บทที่ 132: แผนกออกแบบ (1)

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 132: แผนกออกแบบ (1)

ฉินเย่และหลินฮั่นเริ่มลุกลี้ลุกลนทันที

“มันเป็นความรับผิดชอบของพวกเราที่จะต้องตรวจบันทึกของพวกคุณหลังจากเรียนจบ” โจวเซียนหลงอธิบายด้วยใบหน้าที่ไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใด ๆ “ทุกท่าน การเดินทางมาที่มหาวิทยาลัยอันฮุ่ยของเรานั้นไม่ได้มาเพื่อเที่ยวเล่น หากคุณไม่สามารถตั้งใจในชั้นเรียนได้ คุณจะไปสอนนักเรียนของพวกคุณหลังจากนี้ได้อย่างไร? ผู้ที่ไม่ได้จดเนื้อหาการเรียนในวันนี้จะถูกลงโทษโดยการหักคะแนนการสอน และพวกเราจะสุ่มตรวจดูแบบนี้อีกในอนาคต”

เป็นคุณเองไม่ใช่หรือที่บอกให้พวกเราเดินทางมาที่นี่?!

หลังจากผ่านไปประมาณห้านาที ฉินเย่และหลินฮั่นก็เดินออกจากห้องบรรยายอย่างหัวเสียและบ่นออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน “S9527! ครั้งนี้ผมจริงจัง ผมจะต้องตัดสายสัมพันธ์ทุกอย่างกับคุณแล้ว!”

“เหรอ? ด้วยเหตุผลอะไรล่ะ? ที่ผมถูกพวกศาสตราจารย์จับได้ก็เพราะวอร์ดป้องกันฟ้าที่คุณปักเอาไว้หรือไง?”

“เหรอ? แล้วไอ้โง่คนไหนนะที่มาสายตั้งแต่แรก แถมยังขอให้ผมเปิดประตูให้?”

“แล้วคุณก็ทำตามโดยไม่คิดเลยหรือไง? ถ้าผมบอกให้คุณไปวิ่งรอบสนามโดยไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะ?! ผู้ชายตัวใหญ่แบบคุณทำไมถึงมีสมองเล็กเท่าอกของผมกัน?!”

ทั้งคู่เถียงกันไปมาเช่นนี้ตลอดเวลาทานข้าว หลังจากที่ทานอาหารเที่ยงเสร็จเรียบร้อย หลินฮั่นก็โทรศัพท์หาใครบางคนและเก็บโทรศัพท์ของตน “โอเค ผมติดต่อฝั่งนั้นให้แล้ว คุณไปเองก็แล้วกัน วันนี้ผมไม่ไปด้วย”

“เร็วขนาดนี้เลย?” ฉินเย่เอ่ยอย่างประหลาดใจ

“พอดีเป็นคนที่ค่อนข้างเส้นใหญ่น่ะครับ” หลินฮั่นตอบอย่างเย้ยหยัน​ “เมื่อสามปีก่อน หนึ่งในนักออกแบบของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เถิงหลงได้ซื้อบ้านผีสิงหลังหนึ่ง เขาจ่ายให้ผมสองแสนเพื่อปัดเป่าวิญญาณพวกนั้นออกไป ผมเพิ่งโทรไปหาเขามา คุณไม่จำเป็นจะต้องไปที่สถาบันออกแบบ บริษัทรับเหมารายใหญ่ ๆ อย่างบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เถิงหลงมีแผนกออกแบบของพวกเขาเอง คุณสามารถตรงไปหาพวกเขาที่นั่นได้เลย”

…………………………………..

