ตอนที่ 157 ตงฟู่หนานไม่ปกติ!

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

ข่าวว่ายาดำของร้านเริ่นเสี่ยวซู่รักษาภาวะการมีบุตรยากได้เกิดเป็นเรื่องฮือฮาเล็กๆ ในป้อมปราการ แต่เริ่นเสี่ยวซู่กับหวังฟู่กุ้ยไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

ถึงเขาจะอยากหาเงินขนาดไหน ก็ไม่กล้าไปโพนทะนาฤทธิ์ที่ยาดำไม่มีหรอก

เวลาเรียนเช้าวันต่อมา หวังต้าหลงขี่จักรยานไปโรงเรียนกับเหยียนลิ่วหยวน ส่วนเริ่นเสี่ยวซู่ได้แต่นั่งรถรางไป ซี่งไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากขี่จักรยานหรอก แต่เพราะเขายังขี่ไม่เป็นต่างหาก

ก่อนออกจากบ้าน เริ่นเสี่ยวซู่ย้ำให้เฉินอู๋ตี๋เฝ้าจับตาดูตงฟู่หนานให้ดี เขามีลางสังหรณ์ว่าเธอจะเป็นภัยร้ายแรง ไม่รู้ว่าทำไม แต่เริ่นเสี่ยวซู่ถึงกับสัญญาว่าอีกหกวันเขาจะอนุญาตให้เฉินอู๋ตี๋ออกไปทำอะไรก็ได้ตามใจสามวันติด!

พอมาถึงห้องเรียน ก็เห็นหยางเสียวจิ่นเอนตัวหลับคาโต๊ะแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่อดคิดไม่ได้ว่าเธอคงมาโรงเรียนเพื่อนอนจริงๆ อีกไม่กี่วันจะสอบปลายภาคแล้ว เธอไม่ต้องเตรียมตัวบ้างหรือไง!

เริ่นเสี่ยวซู่เมินเธอและนั่งลง แต่ตอนที่กำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้ หยางเสียวจิ่นก็ผุดลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “หลัวหลานวางแผนจะทำเรื่องอันตราย พยายามอยู่ให้ห่างเขาดีกว่า”

ทำเอาเริ่นเสี่ยวซู่เกิดความสนใจขึ้นมา หลัวหลานลอบวางแผนอะไรบางอย่างอยู่จริงๆ เขาคาดเดาไว้ไม่ผิด

“พวกเราเห็นคนของสมาคมตระกูลชิ่งป้วนเปี้ยนอยู่นอกโรงพยาบาลจิตเวชที่สี่” หยางเสียวจิ่นค่อยๆ พูด “เหมือนว่าพวกเขาคิดจะปล้นโรงพยาบาล”

“เคยได้ยินคนปล้นร้านเพชร หรือหลังชนฝาจัดจนปล้นธนาคารของสมาคมนะ” สีหน้าของเริ่นเสี่ยวซู่เหยเก “แต่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ยินว่ามีคนคิดปล้นโรงพยาบาลจิตเวช…”

“มีเรื่องที่นายยังไม่รู้” หยางเสียวจิ่นพูดเสียงนิ่ง “ที่นั่นคือที่ที่พวกผู้มีพลังพิเศษถูกสมาคมตระกูลหลี่คุมขังอยู่ ที่นั่นมีผู้มีพลังพิเศษที่อันตรายมากคนหนึ่ง เขาไปอยู่ที่นั่นโดยไม่ต่อต้านอะไรเลย ถือว่าขอบคุณสวรรค์แล้ว ถ้าหลัวหลานปล่อยเขาออกมา ฉันกลัวว่าป้อมปราการ 109 คงได้เผชิญอนาคตอันยากคาดเดา”

เริ่นเสี่ยวซู่เข้าใจได้ทันทีว่าหลังจากพลาดชนะใจตกฟู่หนานไป เขาก็หันความสนใจที่โรงพยาบาลจิตเวชที่สี่แทน ว่าแล้วหลัวหลานนี่ทุ่มเทจริงๆ กับการหาผู้มีพลังพิเศษมาเป็นผู้คุ้มกัน

ทุกคนไม่รู้หรอกว่าหลัวหลานกับชิ่งเจิ่นนั้นคุยกันมาก่อนและต่างยอมรับว่าผู้มีพลังพิเศษนั้นเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดในแดนรกร้าง ข้อมูลข่าวสารจำนวนมากทำให้พวกเขาเข้าใจว่าผู้มีพลังพิเศษนั้นเกิดการวิวัฒน์อย่างรวดเร็ว และในอนาคตอาจจะไม่มีอาวุธใดสู้รบกับพวกผู้มีพลังพิเศษได้ แน่นอนว่าสมาคมตระกูลชิ่งมีอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงอยู่ในคลังแสงอยู่แล้ว

