บทที่ 133 สังหารญาติ

คู่ชะตาบันดาลรัก

นายท่านหกเหงื่อท่วมตัว ครั้งที่แล้วเขายังสับสนอยู่เลยว่าได้รับบาดเจ็บอย่างไรกันแน่ เพราะว่าสับสนมึนงงเลยไม่รู้ว่าต้องกลัวหรือสร่างเมาดี

ในตอนแรกเขาไม่สามารถยอมรับความจริงได้จึงโวยวายเสียใหญ่โต

หมอที่มีชื่อเสียงแต่ละคนที่ได้เชิญมาต่างบอกว่าช่วยไม่ได้แล้ว สำหรับคนที่ชื่นชอบการมีความสัมพันธ์กับสตรีมากมายเช่นเขาแล้ว นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับการตายทั้งเป็น

หลังจากนั้นนายท่านสองก็โยนเอาการตายของฮูหยินสามมาลงที่เขาทำให้เขาถูกตีจนเกือบตาย นายท่านหกถึงตระหนักได้เรื่องหนึ่ง

เมื่อก่อนครอบครัวได้ละเลยเขาเพราะว่าไม่ต้องการเขา ตอนนี้เขากลายเป็นคนไร้ประโยชน์ เป็นคนไร้ประโยชน์ต่อตระกูลหมิง เป็นบุตรชายที่ถูกทอดทิ้ง

หลายวันมานี้เขานอนรักษาตัวอยู่บนเตียงรู้สึกดำดิ่งลงไปในทุกๆ วัน แต่ละวันเวลาช่างผ่านไปอย่างน่าเบื่อ คิดว่าตายไปเสียเลยจะดีกว่า

จนกระทั่งตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับหมิงเวยเขาถึงได้รู้ว่าการเป็นคนไร้ประโยชน์ยังดีกว่าตาย

“เจ้าจะทำอะไร! เจ้าคิดจะทำอะไร!” เขาถามอย่างตื่นตระหนก ทำท่าพยายามจะลุกขึ้นนั่ง แต่ร่างกายส่วนล่างของเขาเป็นอัมพาตและเขาก็ไม่สามารถลุกขึ้นนั่งได้เลย

“ท่านพี่!” ฮูหยินหกต้องการไปช่วยพยุงเขา แต่ถูกสายตาของหมิงเวยห้ามเอาไว้ นางเอามือกุมแก้มที่บวมแดงโดยไม่ได้ตั้งใจ ที่นางตบมาเมื่อครู่ตอนนี้ยังรู้สึกเจ็บอยู่เลย

“เสี่ยวชี!” ฮูหยินผู้เฒ่าตะโกนเรียก “ย่าสั่งสอนเขาไม่ดีเอง หากอยากโทษให้โทษย่าเถอะ! ตอนนี้เขากลายเป็นคนไร้ประโยชน์ เขาได้รับผลกรรมไปแล้ว!” พูดไปก็นึกขึ้นมาได้

ไม่จำเป็นต้องให้หมิงเวยสั่ง อาหว่านก็รีบก้าวเท้ามายืนอยู่ข้างๆ นาง กดนางให้นั่งลงบนเก้าอี้แล้วหัวเราะ “ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ ท่านอายุมากแล้ว นั่งดีๆ เถิดเจ้าค่ะ คงไม่ดีหากต้องทำร้ายท่าน!”

“ปล่อยข้า!”

ฮูหยินผู้เฒ่าอยากผลักนางออก แต่หญิงชราผู้หนึ่งจะมีแรงมากมายเพียงนั้นได้อย่างไร อาหว่านปล่อยให้นางผลัก แต่ตนเองก็ไม่ได้ขยับไปไหน

“ข้าคิดมานานแล้วว่าจะจัดการท่านอย่างไรดี” หมิงเวยพูดช้าๆ “เดิมทีคิดว่า ทำให้ท่านกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ก็เจ็บปวดมากพอแล้ว หลังจากนั้นข้าก็คิดว่าไม่ถูกต้อง สำหรับคนพวกนี้แล้วตายดีมิสู้มีชีวิตที่ยากลำบากซะดีกว่า คนอย่างท่านแม้จะไร้ประโยชน์ แต่ก็สามารถข่มเหงผู้อื่นได้ ไม่แน่ว่าจิตใจที่บิดเบี้ยวอาจกลายเป็นความวิปริตที่น่ารังเกียจ ถ้าเป็นเช่นนั้นการให้ท่านอยู่อย่างไร้ประโยชน์จะมีความหมายอะไร”

