นอกจากเริ่นหลี่เจิ้งกับลูกชายสองคนของเขาที่อยู่ในหมู่บ้าน ที่รู้สึกว่าตัวเองฉลาดหลักแหลมแล้ว นอกนั้นคนที่คบค้าสมาคมกับพวกเขาต่างก็มีความรู้สึกเหมือนกัน นั่นคือไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น
ทุกคนต่างก็ไม่รู้เรื่องราวนี้ว่ามีความเป็นมาอย่างไร
แม้ตอนนี้เรื่องราวจะถูกเปิดเผยออกมาแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้
เหมือนดังคำพูดนั้น ไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน มักไม่เข้าใจในความคิดของเขาได้
แม้กระทั่งคนที่คบค้าสมาคมกับเขา ก็ไม่รู้ได้สึกโกรธแค้นคนที่ไปร้องเรียนคนนั้น
เพราะในใจของพวกเขามีคนที่เขาชิงชังอยู่แล้ว
แม่บ้านรายงานให้เซี่ยเหวินฮุ่ยทราบ “ฮูหยิน นายท่านได้ออกเดินทางไปก่อนรถขนข้าวสารแล้ว รถขนข้าวสารจำนวนสิบคันรถเพิ่งจะออกเดินทางไป โดยมีพ่อบ้านเดินทางไปดูแลด้วยตนเอง นอกจากนี้ในจวนของพวกเราไม่มีข้าวไม่ขัดสี ต้องไปเปิดคลังเสบียงใช้ข้าวขาวกับแป้งละเอียด รวมให้ครบจำนวนทั้งหมดประมาณห้าพันจิน”
เซี่ยเหวินฮุ่ยโบกมืออย่างเหนื่อยใจ นางให้แม่บ้านกลับไปก่อน
สาวใช้ใหญ่ส่วนตัวคอยนวดขาให้เซี่ยเหวินฮุ่ย และคอยพูดกล่อมให้นางคลายความโมโหลง
เซี่ยเหวินฮุ่ยพิงกับพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง
เพราะทำอะไรไม่ได้ ถึงโมโหดั่งมีไฟเผาอยู่ในอกเช่นนี้
พลอยได้รับผลกระทบทั้งที่ไม่รู้เรื่องด้วย
ทุกปี นางก็ให้เงินกับพ่อสามี ถ้าให้ไม่ถึงสามถึงห้าร้อยตำลึง อย่างน้อยก็ให้ถึงหนึ่งร้อยกว่าตำลึง
เงินก็ส่วนเงิน สิ่งของก็ส่วนสิ่งของ
เพราะไม่อยากให้พ่อสามีกับน้องชายของสามีทั้งสองคนสร้างปัญหา แม้จะไม่สามารถช่วยเหลือการงานของนางกับเริ่นจื่อเซิง แต่อย่างน้อยเมื่ออยู่ข้างนอกก็ช่วยสร้างภาพลักษณ์ของพวกเขาเหมือนดังบัณฑิต พยายามทำให้พวกเขามีหน้ามีตาหน่อย
เซี่ยเหวินฮุ่ยคิดไม่ออก นางจึงถามสาวใช้ส่วนตัว “เจ้าลองพูดสิ ข้าให้พวกเขาไม่เคยขาดของกิน ไม่ขาดแคลนเสื้อผ้าสวมใส่ ครอบครัวพ่อของสามีก็มีเงินเหลือใช้ ทำไมถึงทำเรื่องเช่นนี้ได้”
สาวใช้ไม่กล้าออกความเห็นเกี่ยวกับตระกูลเริ่น เกรงว่าพูดไปแล้ว นายหญิงจะยิ่งโมโหขึ้นอีก
สาวใช้ไม่พูด แต่เซี่ยเหวินฮุ่ยก็รู้ดี ดังนั้นนางถึงโมโห ยิ่งคิดก็ยิ่งเพิ่มความโมโห พาลโกรธไปถึงพี่ชายแท้ๆ ของตัวเอง
ในตอนนั้นเริ่นจื่อเซิงค่อนข้างสุภาพ เขามักจะคอยติดตามพี่ชายของนางและไปมาหาสู่อยู่เสมอ และตามพี่ชายของนางเข้ามาในจวนเพื่อขอคำชี้แนะจากอาจารย์คนใหม่ที่ถูกเชิญมาสอนหนังสือในจวน ให้อาจารย์แนะแนวสั่งสอนความรู้ให้
เมื่อมาบ่อยครั้ง นางกับเริ่นจื่อเซิงก็มีโอกาสได้พบเจอกันโดยบังเอิญ
คาดไม่ถึงว่าจะหลงกลอุบายของหญิงสารเลวอวี๋ซื่อนั่น กล้าที่จะวางแผนนาง ทำให้นางต้องแต่งเข้าตระกูลเริ่น
เดิมทีนางอยากแต่งงานกับคนชั้นสูงเพื่อที่จะสามารถช่วยเหลือพี่ชายในเรื่องการงานได้ แต่กลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้
นางเกิดเป็นลูกผู้หญิงและยังเป็นลูกของภรรยาน้อย นอกจากยอมรับในชะตากรรมของชีวิตแล้วจะทำอย่างไรได้?
