เล่มที่ 6 บทที่ 151 คุณชายหน้าตาหล่อเหลาท่านนั้นช่างดูคุ้นตานัก

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซี่ยยวี่หลัวออกจากห้องหนังสือซานเว่ยด้วยความดีใจ รู้สึกปลาบปลื้มยินดีไปตลอดทาง

นางแต่งกายด้วยชุดบุรุษ ผิวขาวเนียนนุ่มราวกับแค่โดนสัมผัสก็อาจร้าวได้ ภายใต้แสงอาทิตย์ในเดือนห้าที่สาดส่อง ช่างดูน่าหลงใหลยิ่งนัก ขนตายาวหนาราวกับแปรงสองอัน นัยน์ตาสีดำสนิทดุจน้ำหมึกฉายประกายอบอุ่น ริมฝีปากสีชมพูชุ่มชื้นไม่ต้องแต่งแต้มก็ดูงาม มุมปากตวัดขึ้นเป็นเส้นโค้ง ทำให้มองแล้วไม่อาจละสายตาได้

ชุดสีน้ำเงินเข้มเหมือนจะขับให้บุคลิกของนางดูโดดเด่นยิ่งขึ้น สูงส่ง เรียบง่าย และสง่างาม

ระหว่างที่เดิน ทุกครั้งที่ขมวดคิ้ว แย้มรอยยิ้ม ทุกอิริยาบถ งดงามราวบทกวีและภาพวาด

งดงามจนรู้สึกหัวใจสั่นไหว

เซี่ยยวี่หลัวเดินอยู่บนถนน เพราะวันนี้หาเงินได้ไม่น้อย จึงรู้สึกดีใจยิ่งนัก ย่อมเผยรอยยิ้มที่มุมปากด้วยสีหน้าเบิกบาน เมื่อสตรีที่ยังไม่ออกเรือนจำนวนหนึ่งเห็นคุณชายน้อยที่รูปลักษณ์หล่อเหลาดูสุนทรีย์ผู้นี้ หัวใจก็เต้นแรงอย่างไม่อาจควบคุมได้ บางคนมีความกล้า มองตามอีกพักหนึ่ง บางคนไม่กล้านัก ได้แต่แสร้งทำทีเป็นหันมองไปทางอื่น แต่กลับยังแอบชำเลืองมองไปทางเซี่ยยวี่หลัว

บางคนกล่าวกับคนที่อยู่ข้างๆ “เมืองโหยวหลันของเรามีคุณชายรูปลักษณ์หล่อเหลาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร? เป็นคนจากบ้านไหนกัน? ”

คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกประหลาดใจ พูดคุยกันคนละประโยคสองประโยค ผู้คนทั้งถนนต่างก็รู้กันหมดแล้ว

มีบางคนสงสัยใคร่รู้ว่าคุณชายผู้นั้นรูปลักษณ์หน้าตาเป็นอย่างไร ต่างก็วิ่งออกมาจากภายในร้านเพื่อดู ด้านนอกจึงคึกคักขึ้นมาทันที

ชั้นบนของเซียนจวีโหลว หน้าต่างถูกเปิดไว้ให้มีช่องเล็กหนึ่งช่อง เสียงเซ็งแซ่ของผู้คนด้านนอกดังขึ้น ดังมาถึงชั้นบนของเซียนจวีโหลว

ยามนี้ซ่งฉางชิงกำลังถือสมุดบัญชีเพื่อดูโดยละเอียด เสียงวุ่นวายภายนอกทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ซ่งฝูที่อยู่ข้างๆ เห็นว่าไม่ได้ปิดหน้าต่างให้สนิท จึงรีบกล่าวเสียงเบา “เอ๋ เหตุใดหน้าต่างบานนี้ถึงเปิดได้? ”

กล่าวจบ เขาเดินขึ้นหน้าเพื่อไปปิดหน้าต่าง ซ่งฉางชิงเงยหน้าขึ้นมาเห็นท่าทางของเขา ขมวดคิ้วทีหนึ่ง “ไม่ต้องปิด! ”

มือของซ่งฝูสัมผัสโดนขอบหน้าต่างแล้ว พอได้ยินว่าไม่ต้องปิด มือที่ยื่นออกไปก็หยุดชะงักอยู่กลางอากาศ “คุณชาย ข้างนอกเสียงดังวุ่นวาย ข้าน้อยเกรงว่าจะรบกวนท่านนะขอรับ! ”

แต่ก่อนหน้าต่างบานนี้ไม่เคยเปิดมาก่อน!