นายท่านหกพยายามถอยหลังกลับ ทุกวันนี้เขาอยู่บนเตียงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่ละวันไม่กินก็นอนรูปโฉมเดิมทีที่บึกบึนกล้าหาญค่อยๆ กลายเป็นคนอวบอ้วน รูปลักษณ์ที่น่ากลัวเช่นนี้ช่างทำให้ดูน่าขันยิ่งนัก

หมิงเวยรู้สึกเศร้าโศกเพราะคนไร้ประโยชน์ผู้นี้ทำให้เกิดความโชคร้ายในชีวิตฮูหยินสาม

“ไม่ ข้าไม่ได้ตั้งใจ!” ความกลัวทำให้นายท่านหกตะโกนออกมา ตอนนี้เขาตระหนักอย่างลึกซึ้งในสิ่งที่หมิงเวยพูด ตายดีมิสู้มีชีวิตที่ยากลำบากซะดีกว่า แม้ว่าเขาจะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ แต่เขาก็ยังไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารเสื้อผ้าเพราะมีคนคอยปรนนิบัติให้ แม้ว่าเขาไม่สามารถคิดถึงเรื่องเช่นนั้นในอนาคตได้ แม้ว่าชีวิตของเขาจะไม่ดีเหมือนเดิม แต่เขาก็ยังอยากมีชีวิตอยู่!

“ข้าแค่เมา ความรักมันห้ามไม่ได้! ข้ารักพี่สะใภ้สามจากใจ…”

“เพี้ยะ!” เสียงตบดังขัดจังหวะเขา

ใบหน้าของหมิงเวยเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง “ท่านไม่มีค่าพอให้พูดถึงท่านแม่!” นายท่านหกจับแก้มที่ร้อนผ่าวของเขาและเริ่มกลัวมากขึ้น แต่เขาก็ไม่กล้าพูดออกไปทำได้แค่อ้อนวอนทางสายตาเท่านั้น

หมิงเวยเสียใจมาก “ท่านเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ทำให้ชีวิตของท่านแม่ต้องพัง นางตายแล้ว แล้วท่านมีเหตุผลอะไรให้มีชีวิตอยู่ต่ออีก”

เมื่อฟังความหมายของนางหญิงสาวหลายคนในที่นี้ก็ตกใจ

ฮูหยินผู้เฒ่าตะโกน “เสี่ยวชี! หลานทำเช่นนั้นไม่ได้นะ เขาเป็นอาหกของเจ้า!”

ฮูหยินหกคุกเข่าเสียงดัง ‘ตุบ’ มือกุมชายกระโปรงของนางแล้วร้องไห้ “ไม่ได้นะ! ข้าคุกเข่าให้เจ้า ได้โปรดอย่าทำร้ายเขาเลย…”

หมิงเวยมองนางใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง “ชายผู้นี้ยังทำร้ายท่านไม่พออีกหรือ ตอนที่เขาแข็งแรงดี วันๆ เอาแต่มีความสัมพันธ์กับสตรีมากหน้าหลายตา มีสตรีเข้ามาไม่ว่างเว้น แม้กระทั่งรู้เห็นเป็นใจให้พวกนางรังแกท่าน ตนเองอยากตีท่านก็ตี อยากด่าก็ด่าคนเช่นนี้ท่านยังขอร้องแทนเขาอีกหรือ”

ฮูหยินหกร้องไห้ “เขา เขาเป็นสามีของข้า! ขอ ขอร้องล่ะ หากจะฆ่าก็ฆ่าข้าแทนเถอะ!” หมิงเวยหมดความสนใจก็แค่ผู้หญิงโง่ๆ นางหนึ่ง!

อีกด้านหนึ่งนายท่านสามก็หัวเราะออกมา “พวกท่านกลัวอะไรกัน คิดว่านางจะฆ่าน้องหกงั้นหรือ ทำร้ายผู้อาวุโส หากนางกล้าทำในใต้หล้านี้คงไม่มีที่สำหรับนางแล้ว”

พอเขาพูดเตือนสติ ฮูหยินผู้เฒ่าก็มีปฏิกิริยา ใช่ เมตตาธรรมและกตัญญูกตเวทิตาเป็นรากฐานของการปกครองประเทศ แค่ยื่นอุทธรณ์ก็เท่ากับว่าดูหมิ่นคนทั้งโลกแล้ว

นายท่านหกเริ่มยิ้มด้วยความโล่งใจที่แท้นางก็แค่ขู่เขา! ถ้าอย่างนั้น…

“อ่อก!” ทันใดนั้นแสงสีขาวก็สว่างวาบขึ้นใกล้กับองครักษ์ที่อยู่ใกล้สุด มีดคาดเอวถูกดึงออกมา ดวงตาของหมิงเวยสงบนิ่งนางตวัดมือลงไปโดยที่มือของนางไม่สั่นเลยสักนิด

