ตอนที่ 86 ถูกจับได้แล้ว

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

คุณชายใส่ชุดสีเขียวเดินเข้ามา เขามีใบหน้าอันอ่อนโยน ใบหน้าของเขานั้นขาวอย่างไม่เป็นปกติ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะฤทธิ์เหล้า

น่าหลานอวี้ยิ้มบาง ๆ เมื่อต้องพบกับคุณชายสามแห่งตระกูลโอวหยาง—โอวหยางเวยอย่างไม่คาดคิด

โอวหยางเวยเดินเข้ามา มองเห็นมู่ซีผู้อายุน้อยที่งดงามต่างจากคนทั่วไป เขามองข้ามสี่คนแถวหน้าไปเลย  เดินพุ่งเข้าไปหา กล่าวว่า… “อายุน้อยแต่งดงามเช่นนี้ มาทำอะไรรึคนงาม เอ้านี่! ข้าให้เจ้า…”

เขายังไม่ทันได้เข้ามาใกล้มู่เฉียนซี สายลมอันน่าหวาดกลัวไม่ทราบที่มาพัดไปทางเขาอย่างแรง

“อ๊า!” ฉับพลันทันใดโอวหยางเวยลอยขึ้นไปบนฟ้า

“พรวด!” เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนหล่นลงใต้น้ำ

“นายน้อย นายน้อย!” เสียงตื่นตระหนกดังออกมา

มู่เฉียนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวขึ้น “น่าหลาน เจ้าลงมือเร็วไปหน่อยนะ”

น่าหลานอวี้ยิ้มให้นาง “ช่วยไม่ได้ พอข้าคิดว่าเขาจะเข้าใกล้เจ้า ข้าก็อดไม่ได้ที่จะเตะเขากระเด็นไป”

ฉูคงกระซิบ “คุณชายทั้งสอง ท่านผู้นั้นคือโอวหยางเวย คุณชายสามแห่งตระกูลโอวหยาง คุณชายไปลงมือกับเขา เขาคงไม่ยอมปล่อยพวกคุณชายไปเป็นแน่เจ้าค่ะ  หลิวซางหรูเมิ่งมีเส้นทางลับที่สามารถหนีไปได้ รีบตามข้ามาเถอะเจ้าค่ะ”

มู่เฉียนซีโบกมือ กล่าวว่า “ฉูคงคนงาม ถ้าพวกข้าไปแล้ว เกรงว่าสตรีงามทั้งสี่คนจะต้องได้รับความทุกข์”

ฉูคง “แม้ว่าคุณชายจะไม่สนใจในตัวหญิงงาม แต่ก็เป็นคนที่รู้จักสงสารสาวงาม พวกข้าหลิวซางหรูเมิ่งมีที่พึ่งอยู่เบื้องหลัง  คุณชายสามแห่งตระกูลโอวหยางไม่กล้าทําอะไรพวกข้าหรอกนะเจ้าคะ”

“ผู้อยู่เบื้องหลังรึ ? อย่าไร้เดียงสานักเลย พวกเจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าตระกูลมู่จะสามารถเป็นที่พึ่งของพวกเจ้าได้ ?  เรือบุปผาลํานี้เดิมทีเป็นของตระกูลโอวหยางของข้าอยู่แล้ว หากข้าจะแตะต้องพวกเจ้า มู่เฉียนซีแม้แต่จะผายลม ก็คงมิกล้ากระทำ”

องครักษ์ของตระกูลโอวหยางแข็งแกร่งอย่างมาก ไม่นานนักก็ช่วยโอวหยางเวยขึ้นมาได้

โอวหยางเวยกายเปียกโชกชุ่มไปทั่วทั้งร่าง เขาจ้องมองน่าหลานอวี้ตาเขียวปั้ด

“วันนี้พวกเจ้าหกคน อย่าได้คิดจะหนีเลย ข้าจะลองดูอยู่พอดี…”

ยังไม่ทันกล่าวจบ มู่เฉียนซีเข้ามายืนตรงหน้าเขา กล่าวอย่างเย็นชาว่า… “ข้าคิดว่าคนอย่างเจ้านี้ เป็นขันทีไปชั่วชีวิตคงจะดีที่สุดแล้ว ฮ่า ๆ ๆ”

— ฟึ่บ! —

เข็มยาเข็มหนึ่งปักเข้าไปในเอวของเขา ยาที่ไม่รู้จักไหลเข้าสู่ร่างกาย แล่นเข้าสู่เส้นเลือดของเขา!

