“คาดไม่ถึงว่านางจะช่วยแม่มดชราก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตเช่นนี้ นี่สินะ ผลของความไม่เด็ดขาดจนนำมาซึ่งหายนะของจริง…” หลี่หมิงอวินบอกเล่าเรื่องราวโดยรวมที่เพิ่งผ่านพ้นไป
หลินหลันถึงกับรู้สึกหวั่นใจเมื่อได้ฟังดังกล่าว หากหลี่หมิงอวินไม่มีไหวพริบรู้เท่าทัน ด้วยแผนการที่ละเอียดรอบคอบเช่นนี้ การจะตกหลุมพรางเข้าง่ายๆ คงมิใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เมื่อนึกถึงสภาพหมิงอวินที่ถูกสถานการณ์บีบบังคับให้กระโจนออกทางหน้าต่างเพื่อหลุดพ้นจากเหตุการณ์นั้น อารมณ์โมโหของหลินหลันก็ยิ่งทวีขึ้นอีกหลายเท่าตัว
“วันนี้นางเอ่ยว่าต้องการไปเฝ้าหลุมศพท่านแม่ข้าที่เฟิงอาน…”
หลินหลันรู้สึกเดือดดาลประดุจหินหนืดภูเขาไฟที่กำลังพวยพุงออกจากปากปล่อง “เสียดายที่พวกเราคิดคำนึงเพื่อนาง นางกลับกล้าดีก่อเรื่องบ้าบอเช่นนี้ขึ้นมาได้ ยังมีหน้ามาพูดว่าจะไปเฝ้าหลุมศพท่านแม่อีก อย่าริอ่านคิดดึงท่านแม่ที่หลับใหลใต้พื้นพสุธาให้มิอาจสงบสุขเด็ดขาด ข้าไม่อนุญาตให้นางไป พวกเราปฏิบัติต่อนางอย่างดีที่สุดแล้ว ในเมื่อเจ้าได้ตัดสินใจลงไปแล้วก็อย่าได้ใจอ่อนเป็นอันขาด เงินจำนวนนั้นที่เจ้าให้นางไปก็เพียงพอที่จะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้แล้ว เจ้าหาได้มีอันใดติดค้างต่อนางอีกไม่ หลังจากนี้ไป ทุกคนต่างคนต่างไปตามทางของตนเอง อย่าได้เจอะได้เจอกันอีก” ป๋ายฮุ่ยผู้นี้ช่างไร้ยางอายเสียเหลือเกิน ยังจะมีหน้าขอไปเฝ้าหลุมศพนางเยี่ยอีก คิดจะทำให้หมิงอวินจดจำนางไปชั่วชีวิตเช่นนั้นหรือ ไม่มีทางเสียหรอก ใต้หล้านี้สาวใช้ที่อยากปีนขึ้นเตียงมิใช่มีนางเพียงผู้เดียว ทว่าผู้ซึ่งเป็นเสมือนนางที่รู้ทั้งรู้ว่าผู้เป็นนายมิได้ถูกใจรักใคร่ด้วย แล้วยังคิดหาหนทางโดยการวางยาเพื่อจะได้ปีนขึ้นเตียงนอนเขา คนไร้ยางอายเยี่ยงนี้มิอาจให้อภัยได้เด็ดขาด
“ข้ามิได้ตอบตกลงนางไป ข้าให้แม่โจวจัดหาคนส่งนางออกนอกเมืองหลวงไปแล้ว ส่วนทางด้านเฟิงอานนั่น ข้าจะเขียนจดหมายบอกกล่าวอีกที” หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
อารมณ์โมโหของหลินหลันลดลงไปเล็กน้อย “ยามที่อยู่บนเขาแล้วได้ยินหรูอี้เอ่ยว่าสองสามวันก่อนเห็นนางพูดคุยลับๆ ล่อๆ ในตรอกกับชุนซิ่ง ในใจของข้าก็เริ่มรู้สึกไม่เป็นสุข ที่แท้นางไปขอความช่วยเหลือจากแม่มดชรานั่นจริงๆ ด้วย”
หลี่หมิงอวินชายตามองไปที่หลินหลันและกล่าวอย่างใจเย็น “นอกจากนั้นจู่ๆ นางก็บอกข้าว่าเจ้ากินยาป้องกันการตั้งครรภ์ ”
