บทที่ 155
โชคดีหลบหนีมาได้
อู๋จื้อเฟิงก็ได้ชักดาบกลับแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก “ข้าไม่ฆ่าเจ้าก็ได้”
หลินซีเหยียนก็ยินดีขึ้นมา แต่นางก็แสดงออกมาแค่ครึ่งเดียว “ที่ไว้ชีวิตข้า ท่านอยากให้ข้าทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?”
“รู้ดีนี่เจ้าหนู ข้าอยากให้เจ้าฝากนำข้อความไปส่งให้แม่ทัพเยี่ยหน่อย บอกเขาว่าข้ายินดีที่จะแบ่งทองในเหมืองให้เขาครึ่งหนึ่งหากว่าเขายอมปล่อยพวกเราไป”
“ถ้าเช่นนั้น ผู้น้อยขอตัว” หลินซีเหยียนที่เงียบไปพักใหญ่ๆ แล้วก็ได้พูดขึ้นมาแล้วจากไปอย่างช้าๆ
อู๋จื้อเฟิงที่มองดูแผ่นหลังของนางแล้วรู้สึกดูคุ้นๆ แต่เขาก็นึกไม่ออกแล้วว่าเคยเห็นนางที่ไหน หลังจากที่ร่างของ หลินซีเหยียนลับสายตาไปแล้ว แล้วเขาก็ได้ชกต้นอย่างโมโห “มันคือคนคนนั้นปลอมตัวนี่นา”
หลินซีเหยียนที่ชนะพนันนี้ก็ได้ลงจากภูเขาอย่างยินดีมาก ถ้าเป็นไปตามที่นางคาด คนพวกนั้นคงจะลงจากเขามาในอีกไม่ถึงชั่วยาม “รีบลงจากเขานี้แล้วเอาข่าวนี้ไปแจ้งให้พี่เยี่ยฟังดีกว่า!”
ในภูเขาอูอวิ๋น อู๋จื้อเฟิงนั้นโมโหจัดเพราะความผิดพลาดของเขานั้นทำให้ปล่อยศัตรูหนีรอดไป ในขณะที่เขากำลังต้องการความเงียบสงบอยู่นั้น ก็ได้มีเสียงร้องเสียดแทงหัวใจดังมาจากด้านหลังเขา
“เงียบน่า พวกแกเป็นบ้าอะไรกัน?” อู๋จื้อเฟิงที่โกรธจนจวนจะถึงจุดระเบิดนั้น ก็ได้หันกลับมาแล้วจ้องไปที่ผู้คนด้านหลังเขาที่ไม่รู้จักเป็นกังวลกันบ้างรึยังไง?
“ลูกพี่ใหญ่ คนของพวกเราบางคนถูกพิษ”
ดูเหมือนว่าอู๋จื้อเฟิงนั้นจะปล่อยบรรยากาศที่หนาวเย็นและน่ากลัวออกมารอบตัวเขา ทำให้เสียงกรีดร้องนั้นเบาบางลงไป
“ถูกพิษงั้นเหอ?” อู๋จื้อเฟิงก็ได้คิ้วขมวดแล้วเดินไปหากลุ่มคนที่พากันนอนอยู่ที่พื้น คนพวกนั้นต่างก็มีเลือดไหลออกมาจากปากและตาของพวกเขาก็แดงฉานไปด้วยเลือด
“แล้วได้ให้หมอตรวจแล้วหรือยัง?” สภาพที่น่ากลัวนี้หาได้ทำให้อู๋จื้อเฟิงรู้สึกกลัวไม่ แต่เขาก็ยืนห่างจากคนเหล่านี้ เพราะเขาไม่รู้ว่าโรคร้ายนี้สามารถติดต่อกันได้หรือเปล่า?