“จับมันไว้!” โอวหยางเวยกรุ่นโกรธถึงขีดสุด ลั่นวาจาออกคําสั่งกับองครักษ์จอมยุทธ์ด้วยเสียงอันดัง

เมื่อจอมยุทธ์เหล่านั้นกระโดดขึ้นและเตรียมจะพุ่งตัวถอยหลังไปยังมู่เฉียนซี ทันใดนั้นจิตสังหารอันน่าหวาดกลัวพลันแผ่ออกมา

เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ร่างกายของจอมยุทธ์ที่อยู่ในอากาศ ประหนึ่งว่าอันตรธานหายวับไปกับตา …ตัวของโอวหยางเวยกลายเป็นโครงกระดูกขาว ช่างน่าสะพรึง!

— แปะ!  แปะ!  แปะ! —

โครงกระดูกร่วงหล่นลงบนพื้น แตกเป็นเสี่ยง ๆ แทบไม่เหลือชิ้นดี

เวลานี้โอวหยางเวยล้มลงกับพื้น เขากลอกตาด้วยความกลัว เขารู้ว่าเป็นใครมาทำร้ายตน …ทว่าลำตัวของน่าหลานอวี้ขวางอยู่ตรงหน้ามู่เฉียนซี

ดวงตาของเขาผู้มาทำร้ายแม้จะสีฟ้าทว่าคมเข้ม ชายลึกลับน่ากลัวนั่นมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ?

เงาร่างสีดํายาวราวกับเทพมารในโบราณกาล ปรากฏบนศาลากลางแจ้งของเรือบุปผา

ในชั่วพริบตา มือคู่นั้นของโอวหยางเฉียงเปลี่ยนเป็นกระดูกขาว ต่อมาขาของเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นกระดูกขาวตามไป

เมื่อกระดูกขาวแผ่กระจายไปทั่วร่างแล้ว  มู่เชียนซีกล่าวขึ้นในทันใด

“จิ่วเยี่ย”

เวลาต่อมา ขาของโอวหยางเฉียงหยุดเปลี่ยนเป็นกระดูกขาว ขณะที่เงาร่างสีดําโผเข้ากอดมู่เฉียนซีไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา

“สนุกพอหรือยัง ?” เขาถามด้วยเสียงต่ำทุ้ม ทว่าคงเสน่ห์ของเขาไว้

มู่เฉียนซีกะพริบตา ดวงตาคู่นั้นของเขาช่างมีเสน่ห์ไม่เหมือนผู้ใด…  รูปกายภายนอก กอปรกับท่าทางเช่นนี้ของนาง เกรงว่าแม้แต่ท่านอาเล็กคงยังจําไม่ได้ แต่เขากลับจํานางได้ ชนิดที่ว่าไม่มีอะไรต้องสงสัยเลยเสียด้วยซ้ำ

มู่เฉียนซี “ไม่! ข้ายังสนุกไม่พอ อีกทั้งวันนี้ข้ายังถูกรบกวนอารมณ์ความสุนทรีย์”

“คราวหน้าข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”

หลังจากจิ่วเยี่ยพูดจบ  ก็พามู่เฉียนซีลงจากหอบุปผา  เขาเดินบนผิวน้ำ  ด้วยฝ่าเท้าที่ลอยอยู่ และมาถึงฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบในชั่วพริบตา

ผู้ที่เฝ้าดูเห็ตุการณ์ตะลึงตาค้าง ปากอ้ากว้างอยู่นาน เกรงว่าหากแมลงใดสนใจมาทำรังในปากพวกเขา ก็คงทำรังเสร็จสิ้นไปแล้ว

มู่เฉียนซีได้สติ รีบกล่าวเสียงดัง “นายน้อยน่าหลาน ข้ามีธุระคงต้องขอตัวก่อน”

น่าหลานอวี้มองไปยังเงาร่างสองร่างนั่น ในตอนนี้ดวงตาอ่อนโยนคู่นั้นกลับฉายแววโกรธเกรี้ยวออกมายกใหญ่

