“ทักษะเทวะแข็งแกร่งอะไรอย่างนี้!”
ฉินมู่ตื่นเต้นขึ้นมาอย่างฉุดไม่อยู่ ไม่ทันที่หงส์เพลิงเก้าหัวจะมาถึง ลมแรงพวยพุ่งออกมาจากพลานุภาพของทักษะเทวะก็ได้ทำให้แถบแพรรัดผมของเขาปลิวหลุดลุ่ยออกไป มันสะบัดไปข้างหลังขณะที่เส้นผมของเขาถูกเป่าให้เหยียดไปในทางเดียวกัน!
ผิวหนังบนใบหน้าของเขาย่นยู่ลู่ลมไปหมด และความร้อนอันแผดเผารุนแรงก็ทำให้เขาหายใจแทบไม่ออก
เจ๋อหัวหลีกับฉินมู่มีฝีมือระดับใกล้เคียงกัน การที่ฉีเจี่ยวอี๋โจมตีทั้งคู่ในเวลาเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าเขามั่นใจในตนเองมากแค่ไหน
เขามีความมั่นใจที่จะกำราบทั้งเจ๋อหัวหลีและฉินมู่ สองยอดฝีมือรุ่นเยาว์ผู้นี้!
ในฐานะศิษย์ของตัวตนโบราณในสภาสวรรค์ เขานั้นโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ในตำแหน่งอันสูงส่ง จากการลงมายังโลกต่ำใต้เพื่อจัดการเรื่องธุระ เขาก็ดูเพียบพร้อมและสง่างาม จัดการเรื่องราวต่างๆ ด้วยความสุภาพ และยึดถือมารยาทพิธีไม่ว่าจะเผชิญกับมิตรหรือศัตรู แต่ทว่า ลึกๆ ข้างในแล้ว เขายังคงดูแคลนยอดฝีมือแห่งแดนต่ำใต้ มองว่าพวกเขาเหล่านั้นคือพวกบ้านนอก
ทักษะเทวะของเขาได้บ่มพลังมาเป็นเวลานาน ขณะที่เขากับเจ๋อหัวหลีหยั่งเชิงกันไปมา เขาก็ค่อยๆ ขับเคลื่อนมหาทักษะเทวะนี้จนสมบูรณ์ เก้าหงส์เพลิงจับเจ่าอู่ถงโบราณ
มันเป็นมหาทักษะเทวะแห่งวิชาฝึกปรือบัลลังก์จักรพรรดิ และเมื่อใดที่มันขับเคลื่อนออกมาอย่างสมบูรณ์ เขาก็สามารถบดขยี้ใครก็ตามในขั้นวรยุทธเดียวกัน สมคำว่าไร้เทียมทานอย่างแท้จริง!
เขาหมายจะล้มทั้งฉินมู่และเจ๋อหัวหลีพร้อมๆ กันเพื่อสำแดงถึงความน่ายำเกรงแห่งสภาสวรรค์ และทำให้พวกบ้านนอกคอกนาแห่งแดนต่ำใต้ได้เข้าใจถึงมหิทธานุภาพสวรรค์!
โลหิตของฉินมู่เดือดพล่าน ฉีเจี่ยวอี๋โจมตีสองคนพร้อมๆ กัน แต่เขารู้สึกราวกับว่ากำลังเผชิญกับการโจมตีของฉีเจี่ยวอี๋ตามลำพัง เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มจากสภาสวรรค์ผู้นี้เป็นคู่ต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวอย่างที่เขาไม่เคยพบพานมาก่อน!
แม้ว่ามหาทักษะเทวะของฉีเจี่ยวอี๋จะใช้เวลาก่อรูปนาน แต่พลานุภาพของมันก็ทำให้ฉินมู่ตื่นเต้น!
เขาไม่เคยพบคู่ต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อน!
เขาอดไม่ได้ที่จะกู่ร้องออกมาด้วยเสียงกึกก้อง และเสียงมังกรคำรามก็ก้องสะท้อนไปทั่วสรรพางค์กายเขา ในเสี้ยวพริบตานั้น เสียงมังกรดังออกมาแปดครั้งจากแปดสุรเสียงมังกรบรรพกาล วิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะโคจรครบหนึ่งรอบ!