ถ้าอวี๋ซื่อไม่วางแผนนาง อวี๋ซื่อได้ชื่อว่าเป็นนายหญิงใหญ่ของจวน(เป็นภรรยาใหญ่) ถ้ามีความจริงใจในการช่วยนางเลือกคู่ชีวิตจริง เลือกอย่างไรก็คงไม่เลือกเริ่นจื่อเซิง และคงไม่เป็นดัง เช่นวันนี้ที่นางต้องอับอายขายหน้า และกลายเป็นเรื่องขบขันให้คนใช้ในจวนโหวหัวเราะเยาะกัน
อีกทั้งแม่ของนาง (ท่านน้าไป๋) ที่อยู่ในจวนเป็นคนรับปัญหาหนักที่สุด
เซี่ยเหวินฮุ่ยแค้นเคืองอวี๋ซื่อ
ในขณะเดียวกัน ท่านน้าไป๋แม่ของนางก็มีความคิดเหมือนกันกับลูกสาว
ดูอวี๋ซื่อสิ นางเลือกลูกเขยให้ลูกสาวข้าอย่างไรกัน เป็นคุณหนูของจวนโหวแท้ๆ ต้องมาลดตัวแต่งงานกับครอบครัวธรรมดาจนกลายเป็นเรื่องซุบซิบนินทาของชาวเมืองเฟิ่งเทียน
ตอนนี้ทางบ้านของพ่อสามียังทำเรื่องน่าอับอายขายหน้าเพียงเพื่อเงินไม่กี่สิบตำลึง นางจะให้ลูกสาวของข้ามีหน้าออกไปพบปะผู้คนข้างนอกได้อย่างไร? นางตัดเส้นทางอนาคตของลูก เขยข้า แม้กระทั่งตัดเส้นทางอนาคตของเหวินหยวน
นางเป็นคนสารเลวจริงๆ คนสารเลว
“ท่านน้าไป๋” ชิงเหอยืนอยู่ตรงหน้าประตูด้วยสีหน้าเย็นชา นางทำเหมือนมองไม่เห็นชิ้นส่วนของถ้วยกระเบื้องที่แตกอยู่บนพื้นห้อง นางเอ่ยขึ้น “ฮูหยินให้ท่านไปสวดมนต์ขอพรที่ห้องพระเพื่อขอพรให้กับพวกชาวบ้านที่ถูกรังแก และขับไล่สิ่งไม่ดีออกจากร่างกาย”
ท่านน้าไป๋รีบเก็บอารมณ์ความแค้นเคือง นางตอบกลับอย่างนอบน้อม “ทราบแล้ว” และนางก็รีบเงยหน้าขึ้น “ชิงเหอ คุณชายใหญ่?”
“คุณชายใหญ่ไม่ใช่คนที่ท่านน้าไป๋ควรจะถามถึง”
ถึงแม้คุณชายใหญ่จะเป็นลูกชายที่เกิดจากท่าน แล้วจะเป็นอย่างไร?
