ตอนที่ 90 จดหมายจากฉู่หยู

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 90 จดหมายจากฉู่หยู

ดวงตาที่เจือความเสียใจจ้องมองบิดา ใบหน้างดงามของนางเต็มไปด้วยความเศร้าโศก “หรือว่าในสายตาท่านพ่อก็เห็นท่านแม่เป็นเยี่ยงที่อี๋เหนียงกล่าวเจ้าคะ ? “

เมื่อได้ฟังคำกล่าวของอันหลิงเกอ พลันใบหน้าของอันอิงเฉิงก็เข้มกว่าเดิมแล้วหันไปมองหลี่ซื่อจนเป็นเหตุให้นางรู้สึกตื่นตระหนก

นางต้องการอธิบายให้อันอิงเฉิงฟัง ทว่าเขามิอยากฟังคำแก้ตัวของนาง

จากนั้นอันอิงเฉิงก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา แววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง

“เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าจักมีจิตใจดี มีเมตตาและใจกว้างคนหนึ่ง ข้าจึงยกจวนโหวให้เจ้าดูแล ใครจักรู้ว่าเจ้าบกพร่องต่อหน้าที่ครั้งแล้วครั้งเล่าจนทำให้จวนโหววุ่นวายเยี่ยงนี้ โชคดีที่มิใช่ความผิดใหญ่หลวงที่มิสามารถยอมรับได้”

“แต่ผู้ใดจักคาดคิดว่าแม้แต่เฉว่เอ๋อเจ้ายังมิปล่อย เกือบทำให้นางสิ้นชีพ เกือบเป็นเหตุให้ความสัมพันธ์ของข้าและน้องสามที่มีมานานหลายสิบปีพังทลาย ทุกอย่างเพราะความโง่ของภริยาเยี่ยงเจ้า จนตอนนี้ก็มาเหยียบย่ำเกอเอ๋อ เพราะเจ้าอยู่สบายเกินไปในจวนโหวจึงหาเรื่องไปทั่วใช่หรือไม่ ? “

“ท่านโหว มิใช่นะเจ้าคะ ข้าจักทำเรื่องเยี่ยงนั้นทำไมเล่า ? “

หลี่ซื่อกล่าวด้วยแววตาตื่นตระหนกแล้วยื่นมือไปจับชายแขนเสื้อของอันอิงเฉิงไว้ แต่ก็โดนเขาสะบัดออก

“ข้าได้ยินว่าท่านแม่รับเว่ยอี๋เหนียงกลับเรือนที่นางเคยอยู่ ดังนั้นข้ามิไปที่เรือนของเจ้าแล้ว”

อันอิงเฉิงทิ้งคำนี้ไว้แล้วหันหลังเดินไปทางเรือนของเว่ยอี๋เหนียง ฝ่ายหลี่ซื่อที่เห็นเช่นนั้นก็ใจเสีย นางหันไปมองอันหลิงเกอด้วยสายตาอาฆาต แต่มิสนใจที่จักโต้แย้งกับอันหลิงเกอแล้วรีบก้าวขาตามอันอิงเฉิงไป

……

……

เมื่อแสงแดดในยามเช้าสาดส่องเข้ามาที่เรือนฉีอู๋ ปี้จูก็ยกอ่างทองแดงเข้ามาในห้อง ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส

“คุณหนู ข้าได้ยินเรื่องที่ท่านโหวไปค้างคืนที่เรือนเว่ยอี๋เหนียงแล้วเจ้าค่ะ บ่าวในจวนล้วนพูดว่าเว่ยอี๋เหนียงจักได้รับความรักความเอ็นดูอีกครั้งแล้วเจ้าค่ะ”

อันหลิงเกอนั่งอยู่หน้ากระจกแล้วให้ปี้จูทำผม เมื่อได้ฟังที่ปี้จูกล่าว มุมปากของนางก็ยกขึ้นเล็กน้อย ทว่าเเววตามิได้แสดงออกอันใด

“เว่ยอี๋เหนียงยังห่างไกลจากความโปรดปรานของท่านพ่อนัก”

เมื่อหวนนึกถึงเว่ยอี๋เหนียงที่พักอยู่ในเรือนเพียนมานานหลายปี ทว่าวันนี้เพิ่งได้รับโอกาสคำนับท่านย่า ส่วนเรื่องที่เว่ยอี๋เหนียงสามารถเอาใจให้ท่านย่าได้หรือไม่ นางจักสามารถยืนหยัดมั่นคงในจวนโหวได้หรือเปล่า คงต้องดูว่านางมีไหวพริบและความฉลาดมากพอหรือเปล่า

ปี้จูมึนงงเล็กน้อยเพราะมิเข้าใจในสิ่งที่อันหลิงเกอกล่าว

“ในเมื่อวันที่เว่ยอี๋เหนียงเพิ่งออกมาจากเรือนเพียน ท่านโหวก็ไปหาทันที มิใช่นางได้รับความเอ็นดูหรือเจ้าคะ?”