หลินหลันมองดูสีหน้าที่เรียบเฉยของหมิงอวิน ซึ่งนั่นทำให้มิอาจรู้ได้ว่าภายในใจเขากำลังคิดอันใดอยู่ ทันใดนั้นจึงรู้สึกกังวลใจขึ้นมา นางควรยอมรับดีหรือไม่ ในเมื่อป๋ายฮุ่ยเปิดโปงนางถึงขั้นนี้แล้ว คงแอบสังเกตการณ์เรื่องนี้มานานพอตัวจนได้หลักฐานที่ชัดเจนและมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“เช่นนั้นเจ้า…เชื่อหรือไม่” หลินหลันเอ่ยถามกลับ
หลี่หมิงอวินอมยิ้มเล็กน้อย ขณะเดียวกันดวงตาของเขาก็กำลังเปล่งประกาย “หากเจ้าพูดว่าไม่ ข้าก็จะเชื่อ”
คำพูดเช่นนี้มันช่างเต็มไปด้วยแรงดึงดูดเสียเหลือเกิน ไม่ว่านี่จะเป็นการลองใจของเขา หรือเป็นความเชื่อใจที่มีต่อนางอย่างแท้จริง หลินหลันล้วนรู้สึกว่าไม่อาจปิดบังเขาได้อีกต่อไป
“ความจริงยาบำรุงความงามที่ข้าว่านั้นมันคือยาป้องกันการตั้งครรภ์” หลินหลันแอบชายตามองดูสีหน้าของเขา นางเห็นเพียงรอยยิ้มที่ยังคงอบอุ่นเฉกเช่นเดิม ทว่านัยน์ตากลับหม่นหมองลงเสมือนรู้สึกผิดหวังอยู่ลึกๆ
“มิใช่ข้าไม่อยากมีลูก เพียงแต่ยามนี้มิใช่เวลาเหมาะสมที่จะมีลูก เหตุผลข้อแรกคือทุกวันนี้พวกเรามีปัญหาทั้งภายนอกและภายใน เรื่องราวมากมายยังมิได้จัดการให้จบสิ้น แม่มดชราจิตใจอำมหิตและลงมือทำได้ทุกอย่างเพื่อสิ่งที่นางต้องการ แม้ว่าเราจะเตรียมพร้อมรับมืออย่างไร ทว่าก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งนางที่คิดก่อเรื่องขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่าได้ พอนึกถึงครั้งนั้นที่เจ้าเกือบถูกงูกัดตาย แล้วเห็นหลิวอี๋เหนียงถูกวางยา นี่มันคนจิตใจอำมหิตชัดๆ ตัวข้าเองมิเกรงกลัวหรอก ทว่าหากมีลูกขึ้นมาก็คงแตกต่างออกไป ซึ่งข้าคงรู้สึกกลัวแน่ๆ เหตุผลที่สองคือข้ามีความรู้เรื่องการแพทย์จึงรู้เกี่ยวกับสตรีอย่างลึกซึ้งว่าช่วงวัยใดเหมาะแก่การให้กำเนิดบุตรมากที่สุด การตั้งครรภ์เร็วเกินไปจะทำให้มีโอกาสคลอดลำบากสูงยิ่งขึ้น ดังนั้นข้าจึงอยากรออีกสักหน่อย รอจัดการปัญหาวุ่นวายเหล่านี้เรียบร้อยแล้วและรอให้ร่างกายข้าเหมาะสมด้วย…” หลินหลันกล่าวอธิบาย
ฝ่ามือคู่ใหญ่เคลื่อนเข้ามากอบกุมมือของนางไว้และลูบคลึงเบาๆ ตามด้วยน้ำเสียงอันแสนอ่อนโยนของเขาที่กล่าวขึ้น “เจ้าควรพูดกับข้าเกี่ยวกับความนึกคิดของเจ้านี้ตั้งนานแล้ว ข้ามิใช่คนไร้เหตุผลเสียหน่อย มิว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ช่าง ขอเพียงเป็นสิ่งที่ดีต่อเจ้า ข้าก็จะยินยอมตามเจ้าทั้งสิ้น แล้วนี่ดูเจ้าสิ ปล่อยให้สิ่งที่ข้าตั้งหน้าตั้งตาทำไปมากมายขนาดนั้นไร้ประโยชน์ไปเสียนี่”
เดิมทีเรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกไม่พึงพอใจเท่าใดนัก ทว่ายามนี้เมื่อได้ฟังนางพูดเช่นนี้ความไม่พึงพอใจกลับมลายหายไปจนหมดสิ้น จะมีก็แต่ความรู้สึกเสียดายเท่านั้น บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยอันตรายรอบด้าน นางต้องแบกรับความกดดันมิได้น้อยไปกว่าเขาและเป็นเขาเองที่มองข้ามไปเสียสนิท เพราะเห็นว่าสตรีผู้อื่นด้วยวัยอายุสิบห้าสิบหกปีก็ตั้งครรภ์กันแล้ว ทว่าเขากลับไม่ได้คำนึกถึงความยากลำบากและอันตรายที่อยู่ในนั้น แต่แน่นอน ในเมื่อมิใช่ภรรยาของตนเองแล้วใครจะไปคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ล่ะ หากเพื่อลูกสักคนทว่าต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงที่หลินหลันต้องเผชิญ เขายินยอมไม่มีลูกก็ย่อมได้
หลินหลันใบหน้าแดงระเรื่อ นางจ้องมองเขาระหว่างกล่าวเชิงตำหนิ “ที่แท้เพื่อมีลูกเจ้าถึงได้…เจ้าเห็นข้าเป็นอันใดหรือ” ด้วยความเคอะเขินของตนเองจึงไม่อาจพูดต่อไปได้
หลี่หมิงอวินหัวเราะร่าแล้วกล่าว “ก็ได้! ข้ายอมรับว่าข้ากำลังหาข้ออ้าง แต่อย่างไรก็ตามยาป้องกันการตั้งครรภ์นั่นเจ้าอย่าได้กินมันอีกเลย ข้าได้ยินว่ากินยานี่มากๆ เข้าจะเป็นการทำลายสุขภาพ วันหลังข้าจะเป็นฝ่ายระมัดระวังเข้าไว้ก็พอ”
เขามิเพียงไม่โกรธเคืองแล้วยังใส่ใจนางถึงเพียงนี้ นั่นทำให้หลินหลันอดซาบซึ้งใจขึ้นมาเล็กน้อยมิได้ “หมิงอวิน เจ้าไม่ถือโทษโกรธข้าเลยหรือ”
หลี่หมิงอวินโอบรั้งนางเข้าสู่อ้อมกอดแล้วลูบบ่าของนางอย่างเบามือพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกัน เพียงแค่คิดว่าข้าทำร้ายเจ้าด้วยการกินยาเข้าไปมากถึงเพียงนั้น ข้าก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจจะแย่ ขึ้นชื่อว่ายาย่อมมีพิษสามส่วน อย่าทำลายสุขภาพถึงจะเป็นการดี ยามนี้ที่ต้องเป็นกังวลคือป๋ายฮุ่ยได้บอกเรื่องนี้ให้แม่มดชรารับรู้แล้วเช่นกัน เจ้าก็รู้ดีว่าท่านพ่อและท่านย่าต่างคาดหวังให้พวกเรารีบมีลูกสักคน ข้าจึงเกรงว่าพวกเขาจะไม่พึงพอใจเอาได้ ทว่าเจ้ามิต้องเป็นกังวลไปหรอก ไว้ข้าจะเป็นคนไปอธิบายเอง”
หลินหลันเอนกายซบอยู่ในอ้อมอกของเขา ภายในใจเต็มไปด้วยความอบอุ่น การมีสามีที่มีเหตุมีผลและเอาใจใส่ถึงเพียงนี้มันช่างเป็นความสุขอย่างยิ่งจริงๆ หากรู้แต่แรกก็คงไม่ต้องแอบกินยานั่นอยู่ได้
“เจ้านั่งรถม้ามาครึ่งค่อนวันคงเหนื่อยแล้วเช่นกัน ข้าอุ้มเจ้าไปนอนพักเอาแรงเสียหน่อย เดาว่ายามค่ำคืนนี้ยังมีเรื่องสนุกๆ ให้ได้เข้าร่วมอีกฉาก” หลี่หมิงอวินโอบอุ้มนางแล้วลุกขึ้น