ชิงเหอได้ระบายอารมณ์ออกมา สาวใช้ที่กล้าขึ้นเตียงและครุ่นคิดการใหญ่ อีกทั้งยังให้กำเนิดลูกชายคนโต “ลูกภรรยาน้อย” ในตอนนั้นยังกล้าลงมือฮูหยินใหญ่จนฮูหยินต้องสูญเสียลูกคนแรกไป นั่นเป็นฮูหยินใหญ่ที่นั่งเกี้ยวแต่งเข้าจวนและมีขบวนเจ้าสาวถึงแปดขบวน นางเป็นแค่สาวใช้คนหนึ่งที่อาศัยเรือนร่างทำให้ท่านโหวเอ็นดู กลับไม่รู้จักที่สูงแผ่นดินต่ำ มิน่าคนในครอบครัวของพวกนางถึงไม่รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชิงเหอก็บอกท่านน้าไป๋ว่า “ท่านอยากถามถึงคุณชายใหญ่ใช่ไหม? ท่านโหวให้คุณชายคัดบทสวดมนต์เหมือนกับท่าน อยากให้คุณชายมีจิตใจสงบ ใช่แล้ว เป็นท่านโหวท่านโหวส่งคนจากเรือนหน้ามาบอกคุณชายใหญ่
ท่านน้าไป๋ขาอ่อนแรงทันที แน่นอนว่าท่านโหวต้องรู้สึกอับอายขายหน้ามาก พลอยโกรธเหวินหยวนลูกของนาง
ตอนนี้อวี๋ซื่อนั่งอยู่ในสวนดอกไม้
นางถามสาวใช้คนสนิท “เดือนหนึ่งเจ้าได้เงินเท่าไหร่?”
“เรียนฮูหยิน สิบห้าตำลึง”
“ฮ่าๆ ฮ่าๆ” อวี๋ซื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าป้องปากหัวเราะออกมา
ได้ยินสาวใช้บอกว่า เดือนหนึ่งได้เงินถึงสิบห้าตำลึง หญิงสารเลวนั่นคลอดคนเลวออกมา พ่อสามีโกงเงินแค่สิบยี่สิบตำลึง เรื่องนี้ช่างน่าขำสิ้นดี
พวกสาวใช้ต่างคุกเข่าลง แต่ละคนหวาดกลัว
พวกนางคิดว่าฮูหยินโมโหจนบ้าไปแล้ว ไม่งั้นคงไม่โมโหแล้วหัวเราะออกมา
อวี๋ซื่อจับดอกไม้ นางขมวดคิ้วครุ่นคิด
ใช่สิ เป็นเพียงแค่สาวใช้ที่ปีนขึ้นเตียงแล้วให้กำเนิดลูกสาวออกมา จะมีหน้ามีตาได้อย่างไร พวกนางแต่ละคนคงไม่เคยเห็นเงินจำนวนมาก แค่เห็นเงินเพียงแค่หนึ่งฝ่ามือก็คิดว่ามากมายมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนางเลือกสามีให้กับเซี่ยเหวินฮุ่ยที่เป็นชาวบ้านธรรมดา ก็เป็นพวกกบที่อยู่ในกะลาเท่านั้น
แต่ก็มีความแค้นเคืองอยู่ในจิตใจ นางยังต้องมาแก้ปัญหาให้กับพวกกบในกะลาพวกนี้เพราะนางไม่ต้องการให้ชื่อเสียงของ “อู่อานโหว” สามคำนี้กลายเป็นที่ขบขันของชาวเมือง และไม่ต้องการให้ลูกชายของนางเมื่อต้องรับตำแหน่ง “อู่อานโหว” ต้องถูกผู้คนภายนอกหัวเราะเยาะ
“ลูกข้าล่ะ”
ชิงเหอกลับมาพอดี นางกระซิบข้างหูอวี๋ซื่อ “ท่านโหวให้คุณชายไปจวนกั๋วกง”
“เมื่อสถานการณ์คับขัน เขาก็คาดหวังกับลูกชายของข้า เขาทำไมถึงไม่หาลูกชายคนโตของเขาให้ออกหน้า? น้องสาวของลูกชายคนโตของเขาทำเรื่องเดือดร้อน ขอร้องให้คนช่วยกลับให้ลูกชายของข้าไปขอร้อง”