หงส์เพลิงเก้าหัวเหาะเหินเข้ามาด้วยแสงฉัพพรรณรังสีอันละลานตา มันเปล่งพลานุภาพอันน่าแตกตื่น!
หงส์เพลิงเก้าหัวมาถึงตัวฉินมู่ในพริบตา มันดูใหญ่มหึมาบนต้นไม้ แต่เมื่อมาถึงใบหน้าของฉินมู่ ตัวมันใหญ่ไม่เกินหนึ่งคืบ
แต่กระนั้นแม้มันเล็กลงไป พลานุภาพของมันกลับยิ่งแข็งแกร่ง และภัยคุกคามของมันก็ยิ่งอันตรายร้ายกาจ
ฉีเจี่ยวอี๋ใช้มุทรา และต้นอู่ถงโบราณก็ถล่มลงไปบนดาบมาร เมื่อทั้งสองอย่างใกล้จะปะทะกัน คลื่นกระเพื่อมก็แผ่ไปทั่วสารทิศ ตามมาด้วยลมร้ายอันเต็มไปด้วยเพลิงไฟและแสงมีด ลมนั้นซัดกวาดออกไปทั่วทุกทิศทาง
พื้นดินพลันหลอมละลาย กลายเป็นลาวาอันมีแสงมีดกระโจนไปมารอบๆ ในพริบตาที่สองมหาทักษะเทวะปะทะเข้าด้วยกัน ดาบมารมากมายก็กระโจนออกมาจากลาวา และเพลงมีดที่ดาบมารแต่ละเล่มร่ายรำออกไปนั้นก็แตกต่างกัน ที่ด้ามของดาบมารทั้งหมดมีดวงตามารอันพิลึกกึกกือ พวกมันจ้องเขม็งไปยังฉีเจี่ยวอี๋ และเส้นทางที่ดาบมารแต่ละเล่มเคลื่อนไปนั้นถูกควบคุมด้วยดวงตาพวกนี้
ต้นอู่ถงโบราณเล็กๆ ปรากฏขึ้นมาในหินหลอมเหลวเพื่อสกัดขัดขวางดาบมารทั้งหลาย บนต้นไม้มีรังนกหงส์เพลิงอันสาดแสงตะวันหลากสีออกมา ดาบมารที่พวยพุ่งจากทะเลลาวาถูกบดขยี้แตกสลาย
ในเวลาเดียวกันนั้น ไจกระบี่ของฉินมู่ก็ลอยขึ้นมา และละล่องอยู่ตรงหน้าหว่างคิ้วของเขา เมื่อนิ้วกระบี่ของเขาแตะที่จุดนั้น ไจกระบี่เล็กๆ อันก่อขึ้นมาจากกระบี่บินแปดพันเล่ม ก็พลันแปรเปลี่ยนรูปทรง
กระบี่แปดพันเล่มแปรเปลี่ยนเป็นแสงกระบี่ มันเจิดจ้าอย่างเหลือแสนในจังหวะที่เขาชี้ออกไปด้วยนิ้วกระบี่ เมื่อเขารวบรวมพละกำลังและพลังงานทั้งหมด เขาก็ใช้พวกมันแทงออกไปยังทิศทางของหงส์เพลิงเก้าหัว
ฟิ้ววว!