“ลูกพี่ใหญ่ หมอของพวกเราฆ่าทิ้งไปตั้งแต่ก่อนที่จะขึ้นเขาแล้วนะขอรับ”
คนที่อยู่อาณัติของเขาก็ได้กล่าวเตือนเขาด้วยเสียงที่อ่อนแรง ซึ่งเหล่าหมอที่พวกเขาจับมาจากที่ต่างๆก่อนหน้านี้นั้น เพราะเนื่องจากว่าพวกเขาจะต้องขึ้นเขาจึงจะเป็นเรื่องยุ่งยากมากหากว่าจะพาพวกหมอขึ้นเขามาด้วยจะเป็นการยุ่งยาก พวกเขาจึงได้ฆ่าทิ้งเสีย
แต่ทว่าในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ กลับไม่มีใครที่จะมารับหน้าที่นี้ได้เลย
อู๋จื้อเฟิงที่ยืนอยู่ก็ได้ก้มลงมามองดูเหล่าคนที่ร่วงลงไปนอนอยู่กับพื้น ใบหน้าของเขาดูเหี้ยมโหดมากขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกได้ในใจของเขาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่นั้นเป็นฝีมือของผู้หญิงคนนั้นเป็นแน่
“ลูกพี่ พวกเรายอมแพ้กันเถอะ!” ชายคนหนึ่งก้มลงคุกเข่ากับพื้นแล้วร้องไห้ แต่แล้วเขาก็ถูกอู๋จื้อเฟิงฟันตายในทันที
ถ้าคนเดียวทำไม่ได้ก็ต้องทำทุกคน แล้วเหล่าโจรในเขาอูอวิ๋นทั้งหมดก็ได้ลงคุกเข่ากับพื้นแล้วขอร้องชายที่สูงส่งคนนั้น แล้วหวังว่าเขานั้นจะยอมปล่อยให้พวกเขามีชีวิตรอด
อู๋จื้อเฟิงก็ได้มองดูด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วก็กล่าวออกมา “ดูเหมือนว่านี่คงจะเป็นความตั้งใจของแม่ทัพเยี่ยสินะ ต้องการให้พวกเราเกิดความแตกแยกจากภายใน”
ถึงแม้ว่าในใจของเขาจะไม่ยอมแพ้ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายนั้นจะทำสำเร็จแล้ว
หลินซีเหยียนที่ลงมาจากเขาก็พบถ่านหินดำๆวิ่งมาหานาง แล้วตะโกนอะไรบางอย่าง ซึ่งทำให้นางต้องหยุดขาของนาง
“ท่านแม่” เจ้าถ่านดำอ้วนๆนั้นได้กอดขาของ หลินซีเหยียน ทั้งฝุ่นและดินบนใบหน้าที่ยิ้มแป้นของเขานั้นได้ทำให้สีชุดของหลินซีเหยียนนั้นกลายเป็นสีดำทันที
หลินซีเหยียนก็ได้ก้มหัวของนาง แล้วหรี่สายตาของนางลงแล้วมองดูเด็กที่อยู่ตรงหน้านางอย่างตั้งใจแล้วกล่าว “เจ้าเป็นลูกใครมิทราบ?”
ก่อนที่เขาจะเล่าความขมขื่นของเขาเทียนเอ๋อก็ได้ตกใจกับคำพูดของหลินซีเหยียน หรือว่าท่านแม่จะไม่ต้องการเขาแล้ว? แล้วเขาก็ได้จ้องมองตาค้างด้วยดวงตาที่ดูน่าสงสาร
“อวิ๋นเซวียน เจ้าอย่าไปทำให้เขากลัวสิ” เยี่ยจุนเจี๋ยเดินมาแล้วลูบหัวของเทียนเอ๋อ ดูเหมือนว่าเขานั้นจะเอ็นดู เทียนเอ๋อนิดหน่อย
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เทียนเอ๋อ แล้วดึงปากของเขาเบาๆแล้วพูดอย่างดุๆ “ถ้าเจ้าอยากจะเรียกข้า ก็เรียกว่าท่านอาสิ”
เทียนเอ๋อนั้นเดิมทีก็เป็นเด็กที่ฉลาดอยู่แล้ว เขาจึงเข้าใจความหมายของแม่ของเขาได้ทันที เขาจึงได้ผละออกจากมือของเยี่ยจุนเจี๋ยแล้ววิ่งไปหาหลินซีเหยียนอีกรอบแล้วตะโกนว่า “ท่านอาขอรับ”
ด้วยการเปลี่ยนท่าทีที่ไร้ยางอายเช่นนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่แถวนั้นถึงกับหัวเราะ
“อวิ๋นเซวียน ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้านั้นจะเป็นที่ชื่นชอบของเด็กด้วยน่ะ” เยี่ยจุนเยี่ยที่ถูกเทียนเอ๋อเมินนั้น ก็ได้ทำสีหน้าชื่นชมเสน่ห์ของหลินซีเหยียนอีกครา
หลินซีเหยียนก็ได้กระแอมสองหน เพื่อเปลี่ยนบทสนทนาแล้วลากกลับเข้าสู่ธุระได้สำเร็จ “มีลำธารอยู่ในภูเขาอูอวิ๋น อู๋จื้อเฟิงและพรรคพวกนั้นได้อาศัยลำธารนั้นในการผ่านอุปสรรคนี้”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น การจะจัดการกับพวกเขานั้นก็คงไม่ง่ายแล้ว” แม่ทัพเฉิงก็ได้กล่าวออกมาอย่างผิดหวัง