ซ่งฉางชิงเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง กล่าวอย่างเรียบสงบ “ปล่อยมันไปเถอะ! ”

ซ่งฝูรู้สึกมึนงงยิ่งนัก ปกติคุณชายไม่เคยเปิดหน้าต่างบานนี้เลย ครั้งนี้เป็นอะไรไป ถึงได้เปิดหน้าต่างบานนี้ด้วยตัวเอง

เสียงวุ่นวายภายนอกดังขึ้นไม่หยุด รบกวนจนซ่งฉางชิงไม่มีสมาธิแม้แต่น้อย อ่านตัวอักษรในสมุดบัญชีไม่เข้าแม้แต่ตัวเดียว จึงได้แต่วางสมุดบัญชีลงด้วยท่าทางหน่ายใจ ก่อนกล่าว “เจ้าปิดเถอะ! ”

ซ่งฝูขานรับทีหนึ่ง ได้ฟังดังนั้นจึงเอื้อมมือไปดึงระแนงหน้าต่าง

ด้านล่างมีผู้คนรวมตัวกันไม่น้อย ดูท่าว่าเสียงคงดังขึ้นจากทางนั้น

ซ่งฝูดูอยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นบุรุษคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดตรงยาวสีน้ำเงินเข้มเดินออกมาจากฝูงชน หล่อเหลาเสียจนมองเพียงแวบเดียวก็ไม่อาจลืมเลือน

ใบหน้ายิ้มแย้ม หางตาฉายประกายแสงสว่างพร่างพรายดุจธารดารา

“คนผู้นี้…” ช่างดูคุ้นตานัก!

ซ่งฝูมองอยู่ครู่หนึ่ง มือจึงยังไม่ได้เคลื่อนไหว

ซ่งฉางชิงนวดคลึงหว่างคิ้ว พักผ่อนครู่หนึ่ง ระหว่างหลับตา ก็เห็นซ่งฝูยังยืนนิ่งอยู่ริมหน้าต่างไม่ไหวติง “เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ? ”

ซ่งฝูกล่าวตามสัญชาตญาณ “คุณชาย คนที่อยู่ด้านล่าง ช่างดูคุ้นหน้าเหลือเกินขอรับ! ”

ซ่งฉางชิง “ภัตตาคารของเรามีคนเข้าออกมากมาย บางทีอาจเป็นลูกค้า เจ้าจึงรู้สึกคุ้นตาก็เป็นได้! ”

ซ่งฝูมองอย่างละเอียดอีกครู่หนึ่ง ส่ายหน้าเบาๆ “เหมือนจะไม่ใช่…”

เมื่อครู่นี้เซี่ยยวี่หลัวเพียงซื้อผลไม้สดใหม่จำนวนหนึ่งจากแผงขายผลไม้ พอหันกลับมา ก็เห็นหญิงสาวจำนวนไม่น้อยจ้องมองตัวเองอยู่ แววตาแฝงเร้นด้วยประกายชื่นชอบ ทั้งยังมีท่าทีเหนียมอาย

ทีแรกเซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในภายหลังจึงนึกขึ้นได้ ว่าเวลานี้นางแต่งชุดบุรุษอยู่!

แม่นางน้อยเหล่านี้คงไม่ใช่นึกว่านางเป็นบุรุษ ดังนั้นจึง…

เซี่ยยวี่หลัวคิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากตัวเองแต่งชุดบุรุษ จะเป็นที่ชื่นชอบมากถึงเพียงนี้

ห้องพิเศษชั้นบนของเซียนจวีโหลว หน้าต่างยังเปิดอยู่ มองจากด้านบนลงมาด้านล่าง สามารถมองเห็นเงาร่างที่สวมใส่ชุดสีน้ำเงินเข้มได้อย่างชัดเจน รวมถึงดวงหน้าอันงดงาม และรอยยิ้มที่เจิดจรัสของนางด้วย

เหตุใดถึงมีคนที่ชอบยิ้มถึงเพียงนี้?

ทุกครั้งที่พบเห็น ก็จะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของนางเสมอ

“คุณชาย ข้ารู้สึกว่าคนผู้นั้นช่างดูคุ้นหน้าจริงๆ ขอรับ! ” ซ่งฝูยังกล่าวพึมพำ

ซ่งฉางชิงลุกขึ้นยืน มายังริมหน้าต่าง มองลงไปข้างล่าง

คนบางคนนั้นเคยเห็นเพียงครั้งเดียว ไม่ว่านางจะแต่งชุดสตรีหรือบุรุษ เมื่อได้เห็นอีกครั้ง มองเพียงแวบเดียวก็ยังสามารถมองเห็นอย่างชัดเจน

นั่นคือเซี่ยยวี่หลัว!