แสงกระบี่ปะทะกับหงส์เพลิง ในเสี้ยววินาทีที่แสงกระบี่พวยพุ่งออกไป มันก็หนาใหญ่เท่ากับท่อนเสา แต่หลังจากที่มันพุ่งจากปลายนิ้วของเชา มันกลายเป็นเล็กละเอียด ราวกับลำแสงอาพันธ์อันเย็นเยียบ
กระนั้นเมื่อเข้าไปมองลำแสงนี้ใกล้ๆ ก็จะเห็นภาพปรากฏการณ์มากมายในนั้น
กระบวนท่าแรกของกระบี่ภัยพิบัติของเขานั้นเรียกว่ากระบี่ริเริ่มภัยพิบัติ และกระบี่ไร้กังวลเป็นแก่นใจกลางของมัน กระบี่ไร้กังวลมีด้านทั้งหมดแปดด้านบนใบมีดของมัน และที่ด้านเหล่านั้นสะท้อนอยู่คืออักษรรูนของวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะอันฉายโชนออกไปทุกทิศทาง
แสงกระบี่สะท้อนอักษรรูนลงไปยังกระบี่ลูกทั้งหลาย กระตุ้นพลานุภาพของพวกมันอันสะท้อนต่อไปยังกระบี่เล่มอื่นๆ ที่เหลือ ใบมีดของแต่ละเล่มกระบี่เหมือนกับกระจกแปดด้าน และในเสี้ยวพริบตานั้น กระบี่ทั้งแปดพันเล่มก็จุดแสงขึ้นมา ขับเคลื่อนมหิทธานุภาพทั้งหมดของมัน!
กระบี่แปดพันเล่มยังคงเคลื่อนที่ต่อไป และเส้นทางของกระบี่แต่ละเล่มก็แตกต่าง ในเวลาไม่นาน พลานุภาพของกระบี่ทั้งแปดพันก็เข้ามารวมด้วยกันในกระบี่ไร้กังวล
นี่คือความอัศจรรย์ของกระบี่ริเริ่มภัยพิบัติ
จากกิริยาท่าทีเพียงอย่างเดียว ฉินมู่เพียงแค่แตะที่หว่างคิ้วของตนและแทงนิ้วออกไปอันดูเรียบง่ายสามัญ แต่ทว่าสิ่งที่เรียบง่ายขนาดนั้นมันหลอมรวมเอาการฝึกบำเพ็ญและปฏิภาณความเข้าใจทั้งชีวิตของเขาไว้ด้วยกัน รวมทั้งพละกำลังของกายเนื้อ จิตวิญญาณดั้งเดิม มรรคา วิชา และทักษะเทวะ แม้กระทั่งพลังกายของเขา
เมื่อคนแล่เนื้อและฟู่ยื่อลัวพูดถึงการเข้าสู่ขั้นสามัญจากความซับซ้อน สาเหตุที่ฉินมู่ยกย่องพวกเขาเป็นอย่างสูง ก็เพราะว่าเขาเองได้บรรลุถึงขั้นนี้แล้ว!
เมื่อเทียบกับมหาทักษะเทวะของฉีเจี่ยวอี๋ที่ต้องใช้เวลาในการกระตุ้นและตระเตรียม มหาทักษะเทวะของเขา กระบี่ภัยพิบัติกลับรวดเร็วอย่างผิดธรรมดา!
นี่คือความแตกต่างระหว่างการรังสรรค์และการเรียนรู้ ฉินมู่ได้ก้าวเข้าสู่การที่วิชาฝึกปรือบรรลุเต๋า และรังสรรค์กระบี่ไร้กังวลของตนเอง ดังนั้นปฏิกิริยาตอบสนองของเขาจึงเร็วอย่างยิ่งยวด
เจ๋อหัวหลีดำเนินไปตามมรรคาเพลงมีดบรรลุเต๋า เพลงมีดของเขารังสรรค์ขึ้นมาด้วยตนเอง แต่วิชาฝึกปรือของเขามาจากผู้อื่น เขาได้เรียนวิชาฝึกปรือของลั่วอู๋ชวง เช่นเดียวกับของฟู่ยื่อลัว ดังนั้นเพลงมีดของเขาจึงเชื่องช้ากว่าของฉินมู่อยู่เล็กน้อย
กระนั้นแม้ว่าจะช้ากว่าอยู่สักหน่อย แต่มันก็ยังเร็วกว่าหลายเท่าเมื่อเทียบกับเวลาที่ฉีเจี่ยวอี๋ต้องใช้เพื่อปลดปล่อยมหาทักษะเทวะ
แต่ทว่า ฉีเจี่ยวอี๋ฝึกวิชาฝึกปรือบัลลังก์จักรพรรดิแห่งสภาสวรรค์ และพลานุภาพของทักษะเทวะของเขาก็ทรงพลังอย่างไร้ต่อต้าน ยากที่จะพบเห็นได้ในโลกหล้า และพลานุภาพของมันก็เหนือล้ำกว่าวิชาฝึกปรือของเทพเที่ยงแท้ไปหลายชั้น!