ฉินเย่ปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดตลอดบ่าย

ไม่สิ…อันที่จริง ต้องบอกว่าคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ต่างปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด พวกเขาทุกคนจดบันทึกและตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงได้รับรู้ข้อมูลเชิงลึกในหลาย ๆ เรื่อง

ทันทีที่เสียงระฆังที่บ่งบอกถึงการสิ้นสุดคลาสเรียนดังขึ้น ฉินเย่ก็รีบเก็บของ เรียกแท็กซี่และมุ่งตรงไปที่ยังสถานที่ปลายทางอย่างรวดเร็ว

บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เถิงหลงไม่ได้ตั้งอยู่ในตัวเมือง สำนักงานใหญ่ของพวกเขาตั้งอยู่ที่ส่วนเทคโนโลยีของเมืองไดซาน และมีสำนักงานย่อยตั้งอยู่ในสี่มณฑลที่อยู่โดยรอบ เขานั่งบนรถแท็กซี่อยู่ประมาณ 30 นาทีก่อนที่จะมาถึงจุดหมายในที่สุด

เบื้องหน้าของฉินเย่คืออาคารสีเงินขนาดใหญ่หลังหนึ่ง ฉินเย่ได้โทรหาซุนคังเหลียงตั้งแต่ตอนที่อยู่บนรถแล้ว และตอนนี้อีกฝ่ายก็มายืนรอรับเขาด้วยตัวเองทันทีที่เขามาถึง

“คุณฉิน เป็นเกียรติจริง ๆ ครับที่คุณมาที่นี่” ซุนคังเหลียงจับมือและเอ่ยทักฉินเย่อย่างอบอุ่น “หากมีอะไรคุณสามารถโทรมาได้เลยแท้ ๆ ไม่จำเป็นจะต้องลำบากมาด้วยตัวเองแบบนี้เลยครับ”

“คุณไม่เหนื่อยบางเหรอครับที่ทำแบบนี้?” ฉินเย่พูดอย่างติดตลก เขารู้สึกว่าบุคลิกที่แตกแยกของเขาแย่ลงกว่าเดิม

โลกของผู้ใหญ่นี่มันเหนื่อยเกินไปจริง ๆ

โดยเฉพาะตอนที่เขาจะต้องเจรจากับนักธุรกิจ คนพวกนี้ไม่สามารถพูดมากหรือน้อยเกินไป คนวงในจะเข้าใจถึงความแตกต่างทางปฏิสัมพันธ์พวกนี้เป็นอย่างดี ในขณะที่คนภายนอกมักจะรู้สึกว่ามัน…น่าอึดอัด

ในขณะที่เขายังอยู่ในนรก ฉินเย่มักจะสามารถกดขี่ข่มเหงคนของเขา และสั่งให้อีกฝ่ายทำตามสิ่งที่เขาต้องการได้ แต่ในโลกมนุษย์ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแสร้งทำตัวเป็นคนสุภาพและเล่นไปตามน้ำ

“คุณฉินเป็นคนมีอารมณ์ขันเหมือนกันนะครับเนี่ย” ซุนคังเหลียงหัวเราะออกมาขณะที่เดินนำฉินเย่ขึ้นบันไดและเข้าไปในลิฟต์ตัวหนึ่ง จากนั้นด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าคุณต้องการจะคุยกับแผนกออกแบบของเราหรือครับ?”

เหตุผลว่าทำไมฉินเย่ถึงโทรมาหาซุนคังเหลียง ก็เพราะว่าเขาต้องการจะแก้ไขปัญหาเรื่องแบบแปลนและวัสดุก่อสร้างทั้งหมดในคราวเดียว นอกจากนี้เขายังรู้ด้วยว่าซุนคังเหลียงเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นโดยตรงของบริษัทนี้ และเขาย่อมมีอำนาจหลาย ๆ อย่าง แม้แต่ผู้ว่าการมณฑลก็ยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งต่าง ๆ ในบริษัทได้เร็วเท่าคนตรงหน้า ด้วยการมีอีกฝ่ายอยู่ข้าง ๆ ทุกอย่างในแผนกออกแบบจะต้องดำเนินไปอย่างราบรื่นขึ้นอย่างแน่นอน

“ผมมีโครงการพัฒนาพื้นที่ที่อยากจะหารือด้วยน่ะ” ฉินเย่มองซุนคังเหลียง “คุณสนใจไหม?”

