เล่มที่ 5 บทที่ 136 ข้าแล้วแต่เจ้า

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

“กับหม่อมฉัน? หมู่เฟยหมายความว่าอย่างไรเพคะ? อีกไม่นานฮ่องเต้หมิงก็จะกลับซีฟานแล้ว องค์หญิงมิกลับไปด้วยหรือเพคะ?”

    หลินเมิ้งหยาแสร้งทำทีไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของพระสนมเต๋อเฟย ดวงตาทั้งสองข้างฉงนงงงวย

    พระสนมเต๋อเฟยกลับไม่คิดอะไรมาก มุมปากหยักยกขึ้นเผยรอยยิ้มอ่อนโยน

    “ฮ่องเต้หมิงมีความประสงค์ให้องค์หญิงหมิงเยว่หาตระกูลที่เหมาะสมแล้วแต่งงาน ต่อมานางชอบพออวี้เอ๋อร์ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าเพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นาน เรื่องนี้ดูจะเป็นการไม่สมควร แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงฮ่องเต้แห่งซีฟาน ข้าเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้”

    โชคดีที่หลินเมิ้งหยาเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นคำพูดของพระสนมเต๋อเฟยจึงเสมือนการปรึกษากันเสียมากกว่า

    “เรื่องนี้…หย๋าเอ๋อร์คิดว่าต้องถามความสมัครใจจากท่านอ๋องก่อนเพคะ หม่อมฉันเป็นเพียงภรรยาเท่านั้น หม่อมฉันคงไม่อาจตัดสินใจเรื่องนี้ได้”

    นางรู้จักอุปนิสัยใจคอของหลงเทียนอวี้ดี ถ้าหากเขาไม่อยากทำ ไม่ว่าใครก็มิอาจบีบบังคับเขาได้

    เมื่อถึงเวลานั้น ขอเพียงนางพูดเอาชนะหลงเทียนอวี้ได้ องค์หญิงหมิงเยว่จะไม่มีทางย่างกรายเข้ามาในจวนได้อีกเลย

    พระสนมเต๋อเฟยย่อมรู้จักลูกชายของตนเองดี

    ด้วยอุปนิสัยของเขา หากมิใช่เพราะตอนนั้นฮองเฮานำชีวิตของตนเองมาข่มขู่หลงเทียนอวี้

    เกรงว่า เด็กคนนั้นคงไม่มีวันยอม

    “เฮ้อ เจ้าพูดก็ถูก เหตุใดข้าจึงลืมเรื่องนี้ไปได้นะ จริงสิ เจ้าช่วยหมู่เฟยได้หรือไม่?”

    ใช่ว่านางจะมองไม่เห็นความรู้สึกระหว่างอวี้เอ๋อร์และหย๋าเอ๋อร์

    ตอนนั้นระหว่างนางและฮ่องเต้เองก็มีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกันเช่นนี้

    ดังนั้น อวี้เอ๋อร์จะต้องฟังคำพูดของหย๋าเอ๋อร์อย่างแน่นอน

    “หมู่เฟยอยากให้หย๋าเอ๋อร์ช่วยพูดโน้มน้าวท่านอ๋องหรือเพคะ?”

    หลินเมิ้งหยาแสดงท่าทีลำบากใจ หลังจากไตร่ตรองดูแล้ว จึงพยักหน้าลง

    “แม้หย๋าเอ๋อร์จะไม่อาจรับปากได้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ แต่หย๋าเอ๋อร์จะลองพยายามดูเพคะ”

    เก็บซ่อนความรู้สึกของตนเองเอาไว้ในใจ หลินเมิ้งหยาแอบเชื่อว่าหลงเทียนอวี้ไม่มีทางตอบตกลงอย่างแน่นอน

    “เฮ้อ หากเป็นหลินหลางก็คงดี อวี้เอ๋อร์ฟังคำพูดของนาง น่าเสียดายเหลือเกิน”

    คำพูดของพระสนมเต๋อเฟยทำให้หลินเมิ้งหยาผงะ

    พยายามสะกดกลั้นความหึงหวงและเจ็บปวดในหัวใจและแสดงท่าทีเป็นปกติ ก่อนจะลองไถ่ถามเรื่องเกี่ยวกับหลงเทียนอวี้

    “หมู่เฟย ท่านหญิงหลินหลางคือใครหรือเพคะ หม่อมฉันเคยได้ยินท่านอ๋องพูดถึงเช่นเดียวกัน”

    พระสนมเต๋อเฟยชำเลืองมองนางเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า

    “หลินหลางเติบโตมาพร้อมกับอวี้เอ๋อร์ ต่อมา…..ช่างเถิด เรื่องนี้คงพูดไม่จบเพียงประโยคสองประโยค เอาล่ะ เจ้าออกไปก่อนเถิด ข้าเหนื่อยแล้ว”

    หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง กลับออกไปอย่างว่าง่าย

    ทว่า ชื่อหลินหลางนี้กลับยังคงทิ่มแทงหัวใจของนาง

    แม้แต่พระสนมเต๋อเฟยยังเอ่ยว่าหลงเทียนอวี้เชื่อฟังเพียงคำพูดของหลินหลางเท่านั้น เกรงว่าความรักในวัยเยาว์ของทั้งสอง……

    หัวใจ…ว่างเปล่า เสมือนถูกใครเข้ามาขุดหลุมไว้

    อันที่จริง แต่ก่อนนางมิใช่คนที่จะสนใจอะไรเช่นนี้

    “เป็นอะไรหรือเจ้าคะนายหญิง?”

    ป๋ายจื่อกระตุกแขนเสื้อหลินเมิ้งหยาด้วยท่าทางเป็นห่วง

    “ไม่เป็นไร ข้าแค่กำลังคิดว่าอีกเดี๋ยวจะพูดกับท่านอ๋องเช่นไรดี”

    ล้วนคิดว่านายหญิงของตนเองกำลังยุ่งวุ่นวายใจกับเรื่องขององค์หญิงหมิงเยว่

    “อันที่จริงหนู่ปี้คิดว่าท่านอ๋องไม่มีทางรับองค์หญิงหมิงเยว่เข้ามาเป็นชายารองหรอกเจ้าค่ะ นายหญิงอย่าโศกเศร้าไปเลย”

    ป๋ายจื่อสนิทสนมกับหลินเมิ้งหยาที่สุด ดังนั้นนางจึงออกหน้าแทนหลินเมิ้งหยาทุกเรื่อง

    ป๋ายจีและป๋ายซ่าวสบตากัน

    ในตระกูลของชนชั้นสูง โดยเฉพาะในจวนขององค์ชาย ส่วนมากมักจะมีชายาหรือนางสนมเล็กน้อยอยู่เต็มไปหมด

    แต่เพราะนายหญิงเพิ่งแต่งงานมาได้ไม่นาน หากมีภรรยาอนุเพิ่มเข้ามา เกรงว่าวันเวลาแห่งความสุขจะเปลี่ยนไป

    “ข้าไม่เป็นไรจริงๆ พวกเจ้าอย่าได้กังวลไปเลย”

    ฝืนยิ้ม เพียงเพราะแค่คนชื่อหลินหลาง กลับทำให้นางปวดใจมากถึงเพียงนี้ แล้วแบบนี้นางจะยังมีเวลาสนใจเรื่องขององค์หญิงหมิงเยว่อย่างนั้นหรือ

    อันที่จริงหลินเมิ้งหยามีความคิดชั่วร้าย นางอยากให้หมิงเยว่แต่งงานเข้ามาอยู่ที่นี่ เพราะสุดท้ายแล้วตัวนางเองก็ต้องจากไปอยู่ดี สู้ปล่อยให้หญิงสาวร้ายกาจเข้ามาอยู่ที่นี่หลายๆ คน พอถึงเวลานั้นท่านหญิงหลินหลางอะไรนั่นจะได้ปวดหัวตายไปเลย!

    ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ก่อนจะเดินออกจากตำหนักหลิวซินไปพร้อมอารมณ์คุกรุ่น

    เพียงก้าวข้ามประตูเข้ามา นางได้เห็นหลงเทียนอวี้ในชุดฉางฝูกำลังประลองดาบกับเสี่ยวอวี้ที่เพิ่งกลับมาเงียบๆ

    ร่างสูงโปร่ง แต่กลับเคลื่อนไหวอย่างมั่นคง

    ท่วงท่ามิได้ดุดันเหมือนอย่างวันที่ฟาดฟันศัตรู แต่ถึงกระนั้นก็สามารถรับดาบของเสี่ยวอวี้ได้ทุกครั้ง

    แผ่นหลังยืดตรงอย่างทะนงตน ราวกับเขามั่นใจเหลือเกินว่าไม่มีผู้ใดจะสามารถทำอะไรเขาได้

    เส้นผมตรงยาวพลิ้วไหวไปตามการเคลื่อนไหว ทั้งหลบหลีก กระโดดขึ้นลง ท่วงท่าหล่อเหลาสง่างาม

    หลงเทียนอวี้ที่เป็นแบบนี้เสมือนหอกดาบที่พุ่งเข้ามาปักกลางหัวใจของนาง

    อีตานี่ ทำไมต้องหล่อขนาดนี้ด้วยนะ!

