บทที่ 133 อยู่ด้วยกัน ตายด้วยกัน[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 133 อยู่ด้วยกัน ตายด้วยกัน[รีไรท์]

ราชาปีศาจได้ยินคำพูดของหลิวเจี่ยเฟย ใบหน้าที่แก่เฒ่าก็แสดงความอำมหิตมากยิ่งขึ้นขณะที่พูดออกมาเสียงเข้มว่า “ตกลง ฉันสัญญา ว่าแต่นายบอกมาได้หรือยังว่าวิธีสลายม่านพลังคืออะไร?”

“ขอบคุณครับ นายท่านราชาปีศาจ” หลิวเจี่ยเฟยค้อมศีรษะและทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ “วิธีสลายม่านพลังของผมเรียบง่ายมาก ทุกคนดูให้ดี” พูดจบ เขาก็ชี้มือไปยังด้านหลังของฮวาชิงหวู่

ทุกคนหันมองตามไปทันที

“ไป๋เหรินเจี๋ย ไป๋เหรินฉง อยากตายมากใช่ไหม?” โม่ซิงเหอคำรามด้วยความเดือดดาล

ทั้งสองคนนั้นเดินควบคุมตัวเจิ้งก่วงอี้และหยานหลาน ผู้เป็นมารดาของฮวาชิงหวู่เดินเข้ามา

“ไอ้พวกชั่ว ปล่อยคนมาเดี๋ยวนี้นะ”

ดวงตาของเฉินฮั่นหลงแทบจะถลนออกมาแล้ว

“อย่าเข้ามาใกล้ ถอยออกไป ไม่งั้นฉันจะตัดคอเขาแน่” ไป๋เหรินเจี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา มีดในมือจ่อลำคอของเจิ้งก่วงอี้ ปลายมีดเจาะผิวหนังจนมีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย

ที่ด้านหลัง บรรดาพวกของเจิ้งกัน ซุนหยิงและคนอื่น ๆ ต่างก็มีสีหน้าคับแค้นใจ ดวงตาแสดงความโกรธแค้นออกมาชัดเจน

“ทำไมกัน?” ฮวาชิงหวู่อุทานออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ

“ก็ไม่มีอะไรมาก เพราะว่าพวกเรายังไม่อยากตายแค่นั้นเอง” ไป๋เหรินฉงกดปลายมีดลงไปบนลำคอของหยานหลานอีกเล็กน้อย “ทุกคนอย่าขยับ แค่ฉันเพิ่มน้ำหนักมืออีกนิดเดียว เธอได้ขาดใจตายอยู่ตรงนี้แน่”

“คนสารเลว พวกแกมันเป็นสัตว์เดรัจฉาน ถ้ากล้าทำอะไรพวกเขา ฉันจะตัดหัวพวกแกแน่” ไท้ถาน ชายผู้มีร่างสูงใหญ่เกือบ 2 เมตร กำมือเป็นหมัดแนบแน่น

“ไป๋เหรินเจี๋ย ลืมกำพืดตัวเองไปแล้วใช่ไหม อย่าลืมว่านายท่านเป็นคนรักษาให้แกหายดีนะ” เฉินฮั่นหลงพูดก่อนที่จะกัดฟันกรอด

ไป๋เหรินเจี๋ยมองหน้าเขาด้วยสายตาโกรธแค้น พูดว่า “ฉู่ชวิ๋นบังคับให้ฉันยอมก้มหัวให้ แถมยังใช้งานฉันเป็นคนรับใช้ ฮวาชิงหวู่คนนี้ก็เป็นคนฆ่าพี่ชายฉัน เรื่องนี้ฉันไม่เคยลืม ฉันต้องยอมนอนหมอบแทบเท้าพวกมันเพื่อร้องขอความเมตตา แต่วันนี้แหละ ที่พวกเราสองพี่น้องจะได้กลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง”