“บัดซบ! ซวนหยวนจิ่วเยี่ย เจ้าหมายความอย่างไรกันแน่ ? มู่ซีมาอยู่เป็นเพื่อนข้า เจ้ากลับกล้ามาแย่งชิงเขาไป”

“ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดมู่ซีจึงได้ทำตัวลึกลับเช่นนี้ ที่แท้เขาก็เกี่ยวข้องกับเยี่ยอ๋องผู้แปลกประหลาดของแคว้นจื่อเยี่ยนี่เอง  แต่ต่อให้เป็นเขา ก็ไม่อาจขวางข้าไม่ให้สนิทสนมกับมู่ซีได้” น่าหลานอวี้กล่าว มือกําหมัดแน่น

คนของแคว้นจื่อเยี่ยกลัวซวนหยวนจิ่วเยี่ยกันแทบตาย  อย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนของแคว้นจื่อเยี่ย มีสิ่งใดต้องกลัว ?

องค์ชายเยี่ย  จู่ ๆ เทพมารแห่งความมืดก็ปรากฏตัวขึ้น ทําให้คนทั้งบนเรือบุปผาประหนึ่งกลายเป็นหินแข็ง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ  แต่เมื่อพวกเขาเห็นเยี่ยอ๋องกำลังโอบกอดชายหนุ่มที่มีเสน่ห์ผู้นั้น พวกเขาถึงกับอ้าปากค้าง

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าเยี่ยอ๋องจะกอดใครสักคนเช่นนี้ได้”

“ไม่แปลกใจที่เยี่ยอ๋องไม่ได้เข้าใกล้ผู้หญิงเลย ที่แท้ชอบผู้ชายนี่เอง”

……

ซวนหยวนจิ่วเยี่ยยังไม่ได้เดินออกไปไกล แน่นอนพวกเขาไม่กล้าพูดเช่นนี้  ทว่าตอนนี้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว ทุกคนจึงมีความกล้าหาญขึ้นมา

และเพราะเหตุนี้ ข่าวที่ว่าเยี่ยอ๋องชอบบุรุษจึงได้แพร่กระจายไปทั่วแคว้นจื่อเยี่ย

มีข่าวลือว่าชายที่เขาทรงโปรดนั้น เพียบพร้อมไปด้วยเสน่ห์เหลือล้น แม้รูปกายเป็นบุรุษเพศ ทว่ากลับงดงามอย่างไร้ผู้เปรียบเทียบ ข่าวลือนี้ขององค์ชายจิ่วเยี่ย ปีศาจผู้โหดเหี้ยมเหมือนกับว่าถูกข้าศึกยึดดินแดน

น่าหลานอวี้ได้ยินข่าวสีหน้าพลันเครียดคล้ำ “มู่ซีบอกว่าเขาชอบผู้ชาย หรือว่าเขาชอบเยี่ยอ๋อง พวกเขาทั้งสองชอบพอกัน หรือข้าจะมาทีหลัง ?”

เมื่อคิดได้ถึงความสัมพันธ์ที่คลุมเครือระหว่างพวกเขาทั้งสอง น่าหลานอวี้รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก

น่าหลานอวี้มองไปที่สี่สาวงามนั่น ยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะกล่าวว่า “พวกเจ้าคิดว่าข้ากับซวนหยวนจิ่วเยี่ยเป็นอย่างไร ?”

เยี่ยอิงยิ้มซุกซน กล่าวตอบในทันใด “คุณชาย ท่านกำลังหึงแล้ว แต่เยี่ยอิงรู้สึกว่าคุณชายดีกว่า คุณชายทั้งดีทั้งอ่อนโยน น่าพอใจกว่า คือว่า… เยี่ยอ๋อง… องค์ชายท่านนั้นน่ากลัวเกินไป”

มุมปากน่าหลานอวี้ยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้ม “ข้าก็รู้สึกว่าตัวเองดีกว่าเจ้าชาชิงนั่น”

“เช่นนั้นก็ขอให้คุณชาย แย่งนายน้อยผู้นั้นออกมาจากมือขององค์ชายจิ่วเยี่ยให้ได้ และทำให้นายน้อยผู้นั้นตกหลุมรักท่าน นี่เป็นวิธีที่เป็นไปได้เจ้าค่ะ”

ทันใดนั้นใบหน้าของน่าหลานอวี้แข็งทื่อ “พูดไร้สาระอะไรของเจ้า ?  ข้ากับมู่ซีเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น”

