บทที่ 131 พยัคฆ์ขาวธาตุทองปะทะเถายักษ์

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 131 พยัคฆ์ขาวธาตุทองปะทะเถายักษ์
พวกเสิ่นเทียนกำลังห้อวิ่งบนที่ราบกว้างใหญ่ไร้พรมแดนอย่างรวดเร็ว ก้าวเดียวก็กระโดดไปไกลหลายจั้ง

แม้จะได้รับผลจากพื้นที่พลังพิเศษทำให้ไม่อาจขี่กระบี่เหาะเหินได้ แต่เป็นผู้ฝึกบำเพ็ญก็ยังมีคุณสมบัติกายเหนือกว่าคนปกติ

เสิ่นเทียนนำหน้าทุกคนมุ่งหน้าไปตามภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะของฟางฉาง มุ่งหน้าตรงไปด้วยความเร็ว มีเป้าหมายชัดเจนมาก

ส่วนพวกจางอวิ๋นซีตามหลังเสิ่นเทียน ให้เสิ่นเทียนเป็นผู้นำกลุ่มไปกลายๆ

จางอวิ๋นซีถาม “เมื่อครู่ศิษย์น้องให้จ้าวเฮ่าคุกเข่าหน้าหลุมศพ นั่นจะมีโชควาสนาจริงๆ รึ”

เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย “ดูจากผลการทำนายแล้วน่าจะไม่พลาด”

เสิ่นเทียนคิดๆ แล้วก็เอ่ยต่อ “ความจริงถ้าข้าทำนายไม่พลาด ถ้าศิษย์พี่หญิงเดินไปทางตะวันออกเฉียงใต้ตลอดก็น่าจะพบโชควาสนาเช่นกัน”

ตามโชคลิขิตที่เสิ่นเทียนเห็นเหนือศีรษะจางอวิ๋นซีแล้ว ถ้านางตรงไปทางตะวันออกเฉียงใต้ก็จะเจอเถาจองจำเซียนระดับสี่ต้นหนึ่ง ด้วยกำลังรบของนางตอนนี้เพียงพอจะตัดเถาจองจำเซียนต้นนั้น แล้วหลอมสร้างเป็นสมบัติวิเศษวิถีเซียนของตนเอง

ทว่าพอได้ฟังเสิ่นเทียนพูดแล้ว จางอวิ๋นซีกลับส่ายหน้า “กับอีแค่โชควาสนา นั่นเป็นเรื่องรอง ศิษย์น้องเข้ามายังส่วนลึกที่ราบหมอกลับแลนั่นอันตรายมาก ข้าจะอยู่ปกป้องข้างกายเจ้าเอง!”

อืม~

แม้จะฟังดูซาบซึ้งใจยิ่งนัก แต่เหตุใดถึงรู้สึกว่าข้าดูไม่ค่อยเป็นลูกผู้ชายเลยล่ะ!

เสิ่นเทียนอยากจะยืดอกพูดยกตนข่มท่านว่า ‘ข้าต้องให้เจ้ามาปกป้องรึ’

แต่พอคิดๆ ดูแล้ว เขาอาจจะ…น่าจะ…เหมือนต้องให้จางอวิ๋นซีปกป้องจริงๆ ถึงอย่างไรมองจากสถานการณ์ตอนนี้ ช่วงกระแสหมอกของที่ราบหมอกลับแลครั้งนี้ก็มีสิ่งที่ไม่ปกติอยู่ทุกที่

ก่อนอื่นเขาเห็นเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าลึกลับคนนั้นในภาพโชคลิขิตของจ้าวเฮ่าสิ้นชีพ กลายเป็นดาวตกเพลิงดวงหนึ่ง จากนั้นเห็นเถาจองจำเซียนระดับสี่ในภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะจางอวิ๋นซี กระทั่งบนศีรษะพวกกุ้ยกงกงก็ปรากฏภาพโชคลิขิต

ลำพังแค่เถาจองจำเซียน เสิ่นเทียนก็ไม่ได้เห็นในภาพเหนือศีรษะทุกคนแค่ต้นเดียว นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ

พึงรู้ไว้ว่าในช่วงกระแสหมอกหลายครั้งที่ผ่านมา มีน้อยครั้งมากที่ผู้ฝึกบำเพ็ญจะเจอเถาจองจำเซียนเกินสิบต้น ครั้งนี้แค่กุ้ยกงกง ฉินเกา จางอวิ๋นซี และฉินอวิ๋นตี๋ก็เห็นเถาจองจำเซียนเหนือศีรษะสี่ต้นแล้ว

อีกทั้งก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่เมืองเล็กหมอกลับแล เสิ่นเทียนยังเห็นภาพโชคลิขิตเถาจองจำเซียนเหนือศีรษะของนักผจญภัยบำเพ็ญเซียนคนอื่นๆ อีกเล็กน้อย