“สามหาว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเห็นใจพวกแก แม่แกได้ตายไปนานแล้ว แม้แต่แกก็คงไม่อยู่รอดแบบนี้ แกยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า ไป๋เหรินเจี๋ย วันนี้แหละฉันจะฆ่าแกเอง” เฉินฮั่นหลงตวาด

“เฉินฮั่นหลง อย่ามาทำเป็นพูดดี นายมันก็เป็นแค่สุนัขรับใช้ของฉู่ชวิ๋น อยากจะฆ่าฉันงั้นเหรอ คิดว่าทำได้หรือไง? วันนี้แหละฉันจะเสพสมกับผู้หญิงคนนี้ให้สาแก่ใจ ไอ้พวกหน้าโง่…” ใบหน้าของไป๋เหรินเจี๋ยบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียดน่ากลัว

“พี่รอง อย่าไปคุยกับมันเลยดีกว่า” ไป๋เหรินฉงกล่าว

“สลายม่านพลังลงเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นเขาตายแน่” คมมีดในมือของไป๋เหรินเจี๋ยเพิ่มแรงกดมากขึ้นอีกเล็กน้อย ปลายมีดฝังตัวลงไปลึกมากขึ้น ทำให้มีเลือดไหลซึมออกมามากขึ้นเช่นกัน

เจิ้งก่วงอี้ตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าของเขาซีดขาวสั่นกระตุก แต่ดวงตายังคงเป็นประกายหนักแน่น ตอนที่พูดออกมาว่า “ไป๋เหรินเจี๋ย ฉันเคยคิดว่าแกเป็นคนดี แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแกจะออกลายแล้วสินะ”

เขาหันไปมองหน้าฮวาชิงหวู่และตะโกนว่า “คุณฮวา ถ้าคุณสลายม่านพลัง เราได้ตายกันหมดแน่ ไม่ต้องเป็นห่วงผม ผมใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมามากพอแล้ว ถึงตายผมก็ไม่เสียดาย ได้โปรดดูแลเจิ้งกันลูกชายของผมด้วย”

“พ่อครับ…” เจิ้งกันร้องไห้ออกมาแล้ว

“แกจะร้องไห้ทำไม เป็นลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้ แกต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปแทนพ่อ” เจิ้งก่วงอี้เป็นเพียงแค่นักธุรกิจธรรมดา เมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์นี้เข้า เขาก็รู้เพียงแต่ว่าหากม่านพลังถูกสลายลง เจิ้งกันลูกชายของเขาจะต้องตายแน่นอน

“เล่าเจิ้งถือเป็นลูกผู้ชายตัวจริง ผมขอคารวะ” เฉินฮั่นหลงคำรามเสียงดัง

แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ไป๋เหรินฉงพลันระเบิดเสียงหัวเราะขึ้น ก่อนที่จะหันหน้าไปถามฮวาชิงหวู่ว่า “คุณผู้หญิง เจิ้งก่วงอี้ไม่กลัวตาย เราเปลี่ยนมาถามแม่คุณกันดีกว่า ว่าท่านกลัวตายหรือไม่?”

“แม่คะ…” ฮวาชิงหวู่ร้องไห้ออกมาแล้ว ถึงอย่างไรเธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอ และตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา กาลเวลาได้พรากความแข็งแกร่งไปจากเธอไม่น้อย

“ลูกรักไม่ต้องร้องไห้ ฉู่ชวิ๋นเคยช่วยชีวิตแม่เอาไว้ แม่เป็นหนี้ชีวิตเขาอยู่ ความตายไม่มีอะไรให้ต้องกลัวสักหน่อย” หยานหลานตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ใบหน้าไม่มีความตื่นกลัวเลยสักนิด นับได้ว่าหญิงชราถือเป็นบุคคลที่น่านับถือหัวใจเป็นอย่างยิ่ง

“ผมเองก็ไม่กลัวตายเหมือนกัน” เฉินฮั่นหลงร้องตะโกน

“คุณฮวา สลายม่านพลังลงไปก่อนดีกว่านะ”

“คุณฮวา สลายม่านพลังเถอะ พวกเราไม่กลัวตาย”

