บทที่ 245 ปานรูปพระจันทร์เสี้ยว + บทที่ 246 ข้ามีบางสิ่งต้องถามท่าน

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 245 ปานรูปพระจันทร์เสี้ยว

ด้านหลังใบหูของหนิงเมิ่งเหยานั้นไม่ได้มีความพิเศษอะไร แต่ปานรูปพระจันทร์เสี้ยวขนาดเท่าปลายเล็บซึ่งอยู่ตรงนั้นต่างหากที่เรียกได้ว่าพิเศษ

การมีปานสักแห่งสองแห่งบนร่างกายนั้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่เซียวอี้หลินถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นปานที่อยู่บนร่างนาง เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไรกัน

“เจ้า… เจ้าเป็นใครกันแน่” น้ำเสียงของเซียวอี้หลินสั่นเครือ และดวงตาก็เต็มไปด้วยความตระหนกตกใจ

ท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของเซียวอี้หลินทำให้หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “เจ้าคิดจะทำอะไรอีกล่ะ”

“ไม่ ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น” เซียวอี้หลินรีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสงสัยเรื่องที่เห็น เขาต้องสืบให้รู้เรื่องก่อน ใช่แล้ว เขาต้องรีบออกจากที่นี่ในทันที

เมื่อคิดเช่นนั้น เซียวอี้หลินก็โซซัดโซเซเดินออกไป ในก้าวสุดท้ายก่อนออกจากห้อง เขาดูราวกับกำลังวิ่งหนีอะไรสักอย่างอยู่

หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้วจนเป็นปม เหตุใดนางจึงรู้สึกเหมือนว่าจู่ๆ เซียวอี้หลินก็เสียสติไป

“เขาเป็นอะไรขึ้นมา ประหลาดยิ่งนัก” หนิงเมิ่งเหยาหน้านิ่วคิ้วขมวด ปฏิกิริยาของเขาในตอนแรกกับตอนนี้นั้นแตกต่างกันเกินไปหรือเปล่า

เฉียวเทียนช่างเลิกคิ้ว “ข้าไม่รู้”

หากเขาจำไม่ผิด เซียวอี้หลินมองไปยังจุดที่เป็นหลังหูของหนิงเมิ่งเหยา ตรงนั้นมีปานอันงดงามอยู่ เป็นปานรูปทรงละม้ายคล้ายพระจันทร์เสี้ยว มันไม่ได้ใหญ่มากนัก มีขนาดแค่ปลายเล็บเท่านั้น

เขาชะโงกศีรษะเข้าไปข้างๆ เฉียวเทียนช่างมองดูปานด้านหลังใบหูของหนิงเมิ่งเหยาแล้วหรี่ตา เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นเพราะปานอันนี้

“เทียนช่าง เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่” หนิงเมิ่งเหยาเรียกเฉียวเทียนช่างสองสามครั้ง แต่เขาก็ไม่ตอบ ทำเพียงแค่ขมวดคิ้วและตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตน นั่นทำให้นางเกิดความสงสัยขึ้นมา

เฉียวเทียนช่างลูบด้านหลังใบหูของหนิงเมิ่งเหยา แล้วบอกเรื่องปานซึ่งอยู่หลังใบหูให้นางฟัง

“อย่ามาลูบ มันจั๊กจี้” หนิงเมิ่งเหยาปัดมือที่กำลังลูบด้านหลังใบหูของตนอยู่ออก “ทำไมเจ้าก็พลอยทำตัวแปลกๆ ไปด้วยเล่า”

“สาเหตุที่เซียวอี้หลินมีท่าทางแปลกไปน่าจะมาจากปานตรงหลังหูของเจ้า” เฉียวเทียนช่างจับมือของหนิงเมิ่งเหยามาไว้ในมือตน

หนิงเมิ่งเหยาลูบปานตรงหลังใบหูของตน นางรู้เรื่องปานนี้อยู่แล้ว

ก่อนหน้านี้ พี่หญิงเหมยและคนอื่นๆ เองก็เคยบอกกับนางว่าปานนี้ดูงดงามยิ่งนัก แต่เรื่องนี้มันมีอะไรเกี่ยวข้องกับเซียวอี้หลินด้วยหรือ

