เล่มที่ 6 บทที่ 154 ซ่งฉางชิงมาเยือน

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

ม่านบนรถถูกเปิด นิ้วมือเรียวยาวที่เปิดม่าน ราวกับเครื่องกระเบื้องเคลือบก็มิปาน

เงาร่างสีฟ้าครามออกมาจากตัวรถช้าๆ ตัวสูงโปร่งดูสง่างาม แค่ใบหน้าด้านข้างก็ดูคมคาย หล่อเหลาอย่างมิอาจหาใดเทียม

เพียงแต่ เมื่อเห็นใบหน้าทั้งหมด กลับดูค่อนข้างขึงขัง

คนผู้นี้ดวงหน้าเย็นชาดูเข้มงวด ราวกับสามารถแช่แข็งผู้อื่นได้

เหตุใดพี่ชายท่านนี้ถึงดูเย็นชานัก

เมื่อเห็นผู้อื่นก็แย้มรอยยิ้ม คิ้วงามของเซี่ยยวี่หลัวโก่งโค้ง รอยยิ้มของนางดูสบายประหนึ่งสายลมเย็นจันทร์กระจ่าง “ท่านซ่งก็มาด้วยงั้นหรือ”

เมื่อครู่ซ่งฉางชิงนั่งอยู่บนรถม้า ก็มองเห็นสตรีที่อยู่ข้างนอกผ่านช่องผ้าม่านแล้ว

วันนี้นางสวมใส่ชุดฤดูร้อนสีเทาผืนบาง ถึงแม้สีจะมืดทึบ แต่เพราะดวงหน้างดงาม ริมฝีปากสีแดงฟันสีขาว ไม่จำเป็นต้องแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉม ก็สามารถสวมใส่ชุดสีเทามืดทึบนั่นให้ดูโดดเด่นได้

ซ่งฉางชิงยังคงแสดงสีหน้าเหมือนเดิม “ฮูหยินเซียว”

สีหน้าเรียบสงบ น้ำเสียงเรียบสงบ

ซ่งฝูมองเขาแวบหนึ่ง ตลอดทางที่ขับรถม้ามา เขารู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก วันนี้คุณชายเป็นอะไรไป เขาที่ไม่เคยไปเยือนถึงบ้านผู้จัดหาวัตถุดิบคนใด เหตุใดจู่ๆ ถึงมาบ้านเซี่ยยวี่หลัว

นอกจากนั้น เขาบอกว่าต่อไปจะไม่ให้เซี่ยยวี่หลัวเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดพอเห็นว่าฝนตก กลับมาหาถึงที่กัน

ซ่งฝูรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ เมื่อเห็นว่าคุณชายเข้าไปในบ้านแล้ว จึงรีบผูกรถม้าไว้ ก่อนตามเข้าไป

เซียวจินตื่นแต่เช้า บ้านเขาอยู่ข้างๆ บ้านท่านปู่เซียว รถม้าคันหนึ่งเข้าหมู่บ้าน เขาย่อมรู้ว่านี่ไม่ใช่รถม้าของคนในหมู่บ้าน เห็นรถม้าหยุดจอดที่บ้านท่านปู่เซียว ครู่เดียวก็ไปแล้ว เซียวจินรู้สึกประหลาดใจ นี่ไม่ใช่รถม้าของเซียวเหลียง แล้วเป็นของใคร?

เขาตามมาตลอดทาง ก็เห็นรถม้าจอดอยู่หน้าบ้านเซียวยวี่พอดี

เซียวจินรู้สึกอัดอั้นใจนัก รถม้านี่จอดที่บ้านไหนก็ไม่จอด กลับมาจอดอยู่ตรงนี้!

ระหว่างที่เซียวจินกำลังครุ่นคิด ก็เห็นเซี่ยยวี่หลัวออกมา พูดคุยยิ้มแย้มกับบุรุษวัยหนุ่มที่เป็นคนขับรถม้า ผ่านไปครู่เดียว บนรถม้า… บนรถม้ายังมีอีกคนหนึ่งเดินลงมา

ดูจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ ต้องราคาแพงจนไม่อาจประเมินได้แน่นอน

เพียงแต่ เหตุใดถึงรู้สึกว่าคนผู้นี้ดูคุ้นตานัก?