ซุนคังเหลียงแย้มยิ้ม “กว้างแค่ไหนครับ?”

“ประมาณห้าตารางกิโลเมตร พอดีผมกำลังอยากได้แบบร่างน่ะ….”

ดวงตาของซุนคังเหลียงเป็นประกายขึ้น

ห้าตารางกิโลเมตร… นี่มันไม่ใช่พื้นที่เล็ก ๆ เลย!

“ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณฉินถึงกำลังหาเงินทุนอย่างเร่งด่วน ผมจะไม่โกหกคุณนะ แต่ทางบริษัทตัดสินใจที่จะมองเงินรางวัลให้คุณ 1.5 ล้านหยวนสำหรับความพยายามของคุณ ผมเองก็ต้องขอบคุณคุณเป็นการส่วนตัวเช่นกัน นี่เป็นสินน้ำใจหนึ่งแสนหยวนสำหรับคุณครับ” เขาเอ่ยทุกอย่างออกมาในคราวเดียวและไม่เอ่ยอะไรอีก

มันไม่จำเป็นที่จะต้องรีบพูดถึงแผนการพัฒนานี้ มิฉะนั้นอาจเกิดอันตรายที่อาจส่งผลต่อการเจรจาต่อรองราคาในภายภาคหน้าได้

แค่ได้รู้เรื่องนี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะสุดท้ายแล้ว เขาก็อยู่ในแผนกออกแบบ และเขาย่อมรู้ดีว่าโครงการนี้จะทำกำไรได้หรือไม่ ดังนั้นมันจึงยังมีโอกาสอีกมาที่จะหารือกันเรื่องนี้ในอนาคต

ทั้งสองขึ้นลิฟต์ไปจนถึงชั้นที่ 6

ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งคู่ก็เข้าสู่สำนักงานขนาดใหญ่ที่มีผนังกั้นเป็นกระจก โต๊ะทำงานและเก้าอี้ถูกวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และบนโต๊ะพวกนั้นมีเครื่องคอมพิวเตอร์วางอยู่ นอกจากนี้ยังมีเครื่องจักรที่เขาไม่เคยเห็นตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องด้วย

ทั่วทั้งแผนกนั้นเงียบมาก และก็มีบางครั้งที่เขาได้ยินเสียงคนกระซิบกัน ฉินเย่ได้บอกซุนคังเหลียงเกี่ยวกับพนักงานที่เขาต้องการพบไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นอีกฝ่ายจริงโทรหาคนของตนทันทีที่พวกเขามาถึงบนชั้น 6 และเพียงครู่เดียว ชายร่างผอม ผมขาว ที่น่าจะอายุประมาณ 50 กว่าก็เดินมาหาพวกเขา

“หัวหน้าซุน” เขาพยักหน้าให้กับซุนคังเหลียงอย่างไม่เป็นทางการนัก แต่เมื่อเขากันไปหาฉินเย่ เขากลับปรับสีหน้าของตนเองและค้อมศีรษะให้อย่างเป็นการเป็นงาน

“คุณคงจะเป็นคุณฉินสินะครับ? คุณหลินได้แจ้งให้เราทราบแล้วครับ” เขาเอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและหยิบบุหรี่ออกมาพร้อมกับผายมือไปยังห้องรับรองที่อยู่ไม่ไกลนัก “เราไปคุยกันที่นั่นดีไหมครับ? หากต้องการอะไรสามารถบอกทางเราได้เลยนะครับ ทางเรายินดีทำให้แม้ว่ามันจะยากแค่ไหนก็ตาม”

“เขาคือรองหัวหน้าแผนกออกแบบหลี่ครับ หากคุณฉินไม่รังเกียจ คุณสามารถเรียกเขาว่าผู้เฒ่าหลี่ก็ได้” ซุนคังเหลียงยิ้มกว้าง “คุณสามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการวาดแบบของคุณหลี่กับทางฝ่ายการเงินของบริษัทได้เลยนะ ไม่จำเป็นจะต้องโอนบัญชีบริษัท”