และกระนั้น มหาทักษะเทวะของเขาก็แยกออกเป็นสอง หงส์เพลิงเก้าหัวพุ่งใส่ฉินมู่ ขณะที่ต้นอู่ถงโบราณถูกโยนเข้าไปใส่เจ๋อหัวหลี นี่ทำให้พลานุภาพของเขาถูกแยกเป็นสองด้วย!
ฉึก!
แสงกระบี่ของฉินมู่แทงทะลุศีรษะของหงส์เพลิงเก้าหัว แม้ว่ามันจะดูเล็ก แต่มันก็ก่อขึ้นมาจากทักษะเทวะจำนวนนับไม่ถ้วน เมื่อกระบี่เข้าไปแตะต้อง มันก็ระเบิดปะทุทันที!
พลานุภาพของกระบี่แปดพันเล่มที่ซ่อนอยู่ในกระบี่ของฉินมู่ก็ระเบิดปะทุออกมา กระบี่แปดพันเล่มอันละเอียดยิบจนมองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็นก็กระโจนออกมาและร่ายรำท่วงท่ากระบี่อันแตกต่างออกไป เฉือนตัดทักษะเทวะทั้งหลายในร่างของหงส์เพลิงเก้าหัว
ในการปะทะกับอย่างว่องไวนั้น หงส์เพลิงเก้าหัวก็ถูกบดขยี้จนย่อยยับ และแสงกระบี่เล็กละเอียดก็พุ่งตรงไปยังฉีเจี่ยวอี๋
เมื่อทักษะเทวะของฉีเจี่ยวอี๋ถูกทำลาย เขาก็ครางหนักๆ ออกมา ทันใดนั้น เพลิงไฟก็ปะทุรอบกายของเขาและเขาบิดเอี้ยวคอเพื่อให้คอยาวๆ อีกเก้าคอมีพื้นที่งอกเงย พวกมันห่อหุ้มไปด้วยขนนกหงส์เพลิงอันละเอียดยิบและมีสีสันต่างๆ กันไปทั้งเจ็ดสี
ศีรษะหงส์เพลิงที่ผุดขึ้นมานั้นมีขนหงอนที่ยอดหัว ฉีเจี่ยวอี๋ดูเหมือนกับจักรพรรดิแห่งเหล่าสกุณา และแต่ละหัวหงส์เพลิงของเขาก็จิกลงไปยังแสงกระบี่ของฉินมู่
ในพริบตาที่เขาแบ่งแยกสมาธิไปรับมือฉินมู่ แรงกดดันไปทางเจ๋อหัวหลีก็ลดลง และดาบมารจำนวนนับไม่ถ้วนก็กระโดดออกมาจากลาวา พวกมันรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งและฟันลงมายังฉีเจี่ยวอี๋
ข้างหลังเด็กหนุ่มผู้นั้น ปีกอันกุก่องตระการก่อขึ้นมาจากใบมีดก็เปิดออก ขนนกของเขาเหมือนกับกระบี่และยกผงาดขึ้นต้านรับดาบมารที่กำลังมา
ฉินมู่รีบตามติดไปข้างหลังแสงกระบี่ของเขา เท้าของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ระเบิดเสียงครืนครัน เขาพุ่งไปข้างหน้าด้วยกำปั้นอันซัดออก ดูดเอาอากาศรอบตัวฉีเจี่ยวอี๋ทั้งหมดเข้ามา อัดแน่นไว้ในหมัดของเขา!
จากรอบๆ กำปั้น ประกายอสุนีบาตแลบแปลบปลาบไปทั่วสารทิศ!
