ตอนที่ 140 หกกระบี่เทพสงคราม

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

ก่อนออกจากสำนักสัตว์เทพ อันหลินกับต้าไป๋ก็ไปพบจ้าวหวายหยินด้วยกันอีกครั้ง

จ้าวหวายหยินจัดการธุระในสำนักสัตว์เทพได้พอสมควรแล้ว เปิดเทอมปีสองพวกเขาจะได้พบกันอีก จึงพูดคุยกันแค่ไม่กี่ประโยค ก็โบกมืออำลา ไม่ต้องทำอะไรให้ซาบซึ้งมากนัก

อันหลินขี่ต้าไป๋มาถึงเนินเขาแห่งหนึ่ง

ที่นี่มีแสงแดดเจิดจ้า สายลมโชยแผ่วเบา เป็นสถานที่เหมาะแก่การทำเรื่องทางการ

เขาประสานอิน พึมพำร่ายคาถา รอบตัวมีพลังปราณกระเพื่อมอย่างรุนแรง

เมื่อวาดนิ้ว หยดเลือดที่ส่องแสงสีทองก็ผุดออกจากปลายนิ้วของเขา จากนั้นหยดลงบนหน้าผากของต้าไป๋

วิ้ง…

การทำพันธะสัญญาอันไร้รูปร่างเริ่มบังเกิดระหว่างอันหลินและต้าไป๋

นัยน์ตาของต้าไป๋เป็นประกายวาบ แลบลิ้นพูดอย่างตื่นเต้นว่า “สำเร็จแล้ว! ข้ารู้สึกว่ามีด้ายล่องหนเชื่อมต่อพวกเราไว้ด้วยกัน นี่เป็นความรู้สึกของการเป็นสัตว์เลี้ยงหรือ อีกอย่าง ข้ารับรู้ตำแหน่งของเจ้าได้โดยไม่รู้ตัว!”

อันหลินพยักหน้ายิ้มๆ “เราอยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณทั้งคู่ ขอเพียงห่างกันไม่เกินรัศมีสิบลี้ จะสามารถสื่อถึงกันได้”

หลังทำพันธะสัญญากับต้าไป๋สำเร็จแล้ว อันหลินก็เริ่มยื่นไมตรีให้เจ้าอัปลักษณ์

เขาล้วงเสี่ยวหงออกมาก่อน แล้วพูดกับต้าไป๋ว่า “เรามาเรียงลำดับกันก่อนดีกว่า เจ้าดอกไม้นี่ชื่อเสี่ยวหง นางสร้างพันธะสัญญาก่อนเจ้า ให้มันเป็นพี่ใหญ่แล้วกัน!”

เสี่ยวหงรู้ว่าต้าไป๋ทำพันธะสัญญากับอันหลินแล้ว บัดนี้จึงเริ่มโบกใบไม้เขียวชอุ่มไปมาเป็นการทักทาย

ต้าไป๋ไม่มีปัญหากับการเรียงลำดับแบบนี้ เพียงแค่ถามอย่างสงสัยว่า “แล้วเจ้าอัปลักษณ์เล่า มันเป็นพี่รองหรือ”

เจ้าอัปลักษณ์ได้ฟังก็เกาหัวอย่างเก้อเขินแล้วพูดว่า “ข้ายังไม่ได้ทำพันธะสัญญาสัตว์เลี้ยงกับพี่อันเลย”

อันหลินลูบตัวเจ้าอัปลักษณ์ที่อยู่บนไหล่ “ช่วงนี้ยุ่งเหลือเกิน ข้ากับเจ้าอัปลักษณ์ไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย”

ต้าไป๋ดีใจ “ฮ่าๆ งั้นข้าก็เป็นพี่รองล่ะสิ! เจ้าอัปลักษณ์รีบทำพันธะสัญญากับเจ้านายเร็วเข้า เช่นนั้นชะตาของพวกเจ้าก็จะเชื่อมต่อกัน เส้นทางแห่งอนาคตต้องไม่มีที่สิ้นสุดแน่นอน ถ้าไม่ติดตามเจ้านายเจ้าจะต้องเสียใจทีหลังแน่!”

อันหลินยิ้มน้อยๆ อย่างไม่ยี่หระ แต่กลับเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ‘ต้าไป๋ ทำได้ดี! กำลังเสริมแบบนี้…ฉันไม่รู้เลยว่าจะชมแกอย่างไรเลย!’