ฉินเย่เองก็ไม่ได้ปิดบังอะไร ซุนคังเหลียงไม่ได้ปกปิดเจตนาที่จะเอาใจเด็กหนุ่ม ด้วยยุคสมัยที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้….แม้ว่าเมืองหลวงของมณฑลอย่างเมืองไดซานจะมีรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติค่อนข้างน้อย

แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนข้อเท็จจริงที่ว่าทุกคนล้วนมีช่องโหว่ขนาดใหญ่อยู่ภายในใจ เจ้าหน้าที่อย่างฉินเย่นั้นล้ำค่าเป็นอย่างมาก ในขณะที่ค่าธรรมเนียมในการวาดแบบมูลค่าหลายแสนเป็นเพียงแค่เศษเงินเท่านั้น

ในความเป็นจริงแล้ว แค่ความช่วยเหลือของฉินเย่ในโครงการพัฒนาที่ถนนเทียนซีที่ 4 ทำกำไรมูลค่าหลายล้านต่อบริษัทได้แล้ว

ทั้งกลุ่มเดินเข้าไปในห้องรับรอง มันเป็นห้องทรงลูกบาศก์ที่มีชุดโซฟาชุดหนึ่งวางอยู่ เบื้องหน้าของมันคือโต๊ะชาที่ทำจากกระจกหนึ่งตัว พร้อมด้วยต้นไม้เขียววางอยู่รอบๆ ดูเรียบง่าย ทว่าสวยงาม อาจจะไม่สามารถพูดได้ว่าหรูหรา แต่มันก็ห่างไกลจากคำว่าน่าเกลียดอยู่มาก

เมื่อทั้งสามนั่งลง พนักงานคนหนึ่งของบริษัทก็นำชามาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ ฉินเย่ยกชาขึ้นจิบและเริ่มเข้าเรื่อง “คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ พอดีผมมีที่ดินอยู่ผืนหนึ่งที่อยากจะพัฒนา คุณสามารถนึกถึงที่ดินรกร้างเลยก็ได้ มันเป็นพื้นที่ราบ ผมก็ได้บอกให้คนงานเตรียมงานก่อสร้างเอาไว้แล้ว โดยรอบไม่มีแหล่งน้ำเลย ผมอยากจะสร้างเมืองที่ใหญ่พอที่จะสามารถรองรับคนล้านคน คุณพอจะสามารถออกแบบเมืองที่ตรงกับเงื่อนไขเหล่านี้ได้หรือเปล่า?”

ผู้เฒ่าหลี่ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากผ่านไปพักใหญ่ เขาก็คลายคิ้วที่แทบจะผูกเข้าด้วยกันออกและเอ่ยว่า “มันยากมากครับ…สมมติว่าพวกเรามีอาคาร 30 ชั้นขึ้นสิบหลัง แต่ละชั้นจะบรรจุคนได้ 15 ครัวเรือน ครัวเรือนละสามคน พวกเรากำลังพูดถึงประชากร 13,500 คนที่อาศัยอยู่ในอาคารเดียวกันอยู่นะครับ แต่…พื้นที่ทั้งหมดที่ใช้ได้มีเพียงหนึ่งแสนตารางเมตรเท่านั้น”

เขาดันกรอบแว่นตาขึ้น หยิบกระดาษขึ้นมาและเริ่มเขียนลงไป “1 ตารางกิโลเมตรเท่ากับ 1 ล้านตารางเมตร 5 ตารางกิโลเมตรจึงเท่ากับ 5 ล้านตารางเมตร สมมติว่าพื้นที่ 1 แสนตารางเมตรสามารถจุคนได้ 13,500 คน พื้นที่ 5 ตารางกิโลเมตร…ต่อให้คุณจะใช้พื้นที่ทั้งหมดสำหรับเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย มันก็สามารถจุคนได้แค่ 675,000 เท่านั้น แต่….หากพูดตามความจริง จำนวนประชากรที่แท้จริงอาจน้อยกว่าหนึ่งในสามเลยก็เป็นได้”