ฉีเจี่ยวอี๋เงยหน้าขึ้นมาต้านรับการโจมตี แต่อีกฟากหนึ่ง เจ๋อหัวหลีก็ทะยานเข้ามาราวกับมารเทวะอันโกรธเกรี้ยว ภาษามารดังออกมาจากปากของเขา และมือของเขาก็ซัดออกไปด้วยมุทรา!
มืออีกข้างของฉีเจี่ยวอี๋ก่อขึ้นมาเป็นมุทรา และเขาเตรียมที่จะต่อสู้กับทั้งสองคน พวกเขาทั้งสองบุกเข้ามาด้วยพละกำลังอันน่าสะพรึงกลัว และเสียงระเบิดกัมปนาทสองหนก็ดังออกมา
เด็กหนุ่มครางเสียงหนัก และหัวทั้งเก้าของเขาก็กระอักเลือดในเวลาเดียวกัน
มืออีกข้างของฉินมู่เปิดออก และกระบี่บินอันถูกส่งไปไกลโดยหัวหงส์เพลิงทั้งเก้าก็แปรเปลี่ยนกลับมาเป็นไจกระบี่อันร่วงลงมาในมือเขาอีกครั้ง เขากำมือแน่น และลำแสงกระบี่เท่าท่อนเสาสีขาวโพลนราวหิมะก่อขึ้นมาจากกระบี่ทั้งแปดพันเล่ม ก็หมุนวนไปมาอย่างเกรี้ยวกราด ซัดไปยังคอของฉีเจี่ยวอี๋ พร้อมที่จะสะบั้นหัวทั้งเก้าของเขา
แสงกระบี่หมุนวนเฉือนผ่านอากาศ หากว่าฉีเจี่ยวอี๋เข้าไปใกล้มัน เขาก็จะถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และถูกเฉือนตัดจนเป็นเนื้อบด!
เจ๋อหัวหลีคว้ามีดของเขา และด้วยเสียงเคร้ง มันก็เข้ามาต้านรับกระบี่ฉินมู่ แสงมีดพวยพุ่งออกมาและขับไล่แสงกระบี่ของฉินมู่ เด็กหนุ่มผู้นี้ยิ้มหยันและกล่าว “เขาเป็นของข้า จ้าวลัทธิฉินอย่าสอดมือจะดีกว่า”
ร่างของพวกเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และแขนของทั้งคู่ก็ชาดิก ดาบมารและไจกระบี่กระดอนออกไปจากมือของพวกเขาจากแรงสะเทือน ฉินมู่ยื่นมืออีกข้างออกไปคว้าจับดาบมารเอาไว้ และท่าย่างเท้าของเขาก็เดินสลับฟันปลาขณะที่ฟาดฟันลงไป เขายิ้มหยันและกล่าว “เจ๋อหัวหลี เจ้างั่งไร้สมอง คนผู้นี้คือศัตรูของพวกเรา ดังนั้นพวกเราต้องสังหารเขาก่อนถึงจะสงบสุข!”
มีดของฉินมู่ทั้งองอาจและน่ายำเกรง เขาได้สืบทอดจิตวิญญาณอันเถื่อนพยศและเขื่องโขในเพลงมีดของคนแล่เนื้อ ดังนั้นพลานุภาพของเขาจึงไม่ด้อยไปกว่าเจ๋อหัวหลีมากในเชิงมีด
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเจ็บมือ เมื่อเขามองลงไป เขาก็เห็นดวงตามารที่ด้ามดาบถึงกับงอกเงยปากขึ้นมา มันเต็มไปด้วยเขี้ยวอันคมกริบและงับกัดฝ่ามือของเขาจนเลือดซิบ
ขณะที่เขาเสียจังหวะไปกับมัน เจ๋อหัวหลีก็คว้าจับไจกระบี่ของฉินมู่ เขาตะลึงไปเล็กน้อยเมื่อไจกระบี่แทบร่วงลงจากมือ ในเมื่อเขาไม่คาดคิดว่ามันจะหนักอึ้งขนาดนี้ เขาแทบจะถือเอาไว้ไม่อยู่
แต่เขาก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว และไจกระบี่ถึงกับแผ่พุ่งแสงกระบี่ออกมา เขาไม่มีความสำเร็จในเชิงกระบี่มากนัก และมันมีกระบี่ถึงแปดพันเล่มอยู่ในไจกระบี่เดียว อันทำให้มันยากและเหน็ดเหนื่อยในการควบคุม แต่เขาก็ยังยกแสงกระบี่ขึ้นต้านทานดาบมารที่ฉินมู่กำลังใช้อยู่ เขากล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เขาและเจ้าไม่ต่างกัน พวกเจ้าทั้งคู่จะต้องตายในเงื้อมมือของข้า! ชะตาของเจ้าตกอยู่ใต้ดาบของข้า!”
