ตอนที่ 149 ผีเสื้อผู้โชคร้าย

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

อวิ๋นเจี่ยวให้หัวหน้าห้องเจียวช่วยปีศาจผีเสื้อวางข่ายพลังรวบรวมพลังปีศาจ ให้นางสามารถแปลงร่างกลับมาเป็นมนุษย์ได้ชั่วคราว ก่อนที่จะตรวจดูอาการอย่างละเอียดให้นาง

ปีศาจผีเสื้อว่านอนสอนง่าย ไม่ต้องให้พวกเขาพูด นางก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดออกมา ช่างเป็นปีศาจที่โชคร้าย

นางเพิ่งกลายร่างได้ไม่นาน เดิมทีไม่ได้คิดอยากจะออกจากโลกปีศาจ แต่สุดท้ายไม่รู้ว่าทำไมถึงเดินออกมา ไม่เพียงเท่านี้ นางยังบังเอิญเดินหลงทางไปยังเมืองเถียนฟาง พบกับวิญญาณร้ายที่กำลังปั่นป่วนเมืองพอดี วิญญาณร้ายนั้นอาศัยดูดกินพลังชีวิตของคนในเมืองในการสร้างความแข็งแกร่งให้ตนเอง มันได้ทำร้ายคนไปจำนวนมากแล้ว

ฉ่ายเตี๋ยเห็นมันกำลังทำร้ายคนพอดี ไม่รู้ไปเอาความกล้ามาจากไหน นางก็เข้าต่อสู้กับวิญญาณร้ายนั้นขึ้นมา นางเพิ่งกลายร่าง พลังน้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นางชนะได้อย่างเฉียดฉิว แต่ก็เพราะเหตุนี้ทำให้นางกลับเป็นร่างเดิม สุดท้ายคนที่นางช่วยเอาไว้ เมื่อตื่นขึ้นมาเห็นร่างเดิมของนาง ก็ตกใจกลัว อีกทั้งยังบอกว่านางคือปีศาจกินคน นอกจากนี้ยังเจอเข้ากับลูกศิษย์เสวียนเหมินที่เดินทางมาปราบมาร

ฉ่ายเตี๋ยไม่รู้จะอธิบายอย่างไร สุดท้ายได้รับบาดเจ็บสาหัสกว่านางจะหนีรอดมาได้ หนีไปหนีมากลับหนีกลับไปยังเมืองเถียนฟาง นางหลบซ่อนตัวอย่างระมัดระวังในเมือง เมื่อพลังฟื้นคืนมาเล็กน้อย ทำให้นางสามารถกลายร่างได้ จากนั้นก็เจอเข้ากับชวีฉิวหมิง

อีกฝ่ายแทนตัวเองว่าหมอเทวดา ฉ่ายเตี๋ยได้รับบาดเจ็บอย่างมาก อีกทั้งยังถูกพลังวิญญาณของวิญญาณร้ายรุกราน เมื่อพบหมอก็อยากจะลองรักษาดู ไม่รู้ว่าชวีฉิวหมิงทำได้อย่างไร แต่เมื่อฉ่ายเตี๋ยได้รับการรักษาครั้งแรกแล้ว พบว่าพลังวิญญาณบนตัวหายไปเกินครึ่ง อีกทั้งยังมีชีวิตชีวามากขึ้น ถึงแม้บาดแผลบนร่างของนางจะยังไม่หายดี แต่ความรู้สึกใกล้ตายนั้นกลับหายไป นอกจากไม่อาจใช้พลังปีศาจแล้ว นางก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเหมือนคนปกติ

นางมีนิสัยไร้เดียงสา คิดว่าหากชวีฉิวหมิงลองอีกหลายครั้งจะสามารถรักษาตนให้หายได้ ดังนั้นนางจึงเกาะติดอีกฝ่ายเอาไว้ ชวีฉิวหมิงพูดอะไร นางก็เชื่อ

ชวีฉิวหมิงบอกว่าเรียกคุณชายชวีดูห่างเหินเกินไป นางจึงเปลี่ยนมาเรียกพี่หมิง ชวีฉิวหมิงบอกว่าเขาช่วยคนต้องการสมุนไพรชั้นดี นางก็ข้ามภูเขาไปหามา ชวีฉิวหมิงบอกว่าไปขึ้นทะเบียนที่สำนักเทียนซือระยะทางไกล นางก็ใช้อาวุธประจำตัวแลกยันต์ขนส่งมาให้ ชวีฉิวหมิงบอกว่าบุญคุณในการช่วยชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต นางก็ตอบตกลงว่ากลับไปจะแต่งงานกับเขา ชวีฉิวหมิงบอกว่าโรคของนางหายดีแล้ว นางก็รู้สึกว่าโรคของนางหายแล้วจริงๆ ถึงแม้อวิ๋นเจี่ยวบอกว่านางจะตาย แต่นางก็รู้สึกว่าไม่ควรสงสัยเขา

นางชื่นชอบอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ จนกระทั่งถูกดูดพลังปีศาจเสี้ยวสุดท้ายไป กลายเป็นร่างเดิม…