ในความคิดของปี้จูยังคงใสซื่อไร้เดียงสา อันหลิงเกอส่ายหน้าเล็กน้อย

“เจ้าลองคิดสิ เว่ยอี๋เหนียงอยู่ที่เรือนเพียนมานานหลายปี ท่านพ่อไปที่นั่นมิกี่ครั้ง นอกจากนี้ตลอดหลายปีนางโดนหลี่อี๋เหนียงทารุณ ท่านพ่อกลับมิเคยใส่ใจ ความสำคัญของเว่ยอี๋เหนียงที่มีอยู่ในใจท่านพ่อจึงถือว่าธรรมดา ถ้าจักบอกว่าใครเป็นที่รักโปรดปรานก็ยังเป็นหลี่อี๋เหนียงตามเดิม”

เมื่อปี้จูเข้าใจในสิ่งที่อันหลิงเกอกล่าว พลันใบหน้าที่ดีใจก็จางหายไปแล้วกล่าวด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย

“ข้ายังคิดว่าเว่ยอี๋เหนียงออกจากเรือนเพียนในครั้งนี้จักได้เป็นที่โปรดปรานของท่านโหวและสามารถลดความบ้าอำนาจของฮูหยินรองได้บ้าง ที่แท้ก็ดีใจเสียเปล่าเจ้าค่ะ”

ปี้จูมิชอบหลี่ซื่อที่แสนเจ้าเล่ห์ เมื่อวานนี้นางเห็นใบหน้าของอันหลิงเกอเป็นรอยฝ่ามือแดงก็รู้สึกโกรธแค้นจนอยากพุ่งไปตรงหน้าหลี่ซื่อแล้วตบหน้าอีกฝ่ายแรง ๆ เพื่อระบายความโกรธแทนคุณหนู แต่อันหลิงเกอก็ห้ามนางไว้

ด้วยเหตุนี้ปี้จูจึงเด็ดดอกไม้ในเรือนเพื่อระบายความโกรธแค้น

อันหลิงเกอนึกถึงใบหน้าของปี้จูที่โมโหร้ายเมื่อวาน พลันก็มีความอยากหัวเราะออกมา นางกำลังจักกล่าวหยอกล้อปี้จู ทันใดนั้นหมิงซินก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน

“คารวะคุณหนู” หมิงซินคำนับให้อันหลิงเกอทันที แววตาดูเคร่งขรึมเล็กน้อย “เรียนคุณหนู แม่นางฉู่หยูส่งจดหมายสำคัญมาเจ้าค่ะ”

หมิงซินถูกอันหลิงเกอช่วยเหลือจากคนร้ายในตอนไปเดินตลาด เดิมทีได้หางานสบายในเรือนให้นางทำ ต่อมาเมื่ออันหลิงเกอสังเกตนางอยู่ระยะหนึ่งก็พบว่าหมิงซินเป็นคนฉลาดและมีไหวพริบจึงให้นางมาเป็นคนสนิทอีกคน

หมิงซินคือผู้ที่แอบจับผิดแม่นมจ้าวและแอบเปลี่ยนตุ๊กตามนต์ดำที่แม่นมจ้าวซ่อนไว้นั่นเอง

ในฐานะที่หมิงซินเป็นคนสนิทของอันหลิงเกอจึงพลอยรู้จักฉู่หยูไปด้วย ทว่ามิรู้ตัวตนที่แท้จริงของฉู่หยูหรอก

อันหลิงเกอรับจดหมายมาจากหมิงซินแล้วเปิดอ่านตัวอักษรหนึ่งแถวที่ทำให้แววตาของนางเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและลึกล้ำ

“คุณหนู เกิดเรื่องอันใดกับฉู่หยูหรือเจ้าคะ ? ” ปี้จูที่รู้ตัวตนเดิมของฉู่หยูจึงรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย กลัวว่าเรื่องที่พวกนางเปลี่ยนตัวตนให้ฉู่หยูจักถูกเปิดเผย

“มิเป็นไรหรอก เพียงแค่เรื่องที่ข้าให้ฉู่หยูทำเกิดข้อบกพร่องเล็กน้อย” อันหลิงเกอส่งจดหมายให้หมิงซินที่รีบนำไปเผาไฟ