เขาเดินเข้าไปในบ้านเซี่ยยวี่หลัวแล้ว

บุรุษแปลกหน้าสองคน พูดคุยยิ้มแย้มกับเซี่ยยวี่หลัว ดูแล้วน่าจะรู้จักกันมาก่อน นอกจากนั้น ยังเข้าไปในบ้านของเซี่ยยวี่หลัว ความสัมพันธ์ของคนเหล่านี้ มีอะไรแอบแฝงหรือไม่?

เซียวจินคิดถึงพิรุธของเซี่ยยวี่หลัวที่ภรรยาตนเองเคยบอกไว้ หรือว่า บุรุษผู้นี้จะเป็นชู้รักของเซี่ยยวี่หลัว?

นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่!

เซียวจินไม่กล้าไป แอบซ่อนอยู่ในมุมมืด รอให้คนด้านในออกมา

ซ่งฉางชิงเดินตามเซี่ยยวี่หลัวเข้าไปในบ้าน เด็กสองคนย่อมรู้จักซ่งฉางชิงเหมือนกัน ต่างก็เอ่ยเรียกท่านซ่งอย่างมีมารยาท

ซ่งฉางชิงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ซ่งฝูรีบยื่นส่งขนมที่ตัวเองนำมาด้วย “ฮูหยินเซียว นี่คือขนมที่ให้เด็กสองคนทานเล่น”

เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกประหลาดใจ “นี่… จะรับไว้ได้อย่างไร! ”

ซ่งฝูมองซ่งฉางชิงที่อยู่ข้างๆ ยืนกรานจะส่งมอบขนมใส่ไปในมือเซี่ยยวี่หลัว เซี่ยยวี่หลัวไม่มีหนทางอื่น ได้แต่รับไว้ “เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านซ่งมาก! ”

“ไม่ต้องเกรงใจ! ” ซ่งฉางชิงเม้มริมฝีปากเบาๆ พร้อมกล่าวอย่างเรียบสงบ

บ้านเรือนในหมู่บ้านชนบทส่วนใหญ่ล้วนคล้ายคลึงกัน มีห้องเล็กจำนวนหนึ่ง ลานบ้านหนึ่งลาน เก็บกวาดทั้งในและนอกอย่างเรียบร้อย สะอาดหมดจด ด้านข้างมีเรือนหลังคากระเบื้องสองห้อง ก้อนอิฐดูใหม่มาก เหมือนว่าเพิ่งปลูกสร้างเสร็จ

เมื่อเห็นซ่งฉางชิงมองไปทางเรือนหลังใหม่ เซี่ยยวี่หลัวจึงกล่าว “นั่นคือเรือนหลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ สามีของข้าไม่มีห้องหนังสือ จึงปลูกเรือนทำห้องหนังสือให้เขาได้ตั้งใจอ่านตำรา! ”

เมื่อได้ยินคำว่าอ่านตำรา ซ่งฉางชิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณชายเซียวเป็นคนเรียนหนังสือ? เหตุใดถึงไม่เห็นเขา? ”

“ปีนี้เขาไปสอบซิ่วไฉ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “อีกเจ็ดถึงแปดวันก็น่าจะกลับมาแล้ว”

“พี่สะใภ้ใหญ่จะทำให้พี่ใหญ่รู้สึกประหลาดใจ พอพี่ใหญ่กลับมา ต้องดีใจมากแน่เจ้าค่ะ! ” เซียวจื่อเมิ่งที่อยู่ข้างๆ กล่าวเสียงใส สีหน้าดีอกดีใจ

ห้องหนังสือมีหน้าต่างหนึ่งบาน หันไปทางสวนหลังบ้าน

สามารถมองเห็นชั้นวางตำราขนาดใหญ่ด้านในสุดของห้องนั้น บนชั้นวางตำรามีตำราวางอยู่เต็ม บนหน้าต่างมีผ้าม่านโปร่งแขวนอยู่ เมื่อลมพัด ก็โบกพลิ้วไปตามสายลม ตรงมุมผ้าม่านโปร่งที่พลิ้วไหว สามารถมองเห็นลายปักรูปต้นไผ่สีเขียวมรกตเลือนราง ดูคล้ายของจริงยิ่งนัก