    แล้วแบบนี้นางจะตัดใจได้อย่างไร

    หลินเมิ้งหยายืนมองทั้งสองอยู่ทางด้านหลังด้วยสายตาอ่อนโยน สั่งให้ป๋ายจีและป๋ายซ่าวไปเตรียมน้ำอุ่นและผ้าเช็ดหน้า

    ในที่สุดการประลองดาบของทั้งคู่ก็สิ้นสุดลง โดยดาบของเสี่ยวอวี้ถูกฟาดจนตกไปไกลหลายเมตร

    “พี่สาว ท่านกลับมาแล้ว”

    หลังจากเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะแสดงวิทยายุทธ์เลิศล้ำออกมาได้เห็นหลินเมิ้งหยา ใบหน้าของเขาพลันปรากฏรอยยิ้มกว้าง

    เด็กคนนี้เปลี่ยนไปในทุกๆ วัน

    ใบหน้าของเขานับวันยิ่งหล่อเหลามากขึ้นทุกที

    เพียงแค่ดวงตาคู่สวยคู่นี้ ก็สามารถทำให้หญิงสาวหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว

    เฮ้อ นี่ก็ศัตรูร้ายของหัวใจหญิงสาวอีกคนสินะ

    “พี่สาว ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน”

    เด็กหนุ่มรีบวิ่งเข้ามาหาหลินเมิ้งหยา ดวงตาไร้เดียงสาเปล่งประกาย

    หยาดเหงื่อสีใสประพรมอยู่บนหน้าผากสีขาวดั่งหิมะ

    หลินเมิ้งหยาหยิบผ้าเช็ดหน้าอุ่นๆ เข้าไปเช็ดหน้าผากให้หลินจงอวี้

    “พี่คิดว่าเจ้าจะไม่กลับมาแล้วเสียอีก หลายวันที่ผ่านมาเจ้าสบายดีใช่หรือไม่?”

    ได้ยินป๋ายซูเล่าว่าหลินจงอวี้ถูกคนที่คอยหนุนหลังเขาเอาตัวไป

    ความเกลียดชังบางอย่างเผยขึ้นในแววตาของหลินจงอวี้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็กลับมาเป็นเด็กใสซื่อดั่งเดิมอย่างรวดเร็ว

    “ก็ดีขอรับ พวกเขาไม่กล้าทำอะไรข้า แต่ข้าคิดถึงพี่สาวเหลือเกิน”

    สวรรค์รู้ดี ตอนที่เขาถูกกักกันตัวอยู่นั้น พี่สาวกลับถูกนักฆ่าแห่งเถาฮวาอู๋เล่นงงาน

    ตอนนั้นเขาหยิบดาบขึ้นจ่อคอของตนเองเพื่อบีบบังคับให้คนเหล่านั้นเข้าไปช่วยเหลือพี่สาว

    โชคดีที่พี่สาวไม่เป็นอะไร มิเช่นนั้นเขาคงเป็นบ้าไปแล้ว

    “เช่นนั้นก็ดี เดี๋ยวพวกเราค่อยคุยเรื่องนี้กันคืนนี้”

    หลงเทียนอวี้เองก็สาวยาวๆ เข้ามา สองพี่น้องจึงรีบหยุดบทสนทนา

    “หมู่เฟยรั้งตัวเจ้าไว้เพราะมีเรื่องบางอย่างใช่หรือไม่?”

    หลงเทียนอวี้รับผ้าเช็ดหน้าจากหลินเมิ้งหยาและเช็ดลงบนใบหน้าของตนเอง

    “เพคะ แต่เกรงว่าจะเป็นเรื่องดีที่หาได้ยากของท่านอ๋อง”

    ส่งยิ้มอ่อนโยน ทว่าหลงเทียนอวี้กลับรู้สึกผิดปกติ

    เวลาชายาของเขาหยักยิ้มเช่นนี้ มักจะมีเรื่องไม่ดีตามมาเสมอ

    “หมู่เฟยตำหนิเจ้าหรือ?”

    ส่ายหน้า หลินเมิ้งหยายังคงยิ้ม ทว่าหลงเทียนอวี้เริ่มรู้สึกหวั่นใจ

    “หรือหรูฉินปฏิบัติกับเจ้าไม่ดี?”

    ส่ายหน้าอีกครั้ง ยิ้ม ทว่าหลงเทียนอวี้เริ่มรู้สึกได้ว่าแผ่นหลังของตนเองกำลังมีเหงื่อผุด

    “หรือว่า…”

    “ยินดีด้วยเพคะท่านอ๋อง พระองค์กำลังจะได้เป็นเขยของพญามังกรแห่งซีฟาน”

    หลินเมิ้งหยาส่งเสียงแสดงความยินดีอันเจือไว้ซึ่งอารมณ์หึงเล็กน้อยออกไป ทว่ากลับทำให้หลงเทียนอวี้เหงื่อตก

    เกิดอะไรขึ้น? ไร้สาระ!