“ทำไมล่ะ?” ฉินเย่ขมวดคิ้ว เขาต้องการจะสร้างพื้นที่ขนาดใหญ่ ด้วยวิธีนี้ เขาจึงจะสามารถเก็บปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับจำนวนประชากรของเหล่าวิญญาณเอาไว้และค่อยกลับมาคิดเรื่องนี้อีกครั้งในภายหลัง

ด้วยความเร็วในการก่อสร้างในแดนมนุษย์ มันใช้เวลาเกือบสองปีในการสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยทั้งแหล่ง และเมื่อคำนึงถึงความจริงที่ว่าวิญญาณสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องพักผ่อนหรือกินดื่ม มันก็ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยได้อย่างเร็วที่สุดหนึ่งปีสินะ?

ผิดแล้ว…โดยปราศจากการมีอยู่ของกงล้อแห่งสังสารวัฏ มันก็ไม่มีทางที่ฉินเย่จะสามารถควบคุมความคิดของเหล่าวิญญาณได้ ตราบใดที่พวกเขายังมีความทรงจำของชาติที่แล้วอยู่ พวกเขาก็ต้องรู้จักความขุ่นมัวและโกรธแค้น และภายใต้เงื่อนไขพวกนี้ มันก็ถือว่าดีมากแล้วหาเขาสามารถทำให้วิญญาณทั้งหมดทำงานได้เป็นระยะเวลาสองในสามของวัน ด้วยเหตุนี้ เด็กหนุ่มจึงเปลี่ยนระยะเวลาที่เขาคิดจะสร้างแหล่งที่อยู่ให้เสร็จเป็นหนึ่งปีสี่เดือนแทน

แล้วอย่างไรต่อ?

แต่ละปีมีวิญญาณลงมาที่นรกตั้งเท่าไหร่? แล้วเขาจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ? นี่จ้าวนรกยังต้องทำหน้าที่เป็นตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ด้วยหรือไง?

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงอยากจะแก้ปัญหาเรื่องครัวเรือนให้เสร็จเรียบร้อย แต่น่าเสียดายที่แผนการของเขาต้องถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว พื้นที่ 5 ตารางกิโลเมตรนั้นไม่สามารถเรียกว่าย่านที่อยู่อาศัยได้ด้วยซ้ำ และมันยังมีสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ที่มีลักษณะเฉพาะของนรกที่จำเป็นจะต้องสร้างอีกมาก

ผู้เฒ่าหลี่เริ่มร่างภาพลงบนกระดาษอีกครั้ง “คุณลองคิดดูนะครับ หากทุกอย่างถูกสร้างขึ้น ถนนจะไปอยู่ที่ไหน? ถนนคือสิ่งก่อสร้างที่สามารถเห็นได้ทั่วไปในทุก ๆ โครงการก่อสร้าง แต่เพราะว่าจำนวนที่มากเกินไปของมัน พวกมือใหม่ส่วนใหญ่จึงมองข้ามคุณค่าของมันและประเมินพื้นที่ไว้สำหรับมันต่ำเกินไป ในทางปฏิบัติแล้ว ถนนคือสิ่งที่กินพื้นที่สามในสิบของพื้นที่ทั้งหมด”

“และมันยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึง ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สีเขียว สาธารณูปโภค…ตามอัตราส่วนในการก่อสร้างปัจจุบัน แหล่งที่อยู่อาศัยนั้นถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่เพียงครึ่งหนึ่งของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งมีไว้สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการอื่น ๆ ดังนั้นต่อให้เราสร้างให้พื้นที่ทั้งหมดเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย เราก็สามารถรับรองคนได้เพียง 340,000 คนเท่านั้น และนี่คือกรณีที่ดีที่สุดนะ…มันยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้ถูกสร้างอีก อย่างเช่นศูนย์บริการชุมชน สถานีโทรคมนาคม ห้องกล้องวงจรปิด ที่ทำการไปรษณีย์และขนส่ง…หากรวมทั้งหมดนี้เข้าไป ผมคิดว่าประชากร 3 แสนคนน่าจะเป็นการประมาณการที่ถูกต้องที่สุด”

ฉินเย่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากผ่านไปสักพักใหญ่เขาก็เอ่ยว่า “แล้ว…ถ้าผมอยากจะสร้างทุกอย่างให้เหมือนกับจีนในสมัยโบราณล่ะ?”