แม้แต่ผู้หญิงอย่างหยานหลานก็ยังแสดงความเข้มแข็งออกมาแล้ว แล้วผู้ชายอย่างพวกเขาจะทำตัวขี้ขลาดได้อย่างไร? โม่ซิงเหอและคนอื่น ๆ ส่งเสียงร้องตะโกนอย่างปลุกใจตนเอง

ฮวาชิงหวู่กำมือเป็นหมัดแน่น ปลายเล็บของเธอจิกเข้าไปในอุ้งมืออย่างแรง แต่ก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแต่อย่างใด มีเลือดไหลซึมออกมาจากปลายนิ้ว ความคิดระหว่างฝ่ายดีและฝ่ายร้ายกำลังต่อสู้กันอยู่ในหัวของเธอ นี่คือทางเลือกที่ตัดสินใจยากลำบากอย่างยิ่ง

“สลายม่านพลังเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นแม่คุณตายแน่” ไป๋เหรินเจี๋ยเริ่มโมโหขึ้นมาแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าคนพวกนี้จะมีจิตใจกล้าหาญถึงขนาดนี้

ฮวาชิงหวู่กัดริมฝีปากของตัวเองจนเลือดแทบไหล ฝ่ายหนึ่งก็เป็นแม่ของเธอ อีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นลูกน้องของฉู่ชวิ๋น แล้วเธอจะเลือกฝ่ายไหนดี?

“คุณผู้หญิง ไม่ต้องสลายม่านพลัง ไม่งั้นเราจะตายกันหมด” เจิ้งก่วงอี้ร้องตะโกน

“หุบปาก แกอยากตายหรือไง?” ไป๋เหรินเจี๋ยคำราม

“ฮ่า ๆ ไม่ต้องเอาความตายมาขู่ฉันหรอก ฉันไม่กลัวตายสักหน่อย” เจิ้งก่วงอี้หัวเราะอย่างมีความสุขเหมือนคนที่ไม่เคยมีความสุขมากเท่านี้มาก่อนในชีวิต

“ผมขอแนะนำให้คุณเชื่อฟังแต่โดยดีนะ อย่าทำตัวดื้อดึงไปหน่อยเลย” หลิวเจี่ยเฟยหัวเราะเยาะอยู่หน้าม่านพลัง หลังจากนั้น เขาจึงหันไปมองหน้าสองพี่น้องตระกูลไป๋และพูด “ถ้าพวกเขาไม่ยอมสลายม่านพลัง เราก็เริ่มฆ่าได้เลยทีละคน”

“ชั่วช้าสามานย์ พวกแกรอจังหวะหักหลังเรามาตลอดเลยใช่ไหม?” เฉินฮั่นหลงพูดด้วยความเจ็บใจ

“เราต้องเลือกที่จะอยู่ข้างคนที่มีผลประโยชน์สูงสุดอยู่แล้ว เราทำข้อตกลงกับคุณหลิวเจี่ยเฟย หลังจากที่เรื่องนี้จบลง ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเทียนหยวนของแก หรือว่าเชียนคุนกรุ๊ปของตระกูลเจิ้ง แม้แต่ภัตตาคารป่าไผ่สีม่วงของคุณผู้หญิงก็ต้องเป็นของฉัน และอีกไม่นาน ทุกอย่างในเมืองนี้ก็จะต้องเป็นของพวกฉัน” ไป๋เหรินเจี๋ยส่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

เฉินฮั่นหลงตาแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น ราวกับว่าอยากจะกินเลือดกินเนื้อของสองพี่น้องตระกูลไป๋เสียเดี๋ยวนี้

กร๊อบ!