เยี่ยงนี้ แม้ว่าผู้อื่นจักเห็นพิรุจ ทว่าก็หาหลักฐานมิเจอและมิสามารถทำอันใดได้

อันหลิงเกอถอนหายใจเล็กน้อยโดยดูมิออกว่ากำลังคิดอันใดอยู่แล้วหันมาสั่งหมิงซิน “เจ้ารีบไปเปลี่ยนชุดแล้วเราจักออกนอกจวนกัน”

การที่อันหลิงเกอจักออกจากจวนโหวได้ แน่นอนว่ามิใช่เรื่องง่ายที่เพียงแค่เปลี่ยนชุดให้เป็นบุรุษเท่านั้น เนื่องจากบ่าวรับใช้ที่เฝ้าประตูจวนมิได้ตาบอด

แน่นอนว่าหมิงซินเตรียมการเอาไว้แล้วตั้งแต่ได้รับจดหมายสำคัญ นางจึงตอบรับเสียงเบาว่า “คุณหนูมิต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าได้ซื้อตัวป้าโจวผู้จัดซื้อวัตถุดิบของห้องครัวไว้แล้ว ประเดี๋ยวเราแค่เดินตามหลังป้าโจวไปก็สามารถออกจากจวนได้สำเร็จโดยมิมีผู้ใดสงสัยอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ฟังหมิงซินกล่าวออกมาว่าเตรียมการเรียบร้อยแล้ว อันหลิงเกอจึงหันไปมองด้วยสายตาพึงพอใจแล้วหันไปกำชับปี้จู

“ข้ากับหมิงซินต้องไปดูสถานการณ์ของฉู่หยู เจ้าเฝ้าเรือนไว้ หากมีผู้ใดมาหาก็บอกว่าเมื่อคืนข้ารับลมหนาวจึงมิสบายและมิสะดวกรับแขก”

เรื่องที่หลี่ซื่อตบหน้าอันหลิงเกอเมื่อวานนี้มิใช่ความลับอันใด ทุกคนในจวนต่างก็ทราบข่าวกันหมดแล้ว

หากมีคนมาเยี่ยมอันหลิงเกอ ปี้จูก็สามารถอ้างเรื่องเมื่อวานได้ คนอื่นก็คงคิดว่าอันหลิงเกอได้รับความอับอายจนมิยอมพบปะผู้คนและจักมิคิดมากเรื่องนี้อย่างแน่นอน

เมื่อได้ฟังคำกล่าวของอันหลิงเกอ ปี้จูก็พยักหน้ารับอย่างจริงจัง “คุณหนูวางใจได้เจ้าค่ะ เรือนนี้มีข้าเฝ้าไว้ จักไร้ความผิดพลาดแน่นอนเจ้าค่ะ “

แม้ว่าปี้จูจักมิเจ้าเล่ห์เพทุบาย ทว่าการทำงานรอบคอบก็มิด้อยกว่าหมิงซินเลย ส่วนความซื่อสัตย์ต่ออันหลิงเกอแน่นอนว่ามิมีผู้ใดสู้นางได้

เมื่อมีปี้จูเฝ้าเรือนฉีอู๋ไว้ อันหลิงเกอย่อมสบายใจ

จากนั้นนางและหมิงซินก็เปลี่ยนชุดของบุรุษเพื่อหลบสายตาผู้คนและค่อย ๆ แอบเข้าไปในห้องครัว

ป้าโจวแค่มองก็รู้ว่าเป็นพวกนางจึงรีบเรียกเข้าไป “เจ้าสองคนมาย้ายของเหล่านี้ไปฝั่งโน้น ใช่แล้ว ยังมีอีกนะ…”

นางทำราวชี้นิ้วสั่งคนงานให้ทำเรื่องเล็ก ๆ เมื่อเห็นคนอื่นในครัวออกไปหมดแล้ว นางก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้วกล่าวคำนับอันหลิงเกอ

เมื่อเห็นเช่นนั้นอันหลิงเกอก็รีบประคองนางขึ้น

“ป้าโจวมิต้องมากพิธี แม้ที่นี่ไร้คนอื่น แต่ข้ากลัวว่าจักบังเอิญมีใครเข้ามาเห็น รีบหน่อยเถิด การที่เราจักสามารถออกจากจวนได้หรือไม่ต้องพึ่งความสามารถของป้าโจวแล้ว”

เมื่อได้ฟังอันหลิงเกอกล่าวเยี่ยงนั้น ป้าโจวก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

“คุณหนูใหญ่มิต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าน้อยจักพาท่านออกไปตอนนี้เลยเจ้าค่ะ”