เอาแค่คำนวณคร่าวๆ เสิ่นเทียนก็เห็นภาพโชคลิขิตที่เกี่ยวกับเถาจองจำเซียนไม่ต่ำกว่ายี่สิบครั้งแล้ว จึงยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงนักผจญภัยจำนวนมากที่ตอนนี้เสิ่นเทียนไม่ได้สังเกตเห็นในเมืองหมอกลับแล

ถ้านับคนที่เข้าไปล่าสมบัติในที่ราบหมอกลับแลแล้ว เกรงว่าเถาจองจำเซียนที่จะปรากฏในช่วงกระแสหมอกครั้งนี้อย่างน้อยก็ต้องมีมากกว่าห้าสิบต้น

สำหรับแฟนนิยายตัวยงที่ภพก่อนอ่านนิยายแนวเทพเซียนมานับไม่ถ้วนแล้ว เสิ่นเทียนรู้ดีว่าผิดปกติเช่นนี้จะต้องมีปีศาจแน่นอน เรื่องนี้ไม่ธรรมดาแล้ว

ดีไม่ดีช่วงกระแสหมอกครั้งนี้อาจจะมีอันตรายบางอย่าง ถ้าไม่มีจางอวิ๋นซีอยู่ข้างกาย เสิ่นเทียนก็ยังใจฝ่อนิดๆ

อืม รีบสู้รีบจบดีกว่า

เมื่อพบโชคลิขิตนั้นเหนือศีรษะฟางฉางแล้วก็จะหนีออกจากที่ราบหมอกลับแลทันที ยิ่งไปไกลยิ่งดี

วิญญูชนจะไม่ยืนอยู่ใต้ปราการอันตราย ความปลอดภัยต้องมาเป็นที่หนึ่ง

หลังขบคิดอย่างหนักแล้ว ไม่นานพวกเสิ่นเทียนก็เข้ามาในที่ราบหมอกลับแลแปดร้อยลี้ ตอนนี้เองทุกคนถือว่าเข้าใกล้พื้นที่ห่างไกลในที่ราบหมอกลับแลแล้ว เมืองหมอกลับแลหายไปจากสายตาเกือบครึ่ง

ทว่าภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะฟางฉางในภาพจำของเสิ่นเทียนอยู่ในหมอกลับแลที่ลึกกว่านี้

ถ้าจะเอาโชคลิขิตนั้นก็ต้องเสี่ยงอันตรายเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามที่มีหมอกลับแลปกคลุมหรืออาจจะรอต่อไป รอจนหมอกหดตัวเข้าไปในส่วนลึกที่ราบมากกว่านี้

แต่ตอนนี้เลยเที่ยงวันแล้ว พื้นที่หมอกลับแลหดตัวถึงขีดสุดและเริ่มค่อยๆ กระจายออกมาใหม่แล้ว

ถ้ากลับไม่ทัน เกิดถูกหมอกลับแลปกคลุม นั่นจะอันตรายมาก

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนเลยได้แต่พาทุกคนกลับไปตามทางเดิมด้วยความจนปัญญา

‘โชคลิขิตของข้ายังมาไม่ถึง พาไปหาโชคลิขิตของพวกเจ้าก่อนแล้วกัน!’

เสิ่นเทียนตัดสินใจอยู่ภายใน ไม่ไหวจริงๆ ก็ไม่เกาะโชคลิขิตของฟางฉางมันแล้ว

ครั้งนี้ต้องตักโชคลิขิตของพวกจางอวิ๋นซีให้ได้ จากนั้นไปหลบดูในเมืองหมอกลับแล หากพบว่าในหุบเขาหมอกลับแลมีอะไรแปลกๆ ก็จะลากพวกจางอวิ๋นซีกับกุ้ยกงกงถอยทันที

แม้โชคลิขิตจะสำคัญ แต่ถ้าเกาะฟางฉางไม่ได้ อย่างมากจากนี้ก็ค่อยไปเกาะคนอื่น

ชีวิตน้อยๆ มีดวงเดียว จะเอาชีวิตไปคว้าโชคลิขิตไม่ได้

เมื่อมั่นใจในความคิดแล้ว เสิ่นเทียนก็เริ่มพาพวกจางอวิ๋นซีมากวาดเก็บโชคลิขิตของพวกเขา

ช่วงกระแสหมอกวิญญาณขึ้นลงไม่ถือว่าเร็ว ไม่นานพวกเสิ่นเทียนก็เจอเถาจองจำเซียนของจางอวิ๋นซี เถาจองจำเซียนนั้นอยู่กลางหุบเขาแห่งหนึ่งห่างจากเมืองหมอกลับแลเจ็ดร้อยกว่าลี้ ตัวเถายาวเกือบร้อยจั้ง มีสีเขียวอมดำทุกส่วน