ผีเสื้อน้อยพลางถูกฝังเข็ม พลางเล่าประสบการณ์น่าอนาถของตน คนอื่นไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เจ้าสำนักจิ้นซ่างจากสำนักชิวหวากลับหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย เขาทำท่าทางอยากจะมุดลงดินไป ก่อนจะเดินขึ้นหน้าขอโทษอีกฝ่าย “แม่นางผีเสื้อขอโทษด้วย คนที่ทำร้ายท่านในเมืองเถียนฟางน่าจะเป็นลูกศิษย์ที่ข้าส่งไป พวกเขาตามกลิ่นอายของวิญญาณร้ายไป ดังนั้นจึงคิดว่าท่าน…เป็นความผิดของลูกศิษย์ใต้สำนัก ถึงได้ทำให้แม่นางบาดเจ็บ เมื่อข้ากลับไปจะทำการลงโทษพวกเขาอย่างหนัก หวังว่าท่านจะให้อภัย”

จิ้นซ่างยิ่งคิดยิ่งรู้สึกอับอาย เรื่องนี้เป็นความผิดของพวกเขา ผีเสื้อน้อยหวังดี ช่วยคนกำจัดวิญญาณร้าย สุดท้ายพวกเขากลับคิดว่านางเป็นพันธมิตรของศัตรู เกือบจะทำร้ายนางจนตาย

ฉ่ายเตี๋ยเมื่อได้ฟัง หน้าของนางก็หงิกขึ้นมาทันที แก้มป่องขึ้นเล็กน้อย ทำท่าทางอนาถจะลุกขึ้นไปถีบเขาสักที แต่เสียดายที่บนตัวฝังเข็มอยู่ขยับไม่ได้ ทำได้เพียงหันหน้าไปส่งเสียง “ฮึ!” แสดงความโกรธ!

“แม่นางผีเสื้อวางใจเถอะ บาดแผลของท่านไม่ว่าต้องสูญเสียมูลค่ามากแค่ไหน สำนักชิวหวาจะรับผิดชอบให้ถึงที่สุด รักษาท่านจนหายดี จากนั้นหากท่านยังมีเงื่อนไขอะไร ขอแค่ไม่ผิดศีลธรรม ไม่ผิดจริยธรรม สำนักข้าจะพยายามทำให้ได้” จิ้นซ่างให้คำมั่นสัญญาอย่างจริงจัง

ฉ่ายเตี๋ยผงะไป สายตามีความลังเลเล็กน้อย ก่อนที่แก้มป่องนั้นจะยุบลงไป

“ที่จริงแล้วช่วยชีวิตนางก็ไม่ได้สูญเสียมูลค่าอะไรมากมาย!” อวิ๋นเจี่ยวพูดขึ้น ก่อนจะดึงเข็มออกและยื่นมือออกไป “ค่ารักษาสามร้อยตำลึง ขอบคุณ!”

จิ้นซ่าง “…”

เจ้าสำนักสวี “…”

เหล่าเจ้าสำนัก “…”

นี่มันปล้นกันชัดๆ

-_-|||

ผีเสื้อน้อยมองอวิ๋นเจี่ยวด้วยความฉงน ก่อนจะมองไปยังเหล่าคนที่นิ่งอึ้ง ทันใดนั้นหยิบถุงเงินขนาดเล็กออกมาจากข้างลำตัว และวางไว้บนมือนาง “อันนี้หรือ”

อวิ๋นเจี่ยว “…”

ไป๋อวี้ “…”

อืม ปีศาจน้อยแสนรู้!

อวิ๋นเจี่ยวชั่งน้ำหนักในมือ ก่อนจะยื่นไปให้ชายแก่ “ในนี้มีเพียงสิบตำลึง” พูดจบก็หันไปมองจิ้นซ่าง

อีกฝ่ายเข้าใจในทันที เขารีบหยิบตั๋วเงินสามใบออกมา “ข้ามี ข้ามี!” โชคดีที่ตั้งแต่เข้าเรียนห้องเรียนของอาจารย์อวิ๋นแล้ว พวกเขาก็มีนิสัยพกเงินติดตัวเอาไว้

อาจารย์อวิ๋นดีทุกอย่าง แต่ค่าใช้จ่ายสูง

อวิ๋นเจี่ยวกำชับให้ชายแก่เก็บค่ารักษาให้ดี ก่อนจะดึงเข็มเงินเล่มสุดท้ายออกจากตัวผีเสื้อน้อย “เจ้าลองใช้พลังปีศาจดู”

ผีเสื้อน้อยหลับตาลงปรับพลังอย่างเชื่อฟัง สักพักลืมตาขึ้นอย่างดีใจ “หายแล้ว! หายแล้วจริงๆ ! พลังปีศาจของข้าใช้ได้แล้ว” นางพุ่งตัวใส่อวิ๋นเจี่ยวด้วยความตื่นเต้น “ข้าชอบท่านที่สุดเลย!”