เพราะมีคนมาเพิ่มสองคน เซี่ยยวี่หลัวทำอาหารไว้สำหรับสามคนเท่านั้น ได้แต่ไปทำเพิ่มอีกเล็กน้อยที่ห้องครัว หน่อไม้ดองก็ตักเพิ่มอีกหนึ่งจานเล็ก ทอดไข่ดาวสองฟอง ก่อนจี่แผ่นแป้งใส่ไข่ผสมต้นหอมอีกจำนวนหนึ่ง คาดว่าเพียงพอแล้ว จึงยกไปที่ห้อง

ซ่งฉางชิงรออยู่ในห้องโถง เขามองดูการจัดวางข้าวของในบ้าน ภายในห้องดูเรียบง่ายมาก เรียบง่ายจนแทบจะเรียกได้ว่าขัดสน ทว่า แม้จะขัดสน กลับยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความอบอุ่น

หน้าต่างเปิดอยู่ ผ้าม่านโปร่งที่แขวนอยู่บนนั้นก็โบกพลิ้วไปตามสายลม ลมพัดโชยหอบเอากลิ่นหอมของดอกไม้เข้ามา

หลังบ้านปลูกดอกไม้ไว้ด้วย?

ซ่งฉางชิงเดินไปดู เมื่อเห็นสวนหลังบ้านดูราวกับดินแดนเทพเซียน ก็ตกอยู่ในภวังค์เหม่อลอย

สวนขนาดใหญ่ ใช้ไม้ไผ่ทำเป็นรั้วล้อมรอบไว้ ริมกำแพง ปลูกดอกไม้ป่าไว้จำนวนไม่น้อย มีเถาวัลย์เลื้อย บางต้นที่เติบโตดี เถาวัลย์เลื้อยขึ้นไปบนกำแพงแล้ว บางต้นที่ผลิดอกเร็ว ดอกไม้บนต้นก็เบ่งบานแล้ว

ดอกไม้เล็กสีแดง สีขาว และสีชมพู ราวกับกำลังประชันความงามกันอยู่บนกำแพง

แปลงผักขนาดเล็กที่ขุดไว้เป็นร่องอย่างเป็นระเบียบ บนนั้นปลูกผักไว้จำนวนหนึ่ง ได้รับการดูแลเอาใจใส่ จึงเจริญเติบโตได้ดี

ล้วนแต่ผ่านการดูแลบ่มเพาะอย่างใส่ใจ พอจะดูออก ว่านายหญิงของบ้านนี้เป็นคนขยันแข็งขันและมีความสามารถมาก

บนมุมผ้าม่านโปร่งที่ถูกลมพัดจนพลิ้วไหว ปักลายดอกไม้ป่าขนาดเล็กที่เหมือนกับในสวนหลังบ้าน

ดอกไม้สีแดงที่ทำให้เห็นแล้วรู้สึกอิจฉา

โจ๊กยังร้อนอยู่ มีเพียงคนละหนึ่งชาม เซี่ยยวี่หลัวยกอาหารที่ทำขึ้นใหม่เข้ามา เชิญซ่งฉางชิงและซ่งฝูนั่งลง ตักโจ๊กให้คนละหนึ่งชาม วางไว้ตรงหน้าพวกเขา

“มีเพียงอาหารบ้านๆ ทั่วไป หวังว่าท่านซ่งจะไม่รังเกียจ! ” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว

ขณะที่นางเอื้อนเอ่ยวาจา ก็แย้มรอยยิ้มอยู่ตลอด คิ้วงามโก่งโค้ง แค่เห็นก็รู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ!

ซ่งฉางชิงมองดูอาหารบนโต๊ะ

ธรรมดามากจริงๆ

ไข่ดาว ไข่ต้ม ยังมีแผ่นแป้งใส่ไข่ผสมต้นหอม โจ๊กหนึ่งชาม ล้วนเป็นอาหารพื้นๆ ที่เขาเคยกิน เพียงแต่ ของสีเขียวขาวที่มีกลิ่นแปลกประหลาดนั่นคืออะไร?

กลิ่นเปรี้ยวๆ ทั้งยังหอมๆ แค่ได้กลิ่น ก็แทบน้ำลายไหลแล้ว