เปลือกนอกเถาจองจำเซียนยังมีหนามแหลมดูน่าสยดสยองอย่างยิ่ง ขยับประกายแสงอ่อน เหมือนกับพุ่มไม้หนามทำให้คนหนาวสั่นไปทั้งตัว

ตรงปลายแหลมมีของเหลวสีเขียวมันขลับซึมออกมา เห็นได้ชัดว่าแฝงไว้ด้วยพิษไม่ธรรมดา ถ้าโดนเถาจองจำเซียนนี่รัด คงไม่สบายแน่นอน

เถาจองจำเซียนต้นนี้ค่อนข้างไม่อ่อนแอเลย แม้แต่ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับดวงจิตดรุณเจอมัน หากไม่ระวังคงได้ถูกรัดตายตกแน่

ทว่านัยน์ตาจางอวิ๋นซีกลับไม่มีความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย นางชักกระบี่พยัคฆ์ขาวข้างหลังช้าๆ

ชิ้ง!

กระบี่เทพออกจากฝัก ประกายแสงสีเงินไหลออกมาดั่งน้ำตก มีเสียงฟ้าร้องดังมาจากมวลอากาศเบาๆ เหมือนมีดวงตาพยัคฆ์ขาวกระโดดออกมาจากป่าเขา

จางอวิ๋นซีพลันพุ่งขึ้นฟ้ากลายเป็นแสงสีเงินเข้าปะทะกับเถาจองจำเซียน ไม่ตกเป็นรองแม้แต่น้อย

เสิ่นเทียนพาทุกคนถอยไปนอกพื้นที่โจมตีของเถาจองจำเซียน ก่อนพูดนิ่งๆ “อวิ๋นตี๋ เสี่ยวเกา ลุงกุ้ย โจมตีรากมันจากระยะไกล!”

ตอนนี้จางอวิ๋นซีต้านการโจมตีของเถาของจำเซียนไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เสิ่นเทียนจึงควบคุมปืนปทุมฆาตเทพเริ่มรัวยิงใส่รากเถาจองจำเซียนอย่างบ้าคลั่ง

ฉินเกากับกุ้ยกงกงเองก็ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอเช่นกัน พวกเขาควบคุมปืนหยินหยางพิฆาตอสูรยิงเถาจองจำเซียนในระยะใกล้อย่างคล่องแคล่ว

คนที่เปล่งประกายที่สุดก็ยังเป็นฉินอวิ๋นตี๋ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระเบิด จึงชำนาญการระเบิดแบบกำหนดเป้าหมายระยะไกลที่สุด ตอนนี้เขาประสานมุทรา ปืนหยินหยางพิฆาตอสูรสามสิบหกกระบอกรัวยิงใส่เถาจองจำเซียนอย่างคลุ้มคลั่ง

ไม่ใช่แค่นั้น อัสนีหยินหยางเจาะเกราะสีเงินยังคอยระเบิดส่วนรากเถาจองจำเซียนเช่นกัน

ไม่นานนัก รากของเถาจองจำเซียนระดับสี่ก็ถูกระเบิดเป็นรอยเหวอะหวะ ของเหลวสีเขียวอมดำพุ่งฉีด หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ทุกคนจะตัดมันได้โดยไม่มีใครบาดเจ็บใดๆ เลย

ทว่าตอนนี้หมอกวิญญาณบีบใกล้เข้ามาแล้ว ตามความเร็วในการแผ่กระจายของมัน อย่างมากสุดก็ครึ่งเค่อจะกลืนพวกเสิ่นเทียนไป

นัยน์ตาจางอวิ๋นซีเป็นประกายเย็นชาวูบหนึ่ง สัญลักษณ์สายฟ้าสีทองตรงระหว่างคิ้วเปล่งประกายแสงพร่างพราว แผ่ขยายไปทั่วร่าง

ตอนนี้นางกับปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวคำรามนภาเบื้องหลังหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์ ตัวนางเหมือนกลายเป็นพยัคฆ์เทพธาตุทองร่างมหึมาสีขาว

โฮก!

เสียงคำรามพยัคฆ์สั่นสะเทือนทั้งที่ราบหมอกลับแล พยัคฆ์ขาวธาตุทองพุ่งกระโจนใส่เถาจองจำเซียน

มันไม่สนใจบาดแผลจากหนามเกี่ยวตามตัว แต่กัดเข้าที่รากของเถาจองจำเซียนอย่างฉับพลัน

วินาทีนั้น ของเหลวพุ่งทะลักออกมาเยอะแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

รากเถาจองจำเซียน ขาดแล้ว!

……………………..…..