“ฮูหยิน” ชิงเหอส่ายหน้า ไม่ให้เอาความขัดแย้งนี้ไปลงที่ท่านโหว การพูดแบบนี้ดูไม่ฉลาดเลย เฮ้อ ฮูหยินมีนิสัยแบบนี้ถึงไม่ค่อยถูกกันกับท่านโหว เมื่อทบทวนไปมาแล้ว เพื่อพูดให้อวี๋ซื่อรู้สึกดีขึ้น นางก็พูดพร้อมรอยยิ้ม
“ฮูหยิน คุณชายใหญ่อยากจะไปจวนกั๋วกง แต่จวนกั๋วกงเป็นสถานที่อะไร จะให้เขาเข้าไปได้อย่างไร ข้าสงสัยว่าคุณชายลู่ของจวนกั๋วกงคงไม่รู้จักคุณชายใหญ่ของจวนพวกเราว่าเป็นใคร”
คำพูดนี้ อวี๋ซื่อได้ยินก็ชอบใจ
แน่นอน หมินหรุ่ยคนนี้ มีเพียงเหวินอวี่ลูกชายของนางที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ครอบครัวเขามีลูกชายผู้สืบทอดฐานะเพียงคนเดียว คนที่คบหาสมาคมต่างก็เป็นทายาทที่สืบทอดตำแหน่งในอนาคตของตระกูลกันทั้งนั้น
นี่ถึงเรียกว่า มังกรก็คือมังกร หงส์ก็คือหงส์ ลูกภรรยาน้อยอะไร ถึงแม้เป็นลูกชายของท่านโหวก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เซี่ยเหวินหยวนก็ไม่สามารถเข้าสู่สังคมชั้นสูงได้ มีเพียงเซี่ยเหวินอวี่ของนางที่เป็นลูกชายแท้ๆ ของจวนโหว
เซี่ยเหวินอวี่ไม่ได้รู้สึกภูมิใจเหมือนกับท่านแม่เลยแม้แต่น้อย อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้รู้สึกภูมิใจที่ได้เข้ามาในจวนกั๋วกงวันนี้
อับอายขายหน้ามาก
เขาไม่อยากมาที่นี่เลย
ลู่พั่นไม่แปลกใจที่เซี่ยเหวินอวี่มาหาถึงที่จวน เขาชี้ไปที่ถ้วยซุปเห็ดที่วางอยู่บนโต๊ะ “ลองชิมดู”
เซี่ยเหวินอวี่สูดดมกลิ่น หอมมากกก ตุ๋นอะไร ไม่ใช่สิ เขามาเพื่อทำธุระสำคัญ
“หมินหรุ่ย ข้า?”
เพิ่งเอ่ยชื่อ เขาก็หยุดชะงัก หน้าแดงก่ำขึ้นมา
เขาหน้าแดงอยู่ครู่หนึ่ง ภายในห้องบรรยากาศเงียบลง หมิงรุ่ยทำไมถึงไม่ไว้หน้าเขานะ แม้แต่จะถามก็ไม่ถาม คนนี้สุขุมมาก คนมีนิสัยเยี่ยงนี้จะขาดความน่าสนใจไม่น้อยเลย
เขาทำได้เพียงแค่เกาหัว เซี่ยเหวินอวี่เขยิบเก้าอี้ไปข้างหน้า พร้อมกับพูดความจริง
“หมินหรุ่ย เจ้าคงรับรู้สถานการณ์ของบ้านข้า…
…เฮ้อ ข้าก็ไม่ทราบว่าท่านแม่ของข้าจะสำนึกหรือไม่…
…นางเพียงแต่คิดอยากระบายความเคียดแค้น อยากแก้แค้น…
…เมื่อครู่ท่านพ่อของข้าก็บอกว่า นางไม่คำนึงถึงชื่อเสียงของจวนโหว เมื่อชื่อเสียงถูกทำลายก็พลอยสูญเสียชื่อเสียงกันไปทั้งหมด…
…เซี่ยเหวินฮุ่ยแต่งงานกับคนในครอบครัวที่มีฐานะต่ำกว่ามาก เซี่ยเหวินฮุ่ยไม่ได้เสียหน้าเพียงคนเดียว คนภายนอกไม่ได้สนใจเรื่องภายในจวน พวกเขาได้แต่วิจารณ์นายหญิงของจวนไม่มีความเมตตา และวิจารณ์ท่านพ่อว่า ดูแลครอบครัวไม่เคร่งครัด…