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยสิ่งที่ตนสงสัยออกมา

ท่าทางของเซียวอี้หลินก่อนหน้านี้ดูสับสนกระวนกระวายยิ่งนัก ราวกับ… ราวกับได้เห็นบางสิ่งที่เขาไม่อยากจะเชื่อเข้า

“ข้าก็ไม่รู้แน่ชัดเช่นกัน หากเขารู้จักปานนี้จริง เช่นนั้นเขาคงจะมาหาเราอีกในไม่ช้า” เฉียวเทียนช่างไม่ปล่อยให้หนิงเมิ่งเหยาสนใจเรื่องนี้มากจนเกินไปนัก เขาดึงมือนางเข้าหาตัว “เราเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงได้พักใหญ่แล้ว แต่เจ้ายังไม่เคยออกไปเดินเล่นข้างนอกเลย ข้าพาเจ้าไปเดินเล่นดีไหม”

“ไปสิ” หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้าหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย

แม้นางจะเคยอยู่ที่นี่มาก่อน แต่เพราะหมู่บ้านของนางนั้นตั้งอยู่บริเวณชานเมือง จึงทำให้นางไม่เคยย่างกรายเข้าไปใกล้บริเวณใจกลางของเมืองหลวงมาก่อน

“ไปกันเถอะ” เขายื่นมือมาช่วยให้หนิงเมิ่งเหยาลุกขึ้น จากนั้นทั้งสองก็ออกไปด้วยกัน

ใจกลางของเมืองหลวงยังคงจ้อกแจ้กจอแจเหมือนอย่างเคย และนั่นเป็นความประทับใจแรกที่นางมีหลังจากออกมาข้างนอก

ก่อนหน้านี้นางมักจะเดินอยู่ภายในเมืองหลวงเพียงตัวคนเดียว แต่การมาที่นี่พร้อมกับเฉียวเทียนช่างในตอนนี้ทำให้นางรู้สึกสนุกขึ้นกว่าเดิม

ทั้งสองซื้อของตามแผงลอยเล็กๆ แห่งหนึ่งอยู่เกือบครึ่งค่อนวัน พวกเขาซื้อทุกสิ่งที่ถูกตาต้องใจ และหากไม่มีของต้องตา ทั้งสองก็เพียงแค่เดินไปดูร้านถัดไป

พวกเขาไม่มีจุดหมายปลายทาง เพียงแค่เดินเตร่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งอย่างไร้จุดหมาย

เซียวฉีเทียนที่กำลังพูดคุยกับสหายของตนอยู่ในร้านอาหารเห็นทั้งสองอยู่ที่ชั้นล่าง และนึกอยากจะเข้าไปทักทาย แต่เขาก็ล้มเลิกความคิดนั้นไปอย่างรวดเร็ว หากเขาลงไปตอนนี้ ใครจะรู้ว่าเฉียวเทียนช่างจะทำอะไรกับเขาบ้าง

ที่ชั้นล่าง หนิงเมิ่งเหยาหยิบหน้ากากตือโป๊ยก่ายขึ้นมาและเทียบมันเข้ากับใบหน้าของเฉียวเทียนช่าง แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

ตอนแรกเฉียวเทียนช่างนั้นรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง แต่การได้เห็นหนิงเมิ่งเหยามีความสุขก็ทำให้ความรู้สึกนั้นหายวับไป แล้วเขาก็ยอมให้หนิงเมิ่งเหยาเอาหน้ากากพิลึกพิลั่นอีกหลายอันมาให้ลอง

ขณะที่ทั้งสองกำลังมีช่วงเวลาอันแสนสุขร่วมกัน เซียวอี้หลินที่หุนหันออกจากจวนแม่ทัพนั้นยังคงไม่สามารถทำให้ใจสงบลงได้

เรื่องนี้จะเป็นไปได้เช่นใดกัน ปานรูปพระจันทร์เสี้ยวไปอยู่บนตัวหนิงเมิ่งเหยาได้เช่นใด

เซียวอี้หลินสาวเท้าไปที่ห้องหนังสือของตนอย่างเร่งร้อน เขาส่ายหน้าไปมา พยายามข่มการคาดเดาที่ตนมีไว้ภายในใจ เขาเรียกตัวหัวหน้าองครักษ์ลับของตนเข้ามาพบอย่างรวดเร็ว “ไปสืบเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับภรรยาของท่านแม่ทัพมาให้ข้า”