ความคิดของต้าไป๋บริสุทธิ์ยิ่งนัก ชัดเจนว่าอยากมีน้องสามเพิ่มอีกคน เช่นนั้นมันก็จะได้เป็นพี่รองแล้ว

ใบหน้าของเจ้าอัปลักษณ์ลังเลเล็กน้อย ดวงตาสุกใสดุจโคมไฟจ้องมองอันหลิน พูดเสียงประหม่าว่า “แต่ว่าข้า…ข้าจะไหวจริงหรือ”

วีรกรรมเรื่องเล่าของอันหลิน จากการได้คลุกคลีในระยะเวลานี้ เจ้าอัปลักษณ์ได้รู้ไม่น้อยเลย

ด้วยเหตุนี้มันจึงเข้าใจว่า นับจากนี้ไปอันหลินต้องเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่อยู่เหนือสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเป็นแน่ บุคคลยิ่งใหญ่เช่นนี้จะรับมันเป็นสัตว์เลี้ยงจริงหรือ

เมื่อเห็นเจ้าอัปลักษณ์ไม่มีความมั่นใจ แสดงอาการน้อยเนื้อต่ำใจ อันหลินก็ตกใจเหมือนกัน ต่อมาก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าเจ้าอัปลักษณ์กังวลใจอะไร

คุณพระ ฉันอยากให้แกเป็นสัตว์เลี้ยงของฉันจะแย่ แต่แกกลับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจงั้นเหรอ

รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของอันหลินทันที พูดเสียงนุ่มนวลว่า “เจ้าอัปลักษณ์ เจ้าเป็นสหายของข้า การทำพันธะสัญญาเพียงแค่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ไม่มีปัญหาหรอก”

ช่างเป็นเสียงที่อบอุ่นอ่อนโยนเสียนี่กระไร…

เจ้าอัปลักษณ์ได้ฟังก็ตื้นตันเป็นล้นพ้น จากนั้นก็พยักหน้าอย่างซาบซึ้งใจ “ได้ ขอบคุณพี่อัน มาเถอะ ทำพันธะสัญญากันเถอะ!”

ด้วยเหตุนี้ เลือดสีทองของอันหลินจึงหยดลงบนหน้าผากของเจ้าอัปลักษณ์ ทั้งสองทำพันธะสัญญากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

‘ติ้ง ภารกิจสำเร็จ!’

เสียงของระบบดังขึ้น ทำให้อันหลินลิงโลดในใจ

เนื้อหาทั้งหมดของหกกระบี่เทพสงคราม เพลงกระบี่เทพสงครามขั้นกลางหลั่งไหลเข้ามาในสมองของเขา

กระบวนท่า เคล็ดวิชา แนวคิด ความตระหนักรู้ในมรรควิถีและความหมายที่แท้จริง…

ยามนี้เขาเพิ่งพบว่า หกกระบี่เทพสงครามเป็นเพลงกระบี่ที่ลึกล้ำเพียงใด ระดับความประณีตพบเจอได้ยาก ความหมายที่แท้จริงของกระบี่ลึกซึ้งถึงแก่นแท้

“เจ้าอัปลักษณ์ มาประลองยุทธ์กับข้าหน่อย!”

กระบี่ของอันหลินกระหายจนแทบทนไม่ไหวแล้ว จึงโพล่งขึ้นมาทันใด

เจ้าอัปลักษณ์ได้ฟังก็คืนสู่ร่างเดิม มือถือกระบองเงิน ระเบิดพลังอันแข็งแกร่งยิ่ง

แม้มันจะไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ อันหลินถึงอยากฝึกปรือขึ้นมา แต่การประลองมีประโยชน์ต่อการเพิ่มความสามารถในการรบ มันไม่ปฏิเสธหรอก

“ดีมาก ข้าเริ่มละนะ!”

อันหลินถือกระบี่แก้วสีทองพุ่งใส่เจ้าอัปลักษณ์ ลำแสงสีทองเจิดจ้ามากมายหลายเส้นถูกสะบัดปล่อยออกมา

เจ้าอัปลักษณ์มองลำแสงเหล่านี้ ซึ่งให้ความรู้สึกอันตรายกับมัน ในใจก็อดตกใจไม่ได้

ต้องรู้ว่า อันหลินเพิ่งอยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นต้น ส่วนมันเลื่อนเข้าสู่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายแล้ว

ต่างกันสองขั้น แต่อันหลินสามารถปล่อยกระบี่พิฆาตที่มีภัยคุกคามต่อมันได้แล้ว จะไม่ให้มันตะลึงได้อย่างไร

เจ้าอัปลักษณ์ไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่นิด มือถือกระบองเงิน เริ่มประลองกับอันหลินอย่างสุดความสามารถ

ตูมๆ ๆ

บริเวณที่ทั้งสองต่อสู้กันเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวประดุจระเบิด ผืนดินในรัศมีสิบจั้งแตกระแหง เศษก้อนหินกระเด็นกระดอนไปทั่ว

กระบี่ของอันหลินปรวนแปรคาดเดาได้ยาก ประณีตยิ่งนัก เจ้าอัปลักษณ์ยิ่งสู้ก็ยิ่งพรั่นพรึง