ในพริบตาที่กระบี่และดาบปะทะกัน เจ๋อหัวหลีก็ครางหนักและเซแซ่ดๆ ไป ฉินมู่เชี่ยวชาญในเพลงมีด ดังนั้นแม้ว่าเขาจะถูกดาบมารกัดมือ แต่พลานุภาพของกระบวนท่าเขาก็ยังยิ่งใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น พลังวัตรของเขาก็ยังเข้มข้นยิ่งกว่าเจ๋อหัวหลี จึงทำให้อีกฝ่ายไม่อาจต้านทานได้ง่ายๆ
ดาบและกระบี่หลุดออกไปจากมือของพวกเขา และดาบมารก็สั่นเทิ้มอยู่กลางอากาศ แสงมีดและแสงกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนห้อมล้อมผู้คนทั้งสาม เริงระบำในอากาศ และปะทะซึ่งกันและกัน
ฉินมู่พลันขับเคลื่อนพลังวัตรของตนเพื่อควบคุมไจกระบี่ แสงกระบี่พวยพุ่งออกไปและแปรเปลี่ยนเป็นภาพวาดภูเขาและแม่น้ำ อันกดทับลงมายังพวกเขา กลืนทั้งสามคนเข้าไปในทิวทัศน์
กระบี่ย่างไปในทิวทัศน์!
“โอหังอะไรอย่างนี้! ถึงกับไม่สนใจข้า!”
ฉีเจี่ยวอี๋ทั้งตื่นตระหนกและโกรธเกรี้ยว ร่างของเขาสั่นเทิ้มอีกครั้ง และเขาเผยหัวทั้งเก้าบนร่างมนุษย์ของตน อันมีกรงเล็บและปีกของปักษา เขานั้นกำลังจะระเบิดพลังและสังหารเศษสวะทั้งสอง แต่ทันใดนั้นฉินมู่กับเจ๋อหัวหลีก็พลันร่วมมือกันโจมตีเขาจนบาดเจ็บสาหัส
ฉีเจี่ยวอี๋กระอักเลือด ฉินมู่และฉีเจี่ยวอี๋โจมตีซึ่งกันและกันอย่างไร้ปรานีขณะที่ห้อมล้อมไปรอบๆ เขา ไม่ว่าเมื่อใดที่เขามีท่าทีสักน้อยนิดที่จะสู้กลับ ทั้งสองคนก็จะร่วมมือกับซัดเขาอย่างหนักหน่วง ทุกครั้งที่ฉินมู่โจมตีเขา เจ๋อหัวหลีก็จะเข้ามาปกป้อง และทุกครั้งที่เจ๋อหัวหลีโจมตีเขา ฉินมู่ก็เข้าไปขัดขวางเจ๋อหัวหลีด้วยอารมณ์อาละอาดก่อกวน
ด้วยร่างโชกเลือด ฉีเจี่ยวอี๋สัมผัสถึงความกลัวและความงุนงงอย่างจับต้นชนปลายไม่ได้แล่นซ่านกายเขา หากว่าเผชิญหน้ากับฉินมู่หรือเจ๋อหัวหลีเพียงลำพัง เขาก็คงจะสู้สิบครั้งก็เอาชนะได้ทั้งสิบ แต่เมื่อเผชิญกับพวกเขาทั้งสอง เขาก็ได้แต่กลายเป็นกระสอบทราย
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เขางงงวยอย่างถึงที่สุด