เงาร่างสีขาวพุ่งผ่านมา น่าหลานอวี้ตกใจวิ่งไปถึงผิวทะเลสาบแล้ว …ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าชาชิงนั่น ทําให้เขาคิดพล่อย  ๆ เผลอเหม่อลอยไปเสียได้

— พรวด! —

ในตอนนั้นเอง จิตสังหารที่น่าหวาดกลัวพุ่งออกมาจากผิวน้ำ  น่าหลานอวี้รีบหลบไปด้านข้างพลันเอ่ยอย่างตกใจ

“นั่นมัน… มือสังหาร!”

— ฟึ่บ!  ฟึ่บ!  ฟึ่บ! —

เงาร่างนับไม่ถ้วนชักกระบี่ยาวพุ่งออกมาโจมตีน่าหลานอวี้

— ปัง! —

ทว่าฉับพลันทันใดมีเงาร่างสีขาวปรากฏขึ้น ระเบิดกลุ่มเงาร่างเหล่านั้นออกไป พลังอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาบนผิวทะเลสาบในฉับพลัน

ผู้เฒ่าชุดขาวผู้หนึ่งกล่าวขึ้น “นายน้อย ไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ?”

ผู้เฒ่าผู้นี้ ฝีมือเทียบเท่าจอมยุทธ์อันดับหนึ่งของแคว้นจื่อเยี่ยก็ว่าได้  เขามีพลังถึงขั้นสูงสุดคือราชาแห่งภูตระดับเก้า  เมื่อผู้เฒ่าชุดขาวลงมือ มือสังหารเหล่านี้ไม่ตายก็บาดเจ็บไปมากกว่าครึ่ง

น่าหลานอวี้กล่าวเสียงเย็นชา “เก็บเชลยศึกไว้สักคน”

“ขอรับ”

น่าหลานอวี้สีหน้าเคร่งขรึม “อา… พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว…”

นายน้อย หัวหน้าส่งข่าวมาว่ามีเรื่องเกิดขึ้นให้ท่านรีบกลับไป”

— ปัง! —

น่าหลานอวี้ที่โกรธง่ายมาแต่ไหนแต่ไร โมโหขึ้นมา มือตบโต๊ะเสียงดัง กล่าวขึ้น “น่าหน่ายใจนัก เพียงครู่เดียว เหตุใดถึงได้เกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ ข้าบอกว่าจะยังอยู่ในแคว้นจื่อเยี่ยอีกสักพักไม่ใช่รึ ?!”

ผู้อาวุโสห้ากล่าว “นายน้อย ท่านอยู่ในแคว้นจื่อเยี่ยมานานพอแล้ว ถึงเวลาที่ท่านจะต้องกลับแล้วขอรับ”

แม้ที่นี่จะเป็นแคว้นเล็ก ๆ เมื่อก่อนก็เคยมาที่นี่แล้ว แต่ทุกครั้งที่เขามาก็จะไปอย่างเร่งรีบ ไม่มีใครอยู่นานแรมปี  แต่ว่าตอนนี้… เขาไม่อยากไปเพราะมู่ซี หรือว่าเขาจะ…

ดูเหมือนว่าเขาจะต้องค่อย ๆ ใจเย็น ๆ เสียแล้ว หากเขาโดนมู่ซีสงสัยอะไรเข้า  แล้วสะอิดสะเอียนเขาเข้าให้ เขาจะทำอย่างไรได้ ?

……

ทะเลสาบเยาเยี่ยตั้งอยู่ที่ภูเขาซิวหลัว เขาทั้งลูกนั้นเป็นพื้นที่ส่วนพระองค์ของเยี่ยอ๋อง

จิ่วเยี่ยพามู่เฉียนซีมายังทะเลสาบเยาเยี่ยที่เงียบสงบดั่งแดนสวรรค์  พวกเขาเหาะตัวอยู่บนฟ้าอย่างงดงาม แล้วจึงโรยตัวลงมาอยู่บนเรือไม้ไผ่ม่วงที่สร้างขึ้นอย่างหรูหรา

จิ่วเยี่ยค่อย ๆ เอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ “ที่แห่งนี้ค่อนข้างเหมาะแก่การหาความสำราญสำหรับข้าและเจ้า”

.