เขานั้นอยู่ในอำเภอจ้าวมาถึงสองวันเต็มแล้ว ทั้งเขาและแม่ทัพเยี่ยต่างก็มีผู้ใต้บังคับบัญชารวมกันเป็นจำนวนถึง 3 เท่าของศัตรู แต่เขากลับทำอะไรศัตรูไม่ได้เลย ช่างเป็นเรื่องที่ประชดประชันยิ่งนัก
เกี่ยวกับในเรื่องนี้แล้ว สีหน้าของเยี่ยจุนเจี๋ยนั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร เขาเองก็บาดเจ็บสาหัสมาก่อนหน้านี้และเขาจึงได้พักรักษาตัวกับกองทัพเกราะดำ รวมถึงวันที่เขาเข้ามาตีขับไล่ด้วยซึ่งก็ใช้เวลาไปนานมากแล้ว
เมื่อรู้สึกได้ถึงบรรยากาศพ่ายแพ้หลินซีเหยียนจึงได้ยิ้มกริ่มแล้วกล่าว “ไม่ต้องกังวลไป ข้าได้ลงมือลงเท้ากับลำธารนั้นเรียบร้อยแล้ว พวกเขาคงจะลงจากเขากันมาในไม่ช้า”
“แกเจ้าหมอต่ำต้อย อย่างเจ้าลงมือลงเท้าแล้วจะทำอะไรได้?” รองแม่ทัพที่อยู่ด้านหลังของแม่ทัพเฉิงนั้น ที่ไม่ยอมที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยว ก็ได้โผล่หัวออกมาเหมือนหาอะไรบางอย่าง
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เขาแล้วก็พบผักกระชับติดอยู่บนหัวของเขา ผักกระชับนั้นไม่สามารถพบเจอได้ในตัวอำเภอจ้าว แสดงว่าเขานั้นได้ตามนางเข้าไปในภูเขาอูอวิ๋นและทำเสียงดังขึ้นเพื่อทำร้ายนาง
หลังจากที่คิดเช่นนี้หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่รองแม่ทัพคนนั้นด้วยสายตาที่หนาวเย็น “ข้าทำอะไรได้งั้นเหรอ? เดี๋ยวก็จะได้รู้ในไม่ช้า แต่ข้าขอถามหน่อยว่าทำไมถึงได้มีผักกระชับติดอยู่บนหัวของท่านรองแม่ทัพได้ หรือว่าท่านจะไปที่ภูเขาอูอวิ๋นกันนะ”
โดยไม่รอให้รองแม่ทัพคนนั้นได้อธิบาย หลินซีเหยียนก็ได้พูดต่อทันที “หรือว่าเจ้าจะสมรู้ร่วมคิดกับพวกโจร?”
“อย่ามาใส่ร้ายข้านะ ผักกระชับนี่ไม่ได้มีแค่บนภูเขานั่นสักหน่อย” รองแม่ทัพได้กล่าวปกป้องตัวเองด้วยความโกรธ
หลินซีเหยียนก็ได้มองดูเขาอย่างถ้วนถี่ และไม่พลาดที่จะมองเห็นความตื่นตระหนกที่คิ้วของเขา อย่างที่คิดเขานั้นเป็นคนที่คิดจะฆ่านางด้วยอู๋จื้อเฟิงจริงๆ
แม่ทัพเฉิงก็ได้ครุ่นคิด รองแม่ทัพคนนี้ยังไงก็เป็นคนของเขา จึงแน่นอนว่าเขาจะปล่อยให้ใครมาใส่ร้ายต่อหน้าเขาไม่ได้ “ท่านหมอหลิน การปรักปรำเช่นนี้ไม่สามารถพูดได้สุ่มสี่สุ่มห้านะ”
หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มอย่างหนาวเย็น แน่นอนว่านางนั้นไม่ยอมปล่อยให้เขารอดไปได้แน่ “ท่านแม่ทัพเฉิงคงไม่รู้ ตอนที่ข้าขึ้นเขาไปเพื่อตามหาพวกโจรนั้น ข้านั้นกำลังเฝ้าดูในมุมมืดอยู่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีคนทำเสียงดังข้างหลังข้า ถ้าข้าไม่ฉลาดพอทุกคนที่นี่ก็คงไม่ได้เห็นข้าแล้ว”
“มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยงั้นเหรอ?” เมื่อได้ยินที่กล่าว เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้มองไปที่รองแม่ทัพคนนั้น ด้วยสายตาที่สงสัยและไต่สวนของเขาอย่างโจ่งแจ้ง “จางฮุย เจ้าไปทำอะไรกันแน่?”
จางฮุยที่ถูกถามก็ได้ทำเป็นโมโหขึ้นมาอย่างอายๆ แล้วก็กล่าวด้วยเสียงดังสุดเสียงของเขา “คนเราก็มีเรื่องเร่งรีบสามอย่างทั้งนั้น ข้าอยากที่จะฉี่ไม่ได้รึยังไง?”
“แล้วทำไมท่านต้องโกรธด้วยเล่า ถ้าท่านไม่ได้ทำอะไรผิดน่ะ” หลินซีเหยียนก็ได้กล่าวอย่างหนาวเย็นและคาดคั้นจางฮุย
ในขณะที่แม่ทัพเฉิงกำลังอยากที่จะพูดอะไรบางอย่างนั้น ก็ได้มีทหารชั้นผู้น้อยวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา “เรียนท่านแม่ทัพเยี่ยพวกโจรที่อยู่บนภูเขานั้นก็ได้ถือธงขาวและขอยอมแพ้แล้วขอรับ”