บทที่ 246 ข้ามีบางสิ่งต้องถามท่าน

หลังจากสั่งการให้คนสืบหาตัวตนของหนิงเมิ่งเหยา มือของเซียวอี้หลินก็สั่นเป็นเจ้าเข้า เขายังคงไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น เขาไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม

เขามั่นใจว่าตนเห็นปานอันนั้นอย่างชัดเจนกับตาตัวเอง และไม่ใช่แค่นั้น ปานที่เขาเห็นก็มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับตระกูลเซียวอีกด้วย

มีเพียงแค่สายเลือดของตระกูลเซียวเท่านั้นจึงจะมีปานเช่นนั้นได้ และส่วนมากปานนี้จะปรากฏแค่เฉพาะบนร่างของผู้ชาย นานๆ ทีถึงจะปรากฏอยู่บนร่างของหญิงสาวบ้าง ส่วนหญิงสาวที่มีปานเช่นนั้นสุดท้ายแล้วพวกนางมักได้กลายเป็นถึงฮองเฮา ภายในตระกูลเซียว หญิงเพียงไม่กี่คนที่มีปานนี้คือองค์หญิงใหญ่ ผู้ปกครองเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง และองค์หญิงจิ้นหยางเมื่อสามร้อยปีก่อน

ทั้งสองอยู่ในช่วงการก่อตั้งราชวงศ์ ผู้หนึ่งเปลี่ยนเมืองเล็กๆ ให้กลายเป็นเมืองที่ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องได้ ในขณะที่อีกผู้หนึ่งนำราชวงศ์เซียวที่เริ่มเข้าสู่การล่มสลายให้กลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง

ทว่าปานที่เขาเห็นในวันนี้ไม่ได้มาจากคนในตระกูลเซียว มิหนำซ้ำปานยังอยู่บนตัวของหญิงผู้นั้นอีก จะไม่ให้เขารู้สึกประหลาดใจได้เช่นไร

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คิ้วของเซียวอี้หลินพันกันยุ่งเหยิง ดูเหมือนเขาจะสามารถยืนยันเรื่องนี้ได้ก็ต่อเมื่อรู้ผลการสืบแล้วเท่านั้น

เซียวอี้หลินเริ่มอยู่ไม่สุข เขาแทบจะรอผลการสืบไม่ไหวแล้ว

ในขณะเดียวกัน หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าจากการตระเวนซื้อของเป็นเวลานาน พวกเขาจึงไปยังร้านอาหารที่เซียวฉีเทียนเป็นเจ้าของและสั่งอาหารแนะนำประจำร้านหลากหลายจานมาลอง ทั้งยังสั่งสุราดอกไม้หนึ่งกามาดื่มด้วย

เซียวฉีเทียนเพิ่งหาห้องอาหารที่สหายของตนอยู่เจอก็ตอนที่อาหารของพวกเขามาถึงห้องแล้ว เซียวฉีเทียนจัดการจ่ายค่าอาหารทั้งหมดให้ก่อนเดินไปหาทั้งสองพร้อมด้วยพัดในมือ

เสียงเคาะประตูที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นทำให้สองสามีภรรยาขมวดคิ้ว พวกเขาไม่ชอบการถูกรบกวน

“เข้ามา”

เมื่อเซียวฉีเทียนผลักประตูเข้าไป เขาสังเกตเห็นสีหน้าอันอึมครึมของเฉียวเทียนช่างได้ในทันที “ข้ารบกวนพวกเจ้าทั้งสองหรือเปล่า” เซียวฉีเทียนเอ่ยอย่างระมัดระวังพลางมองพวกเขาด้วยสีหน้างงๆ

เฉียวเทียนช่างเพียงแค่มองเซียวฉีเทียน จากนั้นจึงรินสุราใส่จอก “มานั่งสิ”

ท่าทางใจดีจนเกินเหตุของเฉียวเทียนช่างยิ่งทำให้เซียวฉีเทียนรู้สึกเป็นกังวล เขามองเฉียวเทียนช่างอย่างไม่ไว้ใจ “เทียนช่าง เจ้าจะทำอะไร บอกข้ามาตรงๆ ดีกว่า”

