็นอย่างดี นางยังซื้อผ้าจากร้านข้ากลับไป บอกว่าจะตัดเย็บเสื้อผ้าให้สามีของนางด้วยตัวเอง ไม่รู้ว่าสามีของนางเป็นคนเช่นไร ถึงได้แต่งกับคนที่เหมือนเทพธิดาก็มิปาน ชาติก่อนคงทำความดีไว้มาก! ” ฮวาเหนียงกล่าวไม่หยุด

ซ่งฉางชิงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ไม่ได้กล่าวอะไรอีก

ดูเสื้อเสร็จแล้ว ซ่งฉางชิงก็ไม่ได้ลองสวม ฮวาเหนียงห่อเสื้อให้เขา ซ่งฉางชิงเพียงกล่าวขอบคุณ ไม่ได้อยู่ต่อ สาวเท้าก้าวใหญ่เดินออกไป

ออกจากฮวาหม่านยี เขาไม่ได้เดินไปทางซ้ายทันที

ทางขวา คือทางไปเซียนจวีโหลว

ทางซ้าย คือทางออกจากเมืองโยวหลัน เพื่อมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านสกุลเซียว

บนท้องถนนมีผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ ซ่งฉางชิงยืนนิ่งมองเส้นทางด้านขวา

คนผู้นั้นเดินหายลับไปจนไม่เหลือแม้แต่เงานานแล้ว ทว่ากลางอากาศ เหมือนยังมีกลิ่นหอมหวานเบาบางลอยล่องอยู่

เป็นกลิ่นที่เพียงแค่ได้สูดดม ก็ไม่อาจลืมไปชั่วชีวิต

ถงเต๋อส่งเขาออกมา เห็นว่าซ่งฉางชิงยืนอยู่หน้าประตูไม่เดินต่อ นึกว่าเขายังมีธุระอะไร จึงยืนรออยู่ข้างๆ ด้วยความเคารพ แต่รออยู่ครู่ใหญ่ ก็ไม่เห็นท่านซ่งเดินไป จึงนึกว่ายังมีธุระอื่นอีก “ท่านซ่ง ยังมีธุระอะไรอีกหรือไม่ขอรับ? ”

ไม่มีคนตอบ

ถงเต๋อหันมองไปตามทิศที่ซ่งฉางชิงมองไป

เส้นทางด้านขวาที่ออกจากตัวเมือง มีผู้คนเดินไปมา ท่าทางเหม่อลอยนั่น ท่านซ่งมองอะไรกันถึงได้มองจนเหม่อถึงเพียงนั้น?

เขาหันมองไปตามเส้นทางออกจากตัวเมืองด้วยความประหลาด

นอกจากแผ่นหลังของผู้คน ก็มองไม่เห็นอะไรจริงๆ มีอะไรน่าดูกัน

ซ่งฝูกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าคุณชายที่สวมชุดสีน้ำเงินเข้มที่เห็นวันนี้เป็นผู้ใด

ซ่งฉางชิงก้าวเท้าเข้ามาในเซียนจวีโหลว ซ่งฝูก็วิ่งมา ขมวดคิ้วพร้อมกล่าว “คุณชาย ข้ารู้แล้วว่าคุณชายผู้นั้นเป็นผู้ใดขอรับ สตรีผู้นั้นช่างหน้าไม่อายเสียจริง…”

ขายาวของซ่งฉางชิงก้าวข้ามธรณีประตู มือข้างหนึ่งอยู่ข้างหน้า มืออีกข้างไพล่อยู่ด้านหลัง ร่างสูงสง่าประหนึ่งต้นไผ่งาม สีหน้าของเขาดูเรียบสงบ แฝงเร้นด้วยความขึงขังที่ทำให้ผู้อื่นไม่อาจเข้าใกล้ เขาปราดสายตามองซ่งฝูอย่างเรียบสงบ พร้อมยื่นส่งเสื้อในมือไปให้

ซ่งฝูรีบปิดปาก ใช้มือทั้งคู่รับเสื้อมา นำเสื้อไปแขวนไว้

ซ่งฉางชิงกำลังดูสมุดบัญชีอยู่ภายในห้อง ซ่งฝูยังพูดไม่หยุด “คุณชาย ท่านต้องจำได้แน่ นั่นก็คือเซี่ยยวี่หลัวที่ขายผักตี้เอ่อให้เราขอรับ! ไม่รู้ว่าสตรีผู้นั้นแต่งเป็นชายเพื่ออะไร แต่งเป็นชายยังไม่พอ ยังอยู่ข้างนอกคอยล่อลวงหญิงสาวที่ไร้เดียงสาอีก! ”

ซ่งฉางชิงจับพู่กันขึ้นกำลังจะเขียนหนังสือ พอได้ยินดังนั้น มือก็หยุดชะงักอยู่กลางอากาศ

เขาเงยหน้ามองซ่งฝู

ตอนซ่งฝูกล่าวถึงเซี่ยยวี่หลัว ก็แสดงสีหน้าโมโห แสดงสีหน้าดูแคลน ราวกับว่าแค่พูดถึงเซี่ยยวี่หลัว ก็จะทำให้ริมฝีปากของเขาสกปรกอย่างไรอย่างนั้น

ซ่งฉางชิงเหลือบมองซ่งฝูแวบหนึ่ง ซ่งฝูพบว่าคุณชายไม่พอใจ จึงรีบหุบปาก เอ่ยเรียกด้วยท่าทางหวั่นเกรง “คุณชาย! ”

“ต่อไปไม่รู้ความจริง ก็อย่าปรักปรำผู้อื่นส่งเดช! ” ซ่งฉางชิงกล่าวประโยคนี้จบ ก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง ถือพู่กันเขียนหนังสืออย่างตั้งใจ

ซ่งฝูขยับริมฝีปาก มองซ่งฉางชิงด้วยท่าทางตกตะลึง

คุณชาย กำลังช่วยพูดแก้ต่างแทนเซี่ยยวี่หลัวงั้นหรือ?

ซ่งฉางชิงกำลังทำงานอย่างตั้งใจ ซ่งฝูจะรบกวนอยู่ข้างๆ ไม่ได้ ยกน้ำชามาหนึ่งถ้วย ก็ออกไปแล้ว

เขาไปแล้ว ซ่งฉางชิงกลับเขียนตัวอักษรต่อไปไม่ได้อีก

ถ้อยคำของฮวาเหนียงวนเวียนอยู่ในห้วงภวังค์ของเขาตลอด

‘ใครกันที่โชคดีถึงเพียงนี้ ได้แต่งงานกับแม่นางที่งดงามราวเทพธิดา ทั้งยังฉลาดปราดเปรื่องมีความสามารถ ชาติก่อนต้องทำความดีไว้มากแน่นอน! ’

ซ่งฉางชิงขมวดคิ้วมุ่น หว่างคิ้วขมวดเป็นปม

ชาติก่อนทำความดีไว้มาก…

แล้วเขาเล่า ชาติก่อนเขาไม่เคยทำความดีหรืออย่างไร?