“นั่นยิ่งแล้วใหญ่! ” ผู้เฒ่าหลี่เอ่ยอย่างมั่นใจ “มันเป็นไปได้ที่จะทำเช่นนั้น แต่บ้านเรือนในสมัยโบราณนั้นต้องใช้ไม้จำนวนมากในการก่อสร้าง และมันก็หมายความว่าตัวบ้านจะไม่สามารถมีความสูงหรือมีขนาดใหญ่จนเกินไป ไม่เช่นนั้นคานและผนังบ้านอาจจะไม่สามารถรับน้ำหนักได้ คุณสามารถออกแบบมันให้คล้ายกับหอกระเรียนเหลืองก็ได้ [1] แต่น่าเสียดายที่พวกเราไม่มีผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ และคุณก็น่าจะไม่พบคนแบบนี้ในสถาบันออกแบบของมณฑลเช่นกัน ที่ผมรู้ก็เพราะว่าก่อนที่จะถูกซื้อตัวมาที่นี่ ผมเคยทำงานที่นั่นมาก่อน คุณคงจะต้องไปที่สถาบันออกแบบแห่งชาติแทนเสียแล้ว และคุณจะต้องมองหาผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมโบราณโดยเฉพาะด้วย”

เงียบ

ฉินเย่ขมวดคิ้วและเคาะมือที่วางอยู่บนแขนโซฟาเป็นจังหวะ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้น มีสถาปัตยกรรมโบราณแบบไหนที่คุณสามารถออกแบบได้?”

ใช่แล้ว เขากำลังคิดว่าตัวเองควรจะสร้างนรกขึ้นมาใหม่โดยการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมโบราณและสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ดีหรือไม่ แต่เขาก็ทิ้งความคิดนั้นไปอย่างรวดเร็ว

นรกนั้นเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับแผ่นดินจีนมานานหลายพันปีแล้ว และมันเป็นเหมือนกับสิ่งสนับสนุนทางจิตวิญญาณที่แสดงถึงสัญลักษณ์ในหลายระดับ

เขาจะสามารถเพิ่มสถาปัตยกรรมสมัยใหม่เข้าไปและทำลายความกลมกลืนกันของมิติแบบนั้นได้อย่างไร?

เปลี่ยน!

แผ่นดินจีนโบราณก็คือแผ่นดินจีนโบราณ! นั่นเป็นรูปแบบที่แสดงถึงจีนได้ดีที่สุด! มันไร้ประโยชน์ที่จะไล่ตามยุคสมัยอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า นี่มันไม่ใช่แค่เมืองหนึ่งบนแดนมนุษย์ แต่มันคือนรก – นรกของจีนน่ะ!

ไม่จำเป็นที่จะต้องแย่งชิงอันดับในแง่ของความพยายามใด ๆ! นอกจากนี้ หากเจ้านรกคนก่อนสามารถสร้างนรกแห่งเดิมได้โดยที่มีข้อจำกัดทางการเข้าถึงเทคโนโลยี ฉินเย่ก็ไม่เชื่อว่าเขาจะไม่สามารถทำมันได้ด้วยความช่วยเหลือทางเทคโนโลยีสมัยใหม่!

เขาจะสลักชื่อของเขาไว้ในนรกโดยการสร้างสิ่งมหัศจรรย์อย่างกำแพงเมืองจีนก็ย่อมได้!!