เขาทำใจยอมรับเฉียวเทียนช่างที่อารมณ์ดีเกินเหตุเช่นนี้ได้ยากนัก

สีหน้าอันมืดครึ้มของเขาเมื่อครู่นั้น บัดนี้กลับแปรเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าอันอ่อนโยน มิหนำซ้ำยังรินสุราให้เขาดื่มอีก เซียวฉีเทียนพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ยากที่จะทำใจรับได้จริงๆ

เฉียวเทียนช่างเคยพูดจาอ่อนโยนกับเขาเสียที่ไหนกัน

เฉียวเทียนช่างกลอกตาใส่เซียวฉีเทียน ก่อนจะหรี่ตาลง “ถ้าอย่างนั้น เจ้าอยากนั่งด้วยหรือไม่ ถ้าไม่ ก็ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้”

ดูเหมือนไอ้หนูนี่ควรต้องได้รับบทเรียนบ้าง กล้าดีอย่างไรจึงมาระแวงเขาได้

เซียวฉีเทียนรีบนั่งลงตรงข้ามเขา เมื่อเห็นการกระทำอันว่าง่ายของเขาเช่นนั้น หนิงเมิ่งเหยาก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่

เซียวฉีเทียนส่งสายตาขมขื่นให้กับหนิงเมิ่งเหยา กล่าวโทษการกระทำอันโหดร้ายป่าเถื่อนของเฉียวเทียนช่างที่มีต่อเขาอย่างเงียบๆ

“เจ้าคิดว่าเจ้ามองที่ใดอยู่ ยังอยากมีตาคู่นั้นอยู่ไหม” กล้าดีอย่างไรจึงมองภรรยาของเขาด้วยสายตาเช่นนั้น เจ้าหมอนี่มันรนหาที่เสียจริง

เซียวฉีเทียนตัวแข็ง เขาลืมไปได้เช่นไรว่าชายผู้นี้ขี้หึงขนาดไหน

“ข้าผิดเอง อย่ามองข้าเช่นนั้นเลย ข้ากลัวแล้ว” เซียวฉีเทียนยกมือทั้งสองขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นการยอมจำนน

ข้าเพียงแค่มองนางเท่านั้น จะเป็นคนอารมณ์ร้อนอะไรขนาดนี้ เซียวฉีเทียนพึมพำกับตัวเอง

เมื่อเห็นเฉียวเทียนช่างซึ่งหรี่ตามองอยู่ เซียวฉีเทียนจึงตัดสินใจว่าจะไม่พูดอะไรอีกเพื่อหลีกเลี่ยงการไปทำให้เฉียวเทียนช่างโมโหขึ้นมา

“เทียนช่าง พอแล้ว จริงๆ แล้วที่พวกเราเรียกเจ้ามาเพราะว่ามีบางสิ่งอยากจะถามเจ้าหน่อย” หนิงเมิ่งเหยากระตุกมือของเฉียวเทียนช่างเพื่อบอกให้เขาเลิกหาเรื่อง

ทุกครั้งที่สองคนนี้อยู่ด้วยกัน หนิงเมิ่งเหยารู้สึกว่าพวกเขาช่างน่าขันเสียเหลือเกิน แม้ว่าเซียวฉีเทียนจะค่อนข้างเกรงกลัวเฉียวเทียนช่าง แต่เขาก็มักจะเผลอยั่วโมโหเฉียวเทียนช่างอยู่เรื่อย และสุดท้ายคนที่แพ้ไปก็คือเซียวฉีเทียนเอง หนิงเมิ่งเหยาไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเขาไปเอาความมั่นใจประหลาดๆ นี้มาจากที่ใด ยิ่งกลัวกลายเป็นยิ่งกล้า

“มีอะไรหรือ ถามมาเลยเมิ่งเหยา” เซียวฉีเทียนตั้งใจเมินเฉียวเทียนช่างและหันไปหาหนิงเมิ่งเหยาขณะขยับเก้าอี้ถอยห่างจากเฉียวเทียนช่างไปพร้อมกัน

“ปานรูปจันทร์เสี้ยวหมายถึงอะไรหรือ” หนิงเมิ่งเหยามองเซียวฉีเทียนพลางถามย้ำทีละคำอย่างชัดเจน

เมื่อได้ยินคำถาม เซียวฉีเทียนก็พ่นเหล้าในปากออกมา