เครื่องประดับหยกที่ฉู่ชวิ๋นเคยมอบเอาไว้ให้กับเฉินฮั่นหลง ในขณะนี้ถูกฮวาชิงหวู่บดขยี้จนแหลกละเอียดเป็นผุยผงแล้ว

พริบตาต่อมา เกิดเสียงดังสนั่น เหมือนกับว่าฟ้าถล่มดินทลาย และแล้วม่านพลังที่ครอบคลุมทุกคนอยู่ก็สลายหายวับไปเหมือนกับดอกไม้ไฟบนท้องฟ้า

ทุกคนถึงกับตกตะลึงไปแล้ว ไม่มีใครคิดเลยว่าฮวาชิงหวู่จะสลายม่านพลังลงจริง ๆ

“พวกแกไม่รอดแน่!” ราชาปีศาจคำรามด้วยน้ำเสียงอาฆาตแค้นน่าขนลุก

“พวกเราปกป้องคุณหนูฮวา” โม่ซิงเหอถลันเข้าไปหาฮวาชิงหวู่

ซุนหยิง เฉินฮั่นหลง และคนที่เหลือรีบกระโดดเข้ามายืนล้อมรอบให้ผู้เป็นนายหญิงอยู่ตรงกลาง ถ้าใครจะเข้ามาทำอันตรายฮวาชิงหวู่ก็ต้องข้ามศพของพวกเขาไปให้ได้ก่อน

“พวกเราฆ่ามัน!” หยางเฟ่ยคำราม

“คัมภีร์ความลับฟ้าอยู่ตรงหน้าพวกเราแล้ว รีบลงมือ”

กลุ่มคนถึงกลับบ้าคลั่งไปหมด ไม่ว่าเป็นใครต่างก็อยากครอบครองคัมภีร์ความลับฟ้าทั้งสิ้น

“คุ้มครองเธอไปแล้วจะเกิดประโยชน์อะไร สุดท้ายเดี๋ยวเธอก็ต้องตายอยู่ดี” ราชาปีศาจพูดเย้ยหยัน ร่างกายของเขาล้อมรอบไปด้วยพลังลมปราณสีดำที่ส่งแรงสั่นสะเทือนน่าหวาดกลัว

เฉียงไท่ชักกระบี่ออกมาแล้ว

เกาเล่ยและเฟิงหลุนก็รีบลงมืออย่างไม่รอช้า

“มอบคัมภีร์ความลับฟ้ามาเดี๋ยวนี้” หยินจงจ้องมองไปที่พวกของเฉินฮั่นหลง

“พวกเราไม่มีคัมภีร์ความลับฟ้าสักหน่อย แกโดนคนอื่นหลอกแล้ว” เฉินฮั่นหลงตวาดกลับไปทันที

แต่จะมีใครเชื่อที่เขาพูดบ้าง?

ทันใดนั้นเอง หลิวเจี่ยเฟยที่ยืนอยู่ในกลุ่มคนกลับแสดงสีหน้าประหลาดออกมา

“ส่งคัมภีร์ความลับฟ้ามาซะ” หยางเฟ่ยย่างสามขุมเข้าไปหา

“ถ้าไม่ให้แล้วแกจะทำไม” โม่ซิงเหอยกมือขึ้นเตรียมต่อสู้ด้วยความเดือดดาล

หยางเฟ่ยหัวเราะเยาะอย่างไม่สนใจ อีกฝ่ายเหลือกำลังคนอยู่ไม่มาก ขั้นปรมาจารย์ระดับ 2 ในสำนักของเขาพลันยิงพลังฝ่ามือออกมาแล้ว

เปรี้ยง!

โม่ซิงเหอกระเด็นถอยไปพร้อมกับกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง

“ทำตามคำสั่งแต่โดยดี อย่าหาปัญหาใส่ตัวเลยดีกว่านะ” เฉียงไท่ยกกระบี่ขึ้นชี้หน้าพวกของเฉินฮั่นหลง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยันกระหยิ่มใจ

“คัมภีร์ความลับฟ้ามีอยู่แค่เพียงเล่มเดียวเท่านั้น ฉันควรจะยกมันให้กับใครดีล่ะ” พลัน ฮวาชิงหวู่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

ทุกคนหยุดชะงักไปทันที มีใครบ้างที่ไม่อยากครอบครองคัมภีร์ความลับฟ้าไว้แต่เพียงผู้เดียว?