ผู้เฒ่าหลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกว่า “ 4 ชั้น”

“อาคารจีนโบราณสี่ชั้นและพื้นที่โครงสร้างพื้นฐาน 10,000 ตารางเมตร นี่คือขีดจำกัดของผม”

โดยปราศจากคำถามเพิ่มเติมจากฉินเย่ เขาอธิบายต่อว่า “มันมีขนาดใหญ่กว่าอาคารสมัยนี้เล็กน้อย และในกรณีของจีนโบราณ พวกเราก็ต้องให้ความสำคัญกับสิ่งหนึ่ง ความงดงาม”

เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ตอนนั้น…ผมอยากจะสร้างพลาซ่าแบบนี้เช่นกัน แต่ทุกอย่างสมัยนี้ล้วนเกี่ยวกับความทันสมัยและความเป็นสากล ผมจึงไม่ค่อยมีโอกาสที่จะได้ฝึกฝนสิ่งต่าง ๆ ที่ได้เรียนรู้มาจากที่มหาวิทยาลัยนัก อย่างไรก็ตาม ผมยังจำคำที่อาจารย์ของผมเคยพูดเอาไว้ได้ดี ‘สิ่งที่หรูหรามากที่สุดในโลกก็คือสถาปัตยกรรมจีนโบราณ!’”

“ทำไมของตกแต่งที่ดูโบราณถึงไม่ดูดีในสมัยใหม่? มันเป็นเพราะว่าบ้านเรือนในสมัยนี้มันเล็กเกินไปน่ะสิ!”

“ประสิทธิผลของสถาปัตยกรรมโบราณนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของการพัฒนา อาคารที่มีพื้นที่เล็กกว่าร้อยตารางเมตรจะให้ความรู้สึกอึดอัดและหดหู่ใจหากได้รับการออกแบบในรูปแบบจีนโบราณ ด้วยไม้สีแดงและลวดลายที่ถูกสลักอย่างประณีต ล้วนแล้วแต่มีดีไซน์ที่ลดการรับรู้พื้นที่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะดูยิ่งใหญ่และอลังการก็ต่อเมื่อมีพื้นที่เพียงพอเท่านั้น

จากนั้น ราวกับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ลายเส้นที่ถูกเขียนของเขาหนักกว่าเดิม “ดังนั้น หากผมจะต้องออกแบบแหล่งที่อยู่อาศัยโดยมีรูปแบบพวกนั้นอยู่ในใจ แต่ละชั้นของอาคารก็น่าจะสามารถรับรองคนได้ประมาณ 6-7 ครัวเรือน เพราะท้ายที่สุดแล้ว จุดประสงค์เดิมของเราก็คือการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยการรองรับผู้คนจำนวนมากไว้ภายในพื้นที่ที่น้อยที่สุด แต่น่าเสียดายที่เงื่อนไขดังกล่าวนั้นไม่มีอยู่ภายใต้หลักการของสถาปัตยกรรมจีนโบราณ”

ฉินเย่พยักหน้า

ตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่อีกอย่างหนึ่งแล้ว

โครงการสร้างใหม่ที่มีความสำคัญสูงสุดของยมโลกได้รับการตัดสินแล้ว จากความต้องการพื้นฐานทั้งหมดสามประการ ซึ่งได้แก่อาหาร เสื้อผ้า และที่อยู่อาศัย สองสิ่งแรกนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเหล่าวิญญาณเลยสักนิด ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องให้ความสนใจในตอนนี้จึงมีเพียงเรื่องของที่อยู่อาศัยเท่านั้น

หากเขาอยากจะทำให้ประชากรในยมโลกสงบลง สิ่งแรกที่เขาจะต้องทำก็คือสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยให้เสร็จเสียก่อน

แต่เมื่อฟังจากสิ่งที่ผู้เฒ่าหลี่พูดเมื่อครู่ เขา…ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะเดินหน้าไปกับรูปแบบจีนโบราณ!!!

[1] หนึ่งในหอคอยในตำนานของประเทศจีนที่ถูกสร้างขึ้นและถูกทำลายถึง 12 ครั้งนับตั้งแต่ปีค.ศ. 223