หากเทียบกันทั้งพลังและความเร็วของทั้งคู่แล้ว แน่นอนว่าเจ้าอัปลักษณ์เหนือกว่าอันหลินไม่น้อยเลย

แต่ระยะห่างนั้น กลับถูกอันหลินใช้เพลงกระบี่อันน่ากลัวทดแทน

ทว่าเจ้าอัปลักษณ์เป็นสัตว์ภูตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย เมื่อเทียบปริมาณพลังปราณกับอันหลินแล้ว มันมากกว่าหนึ่งเท่า ด้วยเหตุนี้ในตอนนี้ เจ้าอัปลักษณ์ยังคงได้เปรียบอยู่ดี

อันหลินยิ่งสู้ก็ยิ่งสบายอุรา อิ่มเอมใจเป็นอย่างมาก

นี่ต่างหากที่ที่เป็นเขา นี่สิเซียนกระบี่อันหลินตัวจริง!

“เจ้าอัปลักษณ์ ระวังไว้ละ!”

อันหลินตะโกนลั่น พลันกระแสลมสีขาวก็ห้อมล้อมกระบี่แก้วสีทอง เพราะแรงสนับสนุนจากวรยุทธ์จิตวิญญาณแห่งสายลม ทำให้กระแสลมบริสุทธิ์ยากจะคาดเดายิ่งขึ้น

กระบวนท่าที่หนึ่ง กระบี่วายุ!

กลิ่นอายของอันหลินแปรเปลี่ยนโดยพลัน กระบี่ทะลวงอากาศ ทิ้งภาพมายาไว้เป็นทาง

รวดเร็วนัก!

เจ้าอัปลักษณ์ตกตะลึง สองมือยกกระบองขึ้นหมุนแล้วต้านไว้ทันที

แต่กระบี่พิฆาตของอันหลินกลับรวดเร็วถึงขั้นไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ

ปังๆ ๆ…

กระบี่แก้วสีทองฟันชุดเกราะของเจ้าอัปลักษณ์ เกิดสะเก็ดไฟสว่างเจิดจ้า

เจ้าอัปลักษณ์ถูกฟันอย่างต่อเนื่องนับสิบกว่าหนภายในอึดใจเดียว!

หากไม่ใช่เพราะมีเกราะหุ้มกาย บัดนี้เจ้าอัปลักษณ์คงบาดเจ็บไม่เบาแล้ว!

“ช่างเป็นเพลงกระบี่ที่น่ากลัวยิ่งนัก เอาอีก!”

เจ้าอัปลักษณ์ถอยหลังกรูด มันเองก็สู้อย่างสบายใจเฉิบเช่นกัน ยามนี้ความฮึกเหิมเพิ่มทะยาน กำกระบองเงินเตรียมจะพุ่งตัวเข้าไปแล้ว

“ช้าก่อน หยุด…หยุดประลองได้แล้ว!”

มือทั้งสองของอันหลินยันเข่าไว้ หายใจหอบ เร่งตะโกนให้หยุด

เจ้าอัปลักษณ์ชะงัก เห็นท่าทางอ่อนแรงของอันหลิน ก็พูดอย่างไม่แน่ใจว่า “เหนื่อยแล้วหรือ”

อันหลินพยักหน้าเล็กน้อย เก็บกระบี่ นอนแผ่หลาบนพื้นดินแตกระแหง หายใจถี่กระชั้น

หกกระบี่เทพสงครามมีอานุภาพยิ่งใหญ่จริง ใช้กระบี่พิฆาตธรรมดาสามัญก็ยังพอสู้เจ้าอัปลักษณ์ได้

หากว่าใช้กระบวนหกท่า จะสามารถพลิกสถานการณ์รบได้…

เพียงแต่ว่าผลาญพลังปราณได้น่ากลัวเกินไป แค่กระบวนท่าเดียว ทะเลปราณของเขาก็แทบจะแห้งขอดแล้ว

นี่อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เขาขยายทะเลปราณ บรรลุวิชาพฤกษธาตุอมตะแล้วด้วยซ้ำ…

ขณะนั้นเอง ต้าไป๋ก็วิ่งเข้ามาอย่างระทึกใจ “สมกับเป็นพี่อัน ยามใช้กระบี่ทั้งแข็งแกร่งและเท่!”

ต้าไป๋เองก็แก้ไข เรียกอันหลินว่าพี่อันเช่นเดียวกับเจ้าอัปลักษณ์ คิดว่าแบบนี้จึงจะขับให้ความยิ่งใหญ่ของอันหลินโดดเด่น

อันหลินเกาหัวอย่างเก้อเขินเล็กน้อย หัวเราะออกมาอย่างมีความสุขโดยไม่รู้ตัว

ในที่สุดความฝันเซียนกระบี่ของเขาก็เป็นจริงแล้ว!

“ไป ลำดับต่อไป พวกเราไปเที่ยวสำนักวิหคชาดกันเถอะ!”

……………………