“อย่าไปฟังที่เธอพูด เธอกำลังพยายามปั่นหัวเราอยู่ เธออยากให้เราสงสัยกันเองสร้างความแตกแยก อย่าถูกเธอหลอกเด็ดขาด พวกเราแค่จับตัวเธอ และเอาคัมภีร์ความลับฟ้ามาให้ได้ก็พอแล้ว” หลิวเจี่ยเฟยพูดพร้อมกับมีแววตาชั่วร้าย

“ฉันจะตัดหัวแก…” เฉินฮั่นหลงกระโดดเข้าใส่หลิวเจี่ยเฟยด้วยความเกลียดชังที่อัดแน่นเต็มอก

เปรี้ยง!

แต่พลังฝ่ามือของเขากลับถูกหนึ่งในจอมยุทธ์ของฝ่ายตรงข้ามเข้ามาขวางทางไว้ พร้อมกันนั้นอีกฝ่ายหนึ่งก็ปล่อยพลังโต้ตอบกลับมา ส่งผลให้เฉินฮั่นหลงกระอักเลือดออกมาจากปากอีกคำใหญ่ หน้าอกของเขาเจ็บแปลบ เนื่องจากหัวใจถูกคลื่นพลังของอีกฝ่ายกระแทกเข้าเต็มแรง

แต่โชคดีที่พลังฝีมือดีขึ้นจากตอนแรกมากเพราะได้กินน้ำจิตวิญญาณมาตลอดทำให้โดนแค่นี้จึงไม่ถึงกับตาย

 ฟึบ!

ทันใดนั้นริบบิ้นสีขาวเส้นหนึ่งก็ถูกโยนตรงเข้าไปหาหลิวเจี่ยเฟย

ราชาปีศาจยกมือขึ้น ตวัดมือเพียงทีเดียว ริบบิ้นขาวเส้นนั้นก็มาอยู่ในมือของเขาแล้ว

เปรี้ยง!

ริบบิ้นขาวระเบิดตัวออก ที่ริมฝีปากของฮวาชิงหวู่ปรากฏเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย

ราชาปีศาจแข็งแกร่งมากเกินไป เธอมีพลังน้อยเกินไป

“ผู้หญิงคนนี้เป็นของฉัน ทุกคนจะฆ่าใครก็ได้ แต่ฉันจะจัดการเธอเอง” เฟิงหลุนส่งเสียงร้องตะโกนบอกทุกคน ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแววราคะน่าขยะแขยง

เฉินฮั่นหลงคำรามออกมาเสียงดัง

เปรี้ยง!

ด้วยการตวัดขาเตะเพียงครั้งเดียว เฟิงหลุนก็ส่งเฉินฮั่นหลงลอยกระเด็นไปไกล

ซุนหยิงถลันเข้ามาต่อยหมัดสวนกลับ

เฟิงหลุนจับแขนของซุนหยิงและยกเท้าเตะอีกฝ่ายกระเด็นลอยไปอีกคน

ความแตกต่างระหว่างคนธรรมดากับจอมยุทธ์มีมากเกินไป มากจนไม่อาจรับมือไหว

ในดวงตาของเฟิงหลุนขณะนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยแววราคะน่ารังเกียจเช่นกัน เขาเอื้อมมือออกไปหมายจับตัวฮวาชิงหวู่ และตำแหน่งแรกที่มือของเขาจะสัมผัสบนตัวเธอก็คือหน้าอก

ทุกคนได้แต่ยืนมองเบิกตาโตด้วยความสนใจ ไม่ว่าเป็นใครก็ตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่าหญิงงามเช่นนี้ กำลังจะถูกข่มเหงต่อหน้าคนจำนวนมาก

แต่สำหรับพวกของเฉินฮั่นหลงแล้ว ทุกอย่างกลับตาลปัตรกันไปหมด ใบหน้าของพวกเขาปรากฏรอยยิ้มที่ผิดปกติออกมาแล้ว

สีหน้าที่ตื่นเต้นของเฟิงหลุนพลันเปลี่ยนแปลงไป

“นี่มันอะไรกันเนี่ย?” ทันใดนั้นเกิดเสียงอุทานขึ้น!