“สวบ!” เลือดพุ่งออกมา รอยยิ้มของนายท่านหกค้างบนใบหน้าของเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

แล้วหมิงเวยก็เปิดปากพูด “ในเมื่อท่านไม่มีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ถ้าอย่างนั้นก็ตายไปขอรับโทษต่อท่านแม่เถอะ!” สิ้นสุดคำพูดประกายในดวงตาของนายท่านหกค่อยๆ หายไป ศีรษะตกลง

แม้ตายไปแล้วดวงตาของเขาก็ยังไม่ปิด ห้องเซ่นไหว้ผู้ตายตกอยู่ในความเงียบ ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นเสียดแทงหัวใจ “ลูกหก! ลูกของข้า!”

ฮูหยินหกก็ตกตะลึงเช่นกัน นางเดินไปไม่กี่ก้าวแล้วสัมผัสมือของนายท่านหก “ท่านพี่ ท่านพี่เจ้าคะ!” แต่ไม่ว่านางจะสะกิดอย่างไร นายท่านหกก็ไม่ขยับ

ฮูหยินหกเงยหน้าขึ้นมองหมิงเวยด้วยความตกใจ “เจ้า เจ้า…กล้าฆ่า…”

หมิงเวยเหลือบมองนางอย่างไม่แยแสและโยนมีดคาดเอวกลับไป

ฮูหยินหกกรีดร้องแล้วทุบตีนาง “เจ้ามันนังงูพิษ! ต่ำเหมือนแม่ของเจ้า! เจ้ากล้าฆ่าเขา กล้าฆ่าเขาได้อย่างไร!”

“ปล่อยคุณหนูนะเจ้าคะ!” ซู่เจี๋ยกับปิงซินโกรธมากรีบพากันเข้าไปดึงนางออกมา เกิดความวุ่นวายในห้องเซ่นไหว้ผู้ตาย ฮูหยินผู้เฒ่าที่ร้องไห้อย่างหนัก ฮูหยินหกที่ตะโกนด่าทอเสียงดังอย่างกับอยู่ในตลาด

แม่นมถงตอนนี้น้ำตาไหลพรากนางพึมพำ “ฮูหยินเจ้าคะ ท่านเห็นหรือไม่ ไอ้คนที่รังแกท่านมันตายแล้ว! ในที่สุดเขาก็ตายแล้ว!” นางเศร้าโศกจนต้องปิดหน้าร้องไห้ออกมา

“ข้าจะฟ้องเจ้าๆ!” ฮูหยินหกตะโกนด่าอย่างไร้สติ “เจ้ากล้าฆ่าผู้อาวุโส เจ้าต้องถูกลงโทษด้วยวิธีฆ่าหั่นศพถูกผู้คนในใต้หล้ารุมด่าทอ!”

หมิงเวยกวาดตามองไม่คิดสนใจนางแล้วเดินไปอยู่ตรงหน้านายท่านสาม

“ท่านคิดว่ากระตุ้นให้ข้าฆ่าเขาแล้วข้าจะเกิดปัญหางั้นหรือ” นายท่านสามมองนางอย่างเย็นชา

นางหัวเราะเบาๆ “บอกว่าข้าฆ่าคนมีผู้ใดเห็นบ้างล่ะ”

อาหว่านเป็นคนแรกที่ส่ายหน้าแล้วพูดออกมาเสียงดัง “ข้าน้อยไม่เห็นอะไรเลย! ฆ่าคนที่ไหนกัน ไม่มีเจ้าค่ะ!”

หยางชูที่ยืนดูการแสดงอยู่ตลอดหัวเราะแล้วพูดช้าๆ “ฆ่าคนงั้นหรือ ไม่ใช่เป็นเพราะนายท่านหกรู้สึกละอายใจจนชักมีดเพื่อฆ่าตัวตายเองหรอกหรือ”

พอได้ยินเช่นนั้นฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินหกก็รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก

เมื่อมองไปที่คนอื่นๆ สีหน้าของแม่นมถง ซู่เจี๋ยและปิงซินเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เหล่าองครักษ์ไม่แสดงสีหน้าอะไร ฮูหยินสองหันหน้าไปทางอื่น มือของนางปิดตาหมิงฮ่าวเอาไว้คล้ายไม่อยากให้สนใจ ส่วนครอบครัวนายท่านสี่ก็มีท่าทางสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะฉะนั้นไม่มีประโยชน์ที่พวกนางจะฟ้องร้องในข้อหาฆาตกรรมนี้ได้

…………………………………………..