“แต่สมาคมตระกูลชิ่งมีคนนิดเดียวเองไม่ใช่เหรอ ทำไมพวกเขากล้าปล้นโรงพยาบาลจิตเวชล่ะ” เริ่นเสี่ยวซู่พูดไม่ออก

“นายดูถูกสมาคมตระกูลชิ่งเกินไป” หยางเสียวจิ่นพูด “ไม่สิ ต้องบอกว่านายดูถูกชิ่งเจิ่นเกินไปแล้ว”

สมาคมตระกูลชิ่งคงส่งคนจำนวนหนึ่งแทรกซึมมาในป้อมปราการ 109 เรียบร้อย และตอนนี้ต่างอยู่ภายใต้การสั่งการคำสั่งของหลัวหลาน

“แต่นี่เป็นเขตของสมาคมตระกูลหลี่นะ” เริ่นเสี่ยวซู่พูด “หลัวหลานไม่กลัวว่าถ้าสมาคมตระกูลหลี่รู้เรื่องแล้วจะเตะเขาออกจากป้อมเหรอ”

“นายไม่รู้หรอกว่าหลัวหลานลูกเล่นแพรวพราวขนาดไหน” หยางเสียวจิ่นพูดเสียงนิ่ง “ตอนเขายังอยู่ป้อม 113 ก็ได้รับขนานนามว่าเป็นนักแหกกฎแล้ว แถมหลัวหลานเป็นคนกล้าที่ระมัดระวังตัวมาก เขาฉวยโอกาสตอนที่สมาคมตระกูลหลี่กำลังหัวหมุนกับเรื่องอื่นอยู่ และถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริง พวกเขาก็คงให้ชิ่งเจิ่นจ่ายเงินชดเชยแทน ไม่กล้าฆ่าเขาทิ้งหรอก”

ก็คือว่าเขายังไม่รู้จักกับหลัวหลานมากพอสินะ

เริ่นเสี่ยวซู่ที่ยังสงสัยไม่หายถาม “พวกเธอก็กลัวคนที่ถูกขังอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชที่สี่เหมือนกันเหรอ”

“ไม่ใช่ว่าพวกเรากลัว” หยางเสียวจิ่นแก้ “พวกเราแค่กังวลว่าเขาจะเป็นตัวแปรที่คาดการณ์ไม่ได้”

“พลังพิเศษของเขาคือ?” เริ่นเสี่ยวซู่ถามต่อ

“สะกดจิต” หยางเสียวจิ่นพูด “เขาถูกขังเดี่ยวอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช คนส่งอาหารประจำวันจะเข้าไปส่งอาหารต้องใส่หูฟังตัดเสียง”

“ซับซ้อนจริงแฮะ” เริ่นเสี่ยวคิด คนผู้นั้นต้องน่ากลัวขนาดไหนถึงทำให้สมาคมตระกูลหลี่กับผู้ปกครองป้อมเกรงกลัวขนาดนี้ แล้วถาม “ถ้ากลัวเขาหลุดออกมามากนักทำไมไม่จัดการเขาไปเลยล่ะ”

“เขายังไม่ทำอะไรผิด พวกเราจะฆ่าเขาได้ยังไง” หยางเสียวจิ่นตอบอย่างงุนงง “ตรรกะของนายแปลกๆ นะ”

เริ่นเสี่ยวซู่พูดเสียงเรียบ “แต่พวกเธอเอาอะไรมาแบ่งดีเลว อำนาจตัดสินใจเป็นของพวกเธอนี่ ถ้าพวกเธอตัดสินพลาดขึ้นมาจะทำยังไง เธอพูดเองไม่ใช่เหรอว่าชิ่งเจิ่นกับบริษัทหัวจ่งคิดจะครอบครองอะไรบางอย่างที่พวกเขาไม่อาจควบคุมได้ แต่ว่าใครเป็นคนตัดสินใจเรื่องนั้นล่ะ”

หยางเสียวจิ่นดั่งตกในภวังค์ก่อนจะพูดว่า “โลกถูกทำลายเพราะเจ้าพวกนั้น พวกเราแค่ไม่อยากให้โลกนี้ตกอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนั้นอีก”

เริ่นเสี่ยวซู่นิ่งไป เป็นผลจากเหตุแต่เก่าก่อนสินะ องค์กรของหยางเสียวจิ่นคิดจะกำจัดสิ่งที่เคยทำลายโลก เรื่องนี้เขาไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะเขาตอนนี้ยังไม่รู้เรื่องราวของโลกเลย