“มิต้องหรอก ข้าไม่เหนื่อยสักนิด” หลินหลันต้องการให้เขาปล่อยลงจึงขัดขืนเล็กน้อย เหตุการณ์ในจวนเมื่อคืนใหญ่หลวงถึงเพียงนั้น ไม่เพียงแต่ทำลายแผนการของแม่มดชราเสียยับเยิน นอกจากนั้นยังไม่ต่างจากการถอดแขนของแม่มดชราออกไปหนึ่งข้าง แม้ว่ามีหลักฐานอยู่ในมือทว่าแม่มดชราคงไม่ยอมรับโดยง่ายอย่างแน่นอน ยามนี้คงกำลังคิดหาวิธีกู้สถานการณ์กลับคืน ดังนั้นนางจึงควรวางแผนการให้ดี เพื่อใช้โอกาสนี้โจมตีแม่มดชราให้เต็มแรง จัดการนางให้ลืมตาอ้าปากขึ้นมาไม่ได้อีกถึงจะเป็นการดี
“ยังจะพูดว่าไม่เหนื่อยอีก รอบตาเจ้าดำคล้ำหมดแล้ว อย่าดื้อรั้น ไปนอนพักสักหน่อย ส่วนเรื่องอื่นไว้ข้าวางแผนเอง” หลี่หมิงอวินวางนางลงบนเตียงนอนแล้วช่วยห่มผ้านวมให้
หลินหลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้กะทันหันจึงเอ่ยถาม “อวี้หลงล่ะ เหตุใดข้าถึงไม่เห็นหน้านางเลย”
“นางมิเป็นไร แค่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจึงกำลังพักผ่อนอยู่”
หลินหลันรีบร้อนต้องการลุกขึ้นนั่งทว่าดันถูกหลี่หมิงอวินกดเอาไว้ “นางเพิ่งกินยาแล้วนอนหลับไป เข้าไปหานาง มิเท่ากับทำให้นางไม่ได้พักผ่อนหรอกหรือ”
หลินหลันกล่าวอย่างหดหู่ใจ “แต่ละคนล้วนได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้า วิธีการของแม่มดชราช่างเลวทรามเกินไปแล้ว”
นัยน์ตาของหลี่หมิงอวินเปลี่ยนเป็นความดุดันก่อนจะกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “เจ้าวางใจได้ ข้าจักต้องทวงความยุติธรรมให้แก่พวกนางอย่างแน่นอน ยามนี้ยังจับไม่ได้ว่าผู้ใดเป็นคนตีอวี้หลงจนสลบไป ทว่าคนของแม่มดชราก็มีเพียงไม่กี่คน ถึงยังตามจับตัวมิได้ ทว่าไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะได้พังพินาศไปด้วยกันทั้งหมด”
“เรื่องทางด้านซานซีจัดการยามนี้เลยมิได้หรือ” หลินหลันถามไถ่ด้วยความสงสัย
หลี่หมิงอวินกล่าวอย่างสุขุม “ยังไม่ถึงเวลา ต้องรอให้ถึงสถานการณ์ที่กระทั่งท่านพ่อก็มิอาจแก้ไขกลับคืนได้เสียก่อน ข้าตรวจสอบจนได้ความมาแล้วว่าที่ดินไร่สวนสองแห่งนั้น มีหนึ่งแห่งที่มิได้จดในชื่อของข้า ทว่าเป็นชื่อของท่านพ่อ หากลงมือยามนี้ท่านพ่อก็คงต้องขายที่ดินแปลงนั้นเพื่อช่วยแก้ไขวิกฤติการณ์ ดังนั้นข้าคิดว่าปล่อยให้แม่มดชรามันดื่มด่ำไปอีกสักหน่อย เช่นนี้นางถึงวางใจและกล้าทุ่มหมดหน้าตัก”
หลินหลันกะพริบตาปริบๆ “หมิงอวิน เจ้าบอกข้ามาตามความจริงทีสิว่าคนที่ปล่อยเงินกู้นั่นเป็นคนที่เจ้าวางแผนไว้ใช่หรือไม่”
หลี่หมิงอวินสะกิดสันจมูกนางอย่างเบามือ “เจ้าพูดถูกครึ่งหนึ่ง ความคิดนี้ข้าเป็นคนเสนอ หากแต่เป็นท่านลุงช่วยจัดหาคนให้ จริงสิ เรื่องเข้าร่วมเครื่องราชบรรณาการได้เจราจาเป็นที่เรียบร้อย ตระกูลเยี่ยเชื่อมสัมพันธไมตรีกับคนของสำนักพระราชวังไว้แล้ว หลังจากนี้หากเจ้าคิดจะนำยาเออเจียวเข้าสู่เครื่องราชบรรณาการก็คงง่ายดายขึ้นเยอะทีเดียวเชียว”
หลินหลันพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี ไว้รอร้านยาเปิดทำการแล้ว ข้าจะให้เหวินซานกับศิษย์พี่สามไปซานตงสักหน่อย”
“หากให้ศิษย์พี่สามไปเช่นนั้นมิเท่ากับร้านยาของเจ้าจะเหลือกำลังคนไม่เพียงพอหรอกหรือ ข้าไม่ยินยอมให้เจ้าเหนื่อยเกินไปเชียวนะ” หลี่หมิงอวินกล่าวอย่างเป็นกังวล
หลินหลันเขยิบตัวลุกขึ้นแล้วเคลื่อนไปหนุนศีรษะลงบนตักของเขาก่อนจะกล่าวอย่างออดอ้อน “ข้ากำลังอยากพูดเรื่องหนึ่งกับเจ้าอยู่พอดี! ข้าเห็นว่าสวีฝูอานผู้นี้ไม่เลวทีเดียว เป็นป๋ายฮุ่ยเองที่โชคร้าย นางจึงพลาดโอกาสนี้ไป ข้าเลยอยากขอคนของท่านลุงมาเพื่อให้เขาเป็นผู้ช่วยงานภายในร้านของเหล่าอู๋ไปก่อน ถือว่าเป็นการฝึกฝีมือ วันหน้าวันหลังจะได้ยืนหยัดด้วยตนเองอย่างมั่นคง”
หลี่หมิงอวินลูบไล้ผมนุ่มสลวยของนางและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ความประสงค์ของเจ้ามิเพียงเท่านี้กระมัง ข้าว่าอวี้หลงนิสัยใจคอสงบเงียบเรียบร้อย อายุอานามก็พอประมาณแล้วด้วยเช่นกัน…”
หลินหลันกล่าวรอยยิ้ม “สมกับที่อยู่ในก้นบึ้งหัวใจเดียวกันจริงๆ ถูกเจ้าเดาออกจนได้”
“เอาละๆ รีบนอนพักเถอะ! มีเรื่องอันใดไว้ค่อยพูดคุยกันคืนนี้ก็ยังมิสาย” หลี่หมิงอวินลูบดวงหน้าเรียวเล็กของนางแล้วกดนางลงนอนพักผ่อนบนเตียง
เพราะเรื่องหนักใจได้ถูกปลดเปลื้องลงไปเสียที หลังเอนกายนอนไม่ทันไรนางก็เข้าสู่ห้วงนิทราได้อย่างง่ายดาย ทว่าผ่านไปไม่นานนักหลินหลันก็ตื่นนอนขึ้นมาเสียแล้ว
“เอ้อร์เส้าเหยียล่ะ” หลินหลันอ้าปากหาวหวอด
หยินหลิ่วกล่าวตอบระหว่างม้วนม่านมุ้งขึ้นแล้วใช้ตะขอเงินปลาคู่ที่อยู่ด้านข้างเกี่ยวไว้ “ยามนี้เอ้อร์เส้าเหยียไปหาเหล่าเหยียทางด้านห้องหนังสือเจ้าค่ะ เอ้อร์เส้าหน่ายนายนอนต่ออีกสักประเดี๋ยวก็ได้นะเจ้าคะ”
“ยามนี้มิใช่เวลานอนแล้วจะให้หลับสนิทลงไปได้อย่างไรกัน หยินหลิ่ว เจ้าไปตักน้ำอุ่นมาสักกะละมังทีสิ ข้าจะสระผมแล้วไปเยี่ยมอวี้หลงเสียหน่อย” หลินหลันกล่าวสั่งการ
“อวี้หลงถูกทุบที่ท้ายทอยเจ้าค่ะ ยามนี้หันคอมิได้เลย คนเหล่านี้ช่างเลวทรามต่ำช้าเสียจริงถึงกล้าทำเรื่องประเภทนี้ได้ลงคอ” หยินหลิ่วรู้สึกโกรธแค้น
หลินหลันกล่าวอย่างหงุดหงิด “พวกเขาคิดว่าแผนการที่วางไว้จะเป็นไปดั่งปรารถนาโดยคาดไม่ถึงว่าท้ายที่สุดกลับคว้าน้ำเหลวอีกจนได้”
“ใช่เจ้าค่ะ ให้มันรู้เสียบ้างว่าเอ้อร์เส้าเหยียของพวกเราเป็นใคร มีหรือจะปล่อยให้พวกเขากระทำเรื่องเหลวไหลเช่นนั้นใส่ได้” หยินหลิ่วกล่าวเสริม
หลินหลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แล้วเจ้าว่าเอ้อร์เส้าเหยียเป็นใครหรือ”
หยินหลิ่วกระพริบตาปริบๆ “แน่นอนว่าต้องเป็นผู้ที่ฉลาดหลักแหลมสิเจ้าคะ! นายท่านชราเยี่ยเคยพูดไว้ตั้งนานแล้วว่า หากเอ้อร์เส้าเหยียร่ำเรียนหนังสือจะต้องได้เป็นถึงจอหงวนอย่างแน่นนอน หากทำการค้าก็ต้องร่ำรวยไม้แพ้ผู้ใดในใต้หล้า แล้วลำพังพวกเขาผู้ซึ่งไร้น้ำยาเหล่านี้ ยังจะตบตาเอ้อร์เส้าเหยียได้หรือเจ้าคะ”
หลินหลันอมยิ้ม “ประโยคนี้เจ้าต้องเอาไปพูดต่อหน้าเอ้อร์เส้าเหยีย รับรองว่ามีรางวัลให้เจ้าแน่”
นางฮานเดินวกไปวนมาอยู่ภายในห้องด้วยความกระวนกระวายใจ ประหนึ่งมดที่กำลังวิ่งกระสับกระส่ายอยู่บนกระทะร้อนจี๋
“ตอนนี้เหล่าเหยียกำลังพูดคุยกับเอ้อร์เส้าเหยียอยู่เจ้าค่ะ เหล่าเหยียเอ่ยว่าฮูหยินมิต้องไปพบเขา เดี๋ยวเขาจะมาพบฮูหยินด้วยตัวเองเจ้าค่ะ” ชุนซิ่งกลับมากล่าวรายงาน
นางฮานเมื่อได้ยินดังกล่าวก็ยิ่งกระวนกระวายใจหนักขึ้นไปอีก ประโยคนี้ของผู้เป็นสามีสื่อออกมาอย่างชัดเจนว่าจะมาคิดบัญชีกับนาง ซึ่งขณะนี้เขาก็กำลังพูดคุยอยู่กับหมิงอวิน สองพ่อลูกคู่นี้ต้องกำลังปรึกษาหารือว่าจะกำราบนางอย่างไรแน่นอน
แม่เจียงโบกมือเป็นสัญญาณให้ชุนซิ่งออกไป
“ฮูหยินเจ้าคะ เรื่องนี้ท่านต้องคิดหาทางหนีทีไล่ให้ดีๆ นะเจ้าคะ ทว่าหากมิไหวจริงๆ ท่านก็โยนเรื่องราวมาที่บ่าวเถอะเจ้าค่ะ บอกไปว่าเป็นบ่าวเองที่สั่งการแม่เติ้งไว้” แม่เจียงข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์เผยท่าทีไม่ยอมแพ้ต่อศัตรู โดยการยอมรับคมมีดและแบกรับความหายนะแทนผู้เป็นนายในยามคับขัน
นางฮานกล่าว “มิได้ เจ้าเป็นคนข้างกายผู้เดียวที่ข้าไว้เนื้อเชื่อใจได้ หากเกิดปัญหากับเจ้าอีกคน แล้ววันหลังผู้ใดจะมาเป็นผู้ช่วยข้าหรือ”
แม่เจียงแอบรู้สึกโล่งอกอยู่ลึกๆ ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยความกลัดกลุ้ม “ทว่า หากเหล่าเหยียต้องการลงโทษขึ้นมา…”
นางฮานขมวดคิ้วจนเป็นปมระหว่างครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า “คงมีวิธีเดียวคือยอมรับเสีย ทว่าพวกเราจำเป็นต้องหาเหตุผลที่ฟังขึ้นไว้ด้วย”
แม่เจียงฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ “เช่นนั้นฮูหยินไม่เอาเรื่องที่เอ้อร์เส้าหน่ายนายกินยาป้องกันการตั้งครรภ์ขึ้นมาพูดล่ะเจ้าคะ”
ทันใดนั้นคิ้วของนางฮานก็ค่อยๆ คลายออกจากกัน “คงทำได้เพียงเท่านี้เช่นกัน อีกเดี๋ยวเจ้าคอยดูสถานการณ์ไว้ หากเห็นท่าไม่ดีก็ไปเรียนเชิญเหล่าไท่ไทมาเสีย”
แม่เจียงพยักหน้า “บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”