…ข้าครุ่นคิดอย่างละเอียด ท่านพ่อคิดถึงภาพรวมทุกด้าน แต่ท่านแม่ของข้าก็ยังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่ตลอดเวลา ข้าเห็นท่านแม่ต้องคอยซับน้ำตาอยู่ทุกวัน…
…ไม่รู้ว่าจะโทษใครดี? พูดตามความจริง ข้าคิดมาตลอดทางเกี่ยวกับเรื่องทุจริตสิบกว่าตำลึง ข้าคิดยังไงก็คิดไม่ออก”
“เจ้ามาเพื่อพูดถึงเรื่องนี้หรือ?” ลู่พั่นถามขึ้น เขาเกือบจะพูดให้ชัดเจนว่า เจ้าพูดเข้าเนื้อหาหลักได้แล้ว อย่าพูดพล่าม
ออ แค่เล่าเรื่องราวก่อนหน้านี้ก่อน ถ้าไม่มีเรื่องพวกนี้ เซี่ยเหวินฮุ่ยคงไม่ตาบอดไปแต่ง งานกับคนตระกูลเริ่นคนชั้นล่างนั่นหรอก นางไม่แต่งงานเข้าบ้านนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็คงไม่ เกี่ยวข้องกับจวนโหวของพวกเขา
เซี่ยเหวินอวี่ฉีกยิ้ม
“ได้สิ ข้าจะเข้าเรื่องเลยแล้วกัน…
…เรื่องนี้ ถ้าจะบอกว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็คงไม่ใช่เพราะเงินเพียงเล็กน้อย พวกเราตบเงินรางวัลยังมากกว่านี้หลายเท่า…
…แต่ถ้าจะบอกว่าเป็นเรื่องเล็ก มันก็ไม่เล็ก เพราะแม้จะทุจริตเงินจำนวนน้อย แต่มันเกี่ยวพันกับหน้าตาของจวนโหว ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง…
…หมินหรุ่ย เจ้าลองคิดดู คนภายนอกไม่สนใจว่าคนในจวนอย่างพวกข้าจะรู้เรื่องหรือไม่ และไม่สนใจว่าทำไมเซี่ยเหวินฮุ่ยถึงแต่งงานกับคนที่มีฐานะต่ำกว่า พ่อสามีของเซี่ยเหวินฮุ่ย พวกข้ายังไม่เคยเจอหน้าแม้แต่ครั้งเดียว…
…คนภายนอกรู้แต่เพียงว่า พ่อสามีของคุณหนูจวนโหวทุจริตเงินสิบยี่สิบตำลึงถูกลงโทษถึงขั้นตัดหัว…
…ส่วนข้านะหรือ? แค่ข้าคิดถึงคำพูดซุบซิบนินทา ข้าก็ไม่มีหน้าออกไปข้างนอกแล้ว เจ้าต้องช่วยข้ามีหน้าไปพบปะผู้คน…
…ถ้าเริ่นหลี่เจิ้งคนสารเลวคนนั้น หมินหรุ่ย ถ้าเขาทุจริตเงินพันตำลึง ไม่สิ แม้เพียงแค่ห้าร้อยตำลึง วันนี้ข้าก็จะไม่มาขอร้องเจ้า ฆ่าเขาเสีย ทำให้เป็นคดีตัวอย่าง…
…เขาทุจริตครั้งนี้เพื่อเงินหลายร้อยตำลึง ต้องโทษประหาร ไม่ถือว่าอับอายขายหน้า…
…คนตายเพราะเงิน อย่างมากสุดจวนโหวของพวกข้าก็ถือว่าดวงซวยถูกคนติฉินนินทาไม่กี่วัน…
…แต่เขาทุจริตครั้งนี้เป็นเงินเพียงเล็กน้อย เขาตายก็ไม่เป็นไร แต่ว่าพวกข้าพลอยโดนผลกระทบไปด้วย กลายเป็นเรื่องที่น่าขบขันของคนอื่น…