หยางเสียวจิ่นพูด “แล้วก็ผู้มีพลังพิเศษที่หลัวหลานช่วยชีวิตมามีอะไรแปลกๆ ถ้าเธอติดตามหลัวหลานไป พวกนายต้องระวังไว้ด้วย”

“ฮะ?” เริ่นเสี่ยวซู่ประหลาดใจมากที่วันนี้หยางเสียวจิ่นเตือนเขาหลายเรื่อง ถึงกับบอกข้อมูลลับหลายอย่างด้วยซ้ำ แต่อยู่ๆ ก็วกพูดเรื่องตงฟู่หนานเสียอย่างนั้น เริ่นเสี่ยวซู่ถาม “ตงฟู่หนานทำไมเหรอ”

หยางเสียวจิ่นไม่รู้ว่าตงฟู่หนานตอนนี้กำลังพักอยู่ในร้านของเริ่นเสี่ยวซู่ หยางเสียวจิ่นตอบ “พวกเรายืนยันได้แล้วว่าตงฟู่หนานไม่ได้มีสายสัมพันธ์อะไรกับผู้มีพลังพิเศษคนที่ตายไป ไม่ได้เกี่ยวพันธ์กันทางสายเลือด ไม่ได้เป็นคู่รัก ไม่ได้เป็นอะไรกันเลย ทีแรกพวกเราคิดว่าพวกเขาเป็นพันธมิตรกัน แต่ตอนหลังพบว่าไม่ใช่”

“แล้วก็ช่วงนี้ในป้อมปราการมีคดีฆาตกรรมแปลกๆ เหยื่อทุกคนต่างถูกดูดเลือดจนเหลือแต่ซากไร้โลหิต หนึ่งในผู้ต้องสงสัยคนสำคัญที่พวกเราคิดไว้คือผู้มีพลังพิเศษที่ชื่อตงฟู่หนาน ลั่วซินอวี่สังเกตการณ์การต่อสู้คืนนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ หลังจากวิเคราะห์ดูแล้ว ก็รู้สึกว่าที่ตงฟู่หนานตั้งใจช่วยชีวิตผู้มีพลังพิเศษอีกคนเพราะ…คิดจะดูดเลือดผู้มีพลังพิเศษคนนั้นต่างหาก แต่ว่าเธอมีประสบการณ์การต่อสู้น้อยเกินไปเลยทำพลาด พูดง่ายๆ คือตงฟู่หนานก็แค่มือใหม่คนหนึ่ง”

เริ่นเสี่ยวซู่ได้รับข้อมูลชั้นดีมาจากหยางเสียวจิ่น อย่างแรกเลยคือตอนนี้ตงฟู่หนานกำลังแสดงละครอยู่ และอาจเป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆาตกรรม อย่างที่สอง สายของหยางเสียวจิ่นน่าจะตำแหน่งสำคัญไม่เบาในป้อมปราการ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ได้รับข้อมูลที่ชัดเจนและมีรายละเอียดมากขนาดนี้

“ตงฟู่หนานอยู่ในร้านของฉัน” เริ่นเสี่ยวซู่ตอบเสียงนิ่ง

“แล้วทำไมไม่รีบกลับไปตรวจสอบเธออีก” หยางเสียวจิ่นขมวดคิ้วทันที “ฉันจะให้ลั่วซินอวี่ส่งนายกลับ”

“ไม่ต้องหรอก” เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างสงบนิ่งว่า “เธอถูกพวกเราคุมตัวไว้แล้ว”

หยางเสียวจิ่นมองเริ่นเสี่ยวซู่อย่างเงียบงัน เธอคิดพักหนึ่งแล้วว่า “แต่เธอเป็นผู้มีพลังพิเศษ”

“ไม่เป็นไร พวกเรามีผู้มีพลังพิเศษอีกคนจับตาเธอไว้อยู่” เริ่นเสี่ยวซู่ตอบ

“เฉินอู๋ตี๋?” หยางเสียวจิ่นถาม “ฉันรู้จักเขา ค่อนข้างมีชื่อเสียงในโรงพยาบาลจิตเวชของป้อมปราการ 113 แต่นายไม่กลัวหรือไงว่าจะควบคุมเขาไม่ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวล่ะ”

เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างสงบนิ่ง “ความปลอดภัยของครอบครัวฉันไม่ห่วงหรอกตอนนี้ ฉันกลัวว่าเฉินอู๋ตี๋จะตีตงฟู่หนานจนตายต่างหาก”

เพราะถ้าเกิดเธอตายขึ้นมาจริง ภารกิจเขาก็ไม่สำเร็จน่ะสิ