สิ่งที่ทุกคนกำลังเห็นในขณะนี้ก็คือ เส้นไหมสีขาวหลายเส้นเคลื่อนตัวอยู่ในอากาศเหมือนกับงูตัว มันเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วตรงเข้าไปหาทายาทของเจ้าสำนักไร้เงา เพียงไม่นานเส้นไหมก็เลื้อยพันมือ เท้า และลำคอของชายหนุ่มจนแกะไม่ออก

นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เฟิงหลุนไม่เข้าใจอีกแล้ว มือของเขาอยู่ห่างจากตัวของฮวาชิงหวู่เพียงแค่ 5 เซนติเมตร แต่กลับไม่สามารถเอื้อมออกไปจับตัวเธอได้เลย

ในพริบตานั้นเอง เส้นไหมขาวก็ดึงเขาขึ้นไปบนท้องฟ้า สูงขึ้นไป 10 เมตร 20 เมตร 50 เมตร ไปจนถึง 100 เมตร จอมยุทธ์ทุกคนได้แต่ยืนเบิกตาโตด้วยความตะลึงลาน และเห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเฟิงหลุนเต็มไปด้วยความตื่นกลัว

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันคือนายน้อยของสำนักไร้เงา แกเป็นใคร แกต้องการจะทำอะไรกันแน่?” เฟิงหลุนร่ำร้องออกมาด้วยความตกใจกลัว

ความไม่รู้คือสิ่งที่น่ากลัวมากที่สุด เส้นไหมขาวรัดพันตัวเขาอย่างไม่สามารถแกะออกได้ และเฟิงหลุนก็ถูกรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออกแล้ว

“แกเป็นใคร แสดงตัวเดี๋ยวนี้? พ่อฉันจะต้องไม่พอใจเรื่องนี้แน่…”

ในวินาทีต่อมา คำพูดของเฟิงหลุนก็เปลี่ยนไปกลายเป็นเสียงกรีดร้อง

กลุ่มคนที่ยืนมองอยู่ด้านล่างตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกอีกแล้ว ทุกคนได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่

โผละ!

เกิดเสียงสิ่งของที่เหมือนแตงโมตกกระแทกพื้นดังสนั่นหู ทุกคนที่เฝ้ามองอยู่ถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจกลัว ขนบนร่างกายลุกซู่

หลังจากที่ร่วงหล่นกระแทกพื้นแล้ว เฟิงหลุนไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดด้วยซ้ำ เขากลายร่างเป็นแค่เพียงเศษเลือดและกองเนื้อที่มีเข็มขัดสีขาวอยู่ตรงกลางเท่านั้น

“เหวอ…”

ศีรษะที่แตกกระจายของเฟิงหลุนส่งเนื้อสมองกระเด็นเปื้อนเต็มใบหน้าหลิวเจี่ยเฟย ทำเอาชายหนุ่มกรีดร้องอย่างเสียสติทันที

ว่ากันตามหลักความจริง ตำแหน่งที่เฟิงหลุนถูกดึงตัวขึ้นไปอยู่ใกล้กับฮวาชิงหวู่มากที่สุด แต่ตอนที่ร่วงหล่นลงมา เขากลับตกลงไปข้างกายของหลิวเจี่ยเฟย ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง

ท่ามกลางคลื่นความตื่นกลัวที่แผ่กระจายออกไปโดยรอบ ช่วยไม่ได้เลยที่ทุกคนจะตัวสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่น เมื่อเห็นยอดฝีมืออย่างเฟิงหลุนกลายสภาพเป็นเพียงแค่กองเนื้อกองหนึ่งแล้ว ท้องไส้ของทุกคนก็ปั่นป่วน สองขาอ่อนยวบแทบจะไม่มีแรงยืนอีกต่อไปแล้ว