    ทุกคนกลับมายังห้องโถงแห่งตำหนักหลิวซิน ใบหน้าของหลินเมิ้งหยายังคงหยักยิ้ม ทว่าหลงเทียนอวี้กลับไม่รู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย

    “นี่มันเรื่องไร้สาระอันใด! ข้าจะไปหาไท่จื่อและฮ่องเต้หมิงเดี๋ยวนี้”

    หลินเมิ้งหยาไม่คิดเลยว่าหลงเทียนอวี้จะมีปฏิกิริยาเช่นนี้

    ตอนแรกคิดว่าหลงเทียนอวี้จะไม่ปฏิเสธ

    “เหตุใดต้องทำเช่นนั้นหรือเพคะ? องค์หญิงหมิงเยว่ทั้งอ่อนโยน จิตใจโอบอ้อมอารี เป็นถึงไข่มุกแห่งซีฟาน หากท่านอ๋องได้นางมาเป็นภรรยา เท่ากับว่าท่านอ๋องจะได้ฮ่องเต้หมิงมาคอยหนุนหลัง นี่เป็นเรื่องดีมิใช่หรือเพคะ?”

    โน้มน้าวหลงเทียนอวี้ด้วยเสียงหวานใส แต่คนในห้องกลับรับรู้ได้ถึงอาการปากไม่ตรงกับใจของนาง

    หลงเทียนอวี้เคร่งขรึมลงไป ทว่าสายตากลับจับจ้องใบหน้าของนางนิ่ง

    “เจ้าหวังให้ข้าแต่งงานกับองค์หญิงหมิงเยว่อย่างนั้นหรือ?”

    พยักหน้า ทว่าหลินเมิ้งหยากลับร้องด่าตัวเองในใจ

    เหตุใดนางจึงทำการหักหลังหัวใจของตนเองเช่นนี้?

    หรือว่า…นางกำลังหึงเขาจริงๆ

    “ได้ ข้าแล้วแต่เจ้า”

    ส่งเสียงเรียบ ราวกับเป็นการประกาศการตัดสินใจ

    หลงเทียนอวี้ไม่แม้แต่จะส่งเสียงปฏิเสธ เขาตอบรับหลินเมิ้งหยาอย่างง่ายดาย

    “เช่นนั้น…ยินดีกับท่านอ๋องด้วยเพคะ”

    หลินเมิ้งหยาได้ยินเพียงเสียงแสดงความยินดีของตนเอง

    ไม่ใช่แบบนี้! ไม่ใช่แบบนี้! หลินเมิ้งหยากู่ร้องในใจ ทว่านางกลับต้องควบคุมตัวเองมิให้ต่อล้อต่อเถียงกับหลงเทียนอวี้

    “อืม พรุ่งนี้ข้าจะไปคุยกับฮ่องเต้หมิงเรื่องรายละเอียดการแต่งงาน เจ้าเองก็เหนื่อยแล้ว พักผ่อนก่อนเถิด”

    เหมือนเป็นการตัดสินใจดั่งเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาของเขา

    แต่ครั้งนี้เขารับฟังการตัดสินใจของหลินเมิ้งหยา

    เอาแบบนี้หรือ? แค่นี้อย่างนั้นหรือ?

    สมองของหลินเมิ้งหยาว่างเปล่า นางพูดเช่นนั้นออกไปเพราะความโกรธเพียงชั่วครู่เท่านั้น

    เหตุใดหลงเทียนอวี้จึงไม่ปฏิเสธ?

    “พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว”

    ที่แท้ การแต่งงานสำหรับเขาก็เป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น

    นางไร้เดียงสาเกินไป คิดไปเองฝ่ายเดียวว่าหัวใจของหลงเทียนอวี้จะมีเพียงหลินหลางเท่านั้น เขาไม่มีทางเปิดใจรับใครอีก

    ตอนแรกเขายอมแต่งงานกับนางเพื่อความปลอดภัยของพระสนมเต๋อเฟย

    เจ็บปวด เจ็บปวดเหลือเกิน

    สมองหมุนติ้ว หลินเมิ้งหยาสลบไปในความมืด

    “หมอหลวง นายหญิงของข้าเป็นเช่นไร?”

    “พระชายาทำงานหนักจนเกินไป พักสักหน่อยก็คงหาย อย่ากังวลไปเลย ข้าจะจ่ายยาให้ รักษาตัวสักหน่อยคงดีขึ้น”

    ภายในความมืด หลินเมิ้งหยาได้ยินเสียงสนทนาเบาๆ