อวิ๋นเจี่ยวหูไวตาไว เอื้อมมือออกไปดันหัวของนางเอาไว้ หยุดยั้งการกอดของนาง ก่อนจะกำชับต่อ “ข้าเพียงแค่ใช้เข็มเงินเชื่อมต่อเส้นชีพจรที่ขาดของเจ้าขึ้นมาชั่วคราวเท่านั้น หากอยากจะหายดียังเร็วไป ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้เจ้า เจ้าต้องกินตรงตามเวลา เลี้ยงเส้นชีพจรให้แข็งแรง” นางราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “เพียงแต่ลูกแก้วพลังของเจ้าได้รับความเสียหาย ก่อนที่เส้นชีพจรจะกลับมาแข็งแรง เจ้าไม่อาจใช้พลังปีศาจได้ ต้องหาสถานที่พักฟื้น”

ทันทีที่นางพูดจบ ดวงตาของจิ้นซ่างลุกวาว พร้อมกับรีบพูดขึ้น “แม่นางผีเสื้อตามข้ากลับสำนักชิวหวาเป็นอย่างไร สำนักข้าเงียบสงบ เหมาะกับการฝึกฝนอย่างยิ่ง อีกทั้งบริเวณรอบข้างมีสมุนไพรล้ำค่ามากมาย เป็นประโยชน์ต่อการพักฟื้นของท่าน” เขาอยากจะชดเชยปีศาจน้อยตัวนี้อย่างจริงใจ “แค่ท่านอย่ารังเกียจ พวกข้า…”

“รังเกียจ!” ผีเสื้อน้อยปฏิเสธทันควัน!

จิ้นซ่าง “…”

นางหันกลับไปกอดแขนของอวิ๋นเจี่ยวเอาไว้ ใช้สายตาหวานเจี๊ยบมองนาง ก่อนจะพูดว่า “ข้าชอบท่าน ข้าจะตามท่านกลับไป!”

อวิ๋นเจี่ยวผงะ ลูบหัวของนาง ก่อนจะพูดขึ้น ”ผีเสื้อน้อย เชื่อข้า! หากเจ้าตามข้ากลับไป คงจะอยู่ไม่รอดถึงตอนต่อไป!” ในบ้านมีอาวุธร้ายแรง! ครั้งก่อนราชาปีศาจได้สร้างความแค้นเอาไว้แล้ว เจ้าอย่าสร้างภาพจำที่ไม่ดีให้กับเผ่าพันธุ์ตนเองอีกจะดีกว่า

ผีเสื้อน้อย “…”

“ดังนั้นไปสำนักชิวหวาเถอะ” อวิ๋นเจี่ยวดึงมือกลับมา หันหลังไปเขียนใบสั่งยา จิ้นซ่างกลับเดินเข้าใกล้ พูดด้วยน้ำเสียงกังวล “อาจารย์อวิ๋น จิตเดิมของผีเสื้อน้อยไม่มั่นคง ข้าควรจะวางข่ายพลังรวมจิต ช่วยให้จิตของนางมั่นคงขึ้นหรือไม่”

อวิ๋นเจี่ยวผงะไป มองไปยังเขาด้วยความประหลาดใจ “ไม่เลว เจ้าคิดถึงข่ายพลังรวมจิตได้! จิตเดิมของนาง เมื่อครู่ข้าได้ใช้เข็มเงินกดเอาไว้แล้ว เพียงแต่ข่ายพลังรวมจิตมีประโยชน์ต่อการฟื้นตัวของนาง วางไว้ก็ดี แต่ว่าข่ายพลังนั้นค่อนข้างยุ่งยาก เจ้าต้องเรียกคนอีกหลายคนมาช่วย” เพราะว่าคะแนนของบทเรียนนั้น พวกเจ้าสอบออกมาได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“อาจารย์วางใจได้!” จิ้นซ่างตบเข้าที่หน้าอก ก่อนจะพูดอย่างมั่นใจ “ข่ายพลังรวมจิตข้าทำได้”

ทันทีที่เขาพูดจบ เจ้าสำนักด้านข้างสีหน้าดำทะมึน ราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะเริ่มชื่นชมเขาขึ้นมา

“ใช่แล้ว วิชาข่ายพลังของเจ้าสำนักจิ้นรองลงมาจากหัวหน้าห้องเจียวเท่านั้น!”

“ใช่แล้ว เขาสอบได้ 59 คะแนน! ขาดแค่คะแนนเดียวก็ผ่านแล้ว”

“ใช่แล้วๆ ถึงแม้เขาจะร้องโหยหวนที่สุดในกลุ่ม แต่สุดท้ายสอบได้ 59 คะแนน!”

“อาจารย์ท่านวางใจเถอะ คนที่สอบได้ 59 คะแนน พวกข้าไม่เป็นตัวถ่วงจะดีกว่า”

“ใช่แล้ว พวกข้าอาจช่วยเขาไม่ได้ เพราะว่าพวกข้าสอบไม่ได้ 59 คะแนน!”

“ข้าก็สอบไม่ได้ 59…”

“59 คะแนนคืออะไร ข้าไม่รู้จัก…”

จิ้นซ่าง “…”

อวิ๋นเจี่ยว “…”

ไป๋อวี้ “…”

ทำไมรู้สึกได้กลิ่นคนขี้อิจฉา!