ซ่งฉางชิงที่เดิมทีจิตใจว้าวุ่น ในชั่วพริบตานั้น จู่ๆ จิตใจก็สงบลง

ซ่งฝูเอียงศีรษะ ครุ่นคิดไม่หยุด อย่างไรก็รู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างล่างนั่นดูคุ้นตา แต่เหตุใดถึงคิดไม่ออกว่าเคยพบเห็นที่ใด?

ตามหลักแล้ว คุณชายที่หล่อเหลาถึงเพียงนี้ หากเขาเคยได้พบ ต้องจำได้แน่นอน!

คนข้างๆ ไม่ได้กล่าวอะไรอยู่นาน ซ่งฝูหันไปมอง เพียงเห็นซ่งฉางชิงเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น

จ้องมองเงาร่างด้านล่างที่สวมใส่ชุดสีน้ำเงินเข้ม ตัวเขายืนเหม่ออยู่ตรงนั้นราวกับท่อนไม้ก็มิปาน

“คุณชาย คุณชาย…” ซ่งฝูเรียกอยู่นาน ซ่งฉางชิงจึงเรียกสติคืนกลับมาได้ เก็บคืนสายตาที่จ้องมองคนด้านล่างด้วยความรู้สึกเสียดาย กระแอมสองที “เป็นอะไร? ”

ซ่งฝูคิดด้วยความรู้สึกลำบากใจ คุณชาย ท่านต่างหากที่เป็นอะไรไป? เหตุใดมองคนจนเหม่อได้ถึงเพียงนั้น?

ซ่งฉางชิงปิดหน้าต่าง “ข้านึกขึ้นได้ว่าข้ายังมีธุระต้องทำ เจ้าดูแลภัตตาคารให้ดี”

กล่าวจบ ไม่รอให้ซ่งฝูกล่าวอะไร ซ่งฉางชิงสาวเท้าก้าวใหญ่เดินออกไป

ปกติคุณชายเดินเหินอย่างหนักแน่นและสำรวม เหตุใดวันนี้ถึงร้อนรนเพียงนี้? หรือจะมีธุระเร่งด่วนอะไรต้องทำจริงๆ ?

ทว่า ทำไมเขาถึงไม่รู้เล่า?

ซ่งฝูทำหน้านิ่วคิ้วขมวด คิดไม่ออกจริงๆ ว่าวันนี้คุณชายเป็นอะไรไป!

ซ่งฉางชิงสาวเท้าก้าวใหญ่เดินออกจากประตูใหญ่ของเซียนจวีโหลว มายังสถานที่ที่เซี่ยยวี่หลัวหยุดยืนเมื่อครู่ ตัวนางเดินไปด้านหน้านานแล้ว

เสียงฝูงคนดังมาจากทางไหน นางก็ต้องอยู่ทางนั้นแน่

เงาร่างสีน้ำเงินเข้มนั่นอยู่ด้านหน้า

ซ่งฉางชิงเดินตามไปโดยไม่คิดด้วยซ้ำ

ตามไปเรื่อยๆ โดยรักษาระยะห่างไม่ใกล้ไม่ไกลเกินไป

เพราะข้างกายเซี่ยยวี่หลัวยังมีหญิงสาวใจกล้าจำนวนไม่น้อยเดินตามอยู่ เสื้อผ้าสีสันสดใสผ่านไปมา นางจึงไม่ทันสังเกตเห็นซ่งฉางชิงที่เดินตามหลังมาและจงใจเร้นกายเลยแม้แต่น้อย

ทุกคนเดินตามกันเช่นนี้จนมาถึงฮวาหม่านยี

เซี่ยยวี่หลัวเกรงว่าคนเหล่านี้จะดูออกว่าตัวเองเป็นหญิงแต่งชาย จึงรีบเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว เดินไปในตรอกแห่งหนึ่ง เข้าไปในฮวาหม่านยีทางประตูหลังของร้าน

หญิงสาวเหล่านั้นสนใจแต่จะจับจ้องเซี่ยยวี่หลัว ใครจะคาดคิดว่าเซี่ยยวี่หลัวจะอาศัยจังหวะที่มีคนมาก เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วหายลับไปจากสายตา หาอย่างไรก็หาไม่พบ

ตามต่อไม่ได้แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นคุณชายน้อยของบ้านไหน หญิงสาวใจกล้าเหล่านั้นได้แต่กลับไปด้วยความเสียดาย

ซ่งฉางชิงกลับตาไวและพบว่าเซี่ยยวี่หลัวเข้าไปในฮวาหม่ายี

เขาไม่คิดลังเล เดินเข้าไปทางประตูใหญ่ของฮวาหม่านยี